Share

บทที่ 2 การกลับมาของฮุยเจียง ½

last update Dernière mise à jour: 2025-02-05 21:09:23

เรือนฮุ่ยหลัน

ฮุ่ยเจียงเดินเข้ามาในเรือน พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน "ท่านราชครูและฮูหยินกำลังรออยู่ในห้องโถงขอรับ" ฮุ่ยเจียงยิ้มบาง ๆ และพยักหน้ารับ เดินตามพ่อบ้านเข้าไปในห้องโถง

"คุณหนูมาแล้วขอรับ" พ่อบ้านรายงานเสร็จก็เดินถอยหลังออกไป ทันใดนั้น เสียงใส ๆ ของเด็กสองคนก็ดังขึ้น

"พี่รองมาแล้ว! พี่รองมาแล้ว!" เด็กสองคนวิ่งเข้ามาหาฮุ่ยเจียงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายสดใส ฮุ่ยเจียงย่อตัวลงอ้าแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้ม ร่างเล็กของเด็กทั้งสองคนวิ่งโถมนางจนเกือบล้ม

ฮุ่ยเจียงที่รู้อยู่แล้วว่าการมาของนางจะต้องเจอกับเจ้าลูกลิงสองตัวที่โถมเข้ามาหานางอย่างเช่นตอนนี้ ในชาติก่อนนางตั้งรับไม่ทันทำให้นางล้มกลิ้งก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นแข็งจนดูน่าตลกในสายตาบ่าวไพร่ แต่วันนี้นางตั้งรับทัน 

"พี่รอง! พี่รอง!" เด็กชายและเด็กหญิงร้องเรียกพร้อมเสียงหัวเราะสดใส ฮุ่ยเจียงยิ้มพลางกอดพวกเขาเบา ๆ ดวงตาคู่สวยมองน้องชายและน้องสาวด้วยความรักและคิดถึง แม้น้องสาวจะเกิดจากแม่รองแต่ฮุ่ยเจียงก็มีความรักและห่วงใยน้อง ๆ เท่าเทียมกันส่วนมากนางจะใช้เวลาเล่นกับน้อง ๆ สอนคัดตัวอักษรตามที่บิดาเคยสอนและช่วยน้อง ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

"ฮุ่ยเฉิง ฮุ่ยหลิน พวกเจ้าช่างซนนัก ดูสิ! พี่สาวเกือบจะล้มก้นกระแทกพื้นแล้ว" นางเอ่ยเบา ๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มก้มลงกอดเจ้าลิงน้อยทั้งสองคนแน่น ในชาติก่อนนางไม่ได้มีโอกาสกอดลาพวกเขาด้วยซ้ำ

ฮุ่ยเจียงยังจำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ดีในตอนที่พวกเขาทั้งสองก็ถูกลากออกไปนางได้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายเหมือนถูกตรึงด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจอย่างลึกล้ำ เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นในหูจนแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความสลดหดหู่เมื่อเห็นน้องทั้งสองคนถูกจับไปทำร้ายต่อหน้าต่อตา

"ไม่นะ! ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!" ฮุ่ยเจียงตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลลงอาบแก้ม รู้สึกเหมือนลมหายใจถูกดึงออกจากปอดและไม่มีแรงจะยืนหยัดนางพยายามจะก้าวไปข้างหน้าแต่เพราะนางถูกจับกุมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ดวงตาพร่ามัวได้แต่มองตามพวกเขาถูกลากออกไปอย่างไร้ความเมตตา ฮุ่ยเจียงเห็นแววตาแห่งความเจ็บปวดและความกลัวในดวงตาของพวกเขา ภาพเหล่านั้นเสียดแทงเข้าไปในจิตใจนางเหมือนคมมีด นางรู้สึกถึงความทุกข์ทรมานของน้อง ๆ ทุกครั้งที่พวกเขาร้องไห้หรือเรียกชื่อของนางมันเป็นความทรมานที่ยากจะทนทาน

"ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้..." ฮุ่ยเจียงพูดกับตัวเองในความมืดมิดแห่งความสิ้นหวัง นางรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกผิดรุนแรงเกินกว่าจะรับไหว นางได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมหัวใจถูกฉีกขาดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืม

ฮุ่ยเจียงรู้สึกว่าความหวังและความสุขทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกทำลายลงในชั่วพริบตา ความเสียใจนี้จะหลอกหลอนนางไปตลอดชีวิต และนางรู้ดีว่าความเจ็บปวดนี้จะไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของนาง

ถึงตอนนี้นางก็ยังเจ็บปวดเมื่อคิดถึงภาพในครั้งอดีต ดวงตาคู่งามมองฮุ่ยเฉิงและฮุ่ยหลินที่มองมาที่นางด้วยความรู้สึกผิดท่าทางหงอย ๆ ก็ทำเอาหัวใจอ่อนยวบ

"พี่รองข้าขอโทษขอรับ" ฮุ่ยเฉิงที่รู้กล่าวขอโทษก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วยน้องสาวตัวน้อยแต่สิ่งที่ฮุ่ยหลินพูดออกมาก็ทำให้ฮุ่ยเจียงขำพรืดอย่างห้ามไม่ได้ "พี่รอง ข้าขอโทษเจ้าค่ะ แต่พี่ฮุ่ยเฉิงที่เป็นคนชวนข้าก่อนแล้วยังท้าข้าแข่งอีกด้วย" ฮุ่ยเฉิงที่ได้ยินน้องสาวตัวเล็กพูดแบบนั้นก็จ้องตานางแทบถลนจากนั้นก็ยื่นมือมาผลักหัวนางเบา ๆ และส่ายหัวด้วยความเอ็นดูไม่ใช่ว่านางเป็นคนที่คิดเรื่องนี้ก่อนหรอกหรือพอโดนเอ็ดเข้าหน่อยก็หาวิธีเอาตัวรอดคนเดียว อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ฮุ่ยเฉิงคิดพร้อมกับจู่โจมไปที่น้องสาวตัวเล็ก นิ้วชี้ป้อม ๆ จิ้มไปเอวนางหลายครั้งเพื่อเป็นการเอาคืน

"เจ้าตัวแสบ อย่าอยู่เลย"

"คิก คิก พี่สามข้าผิดไปแล้ว คิก คิก พี่รองช่วยข้าด้วยพี่สามรังแกข้า " ฮุ่ยหลินที่พี่ชายกำลังเอาคืนและนางก็จั๊กจี้จะตายอยู่แล้ว ร่างกลม ๆ ของฮุ่ยหลินวิ่งหนีไปรอบตัวพี่สาวคนงามตามด้วยพี่ชายที่วิ่งไล่ตามไม่หยุด ฮุ่ยเจียงมองเด็กน้อยทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกอบอุ่นเดิมหวนกลับมาอีกครั้ง ในยามที่เห็นน้องชายและน้องสาววิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง ก่อนที่จะนึกไปถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ร่างเล็กของน้องชายและน้องสาว รวมถึงบิดามารดาและแม่รองที่ถูกบั่นคอนอนตายเรียงรายกันอย่างอนาถ

สองมือของฮุ่ยเจียงจิกแน่นในหัวอกบีบคั้นอย่างรุนแรง ชายชั่วกับหญิงสารเลวใจคอโหดเหี้ยมแม้ชีวิตของเด็ก ๆ พวกมันก็ไม่เว้น

"แฮ่ก ๆ ข้าเหนื่อยแล้ว ยอมแพ้แล้ว ๆ ข้าสารภาพแล้วเจ้าค่ะ พี่รองเมื่อกี้เป็นความคิดของข้าไม่ใช่ของพี่สามเจ้าค่ะ" ฮุ่ยหลินที่โดนพี่ชายจับตัวจี้เอวไม่หยุดร่างเล็กของนางหยุดอยู่ข้าง ๆ ฮุ่ยเจียงสอดแขนเรียวเข้ามากอดที่ขาของนางกอดเอาไว้แน่นแล้วยอมสารภาพแต่โดยดี

"เอ่าล่ะ ๆ พวกเจ้าวิ่งกันจนเหงื่อออกหมดแล้วไปเถอะป่านนี้ท่านพ่อท่านแม่ แม่รองชะเง้อรอแล้วกระมัง" ฮุ่ยเจียงไม่ใช่ไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กแสบเพียงใดความคิดนี้ทำไมนางจะไม่รู้กันเล่า ก็นางเลี้ยงเจ้าพวกแสบมากับมือ

"ขอรับพี่รอง//เจ้าค่ะพี่รอง" เด็ก ๆ ตอบรับพร้อมกันฮุ่ยเจียงจับมือน้องสาวคนเล็กเอาไว้จากนั้นพากันเดินเข้าไปในเรือนโดยมีน้องชายเดินเคียงข้างมาไม่ห่างพอเข้ามาถึงนางก็เห็นบิดามารดารวมถึงแม่รองที่นั่งพูดคุยกันอยู่ ในมือของท่านพ่อยังมีตำราเล่มโปรดที่ชอบอ่านถัดไปด้านข้างมารดาและแม่รองกำลังนั่งปักผ้าหัวแทบชนกันในช่วงเวลาว่างครอบครัวของนางจะทำกิจกรรมร่วมกันแบบนี้และมันเป็นภาพที่นางเห็นจนชินตาในชาติที่แล้วครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก

นางมองทั้งสามคนแล้วระบายยิ้มออกมาครอบครัวใหญ่ของนางไม่เคยมีเรื่องราวทุกข์ร้อนใจในเรือน ถึงแม้ว่าบิดาของนางจะมีฮูหยินรองแต่ก็ใช่ว่าจะละเลยท่านแม่ส่วนแม่รองนั้นท่านแม่ก็เป็นคนเสนอท่านพ่อให้ยอมรับนางและยังเอ็นดูแม่รองราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันและนั่นยิ่งเป็นการทำให้ท่านพ่อเกรงอกเกรงใจท่านแม่มาก ส่วนแม่รองก็อยู่แบบเจียมตัวแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ได้รับการเอาใจใส่จากท่านพ่ออยู่เสมอโดยที่ท่านแม่เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนจะดีใจซะอีกที่ท่านพ่อมีคนมาช่วยดูแล และหลากหลายเรื่องราวที่พวกท่านนำมาปรึกษาหารือกันโดยไม่มีเรื่องใดเป็นความลับ นางเคยถามท่านแม่ว่าเหตุใดจึงส่งเสริมให้ท่านพ่อมีภรรยารอง ท่านแม่เพียงบรรจงลูบผมนางแล้วพูดออกมาด้วยความอ่อนโยน

'หากเจ้าไม่อยากเห็นคนที่เจ้ารักเป็นทุกข์เจ้าเพียงแค่ปล่อยวางและจงทำตัวเองให้มีความสุขแล้วชีวิตเจ้าก็จะมีความสุขเอง' และนั่นคือสิ่งที่ออกมาจากปากมารดาและยังคงเป็นความจริงเพราะนางเห็นว่ามารดาและบิดารวมถึงแม่รองต่างคนก็มีความสุข

"พี่รองมาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงเล็ก ๆ ปลุกสติที่กำลังร่องรอยในตอนที่ก้าวเข้ามาในเรือนดวงตาคู่สวยก็สบกับคนที่รักทั้งสามคนที่มองนางอยู่ก่อนแล้ว ฮุ่ยเจียงส่งยิ้มจนตาหยี

"เจียงเอ๋อร์คารวะท่านพ่อท่านแม่ แม่รองเจ้าค่ะ"

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 9 รอรับพี่ใหญ่ 1.2

    การเดินขบวนกลับบ้านของแม่ทัพฮุ่ยเหอและทหารเป็นเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับต่างก็แสดงความเคารพและสรรเสริญขบวนทัพที่เดินอย่างเป็นระเบียบเสียงดนตรีที่ดังกึกก้องไปทั่วเป็นการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งภาพที่น่าจดจำและสร้างความประทับใจฮุ่ยเจียงมองเห็นพี่ใหญ่ของนางนั่งอยู่บนหลังม้าผงาดในชุดเกราะเหล็กท่ามกลางแสงแดดเขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเข้มแข็งและมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้ารวมถึงทหารทุกนายที่เดินอย่างเป็นระเบียบด้วยการแต่งกายที่เต็มยศไม่ต่างกันถัดไปเป็นนายทหารยศรองลงมาขี่ม้าและถือธงชัยที่แสดงถึงการชนะศึกขบวนทัพมีการบรรเลงดนตรีด้วยกลองและแตรเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งชัยชนะเสียงดนตรีดังกึกก้องไปทั่วเส้นทางที่ผ่านชาวบ้านพากันออกมาต้อนรับ บ้านเรือนของพวกเขาประดับบ้านเรือนด้วยธงและดอกไม้มีการจุดดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองพวกชาวบ้านนำของขวัญและอาหารมามอบให้ทหารเพื่อแสดงความขอบคุณและยินดีต้อนรับทหารทุกคนที่ได้กลับบ้านในที่สุดขบวนก็เข้ามาหยุดที่หน้าบ้านสกุลฮุ่ยร่างสูงสง่าของบุตรชายคนโตค้อมศีรษะให้บิดามารดาและแม่รองด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่ยังมิได้ลงมาแสดงความเคารพอย่างใกล้ชิดเพราะขบ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 8 รอรับพี่ใหญ่ 1/1

    "บ่าวพูดจริงต่างหากละเจ้าคะในเมืองหลวงนี้ใครก็รู้ว่าบุตรสาวคนรองของท่านราชครูงดงามที่สุด” เจียอีพูดพร้อมกับเดินไปที่ชั้นวางเสื้อผ้า แต่แทนที่นางจะเลือกให้คุณหนู นางกลับเลือกไม่ถูก ชุดนี้ก็งาม ชุดนั้นก็งาม มือของนางยกขึ้นเกาศีรษะอย่างคิดไม่ตก นางเลยหันไปหาคุณหนู"คุณหนูต้องการชุดแบบไหนเจ้าคะ บ่าวเลือกไม่ถูกเจ้าค่ะ” เจียอีส่งยิ้มแหยให้คุณหนู ฮุ่ยเจียงมองสาวใช้พลางส่ายหัวแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ "ข้าว่าข้าอยากได้ชุดสีฟ้าอ่อนที่มีลายปักดอกเหมยเจ้าคิดว่าอย่างไร""เจ้าค่ะ” เจียอีรีบหยิบชุดที่คุณหนูต้องการมาให้ แล้วช่วยคุณหนูแต่งตัววันนี้เป็นวันดี เป็นวันที่กองทัพของคุณชายใหญ่เดินทางกลับจากการทำศึกมาเนิ่นนาน ศึกจากชายแดนใต้ที่สู้ต่อเนื่องเป็นเวลานานตอนนี้ก็สิ้นสุดลงสักที หลังจากนำทหารโจมตีข้าศึกจนชนะ แม่ทัพใหญ่บุตรชายของท่านราชครูก็ได้รับการยกย่องจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญในความสามารถของแม่ทัพใหญ่ฮุ่ยเจียงคิดถึงภาพของพี่ใหญ่ในชุดเกราะนางก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "พี่ใหญ่ของข้าช่างเก่งกาจจริง ๆ" นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เจียอีได้ยินก็อดยิ้มตามไม่ได้ "ท่านแม่ทัพใหญ่เป็

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก    บทที่ 7 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1/3

    ยามโฉ่ว (01:00-02:59)ท้องฟ้าสีครามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและดำพร้อมกับดวงดาวที่ปรากฏขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปลมพัดเบา ๆ นำพากลิ่นหอมของดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มบานออกมาท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีแสงจันทร์กระจ่างถูกบดบังด้วยเมฆครึ้มที่เคลื่อนเข้ามาพอดีทำให้ร่างสูงของชายชาติทหารทะยานลงมาจากต้นไม้ลงมาสู่ผืนดินอย่างไร้เสียงด้วยวิชาตัวเบาเพราะเป็นผู้มีวรยุทธ์แกร่งกล้าทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายเสียงหน้าต่างเปิดพร้อมกับเงาดำที่เคลื่อนผ่านเข้ามาด้วยความรวดเร็วไม่ทำให้ผู้คนในเรือนฮุ่ยเหลินรู้ตัวสาวใช้คนสนิทยังนอนหลับอย่างสบายใจที่หน้าห้องอย่างเช่นปกติ แต่ค่ำคืนนี้หาใช่ปกติไม่เพราะมีบุรุษชุดดำบุกรุกเข้ามาในจวนโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สวีเสวียนหนานที่เพิ่งแอบเข้ามาในห้องนอนของฮุ่ยเจียง กำลังจ้องมองใบหน้าของสาวงามที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตาล้ำลึก แสงจากเทียนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไม่ทำให้การมองเห็นของเขาลดลง มือหนาเอื้อมไปแตะลงบนหน้าผากกลมมนแผ่วเบาเพราะเมื่อช่วงค่ำได้ยินว่านางนั้นมีไข้เลยอยากเข้ามาตรวจสอบให้แน่ใจว่านางจะไม่เป็นหนักเกินไป เพราะแอบตามมาตั้งแต่นางขึ้นมาจากน้ำเดินทางกลับจวน เขาก็ยังแฝงตัวเงียบ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 6 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า1/2

    ชาติก่อนในยามสงครามศึกนอกยังไม่น่ากลัวเท่ากับศึกภายใน...สงครามที่ยืดเยื้อกินเวลานานทำให้พี่ชายของนางไม่สามารถเข้าไปช่วยนางได้ทัน พอรู้ข่าวว่าครอบครัวถูกใส่ร้ายก็เร่งเดินทางไปทันทีใครจะคิดว่ามันคือหนึ่งในแผนการที่ล้มล้างตระกูลพอไปถึงหน้าประตูเมืองฮุ่ยเหอก็ถูกจับกุมในทันทีใครจะคิดว่าทั้งตระกูลของนางจะถูกคนชั่วช้าเล่นงานจนดิ้นไม่หลุด ส่วนเขาที่ยังทำสงครามอยู่อีกแคว้นไม่ได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของสหายเลยด้วยซ้ำ พอมารู้อีกทีก็ตอนที่ทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตเหลือเพียงนางกับสาวใช้ที่ถูกขายไปเป็นทาส กว่าจะสืบสาวราวเรื่องได้ว่านางถูกพาไปที่ใดก็กินเวลาหลายวัน เขาควบม้าด้วยความเร่งรีบแม้อาหารสักมื้อก็ไม่พักรับประทานเพราะเกรงว่าจะไม่ทัน แต่ใครจะคิดว่านางนั้นถูกพามาทรมานแทนที่จะเป็นการส่งไปเป็นทาสตามที่ได้ยินมา ในตอนที่ไปถึงจุดที่นางอยู่ในตอนนั้นเป็นตอนที่นางกำลังจะทิ้งตัวลงบนผืนดินเหมือนกับไม่สามารถทนต่อไปได้เขาเร่งควบม้าอย่างไม่คิดชีวิตดวงตาคมเข้มสะท้อนความร้อนรนทอดมองร่างเล็กที่กำลังเอนลงบนผืนดินร้อนระอุสองมือก็ตวัดดาบบั่นคอคนที่บังอาจทำร้ายยอดดวงใจคมกระบี่ฟันฉับไปที่คนเหล่านั้นเพื่อแ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 5 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1/1

    เสียงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจพลางหันไปหาสาวใช้หวังว่าจะได้รับคำชื่นชมแต่ไม่คิดว่าในมือของสาวใช้ตอนนี้จะมีปลาเหมือนกันแต่ต่างกันที่ปลาในมือของสาวใช้นั้น ตัวใหญ่กว่าตัวที่นางจับได้เป็นเท่าตัว ดวงตาของฮุ่ยเจียงเบิกกว้างก่อนจะตะโกนถามสาวใช้ด้วยความตื่นเต้น"เจียอี เหตุใดเจ้าจึงจับได้ตัวใหญ่กว่าข้านักเล่า! ข้าไม่ยอมเจ้าแน่ นี่เจ้าปลาน้อยเจ้าจะไปไหนก็ไปเลย..ข้าจะจับตัวพ่อไม่ใช่ลูกปลาตัวน้อยแบบเจ้าสักหน่อย ชิ่ว ๆ ไปเลยนะ" ฮุ่ยเจียงที่เห็นว่าปลาที่อยู่ในมือสาวใช้ตัวใหญ่กว่าของนาง นางก็ยอมไม่ได้จึงปล่อยเจ้าปลาที่จับแล้วมองหาตัวใหญ่กว่า ส่วนเจียอีมองคุณหนูด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยปลาในมือตามไปอีกคนกลายเป็นว่าตอนนี้สองนายบ่าวพากันแข่งกันจับปลาการแข่งขันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ ฮุ่ยเจียงแกล้งเจียอีด้วยการโยนหยดน้ำไปที่ตัว เจียอีหัวเราะและตอบโต้ด้วยการพยายามสาดน้ำกลับ ทั้งคู่สนุกกับการพยายามจับปลาและไม่ลืมที่จะหยอกล้อกัน เสียงหัวเราะและเสียงน้ำที่ดังกระจายยามที่พวกนางกระโจนจับปลากลายเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูต่อคนที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคะนึงหาอย่างถึงที่สุดอีกฟากหนึ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 4 การกลับมาของฮุ่ยเจียง 1/4

    รถม้าประทับตราสกุลฮุ่ยของราชครูเข้ามาจอดอยู่ที่เชิงเขาทางขึ้นวัดเสวียนคง วัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาดูเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ หลังจากลงรถม้าฮุ่ยเจียงกับสาวใช้ก็เดินขึ้นบันไดที่มีซุ้มต้นไผ่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียงรายขนาบสองข้างทาง มันสูงจนปลายต้นโน้มเอียงเข้าหากันจนกลายเป็นอุโมงค์ต้นไผ่สร้างความร่มรื่นสวยงามฮุ่ยเจียงสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ดวงหน้างดงามเผยรอยยิ้มสดใส ยามที่สายลมอ่อน ๆ โชยพัดมาปะทะร่างของนาง ช่างสดชื่นนัก! ความรู้สึกสดชื่นที่แทรกซึมเข้ามาในจิตใจทำให้นางมีความสุขอย่างแท้จริง ท้องฟ้าสีฟ้าใสและต้นไม้ที่พลิ้วไหวไปตามลม ความสงบเงียบของธรรมชาติช่วยปลอบประโลมจิตใจนางจากความทุกข์ทรมานจากชาติที่แล้ว สาวใช้ที่ติดตามมาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เจียอีมองคุณหนูที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาฮุ่ยเจียงยิ้มอย่างสดใส ขณะสายลมพัดโชยพาให้ผมยาวสลวยของนางพลิ้วไหว ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านแมกไม้ลงมาราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ เจียอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจากใจจริง“คุณหนู ท่านช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ” ฮุ่ยเจียงหันมายิ้มให้สาวใช้ “เจียอี เจ้าไม่รู้หรอก

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status