เรือนฮุ่ยหลัน
ฮุ่ยเจียงเดินเข้ามาในเรือน พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน "ท่านราชครูและฮูหยินกำลังรออยู่ในห้องโถงขอรับ" ฮุ่ยเจียงยิ้มบาง ๆ และพยักหน้ารับ เดินตามพ่อบ้านเข้าไปในห้องโถง
"คุณหนูมาแล้วขอรับ" พ่อบ้านรายงานเสร็จก็เดินถอยหลังออกไป ทันใดนั้น เสียงใส ๆ ของเด็กสองคนก็ดังขึ้น
"พี่รองมาแล้ว! พี่รองมาแล้ว!" เด็กสองคนวิ่งเข้ามาหาฮุ่ยเจียงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายสดใส ฮุ่ยเจียงย่อตัวลงอ้าแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้ม ร่างเล็กของเด็กทั้งสองคนวิ่งโถมนางจนเกือบล้ม
ฮุ่ยเจียงที่รู้อยู่แล้วว่าการมาของนางจะต้องเจอกับเจ้าลูกลิงสองตัวที่โถมเข้ามาหานางอย่างเช่นตอนนี้ ในชาติก่อนนางตั้งรับไม่ทันทำให้นางล้มกลิ้งก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นแข็งจนดูน่าตลกในสายตาบ่าวไพร่ แต่วันนี้นางตั้งรับทัน
"พี่รอง! พี่รอง!" เด็กชายและเด็กหญิงร้องเรียกพร้อมเสียงหัวเราะสดใส ฮุ่ยเจียงยิ้มพลางกอดพวกเขาเบา ๆ ดวงตาคู่สวยมองน้องชายและน้องสาวด้วยความรักและคิดถึง แม้น้องสาวจะเกิดจากแม่รองแต่ฮุ่ยเจียงก็มีความรักและห่วงใยน้อง ๆ เท่าเทียมกันส่วนมากนางจะใช้เวลาเล่นกับน้อง ๆ สอนคัดตัวอักษรตามที่บิดาเคยสอนและช่วยน้อง ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
"ฮุ่ยเฉิง ฮุ่ยหลิน พวกเจ้าช่างซนนัก ดูสิ! พี่สาวเกือบจะล้มก้นกระแทกพื้นแล้ว" นางเอ่ยเบา ๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มก้มลงกอดเจ้าลิงน้อยทั้งสองคนแน่น ในชาติก่อนนางไม่ได้มีโอกาสกอดลาพวกเขาด้วยซ้ำ
ฮุ่ยเจียงยังจำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ดีในตอนที่พวกเขาทั้งสองก็ถูกลากออกไปนางได้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายเหมือนถูกตรึงด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจอย่างลึกล้ำ เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นในหูจนแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความสลดหดหู่เมื่อเห็นน้องทั้งสองคนถูกจับไปทำร้ายต่อหน้าต่อตา
"ไม่นะ! ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!" ฮุ่ยเจียงตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลลงอาบแก้ม รู้สึกเหมือนลมหายใจถูกดึงออกจากปอดและไม่มีแรงจะยืนหยัดนางพยายามจะก้าวไปข้างหน้าแต่เพราะนางถูกจับกุมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดวงตาพร่ามัวได้แต่มองตามพวกเขาถูกลากออกไปอย่างไร้ความเมตตา ฮุ่ยเจียงเห็นแววตาแห่งความเจ็บปวดและความกลัวในดวงตาของพวกเขา ภาพเหล่านั้นเสียดแทงเข้าไปในจิตใจนางเหมือนคมมีด นางรู้สึกถึงความทุกข์ทรมานของน้อง ๆ ทุกครั้งที่พวกเขาร้องไห้หรือเรียกชื่อของนางมันเป็นความทรมานที่ยากจะทนทาน
"ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้..." ฮุ่ยเจียงพูดกับตัวเองในความมืดมิดแห่งความสิ้นหวัง นางรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกผิดรุนแรงเกินกว่าจะรับไหว นางได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมหัวใจถูกฉีกขาดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืม
ฮุ่ยเจียงรู้สึกว่าความหวังและความสุขทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกทำลายลงในชั่วพริบตา ความเสียใจนี้จะหลอกหลอนนางไปตลอดชีวิต และนางรู้ดีว่าความเจ็บปวดนี้จะไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของนาง
ถึงตอนนี้นางก็ยังเจ็บปวดเมื่อคิดถึงภาพในครั้งอดีต ดวงตาคู่งามมองฮุ่ยเฉิงและฮุ่ยหลินที่มองมาที่นางด้วยความรู้สึกผิดท่าทางหงอย ๆ ก็ทำเอาหัวใจอ่อนยวบ
"พี่รองข้าขอโทษขอรับ" ฮุ่ยเฉิงที่รู้กล่าวขอโทษก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วยน้องสาวตัวน้อยแต่สิ่งที่ฮุ่ยหลินพูดออกมาก็ทำให้ฮุ่ยเจียงขำพรืดอย่างห้ามไม่ได้ "พี่รอง ข้าขอโทษเจ้าค่ะ แต่พี่ฮุ่ยเฉิงที่เป็นคนชวนข้าก่อนแล้วยังท้าข้าแข่งอีกด้วย" ฮุ่ยเฉิงที่ได้ยินน้องสาวตัวเล็กพูดแบบนั้นก็จ้องตานางแทบถลนจากนั้นก็ยื่นมือมาผลักหัวนางเบา ๆ และส่ายหัวด้วยความเอ็นดูไม่ใช่ว่านางเป็นคนที่คิดเรื่องนี้ก่อนหรอกหรือพอโดนเอ็ดเข้าหน่อยก็หาวิธีเอาตัวรอดคนเดียว อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ฮุ่ยเฉิงคิดพร้อมกับจู่โจมไปที่น้องสาวตัวเล็ก นิ้วชี้ป้อม ๆ จิ้มไปเอวนางหลายครั้งเพื่อเป็นการเอาคืน
"เจ้าตัวแสบ อย่าอยู่เลย"
"คิก คิก พี่สามข้าผิดไปแล้ว คิก คิก พี่รองช่วยข้าด้วยพี่สามรังแกข้า " ฮุ่ยหลินที่พี่ชายกำลังเอาคืนและนางก็จั๊กจี้จะตายอยู่แล้ว ร่างกลม ๆ ของฮุ่ยหลินวิ่งหนีไปรอบตัวพี่สาวคนงามตามด้วยพี่ชายที่วิ่งไล่ตามไม่หยุด ฮุ่ยเจียงมองเด็กน้อยทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกอบอุ่นเดิมหวนกลับมาอีกครั้ง ในยามที่เห็นน้องชายและน้องสาววิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง ก่อนที่จะนึกไปถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ร่างเล็กของน้องชายและน้องสาว รวมถึงบิดามารดาและแม่รองที่ถูกบั่นคอนอนตายเรียงรายกันอย่างอนาถ
สองมือของฮุ่ยเจียงจิกแน่นในหัวอกบีบคั้นอย่างรุนแรง ชายชั่วกับหญิงสารเลวใจคอโหดเหี้ยมแม้ชีวิตของเด็ก ๆ พวกมันก็ไม่เว้น
"แฮ่ก ๆ ข้าเหนื่อยแล้ว ยอมแพ้แล้ว ๆ ข้าสารภาพแล้วเจ้าค่ะ พี่รองเมื่อกี้เป็นความคิดของข้าไม่ใช่ของพี่สามเจ้าค่ะ" ฮุ่ยหลินที่โดนพี่ชายจับตัวจี้เอวไม่หยุดร่างเล็กของนางหยุดอยู่ข้าง ๆ ฮุ่ยเจียงสอดแขนเรียวเข้ามากอดที่ขาของนางกอดเอาไว้แน่นแล้วยอมสารภาพแต่โดยดี
"เอ่าล่ะ ๆ พวกเจ้าวิ่งกันจนเหงื่อออกหมดแล้วไปเถอะป่านนี้ท่านพ่อท่านแม่ แม่รองชะเง้อรอแล้วกระมัง" ฮุ่ยเจียงไม่ใช่ไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กแสบเพียงใดความคิดนี้ทำไมนางจะไม่รู้กันเล่า ก็นางเลี้ยงเจ้าพวกแสบมากับมือ
"ขอรับพี่รอง//เจ้าค่ะพี่รอง" เด็ก ๆ ตอบรับพร้อมกันฮุ่ยเจียงจับมือน้องสาวคนเล็กเอาไว้จากนั้นพากันเดินเข้าไปในเรือนโดยมีน้องชายเดินเคียงข้างมาไม่ห่างพอเข้ามาถึงนางก็เห็นบิดามารดารวมถึงแม่รองที่นั่งพูดคุยกันอยู่ ในมือของท่านพ่อยังมีตำราเล่มโปรดที่ชอบอ่านถัดไปด้านข้างมารดาและแม่รองกำลังนั่งปักผ้าหัวแทบชนกันในช่วงเวลาว่างครอบครัวของนางจะทำกิจกรรมร่วมกันแบบนี้และมันเป็นภาพที่นางเห็นจนชินตาในชาติที่แล้วครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก
นางมองทั้งสามคนแล้วระบายยิ้มออกมาครอบครัวใหญ่ของนางไม่เคยมีเรื่องราวทุกข์ร้อนใจในเรือน ถึงแม้ว่าบิดาของนางจะมีฮูหยินรองแต่ก็ใช่ว่าจะละเลยท่านแม่ส่วนแม่รองนั้นท่านแม่ก็เป็นคนเสนอท่านพ่อให้ยอมรับนางและยังเอ็นดูแม่รองราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันและนั่นยิ่งเป็นการทำให้ท่านพ่อเกรงอกเกรงใจท่านแม่มาก ส่วนแม่รองก็อยู่แบบเจียมตัวแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ได้รับการเอาใจใส่จากท่านพ่ออยู่เสมอโดยที่ท่านแม่เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนจะดีใจซะอีกที่ท่านพ่อมีคนมาช่วยดูแล และหลากหลายเรื่องราวที่พวกท่านนำมาปรึกษาหารือกันโดยไม่มีเรื่องใดเป็นความลับ นางเคยถามท่านแม่ว่าเหตุใดจึงส่งเสริมให้ท่านพ่อมีภรรยารอง ท่านแม่เพียงบรรจงลูบผมนางแล้วพูดออกมาด้วยความอ่อนโยน
'หากเจ้าไม่อยากเห็นคนที่เจ้ารักเป็นทุกข์เจ้าเพียงแค่ปล่อยวางและจงทำตัวเองให้มีความสุขแล้วชีวิตเจ้าก็จะมีความสุขเอง' และนั่นคือสิ่งที่ออกมาจากปากมารดาและยังคงเป็นความจริงเพราะนางเห็นว่ามารดาและบิดารวมถึงแม่รองต่างคนก็มีความสุข
"พี่รองมาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงเล็ก ๆ ปลุกสติที่กำลังร่องรอยในตอนที่ก้าวเข้ามาในเรือนดวงตาคู่สวยก็สบกับคนที่รักทั้งสามคนที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว ฮุ่ยเจียงส่งยิ้มจนตาหยี
"เจียงเอ๋อร์คารวะท่านพ่อท่านแม่ แม่รองเจ้าค่ะ"
จวนสวีเสวียนหนาน"ขนาดนางหลับยังน่ารักขนาดนี้" เสียงอ่อนละมุนของสวีเสวียนหนานทำเอาซีฮั่นแอบกลอกตา นี่ท่านกำลังลักพาตัวบุตรสาวท่านราชครูมาอยู่นะ เหตุใดถึงยังใจเย็นไม่รีบส่งข่าวกัน เอาแต่นั่งมองนางมาครึ่งชั่วยามแล้ว ทั้งยังนั่งพัดวีให้ไม่หยุด ซีฮั่นแทบไม่เห็นแมลงสักตัวบินผ่าน เพราะมันไม่มีชีวิตรอดตั้งแต่บินโฉบลงมาแล้ว ช่างเป็นคนที่เหี้ยมโหดโดยแท้ ส่วนเขาที่ต้องระเห็จมานั่งอยู่หน้าเรือนก็เพราะเผลอไปแอบมองท่านอ๋องอยู่นะสิ!สวีเสวียนหนานหาได้สนใจสิ่งใด ตอนนี้เอาแต่นั่งมองยอดดวงใจ ยามที่เห็นนางกำลังตกน้ำหัวใจของเขาแทบกระเด็นออกมา ยังไม่ทันที่นางจะร่วงลงสู่ผืนน้ำ เขาก็โฉบเข้าไปฉกตัวนางมาจากอ้อมแขนของหญิงชั่วคนนั้นเสียก่อน ไม่ลืมถีบนางหญิงสารเลวนั่นเพื่อส่งให้นางลงสู่ผืนน้ำโดยไว ส่วนเจ้าบุรุษชั่วผู้นั้นซีฮั่นก็เป็นคนส่งมันลงสู่แม่น้ำด้วยลูกถีบที่แคล่วคล่องว่องไว และไม่คิดว่ามีใครมองเห็นนอกจากท่าทางการลงน้ำที่ดูน่าตลกนั่นแต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเขายังใจดีกับพวกมันอยู่ส่วนฮุ่ยเจียงที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราว นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางมาอยู่ที่จวนท่านอ๋องและยังนอนเตียงของเขาอย่างสบายใจ สวีเสวียนหนานมองใ
ฮุ่ยเจียงถูกจิ่วเย่วกึ่งลากกึ่งจูงมาบนสะพานเซี่ยงจื่อ หลังจากแวะซื้อโคมไฟเพื่อนำมาลอย โดยที่จิ่วเย่วเป็นคนลงทุนซื้อมาให้ ฮุ่ยเจียงเพียงปรายตามองเท่านั้นเพราะรู้ถึงสาเหตุที่นางลงทุนสิ้นเปลืองเงินในครั้งนี้ฮุ่ยเจียงมองผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา บางคนก็มากันเป็น คู่ ๆ ซึ่งสะพานนี้เป็นสะพานที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก คู่รักจึงพากันมาที่นี่เพื่อจะปล่อยโคมขึ้นไปบนท้องฟ้าและอธิษฐานร่วมกัน ฮุ่ยเจียงมองผู้คนโดยรอบก่อนจะหันไปเห็นคนของพี่ชายซึ่งนางขอร้องให้พี่ชายส่งคนมาตามดูนางอย่างลับ ๆ พี่ชายนางเองก็เป็นห่วงจึงส่งคนมาดูแลเพราะกลัวว่านางจะเกิดอันตรายในเมื่อห้ามไม่ให้นางมามิได้ ตัวเองก็ติดภารกิจทำให้ไม่สามารถตามมาดูแลด้วยตัวเองได้ แต่สิ่งที่ฮุ่ยเจียงไม่มีวันรู้เลยก็คือรอบตัวนางยังมีเหล่าองครักษ์ที่อยู่ชุดธรรมดาเพื่อให้กลมกลืนกับผู้คน คอยตามดูนางอย่างใกล้ชิดและยังมีองครักษ์เงาที่คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ละสายตา รวมถึงดวงตาคมกริบของคนผู้หนึ่งที่มองตามนางไม่วางตา"อันนี้โคมไฟรูปกระต่ายข้าเลือกให้เจ้าเองกับมือเพราะข้ารู้ว่าเจ้าชอบเอาล่ะเจ้าอธิษฐานสิ" จิ่วเย่วส่งโคมไฟรูปกระต่ายให้ฮุ่ยเจียงก่อนจะหันไปหาคนที่ร่วมอ
เมื่อเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับอีกแห่งหนึ่งจิ่วเยว่ก็เดินเข้าไปนางหยิบกำไลที่ประณีตและงดงามขึ้นมา "ฮุ่ยเจียง เจ้าดูนี่..กำไลหยกชิ้นนี้สิ งดงามมากทีเดียว" จิ่วเย่วพูดจบก็สวมกำไลหยกสีเขียว พร้อมกับลูบคลำด้วยความชื่นชอบด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะไม่งามเท่าที่นางเห็น ฮุ่ยเจียงสวมแต่ก็ดีกว่าชิ้นไหน ๆ ที่วางขายและนางก้อยากได้อยู่พอดี"คุณหนู กำไลชิ้นนี้พอประดับอยู่บนตัวท่านช่างงดงามเสียจริง ๆ" เจ้าของร้านเอ่ยชม แต่ฮุ่ยเจียงเห็นใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์ของเจ้าของร้าน ปากช่างเจรจาแบบนี้เห็นทีว่าจะขายดีเลยทีเดียว"จริงหรือเถ้าแก่ ฮุ่ยเจียงเจ้าช่วยข้าดูหน่อยสวยงามจริง ๆ หรือ" จิ่วเย่วพูดกับเจ้าของร้านแล้วหันมาทางฮุ่ยเจียงที่เพียงมองนิ่ง ๆ เท่านั้นก่อนที่จะลื่นไหลตามน้ำกล่าวชมไม่ต่างจากเจ้าของร้าน"เหมาะกับเจ้าจริง ๆ ด้วยเจ้าช่างตาถึงยิ่งนัก ปิ่นอันนี้ก็สวยไม่แพ้กัน ไหนให้ข้าลองเสียบผมเจ้าหน่อยสิ ดูสิเถ้าแก่ปิ่นชิ้นนี้กับกำไลหยกที่สหายข้าสวมช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกิน ใช่ตามที่ข้าพูดหรือไม่เจ้าคะ"ฮุ่ยเจียงพูดชมด้วยความตื่นเต้นหลังจากหยิบปิ่นขึ้นไปเสียบบนศีรษะของจิ่วเย่ว ดวงตาเปล่งประกายชื่นชมก่อนจะ
จวนราชครู"นะ..ฮุ่ยเจียง เจ้าไปกับข้าเถิด ข้าจำได้ว่าปีที่แล้วมีอาหารอร่อย ๆ ตั้งหลายร้าน เจ้ากับข้ายังเดินเล่นกันจนเพลินลืมเวลากลับจวนเลย เจ้าจำได้หรือไม่" จิ่วเย่วลูกสาวนายอำเภอที่เป็นเพื่อนเล่นของฮุ่ยเจียงมาตั้งแต่เด็กวันนี้นางมาเพื่อจะพาฮุ่ยเจียงไปเทศกาลหยวนเจียง* (เทศกาลโคมไฟ) ตามที่ได้วางแผนกับห่าวอู๋เอาไว้วันนี้นางจะพลาดไม่ได้ส่วนฮุ่ยเจียงนั้นรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นางได้แต่งงานกับห่าวอู๋ นางเองก็ไม่อยากไปแต่ถ้าปฏิเสธตอนนี้ก็เกรงว่า จะทำให้สหายพี่เติบโตมาด้วยกันสงสัยเอาได้ ว่าเหตุใดนางจึงไม่หัวอ่อนและดูโง่เง่าเหมือนอย่างเคย"เช่นนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปเจอเจ้ายามโหย่ว (17:00-18.59) ก็แล้วกัน" ฮุ่ยเจียงพูดพร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ แต่สายตาก็มองไปยังสหายที่ชาติที่แล้วเคยเชื่อใจ และรักนางเหมือนกับคนในครอบครัว ไม่คิดว่าสหายหน้าซื่อใจคดผู้นี้จะทำให้ตระกูลนางถูกสังหาร และสั่งฆ่านางกับของนางได้อย่างเลือดเย็นความโกรธแค้นสุมแน่นอยู่ในอก ฮุ่ยเจียงจิกเล็บเข้าไปในเนื้อเพื่อระงับอารมณ์ สายตาเย็นชาแต่ใบหน้ายังคงยิ้มบาง 'ชาตินี้อ
"ต้นท้อหลวงเป็นพันธุ์ไม้แปลกหายากสิบปีถึงจะออกดอกออกผล" เขาพูดแล้วยิ้มด้วยความดีใจที่เด็กน้อยยอมพูดด้วยฮุ่ยเจียงตาโต มีต้นไม้ที่ใช้เวลาออกดอกออกผลนานขนาดนี้ด้วยหรือ "นานถึงเพียงนั้นเลยหรือพี่ชาย ไม่ใช่ว่ามันจะตายก่อนหรือเจ้าคะกว่าจะได้เห็นผลของมันหรือกว่าจะได้ลิ้มรสชาติของต้นไม้ต้นนี้" เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยความสงสัยยื่นมือไปสัมผัสเจ้าต้นท้อหลวงด้วยความสนใจ"ถ้าเจ้าดูแลมันด้วยความรัก หมั่นรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยแล้วอย่าลืมใส่ใจลงไปด้วย ถ้าหากว่าคิดถึงข้าเจ้าก็พูดกับมันออกมา ให้เจ้าคิดว่าข้าคือต้นไม้ต้นนี้ถึงแม้ว่าข้าจะตอบโต้เจ้าไม่ได้ แต่ข้ารับรู้ได้แน่นอน" สวีเสวียนหนานพูดจากหลอกล่อเด็กน้อย “จริงหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยถามด้วยความกระตือรือร้น นางเชื่ออย่างสนิทใจ"จริงที่สุดเพียงแค่เจ้าทำตามทุกอย่างที่ข้าพูด ดังนั้นข้าขอฝากเจ้าดูแลต้นไม้ต้นนี้ได้หรือไม่" เขายื่นต้นไม้ให้นาง ฮุ่ยเจียงรับต้นท้อหลวงมาด้วยความระมัดระวัง "ข้าจะดูแลมันอย่างดี ขอบคุณพี่ชายมากนะเจ้าคะ ท่านเชื่อใจข้าได้เลย สิบปีก็สิบปี หากถึงวันนั้นท่านกลับมาแล้วท่านจะได้ลิ้มรสชาติผลไม้ต้นนี้อย่างแน่นอน" ฮุ่ยเจียงตอบด้วยท่าทางขึงขัง ดวง
ซีฮั่นที่ได้ยินก็ส่ายหัวอย่างนึกระอา สิ่งที่เขาเตือนคงไม่เข้าหูคนอย่างนาง พลางนึกไปถึงครั้งที่นางถูกส่งมาเป็นหญิงอุ่นเตียงให้ท่านอ๋องใหม่ ๆ ตอนนั้นนางอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวโดนเหล่าบรรดาหญิงอุ่นเตียงก่อนหน้านั้นรังแกสารพัด จนท่านอ๋องทนความรำคาญไม่ไหวจึงส่งพวกนางออกไปแต่ยังเหลือนางเอาไว้เพราะสงสาร แต่ไม่คิดว่านางจะคิดกำเริบเสิบสานคงคิดว่าท่านอ๋องเอ็นดูนางกระมัง แต่ที่นางไม่มีโอกาสเข้ามารับใช้ท่านอ๋องเลยสักครั้งก็เพราะว่าท่านอ๋องมิได้สนใจนางต่างหาก แม้ว่านางจะแต่งกายยั่วยวนเพียงใด สายตาท่านอ๋องก็มิเคยชายตาแล แต่นางก็ไม่คิดยอมแพ้และหาวิธีเข้าใกล้ท่านอ๋องทุกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนว่าท่านอ๋องคงไม่เก็บไว้ให้ระคายสายตาซีฮั่นยกสุราเข้ามาวางแล้วจัดการเทสุราให้ท่านอ๋องก่อนที่จะได้ยินท่านอ๋องพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"ข้าได้ลองคุยกับเสด็จแม่แล้ว ให้คุยกับเสด็จพ่อเรื่องการส่งหญิงงามเข้ามาที่จวน ต่อไปนี้คงไม่มีอีก ส่วนคนที่เหลือเจ้าจัดการพาพวกนางออกไปให้พ้น ๆ หน้าข้าด้วยก็แล้วกัน ยิ่งมีคนมากข้าก็ยิ่งรำคาญ มันผู้ใดที่ต้องการจะปีนเตียงข้าเจ้าควรรู้ว่าต้องกำจัดเช่นไร” สวีเสวียนหนานพูดพร้อมกับถอนหายใจอ