Share

บทที่ 10

Author: กระจ่างแจ้ง
ในใจของถังหนิงพลันเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจที่ยากจะบรรยายขึ้นมา

ชาติที่แล้วหลังจากที่ท่านน้าจากไป นางถูกกักขังอยู่ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนั้น เฝ้ามองใบไม้ร่วงหล่นอยู่นอกหน้าต่างทุกวัน มองดูวสันต์ผ่านไปสารทฤดูมาเยือน เป็นเวลานานแสนนานแล้วที่ไม่มีใครมาสนใจว่านางมีความสุขหรือไม่ ไม่มีใครสนใจว่านางร้องไห้หรือไม่

ทุกครั้งที่นางเฝ้ารอคอยให้พวกซ่งจิ่นซิวมาหา ไม่ใช่มาเพื่อเอาของดูต่างหน้าของท่านแม่ที่เหลือเพียงน้อยนิดของนางไป ก็มาเพื่อตำหนิว่านางไม่รู้ความ

นางเจ็บปวด ไม่มีใครถาม

นางป่วยไข้ ก็ไม่มีใครสนใจ

ถังหนิงจากที่เคยร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนด้วยความน้อยใจในตอนแรก จนกระทั่งต่อมาน้ำตาก็ไหลออกมาไม่ได้ นางร้องไห้จนตาเสียพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใด แต่จนกระทั่งก่อนที่นางจะตายก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยแม้แต่คนเดียว

เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครยอมเสียเวลามาปลอบให้นางดีใจ

“เหตุใดจึงร้องไห้อีกแล้ว?” พระชายาเฉิงรู้สึกสงสาร

เสียงของถังหนิงสั่นเครือเล็กน้อย “ท่านน้า แผลของข้าเจ็บเหลือเกิน”

เจ็บจนนางหายใจไม่ออก แม้แต่ลมหายใจก็ยังเจ็บปวดราวกับหัวใจจะฉีกขาด

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงกับเรื่องของสกุลซ่งไปนานแล้ว ในตอนนี้รีบเดินเข้ามา

“บาดแผลของแม่นางซ่งดูแล้วหนักหนา จะไม่เจ็บได้อย่างไร มิสู้พานางไปที่เรือนหลังของสกุลเฉียนก่อน แล้วข้าจะให้บ่าวไพร่เอาป้ายของข้าเข้าวังไปเชิญหมอหลวงมาดีหรือไม่?”

“ไม่ต้องหรอก”

วันนี้สกุลเฉียนแต่งงานเป็นเรื่องมงคล ไปเชิญหมอหลวงมาจะกลายเป็นเรื่องอะไรไป

แม้ว่าพระชายาเฉิงจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล นางหันไปกล่าวว่า

“ฮูหยินเฉียน วันนี้ต้องขออภัยจริง ๆ ที่ปล่อยให้เจ้าลูกไม่รักดีของข้ามารบกวนงานมงคลของจวนท่าน ถังหนิงบาดเจ็บสาหัส ข้าจะพานางกลับจวนไปรักษาก่อน แล้วค่อยมาขอขมาฮูหยินทีหลัง”

“พระชายาอย่าได้พูดเช่นนี้เลย ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซื่อจื่อเองก็คงไม่ได้ตั้งใจ”

พระชายาเฉิงนึกถึงเซี่ยอิ๋น สีหน้าก็เย็นชาลง นางไม่ได้ตอบรับคำพูดของฮูหยินเฉียน เพียงแค่กล่าวว่า “บาดแผลของถังหนิงชักช้าไม่ได้ ข้าขอตัวไปก่อน”

ฮูหยินเฉียนก็เห็นบาดแผลเหล่านั้นบนใบหน้าของซ่งถังหนิงเช่นกัน บาดแผลเช่นนี้ไม่ว่าจะอยู่บนใบหน้าของสตรีคนไหนก็เป็นเรื่องใหญ่ นางไม่กล้าที่จะรั้งพระชายาเฉิงไว้ รีบออกไปส่งด้วยตนเอง ฮูหยินเหวินซิ่นโหวก็ตามออกไปด้วย

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ในห้องโถงถึงได้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา

กลุ่มคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่สกุลซ่งเอาบุตรีอนุนอกเรือนมาสวมรอยเป็นบุตรอนุภรรยา เรื่องที่ซ่งจิ่นซิวทอดทิ้งน้องสาวแท้ ๆ ของตน และเรื่องที่บุตรชายคนโตของสกุลลู่และซื่อจื่อแห่งจวนเฉิงอ๋องต่างปฏิบัติต่อบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันก็ประหลาดใจอย่างยิ่งที่เซียวเยี่ยนรับซ่งถังหนิงเป็นน้องสาวบุญธรรม

“พวกท่านว่า ที่หัวหน้าเซียวพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก?”

“เทพหายนะองค์นั้นจำเป็นต้องมาโกหกท่านหรือ?”

“นั่นก็ใช่ แต่เหตุใดเขาถึงได้ถูกใจคุณหนูสกุลซ่งคนนั้น?”

คำว่าถูกใจในที่นี้ไม่มีความหมายสองแง่สองง่าม กลับเต็มไปด้วยความอิจฉา

ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเซียวเยี่ยนคือดาวแห่งความโดดเดี่ยวและหายนะ ชั่วร้ายอำมหิต แต่ในขณะเดียวกันเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง มีอำนาจล้นฟ้า

คำพูดเพียงประโยคเดียวของหัวหน้าเซียว ก็เปรียบเสมือนครึ่งหนึ่งของพระราชโองการ แม้แต่เสนาบดีสำนักราชเลขาธิการ ขุนนางอาวุโสในสำนัก ก็ยังด่าทอเซียวเยี่ยนลับหลังว่าเป็นขันทีชั่วใช้อำนาจในทางมิชอบ ดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างยิ่ง แต่ต่อหน้าใครจะกล้าว่าเขาสักครึ่งคำ?

ในเมืองหลวงนี้ใครบ้างไม่ละโมบในอำนาจที่อยู่ในมือเขา ใครบ้างที่ไม่อยากจะผูกมิตรกับเขา

แต่เซียวเยี่ยนกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร ไม่สนใจสิ่งล่อใจและไม่ถูกชักจูง แต่ตอนนี้กลับมาถูกใจคุณหนูสกุลซ่งคนนั้น

ก็ไม่ได้สงสัยว่าเซียวเยี่ยนจะมีความคิดไม่ดีอะไรกับซ่งถังหนิง เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นขันที เพียงแต่การที่ได้รับการคุ้มครองจากเซียวเยี่ยน ก็ยังคงทำให้คนอิจฉาตาร้อนอย่างยิ่ง

“ซ่งถังหนิงคนนั้นมีอะไรพิเศษกัน ข้าดูแล้วนางก็ธรรมดา ๆ ใบหน้าก็บาดเจ็บจนเป็นเช่นนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเสียโฉมไปแล้ว อีกอย่างสกุลซ่งก็ยังเป็นรังเน่า ๆ เช่นนั้น...”

“เจ้าหุบปากไปเลย ไม่กลัวเซียวเยี่ยนจะมาหาเจ้าหรือ?”

คนที่พูดก่อนหน้านี้หน้าเสียไปเล็กน้อย หันซ้ายหันขวาตามสัญชาตญาณ แล้วก็รีบปิดปากเงียบไม่กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถังหนิงอีก

นอกจวนสกุลเฉียน ฮูหยินเหวินซิ่นโหวดึงพระชายาเฉิงไว้แล้วเอ่ยเสียงเบา “หัวหน้าเซียวกับแม่นางซ่งเป็นมาอย่างไรกัน?”

พระชายาเฉิงส่ายหน้า นางก็งุนงงไปหมดเหมือนกัน

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวเหลือบมองไปที่รถม้าแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าดูแล้วหลานสาวของเจ้ากับทางสกุลซ่งเกรงว่ายังมีเรื่องต้องวุ่นวายกันอีก หากสามารถได้รับการคุ้มครองจากหัวหน้าเซียวได้จริง ๆ นั่นก็นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง”

“ใครต้องการให้เขาคุ้มครอง ถังหนิงของข้า ข้าจะปกป้องเอง!”

“ใช่ ๆ ๆ ท่านปกป้องเอง”

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวรู้จักพระชายาเฉิงมานานหลายปี ย่อมรู้นิสัยของนางดี

เมื่อเห็นว่านางไม่พอใจก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงแค่ดึงพระชายาเฉิงไว้แล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าท่านอารมณ์ร้อน แต่เรื่องของสกุลซ่งอย่าได้วู่วามเกินไป อย่างไรเสีย แม่นางซ่งก็ยังเป็นคุณหนูของสกุลซ่ง และทางเซี่ยซื่อจื่อก็เช่นกัน อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุตรชายของเจ้า”

“วันนี้ก็ตีไปแล้ว ด่าก็ด่าไปแล้ว กลับไปแล้วก็ค่อย ๆ พูดจากับเขาดี ๆ อย่าให้เรื่องบานปลายจนเกินไป มิฉะนั้นหากเขาเสียหน้าจริง ๆ คนที่จะเดือดร้อนไปด้วยก็คือทั้งจวนเฉิงอ๋อง”

พระชายาเฉิงขมวดคิ้ว “คำพูดนี้ของท่าน ข้าไม่ชอบฟังเลย เขาทำผิด ถูกตีถูกด่าก็สมควรแล้ว เขาแค่เสียหน้านิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ถังหนิงเกือบจะถูกเขาทำร้ายจนไม่มีชีวิตรอดแล้ว”

ถ้าเซี่ยอิ๋นไม่ได้ตั้งใจ นางก็คงจะไม่โกรธถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไร้สมองเพราะซ่งซูหลานคนนั้น

นี่เป็นเพราะถังหนิงได้พบกับหัวหน้าเซียวและได้รับการช่วยเหลือกลับมาจึงไม่เกิดเรื่องใหญ่ มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่ตบสองฉาดเลย นางสามารถฆ่าเขาได้โดยไม่สนใจความเป็นแม่ลูกเลยทีเดียว

เมื่อเห็นว่าฮูหยินเหวินซิ่นโหวอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พระชายาเฉิงก็เอ่ยขึ้นทันที “เอาล่ะ เรื่องของข้า ข้ารู้ดี ทางสกุลซ่งข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาสุขสบายดีแน่ ท่านรีบเข้าไปข้างในเถอะ ข้าก็จะไปแล้ว”

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ “เช่นนั้นถ้ามีเรื่องอะไร อย่าลืมให้คนมาหาข้านะ”

พระชายาเฉิงยิ้มออกมา นางรู้ดีว่าสหายรักผู้นี้มีนิสัยแตกต่างจากนาง ทำอะไรก็ระมัดระวังรอบคอบไปเสียหมด แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็คบกันมานานหลายปี แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน นางก็ยังคงอยู่ข้างตน จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “วางใจเถอะ มีเรื่องข้าไปหาท่านแน่ ท่านอย่าคิดว่าจะหนีพ้น”

“ท่านนี่นะ!”

ฮูหยินเหวินซิ่นโหวหัวเราะออกมา

พระชายาเฉิงขึ้นรถม้าไปอย่างรีบร้อน ซ่งถังหนิงก็เอ่ยเสียงเบา ๆ “ท่านน้า ข้าไม่อยากกลับสกุลซ่ง...”

คำเตือนของเซียวเยี่ยนก่อนหน้านี้นางจำได้ขึ้นใจ

วันนี้ฐานะของซ่งซูหลานถูกเปิดโปง ซ่งหงแม่ลูกเอาบุตรีอนุนอกเรือนมาสวมรอยเป็นบุตรอนุภรรยา บีบบังคับให้นางยอมรับญาติจะต้องแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแน่ และเรื่องที่พวกซ่งจิ่นซิวทอดทิ้งนางไว้ที่ภูเขาเชวี่ย ทำร้ายนางเพื่อซ่งซูหลานจนนางเกือบจะตกหน้าผาเสียชีวิต ทุกเรื่องล้วนจะทำให้สกุลซ่งร้อนเป็นไฟ

คนที่ร้อนใจคือพวกซ่งหง

หากนางกลับไปที่สกุลซ่งในตอนนี้ พวกซ่งหงก็จะแก้ตัวและตามตอแยเหมือนชาติที่แล้ว หรือแม้กระทั่งเอาฐานะความเป็นผู้ใหญ่มาบีบบังคับนาง แม้นางจะไม่กลัว แต่หากทะเลาะกันขึ้นมาแล้วนางทำอะไรที่เกินเลยไป

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งร้องไห้โวยวายขึ้นมา ในสายตาของคนนอกถึงแม้ตอนแรกจะสงสารนาง ก็จะรู้สึกว่านางอกตัญญู

พระชายาเฉิงไม่ได้คิดมากขนาดนั้น พอได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นทันที “กลับสกุลซ่งอะไรกัน พวกเขาทำกับเจ้าเช่นนี้จะกลับไปทำไม ไปให้พวกเขารังแกเจ้าอีกหรือ? เจ้ากลับไปที่จวนอ๋องกับข้าก่อน เรื่องของสกุลซ่ง น้าจะไปคิดบัญชีกับพวกเขาให้เจ้าเอง!!”

“ท่านน้าอย่าไปที่สกุลซ่ง”

“เป็นอะไรไป เจ้ายังจะปกป้องพวกเขาอีกหรือ?”

“ไม่ได้ปกป้องพวกเขา ข้าแค่กลัวว่าท่านน้าจะถูกพวกเขาตอแย”

ซ่งถังหนิงยังจำได้ว่า ชาติที่แล้วหลังจากที่ท่านน้าบุกไปอาละวาดที่สกุลซ่งด้วยความโมโห ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็ถูกทำให้โมโหจน “กระอักเลือด” และต่อมาก็ “สลบ” ไป ณ ตรงนั้น

เดิมทีท่านน้าไปเพื่อออกหน้าให้นาง พวกซ่งจิ่นซิวทำให้นางเสียโฉมเป็นฝ่ายผิด แต่ก็เพราะฮูหยินผู้เฒ่าซ่งล้มลงไปเช่นนั้น เรื่องราวก็เลยเปลี่ยนไป

ตอนแรกยังมีคนสงสารที่นางบาดเจ็บ เข้าใจในความโกรธของท่านน้า แต่ต่อมาเรื่องราวก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันไป กลายเป็นว่านางได้คืบจะเอาศอก บอกว่าท่านน้าใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกผู้อื่น ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งตกใจจนป่วยแล้วก็ยังไม่ยอมเลิกรา

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งมีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งติดตัว เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ท่านน้าก็ถูกไทเฮาออกราชโองการตำหนิ แม้แต่เหตุผลที่ในชาติที่แล้วนางยอมให้อภัยพวกซ่งจิ่นซิวอย่างง่ายดาย เหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะไม่อยากให้ท่านน้าต้องอาละวาดต่อไปจนทำร้ายตนเอง

ถังหนิงซบอยู่บนไหล่ของพระชายาเฉิง “ท่านน้าฟังข้าได้หรือไม่ อย่าไปหาพวกเขา และอย่าไปสนใจพวกเขา”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status