Share

บทที่ 9

Author: กระจ่างแจ้ง
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอิ๋นวิ่งหนีไปแล้ว ซ่งถังหนิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งถึงเพิ่งจะรู้สึกตัว นางด่าคนจนวิ่งหนีไปได้จริง ๆ

ฝ่ามือของนางสั่นเทาเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่นั่งอยู่ข้างบนโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นเขายกมือขึ้นเท้าคางแล้วยกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสบาย ๆ ดวงตาสีดำคมกริบดุจกระบี่คู่นั้นเมื่อมองมาทางนี้ ราวกับแทรกซึมเข้าไปในแสงเงาที่สั่นไหวบริเวณรอบ ๆ

เซียวเยี่ยนกำลังยิ้ม

หัวใจที่เต้นระรัวของถังหนิงพลันสงบลง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา “ท่านน้า ข้าไม่ชอบท่านพี่”

พระชายาเฉิงเดิมก็เป็นคนลำเอียงอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกว่านางทำลายหน้าตาของตนเองเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่กล่าวอย่างสงสาร

“ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ท่านพี่ของเจ้าไม่รู้จักแยกแยะว่าใครสนิทใครห่าง ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ถูกนางสารเลวหลอกลวงไม่กี่ประโยคก็มารังแกเจ้า เขาเป็นคนไร้สมอง”

“แล้วก็สกุลซ่งนั่น ซ่งหงถึงกับกล้าเอาบุตรีอนุนอกเรือนมาสวมรอยเป็นบุตรอนุภรรยาบังคับให้เจ้ายอมรับญาติ พวกเขารังแกเจ้าเช่นนี้ ข้ากับสกุลซ่งไม่จบง่าย ๆ แน่!”

เมื่อเห็นว่าพระชายาเฉิงปกป้องนางอย่างไม่ลังเล ขอบตาของซ่งถังหนิงก็แดงก่ำเกือบจะร้องไห้ออกมา

ชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ หลังจากที่นางเสียโฉมขาหัก ท่านน้าก็ตามหาเรื่องสกุลซ่งราวกับบ้าคลั่ง เกือบจะชักดาบฆ่าซ่งจิ่นซิวแล้ว แม้แต่เซี่ยอิ๋นก็เกือบจะถูกนางตีจนตาย

ทั้ง ๆ ที่รักและปกป้องนางถึงเพียงนี้ แต่ท่านน้ากลับมาป่วยตายอย่างกะทันหัน ส่วนนางก็ถูกกักขังอยู่ในเรือนร้างนั้น จนไม่ได้พบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ถังหนิงร้องไห้ออกมา พระชายาเฉิงก็ร้อนใจขึ้นมา “เหตุใดจึงร้องไห้?”

ซ่งถังหนิงพิงอยู่ในอ้อมกอดของนางแล้วสะอื้น เสียงร้องไห้นั้นไม่ได้ดังโฮ แต่เป็นเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่กลับทำให้คนสงสารจับใจ

หัวใจของพระชายาเฉิงที่ถูกนางร้องไห้ใส่ก็ราวกับถูกบิดจนเจ็บปวด จึงกอดถังหนิงแล้วปลอบว่า “เด็กดี ไม่ต้องร้อง น้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้าเอง ไม่มีใครรังแกเจ้าได้...”

เซียวเยี่ยนมองถังหนิงที่ซบอยู่ในอ้อมกอดของพระชายาเฉิง สายตาที่ดูไม่ใส่ใจเมื่อครู่ก็ทอดเงาลงมา

เขานั่งตัวตรง เมื่อเอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงนั้นก็เย็นเยียบแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บจนน่าขนลุก

“ข้าจำได้ว่าบุตรีอนุนอกเรือนนี้ถือเป็นการลักลอบได้เสียกัน บุตรธิดาที่เกิดมาจากการลักลอบสมสู่กัน จะไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูล ธรณีประตูบ้านสกุลเฉียนของพวกท่านนี่ทำไว้ต่ำเกินไปแล้ว พวกปลายแถวที่ไหนก็ไม่รู้ถึงได้เข้ามาในงานเลี้ยงได้ ไม่กลัวว่าจะติดเสนียดจัญไรหรือ”

เฉียนเป่าคุนโดนลูกหลงไปเต็ม ๆ ใบหน้าดำคล้ำ

ฮูหยินเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจนตาแดงก่ำ วันนี้นางเชิญฮูหยินใหญ่ซ่งมา แต่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งไม่สบายตั้งแต่เช้า ฮูหยินใหญ่ซ่งต้องอยู่ดูแลที่จวน จึงให้บุตรอนุภรรยาคนนี้มาแทน

เดิมทีนางเห็นว่าเป็นบุตรอนุภรรยาก็ไม่พอใจอยู่แล้ว แต่เห็นว่าซ่งจิ่นซิวให้ความสำคัญกับน้องสาวคนนี้มาก ทั้งยังอุตส่าห์มาส่งถึงหน้าจวนและคารวะนางด้วยตนเองก่อนจะไปเข้าเวร

ฮูหยินเฉียนถึงได้ทนไว้ แต่ใครจะไปคิดว่า คนที่ไร้ค่าคนนี้จะไม่ใช่แม้แต่บุตรอนุภรรยาด้วยซ้ำ

สกุลซ่งส่งบุตรีอนุนอกเรือนมาแสดงความยินดีในงานแต่งงานของบุตรชายนาง พวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?!

ฮูหยินเฉียนข่มความโกรธแล้วเอ่ยขึ้น “บัตรเชิญของสกุลเฉียนข้าส่งไปให้บ้านใหญ่สกุลซ่ง ไม่ได้เชิญพวกปลายแถวที่ไหนมา ใครก็ได้ เชิญคุณหนูซ่งผู้นี้ออกไป”

“ฮูหยินเฉียน...”

ซ่งซูหลานหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ นางจึงทำได้เพียงหันไปมองถังหนิง “น้องหญิง เจ้าจะใจร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“ถุย!”

ถังหนิงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น ก็ถูกพระชายาเฉิงกดกลับไป

“ถังหนิงของข้าไม่มีพี่สาวที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเช่นเจ้า!”

“ไสหัวกลับไปที่สกุลซ่งเสีย อย่ามาอับอายขายขี้หน้าที่นี่ เดี๋ยวข้าจะไปที่สกุลซ่งเพื่อพูดคุยเรื่องของเจ้ากับพวกเขาด้วยตัวเอง ข้าอยากจะเห็นนักว่าสกุลซ่งพวกเขากล้าดีแค่ไหน ถึงกล้าให้เจ้ามาขวางหูขวางตาพี่สาวข้า!”

เมื่อพระชายาเฉิงพูดจบ ซ่งซูหลานก็ราวกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างใหญ่หลวง ร้องไห้จนใบหน้างดงามเปียกปอน

ฮูหยินเฉียนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอัปมงคล “บ่าวไพร่ในจวนไปไหนหมด ตายกันหมดแล้วหรือ ยังไม่รีบไล่นางออกไปอีก!”

ข้างนอกมีบ่าวไพร่รีบวิ่งเข้ามาทันที ล้อมซ่งซูหลานไว้โดยตรง

ทุกคนรอบข้างต่างมองมาที่นาง สายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามนั้น ทำให้นางตัวสั่นไปทั้งร่าง

จบสิ้นแล้ว

ชื่อเสียงของนางจบสิ้นแล้ว

ทั้งหมดเป็นเพราะซ่งถังหนิง!!

นางมีชาติกำเนิดที่ดีถึงเพียงนั้นแล้วแท้ ๆ นางมีทุกสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วแท้ ๆ นางเสวยสุขกับความร่ำรวยและเกียรติยศมานานหลายปีแล้วแท้ ๆ แค่ยอมให้นางบ้างจะเป็นไรไป

เหตุใดยังต้องมาทำลายนางอีก!!

ซ่งซูหลานกัดริมฝีปากจนเลือดออก ขณะที่จ้องมองซ่งถังหนิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ปกปิดไม่มิด

นางอยากจะฆ่าซ่งถังหนิงให้ตายเสียเหลือเกิน แต่ในวินาทีต่อมาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหน้า ถ้วยชาใบหนึ่งลอยมาตกอยู่ตรงหน้าผากของนาง พร้อมกับน้ำเสียงที่เยือกเย็นและเคร่งครึม

“หากยังมองนางเช่นนี้อีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา”

ซ่งซูหลานเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก ก็สบเข้ากับดวงตาสีดำของบุรุษผู้นั้น เพียงแค่เหลือบมองแวบเดียว ก็ทำให้นางรู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า

นางพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับเซียวเยี่ยนในเมืองหลวงขึ้นมา ได้ยินว่าเขาฆ่าคนเป็นผักปลา เย็นชาและมืดมน ใครก็ตามที่ตกอยู่ในมือของเขา จะไม่ได้เห็นแสงตะวันของวันรุ่งขึ้น

ซ่งซูหลานร้อนใจอย่างยิ่ง รีบกุมศีรษะที่อาบเลือดของตนเองแล้วหันหลังวิ่งออกไปข้างนอก ส่วนคนอื่น ๆ ในห้องโถงเมื่อเห็นเซียวเยี่ยนโกรธขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ใจหายวาบไปตาม ๆ กัน

เมื่อเซียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้น สีหน้าก็เคร่งขรึม “มองอะไร บนหน้าข้ามีภาพวาดหรือ?”

ทุกคนรีบละสายตาไปทันที

เขาลุกขึ้นเดินไปหาถังหนิง ร่างที่สูงสง่ากว่าใครนั้นทำให้พระชายาเฉิงกอดถังหนิงไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

แต่เซียวเยี่ยนกลับไม่สนใจ เพียงแต่ตอนที่เดินผ่านหน้าประตู เสื้อคลุมขนกระเรียนสีดำสนิทก็หยุดลงที่ข้างเท้าของถังหนิง

“อยากจะทำอะไรกับสกุลซ่ง ก็ลงมือทำได้เลย คำพูดที่ข้าพูดกับเจ้าที่จวนชานเมืองยังใช้ได้เสมอ หากเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วจวนเฉิงอ๋องปกป้องเจ้าไม่ได้ ก็ไปหาข้าที่ตรอกจีอวิ๋นทางใต้ของเมือง”

ซ่งถังหนิงก้มหน้าไม่พูดอะไร

“ซ่งถังหนิง”

เขาเรียกชื่อนางเสียงเบา

แม้จะไม่มีความโกรธ แต่ถังหนิงกลับรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ

“ทราบแล้ว...”

“หืม?”

“ข้าบอกว่าทราบแล้ว!”

“ทราบกับใคร”

แก้มของถังหนิงแดงก่ำ “...ท่านพี่”

“เด็กดี”

สายตาของเซียวเยี่ยนกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ยื่นมือไปตบศีรษะของเด็กสาวเบา ๆ

“ได้ยินกันหมดแล้วใช่หรือไม่?”

เขาหันกลับไปมองในห้องโถง “ซ่งถังหนิงแห่งสกุลซ่ง นับจากวันนี้ไปคือน้องสาวบุญธรรมของข้า ข้าเป็นคนปกป้องคนของตัวเอง และไม่ค่อยจะสนใจเหตุผลเท่าไรนัก ต่อไปขอให้ใต้เท้าและฮูหยินทุกท่านกำชับคนในบ้านด้วยว่า ปกติให้ยอมเด็กน้อยของข้าบ้าง”

“หากนางเสียใจ ข้าก็คงจะปล่อยให้ทุกคนมีความสุขมากนักไม่ได้เช่นกัน”

ทุกคน: “...”

เซียวเยี่ยนไม่ได้สนใจสีหน้าของคนเหล่านั้น เพียงแต่หันไปมองเฉียนเป่าคุน “วันนี้รบกวนท่านเสนาบดีเฉียนแล้ว”

“มิกล้า ในเมื่อท่านหัวหน้าเซียวมาแล้ว มิสู้อยู่ดื่มสุรามงคลสักจอก?”

“ในเมื่อท่านเชิญชวนอย่างจริงใจ เช่นนั้นข้าก็จะอยู่ต่อ?”

คนที่อยู่รอบ ๆ เดิมทีเห็นเทพหายนะองค์นี้ตั้งใจจะไปแล้ว ก็กำลังจะถอนหายใจอย่างโล่งอก พอได้ยินดังนั้น ต่างมองไปที่เฉียนเป่าคุนอย่างโกรธแค้น แม้แต่ฮูหยินเฉียนก็ยังอยากจะตรงเข้าไปข่วนหัวเขาให้ล้าน

เฉียนเป่าคุนรู้สึกขมขื่นในใจ เขาแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าท่านหัวหน้าเซียวผู้นี้จะไม่เล่นตามกฎ!

เซียวเยี่ยนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเฉียนเป่าคุนเริ่มแข็งค้าง ก็หัวเราะเยาะออกมา

“สุรามงคลนี้คงไม่ดื่มแล้ว วันนี้ทำลายบรรยากาศของท่านเสนาบดีเฉียน เดี๋ยวข้าจะให้คนส่งของขวัญมาให้ รวมของน้องสาวบุญธรรมของข้าไปด้วย ถือเป็นการขอโทษที่รบกวนงานมงคลของบุตรชายท่าน”

“ไม่ต้องหรอก ๆ ท่านหัวหน้ามาได้ก็เป็นสิริมงคลแล้ว...”

“เช่นนั้นข้าอยู่ต่อเพื่อเป็นสิริมงคล?”

“...”

ซ่งถังหนิงแอบมองใบหน้าที่แข็งค้างในทันทีของท่านเสนาบดีเฉียน แม้จะพยายามกลั้นไว้ก็เกือบจะหัวเราะออกมา

หางตาของนางเพิ่งจะโค้งขึ้น ก็สบเข้ากับสายตาของเซียวเยี่ยนที่มองมา

เขาดูเหมือนจะกำลังยิ้ม แววตาอ่อนโยนและอบอุ่น คิ้วยกขึ้นเป็นวงโค้ง พลางยกยิ้มมุมปากให้นาง

ถังหนิงรีบหุบยิ้มทันที

เซียวเยี่ยนพลันหัวเราะ เจ้าตัวน้อยขี้ขลาด

“เอาล่ะ ล้อเจ้าเล่นน่ะ ข้าอยู่ที่นี่นานพอแล้ว ต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ไม่ขออยู่ต่อแล้ว”

“ข้าขอส่งท่านหัวหน้า”

ครั้งนี้เฉียนเป่าคุนไม่กล้าพูดอะไรไร้สาระอีกแม้แต่ประโยคเดียว รีบตามออกไปส่งเทพโรคระบาดองค์นี้ออกไปด้วยตัวเอง

เสื้อคลุมขนกระเรียนสะบัดพลิ้วไหว เซียวเยี่ยนและกลุ่มคนลงบันไดหน้าประตูไป ข้างนอกมีลมวสันต์พัดมาอย่างกะทันหัน พัดผ้าไหมสีแดงที่แขวนอยู่นอกประตูไหวเบา ๆ

ซ่งถังหนิงมองไปในทิศทางที่เขาจากไปอย่างเหม่อลอย พลางนึกถึงรอยยิ้มของเขาเมื่อครู่

เซียวเยี่ยนเขา...

เหมือนจะกำลังหยอกล้อให้นางอารมณ์ดี?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status