แชร์

ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก
ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก
ผู้แต่ง: เดลิล

บทนำ ปฐมบท

ผู้เขียน: เดลิล
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-05 21:07:19

เส้นทางสู่แคว้นฉี

"นางทาสชั้นต่ำเดินช้าเช่นนี้คิดจะถ่วงเวลาพวกข้าอย่างนั้นรึ!!" ผู้คุมส่งเสียงตะโกนดังก้องด้วยโทสะเขาเดินเข้ามาหาทาสนางหนึ่งด้วยท่าทางคุกคามในมือของเขาถือแส้ที่ม้วนเป็นวงกลม ดวงตาฉายแววเหี้ยมโหดร่างเล็ก ๆ ของเจียอีคลานหนีด้วยความหวาดกลัว เขาเงื้อมมือขึ้นสูงแล้วฟาดแส้ลงมาอย่างหนักหน่วง

"โอ๊ย!!" เสียงร้องของฮุ่ยเจียงที่วิ่งเข้ามากอดร่างบางของสาวใช้คนสนิทเอาไว้แน่น นางใช้แผ่นหลังของนางรองรับแส้ที่ฟาดลงมาความแรงของมันทำให้ร่างของนางทรุดลงทันที

นางกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นกลั้นเสียงร้องจากอาการเจ็บปวดแผ่นหลังของนางปริแตกเลือดไหลออกมาตามผิวเนื้อ ร่างเล็กผอมแห้งซูบเซียวประหนึ่งต้นหญ้าขาดน้ำแต่กลับแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งนางพยายามปกป้องสาวใช้ของตนเองถึงแม้ว่าตอนนี้นางเองก็สภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน เสื้อผ้าที่นางใส่ตอนนี้ขาดเป็นริ้วไม่ต่างจากขอทานแต่ถึงแม้จะผ่านความเจ็บปวดเพียงใดแต่ฮุ่ยเจียงก็ยังอดทน มือที่อ่อนแรงและสั่นเทาโอบกอดสาวใช้คนสนิทเอาไว้

"คุณหนู.." เจียอีสาวใช้ที่ติดตามมาตั้งแต่เล็กมองใบหน้าคุณหนูของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารอดีตบุตรสาวท่านราชครูหญิงสาวที่เคยงามพิลาศล้ำดั่งบุปผาแรกแย้มตอนนี้กลับมีรอยแผลจากการถูกกรีดเป็นทางยาวตั้งแต่หางคิ้วจนเกือบถึงปลายคางส่งให้ความงดงามหายไป ผิวเนื้อที่เคยขาวผ่องนวลเนียนไม่ต่างจากไข่มุกกลับหยาบแห้งกร้านผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ดวงตาคู่งามฉายแววเศร้าหมองไม่จางหาย หญิงสาวผู้มีชาติตระกูลสูงส่งผู้ไม่เคยทะเยอทะยานไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครแต่ต้องเผชิญกับโชคชะตาอันโหดร้าย สามีและสหายสนิทที่นางไว้ใจวางแผนทำร้ายนางและใส่ร้ายครอบครัวของนางต้องถูกประหารทั้งตระกูล

ความทุกข์ยังไม่ทันจางหายคุณหนูของนางก็ถูกส่งตัวไปเป็นทาสเพราะความโหดร้ายของสามีของนางกับสหายรักเพียงหนึ่งเดียว

ตระกูลที่มั่งคั่งสูญสิ้นไปชั่วข้ามคืนเหลือเพียงคุณหนูฮุ่ยเจียงที่ถูกขายออกมาไปเป็นทาสเหมือนกับต้องการทรมานให้นางอยู่ไม่สู้ตาย เจียอีกอดร่างเล็กของคุณหนูเอาไว้แน่นก่อนจะเห็นผู้คุมเงื้อมมือที่ถือแส้เตรียมฟาดลงมา นางจะไม่ยอมให้คุณหนูต้องเจ็บอีก..

เจียอีพลิกร่างมารับแส้แทนความแรงของมันทำเอานางกระอักเลือด นางเจ็บจนทนไม่ไหวตัวของนางสั่นสะท้านมือเท้าอ่อนปวกเปียก เจียอีมองใบหน้าคุณหนูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขาด ๆ หาย ๆ น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจที่จะไม่ได้อยู่รับใช้คุณหนูอีกแล้ว

"คุณหนูบ่าวไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ..แต่คุณหนู..บ่าวยังไม่อยากตาย บ่าวอยากอยู่รับใช้คุณหนู อึก!บ่าวอยากอยู่เลี้ยงนายน้อยให้ท่าน" มือที่อ่อนปวกเปียกเลื่อนลงมาแตะมาที่หน้าท้องคุณหนู ถึงแม้เจ้านายตัวน้อยจะยังเป็นเพียงเม็ดถั่วก็ตามแต่เหมือนกับว่าตอนนี้นางไม่มีโอกาสนั้นแล้วนางไม่มีโอกาสเห็นลูกของคุณหนูของนางแล้ว

"เจียอีไม่นะเจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจียอีอยู่กับข้า ฮึก!! อยู่กับข้าก่อน.." ฮุ่ยเจียงจับมือของสาวใช้คนสนิทเอาไว้พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน น้ำตานางหลั่งออกมาไม่ขาดท่ามกลางแดดร้อนจัดร่างเล็ก ๆ ของสาวใช้ที่หายใจติดขัดจับมือประสานนิ้วมือเข้ากับคุณหนูด้วยความเคารพรักแต่ตอนนี้นางรู้สึกผิดยิ่งนักที่ทิ้งคุณหนูผู้แสนดีให้โดดเดี่ยว รอยยิ้มสุดท้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าเหมือนต้องการจดจำเอาไว้ ฮุ่ยเจียงมองสาวใช้ที่กำลังสิ้นใจด้วยสายตาพร่ามัวความเจ็บปวดรวดร้าวเกาะกินหัวใจ สาวใช้ของนางกำลังจะจากไปอีกคนหนึ่งแล้ว...

"คุณหนู..เจียอี.." เจียอีเอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของนางจะทิ้งตัวลงพร้อมกับลมหายใจที่หมดลง ดวงตาของฮุ่ยเจียงเบิกโพลงยามที่เห็นร่างของสาวใช้กระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลง

"เจียอี เจียอี!!" เสียงร้องเรียกชื่อสาวใช้ราวกับคนขาดสติ นางกอดร่างอันไร้วิญญาณของเจียอีเอาไว้แน่นส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนราวกับจะขาดใจเป็นที่น่าเวทนาต่อทาสที่พากันยืนมองด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะมีสภาพแบบคนที่เพิ่งตายไปตอนไหน

ผู้คุมทั้งหลายต่างมองหน้ากันก่อนจะให้สัญญาณ พวกมันชักกระบี่ออกมาจัดการสังหารทาสที่เหลืออยู่ด้วยความรวดเร็วเพราะคนพวกนี้ก็เป็นทาสที่ถูกว่าจ้างให้พามาสังหารไม่ต่างกัน ยังไม่มีใครได้วิ่งหนีเพราะมัวแต่ตกตะลึงเพียงพริบตาเดียวพื้นที่แห่งนี้ก็แดงฉานในอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ฮุ่ยเจียงกับกลุ่มคนเหล่านี้

"ปล่อยนางไว้ที่นี่แหละถือว่าภารกิจของเราจบสิ้นแล้วยังไงนางก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดไปได้ " หนึ่งในผู้คุมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ทำการสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมราวกับเป็นผักปลา และคำสั่งที่ได้รับมาคือทำให้ผู้หญิงคนนี้ตายอย่างทรมานที่สุดแต่พวกเขาคิดว่าจากสภาพของนางตอนนี้ก็คงไม่มีทางรอดไปได้

"เอาอย่างที่เจ้าว่าข้าเองก็ขี้เกียจเดินทางแล้วเหมือนกัน" ผู้คุมที่อยู่บนม้าพูดขึ้นก่อนจะหันมาทางฮุ่ยเจียง

"ฮึเจ้านี่ช่างน่าสงสารจริง ๆ ชาติที่แล้วเจ้าคงทำเวรทำกรรมเอาไว้เยอะสินะ ชาตินี้ถึงได้เกิดมารับกรรมตั้งแต่ยังเยาว์แต่จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าโง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงนี้ ป่านนี้สามีกับสหายของเจ้าคงกำลังมีความสุขกับสมบัติของตระกูลเจ้าอย่างสบายใจน่าดู" พูดจบพวกมันก็ควบม้าทะยานออกไปปล่อยนางนอนรอความตายอย่างทรมาน

ฮุ่ยเจียงที่ได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางก็จิกมือแน่นพอคิดไปถึงสามีชั่วกับสหายเลวของตัวเองก็พลันเจ็บแน่นในอกจุกจนพูดไปไม่ออก เพราะสิ่งที่ผู้คุมพูดออกมานั้นมันเป็นจริง เพราะความโง่เง่าของนางเองที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ใบหน้าของชายโฉดหญิงชั่วสองคนที่ลอยมาทำเอาฮุ่ยเจียงเจ็บจนกระอักเลือดและเพราะร่างกายที่ไม่สามารถทนต่อบาดแผลได้อีก ร่างเล็ก ๆ ของนางค่อย ๆ เอนลงบนผืนดินที่แตกระแหงพร้อมกับความแค้นที่มีต่อชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้น

"โอ๊ย!! อึก!" จู่ ๆ นางก็มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงความเจ็บร้าวเล่นงานไปทั่วร่างทั้งภายในช่องท้องยังบีบรัดถี่ ๆ จนแทบทนไม่ไหว รู้สึกถึงน้ำหนืดกับกลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกมาตรงหว่างขามืออันสั่นเทาแตะไปที่กลางหว่างขาแล้วยกขึ้นมาดูพลันหัวใจของนางก็แตกสลายเมื่อรู้ว่าตอนนี้ลูกของนางได้จากไปแล้วเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ชายสารเลวคนนั้นแต่ถึงอย่างนั้นนางก็เสียใจเพราะเลือดอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นของนางถึงจะอยู่ในท้องนางยังไม่ถึงสองเดือนแต่นางก็รู้สึกผูกพัน คงเพราะการเดินทางอันแสนทรมานกับความเหนื่อยล้าสะสมจนถึงวาระสุดท้ายลูกน้อยถึงได้จากนางไปยังที่ไกลแสนไกล ตอนนี้ทุกคนคงรอนางอยู่...

ท่ามกลางแดดร้อนระอุและผืนดินอันแห้งแล้ง ฮุ่ยเจียงถูกทิ้งให้นอนตายอย่างทรมาน

ความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ บวกกับความสูญเสียลูกในท้องทำให้ฮุ่ยเจียงสิ้นหวังมองโลกมืดมน

ฮุ่ยเจียงทิ้งร่างอันเหนื่อยล้าลงบนผืนดินแห้งแล้งดวงตาพร่ามัวมองตามผู้คุมที่ควบม้าทะยานออกไปด้วยความสิ้นหวัง ความเร็วของม้าทำเอาฝุ่นฟุ้งลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ นางเตรียมรับวาระสุดท้ายที่จะมาถึงลมหายใจขาดห้วงใกล้จะสิ้นลมแต่ยังไม่ทันที่ฮุ่ยเจียงจะปิดเปลือกตาลง นางก็เห็นกลุ่มคนที่ควบม้าตรงมา ดวงตาที่กำลังจะปิดพยายามลืมขึ้นอีกครั้งนางมองไปยังบุรุษที่กำลังควบม้าทะยานเข้ามาใกล้ มือของเขากวาดกระบี่ไปคราเดียวก็สังหารคนตายไปถึงสองในสามนางมองเหล่าผู้คุมจนพวกมันทีละร่างราวกับใบไม้ร่วงก่อนจะเห็นเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น

บุรุษร่างสูงใหญ่กระโจนลงจากม้าตรงมาหานางด้วยความรวดเร็วแต่ตอนนี้นางเจ็บปวดจนทนไม่ไหวและสิ่งที่ได้สัมผัสครั้งสุดท้ายคืออ้อมกอดของเขาพร้อมกับเสียงทุ้มฟังรื่นหูแต่ก็แฝงไปด้วยความร้อนรนนางได้ยินเขาพูดขอโทษซ้ำ ๆ สลับพูดปลอบโยนพลันหัวใจก็อุ่นซ่าน

"เจียงเอ๋อร์..พี่ขอโทษ พี่มาช้าไปพี่ผิดต่อเจ้าแล้ว"

"เจียงเอ๋อร์ พี่ผิดต่อเจ้า..พี่ขอโทษ ตื่นขึ้นมา..ลืมตาขึ้นมาสิ! ได้โปรด..."

ร่างสูงโอบกอดนางด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมราวกับกลัวว่านางจะบุบสลาย

ฮุ่ยเจียงรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมและทำให้นางรู้สึกปลอดภัย ใบหน้าที่เคยงดงามยิ้มออกมาด้วยความสุขเป็นครั้งแรก ความเจ็บปวดที่ถาโถมทำให้นางหายใจลำบากสมองขาวโพลน ช่วงเวลาที่เปรียบเสมือนคนใกล้ตายนางเห็นภาพในวันวานวิ่งวนเข้ามาในสมองอันเลอะเลือนของเธอ

ภาพครอบครัวอันแสนสุข ท่านพ่อท่านแม่ แม่รองพี่ใหญ่น้องชายและน้องสาวที่นั่งร่วมวงกันทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา

ภาพในยามที่ทุกคนส่งเสียงหัวเราะให้กันด้วยความสุข

ภาพน้องน้อยทั้งสองคนวิ่งไล่กวดกัน

ภาพที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบเข้ามาเล่นกับนางเป็นประจำ

ภาพที่นางร้องไห้น้ำตานองหน้าต่อว่าเด็กชายคนนั้นเมื่อรู้ว่าเขาจะจากนางไปไกล 

เบื้องหน้านางเห็นครอบครัวของนางยืนส่งยิ้มให้เจียอีเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน

เปลือกตาของนางหนักอึ้งขึ้นทุกขณะทั้งที่อยากจะเห็นใบหน้าบุรุษผู้มีอ้อมกอดอบอุ่นผู้นี้นักแต่นางก็มิอาจฝืนต่อไปได้มือบางยกขึ้นเพื่อต้องการสัมผัสใบหน้าบุรุษตรงหน้า เหมือนเขาจะรู้ความคิดของนางฝ่ามือหนาจับมือของนางเอาไว้แล้วนำไปวางที่แก้มสากของเขาด้วยความทะนุถนอม

ฮุ่ยเจียงรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนแผ่วเบาที่หน้าผากและหยาดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงมากระทบใบหน้าของนาง

ก่อนที่นางจะสิ้นลมหายใจ ฮุ่ยเจียงได้สัมผัสถึงความรักและความห่วงใยจากบุรุษผู้ลึกลับ

...แต่เขาคือผู้ใดกัน...

ร่างแกร่งของบุรุษปริศนาร่ำไห้ออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลายน้ำตาไหลลงข้ามแก้มสู่ปลายคางสองมืออันสั่นเทาโอบประคองร่างเล็กผอมแห้งที่ไร้วิญญาณด้วยความรักใคร่ที่ไม่เคยจางหาย ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าร้องเรียกชื่อนางออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนมันสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา

"เจียงเอ๋อร์..ม่าย!!!"

ร่างสูงโอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณเนิ่นนานความรู้สึกภายในใจรวดร้าวทรมานเจียนตายจากนั้นจึงลุกขึ้นอุ้มร่างของคนที่ตัวเองรักเดินผ่านทหารและองครักษ์ที่นั่งคุกเข่าลงแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน

"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะตื่นเถอะเจ้าค่ะ"

⋇⊶⊰❣⊱⊷⋇ ⋇⊶⊰❣⊱⊷⋇

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 24 แผนเอาคืนตัวร้าย 1.3

    จวนสวีเสวียนหนาน"ขนาดนางหลับยังน่ารักขนาดนี้" เสียงอ่อนละมุนของสวีเสวียนหนานทำเอาซีฮั่นแอบกลอกตา นี่ท่านกำลังลักพาตัวบุตรสาวท่านราชครูมาอยู่นะ เหตุใดถึงยังใจเย็นไม่รีบส่งข่าวกัน เอาแต่นั่งมองนางมาครึ่งชั่วยามแล้ว ทั้งยังนั่งพัดวีให้ไม่หยุด ซีฮั่นแทบไม่เห็นแมลงสักตัวบินผ่าน เพราะมันไม่มีชีวิตรอดตั้งแต่บินโฉบลงมาแล้ว ช่างเป็นคนที่เหี้ยมโหดโดยแท้ ส่วนเขาที่ต้องระเห็จมานั่งอยู่หน้าเรือนก็เพราะเผลอไปแอบมองท่านอ๋องอยู่นะสิ!สวีเสวียนหนานหาได้สนใจสิ่งใด ตอนนี้เอาแต่นั่งมองยอดดวงใจ ยามที่เห็นนางกำลังตกน้ำหัวใจของเขาแทบกระเด็นออกมา ยังไม่ทันที่นางจะร่วงลงสู่ผืนน้ำ เขาก็โฉบเข้าไปฉกตัวนางมาจากอ้อมแขนของหญิงชั่วคนนั้นเสียก่อน ไม่ลืมถีบนางหญิงสารเลวนั่นเพื่อส่งให้นางลงสู่ผืนน้ำโดยไว ส่วนเจ้าบุรุษชั่วผู้นั้นซีฮั่นก็เป็นคนส่งมันลงสู่แม่น้ำด้วยลูกถีบที่แคล่วคล่องว่องไว และไม่คิดว่ามีใครมองเห็นนอกจากท่าทางการลงน้ำที่ดูน่าตลกนั่นแต่ครั้งนี้ก็ถือว่าเขายังใจดีกับพวกมันอยู่ส่วนฮุ่ยเจียงที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราว นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางมาอยู่ที่จวนท่านอ๋องและยังนอนเตียงของเขาอย่างสบายใจ สวีเสวียนหนานมองใ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 23 แผนเอาคืนตัวร้าย 1.2

    ฮุ่ยเจียงถูกจิ่วเย่วกึ่งลากกึ่งจูงมาบนสะพานเซี่ยงจื่อ หลังจากแวะซื้อโคมไฟเพื่อนำมาลอย โดยที่จิ่วเย่วเป็นคนลงทุนซื้อมาให้ ฮุ่ยเจียงเพียงปรายตามองเท่านั้นเพราะรู้ถึงสาเหตุที่นางลงทุนสิ้นเปลืองเงินในครั้งนี้ฮุ่ยเจียงมองผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา บางคนก็มากันเป็น คู่ ๆ ซึ่งสะพานนี้เป็นสะพานที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก คู่รักจึงพากันมาที่นี่เพื่อจะปล่อยโคมขึ้นไปบนท้องฟ้าและอธิษฐานร่วมกัน ฮุ่ยเจียงมองผู้คนโดยรอบก่อนจะหันไปเห็นคนของพี่ชายซึ่งนางขอร้องให้พี่ชายส่งคนมาตามดูนางอย่างลับ ๆ พี่ชายนางเองก็เป็นห่วงจึงส่งคนมาดูแลเพราะกลัวว่านางจะเกิดอันตรายในเมื่อห้ามไม่ให้นางมามิได้ ตัวเองก็ติดภารกิจทำให้ไม่สามารถตามมาดูแลด้วยตัวเองได้ แต่สิ่งที่ฮุ่ยเจียงไม่มีวันรู้เลยก็คือรอบตัวนางยังมีเหล่าองครักษ์ที่อยู่ชุดธรรมดาเพื่อให้กลมกลืนกับผู้คน คอยตามดูนางอย่างใกล้ชิดและยังมีองครักษ์เงาที่คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ละสายตา รวมถึงดวงตาคมกริบของคนผู้หนึ่งที่มองตามนางไม่วางตา"อันนี้โคมไฟรูปกระต่ายข้าเลือกให้เจ้าเองกับมือเพราะข้ารู้ว่าเจ้าชอบเอาล่ะเจ้าอธิษฐานสิ" จิ่วเย่วส่งโคมไฟรูปกระต่ายให้ฮุ่ยเจียงก่อนจะหันไปหาคนที่ร่วมอ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 22 แผนเอาคืนตัวร้าย 1.1

    เมื่อเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับอีกแห่งหนึ่งจิ่วเยว่ก็เดินเข้าไปนางหยิบกำไลที่ประณีตและงดงามขึ้นมา "ฮุ่ยเจียง เจ้าดูนี่..กำไลหยกชิ้นนี้สิ งดงามมากทีเดียว" จิ่วเย่วพูดจบก็สวมกำไลหยกสีเขียว พร้อมกับลูบคลำด้วยความชื่นชอบด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงจะไม่งามเท่าที่นางเห็น ฮุ่ยเจียงสวมแต่ก็ดีกว่าชิ้นไหน ๆ ที่วางขายและนางก้อยากได้อยู่พอดี"คุณหนู กำไลชิ้นนี้พอประดับอยู่บนตัวท่านช่างงดงามเสียจริง ๆ" เจ้าของร้านเอ่ยชม แต่ฮุ่ยเจียงเห็นใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์ของเจ้าของร้าน ปากช่างเจรจาแบบนี้เห็นทีว่าจะขายดีเลยทีเดียว"จริงหรือเถ้าแก่ ฮุ่ยเจียงเจ้าช่วยข้าดูหน่อยสวยงามจริง ๆ หรือ" จิ่วเย่วพูดกับเจ้าของร้านแล้วหันมาทางฮุ่ยเจียงที่เพียงมองนิ่ง ๆ เท่านั้นก่อนที่จะลื่นไหลตามน้ำกล่าวชมไม่ต่างจากเจ้าของร้าน"เหมาะกับเจ้าจริง ๆ ด้วยเจ้าช่างตาถึงยิ่งนัก ปิ่นอันนี้ก็สวยไม่แพ้กัน ไหนให้ข้าลองเสียบผมเจ้าหน่อยสิ ดูสิเถ้าแก่ปิ่นชิ้นนี้กับกำไลหยกที่สหายข้าสวมช่างเข้ากันดีเสียเหลือเกิน ใช่ตามที่ข้าพูดหรือไม่เจ้าคะ"ฮุ่ยเจียงพูดชมด้วยความตื่นเต้นหลังจากหยิบปิ่นขึ้นไปเสียบบนศีรษะของจิ่วเย่ว ดวงตาเปล่งประกายชื่นชมก่อนจะ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 21 คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ 1.3

    จวนราชครู"นะ..ฮุ่ยเจียง เจ้าไปกับข้าเถิด ข้าจำได้ว่าปีที่แล้วมีอาหารอร่อย ๆ ตั้งหลายร้าน เจ้ากับข้ายังเดินเล่นกันจนเพลินลืมเวลากลับจวนเลย เจ้าจำได้หรือไม่" จิ่วเย่วลูกสาวนายอำเภอที่เป็นเพื่อนเล่นของฮุ่ยเจียงมาตั้งแต่เด็กวันนี้นางมาเพื่อจะพาฮุ่ยเจียงไปเทศกาลหยวนเจียง* (เทศกาลโคมไฟ) ตามที่ได้วางแผนกับห่าวอู๋เอาไว้วันนี้นางจะพลาดไม่ได้ส่วนฮุ่ยเจียงนั้นรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นางได้แต่งงานกับห่าวอู๋ นางเองก็ไม่อยากไปแต่ถ้าปฏิเสธตอนนี้ก็เกรงว่า จะทำให้สหายพี่เติบโตมาด้วยกันสงสัยเอาได้ ว่าเหตุใดนางจึงไม่หัวอ่อนและดูโง่เง่าเหมือนอย่างเคย"เช่นนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปเจอเจ้ายามโหย่ว (17:00-18.59) ก็แล้วกัน" ฮุ่ยเจียงพูดพร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ แต่สายตาก็มองไปยังสหายที่ชาติที่แล้วเคยเชื่อใจ และรักนางเหมือนกับคนในครอบครัว ไม่คิดว่าสหายหน้าซื่อใจคดผู้นี้จะทำให้ตระกูลนางถูกสังหาร และสั่งฆ่านางกับของนางได้อย่างเลือดเย็นความโกรธแค้นสุมแน่นอยู่ในอก ฮุ่ยเจียงจิกเล็บเข้าไปในเนื้อเพื่อระงับอารมณ์ สายตาเย็นชาแต่ใบหน้ายังคงยิ้มบาง 'ชาตินี้อ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 20 คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ 1.2

    "ต้นท้อหลวงเป็นพันธุ์ไม้แปลกหายากสิบปีถึงจะออกดอกออกผล" เขาพูดแล้วยิ้มด้วยความดีใจที่เด็กน้อยยอมพูดด้วยฮุ่ยเจียงตาโต มีต้นไม้ที่ใช้เวลาออกดอกออกผลนานขนาดนี้ด้วยหรือ "นานถึงเพียงนั้นเลยหรือพี่ชาย ไม่ใช่ว่ามันจะตายก่อนหรือเจ้าคะกว่าจะได้เห็นผลของมันหรือกว่าจะได้ลิ้มรสชาติของต้นไม้ต้นนี้" เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยความสงสัยยื่นมือไปสัมผัสเจ้าต้นท้อหลวงด้วยความสนใจ"ถ้าเจ้าดูแลมันด้วยความรัก หมั่นรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยแล้วอย่าลืมใส่ใจลงไปด้วย ถ้าหากว่าคิดถึงข้าเจ้าก็พูดกับมันออกมา ให้เจ้าคิดว่าข้าคือต้นไม้ต้นนี้ถึงแม้ว่าข้าจะตอบโต้เจ้าไม่ได้ แต่ข้ารับรู้ได้แน่นอน" สวีเสวียนหนานพูดจากหลอกล่อเด็กน้อย “จริงหรือเจ้าคะ” เด็กน้อยถามด้วยความกระตือรือร้น นางเชื่ออย่างสนิทใจ"จริงที่สุดเพียงแค่เจ้าทำตามทุกอย่างที่ข้าพูด ดังนั้นข้าขอฝากเจ้าดูแลต้นไม้ต้นนี้ได้หรือไม่" เขายื่นต้นไม้ให้นาง ฮุ่ยเจียงรับต้นท้อหลวงมาด้วยความระมัดระวัง "ข้าจะดูแลมันอย่างดี ขอบคุณพี่ชายมากนะเจ้าคะ ท่านเชื่อใจข้าได้เลย สิบปีก็สิบปี หากถึงวันนั้นท่านกลับมาแล้วท่านจะได้ลิ้มรสชาติผลไม้ต้นนี้อย่างแน่นอน" ฮุ่ยเจียงตอบด้วยท่าทางขึงขัง ดวง

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 19 คำสัญญาที่รักษาไว้ไม่ได้ 1.1

    ซีฮั่นที่ได้ยินก็ส่ายหัวอย่างนึกระอา สิ่งที่เขาเตือนคงไม่เข้าหูคนอย่างนาง พลางนึกไปถึงครั้งที่นางถูกส่งมาเป็นหญิงอุ่นเตียงให้ท่านอ๋องใหม่ ๆ ตอนนั้นนางอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวโดนเหล่าบรรดาหญิงอุ่นเตียงก่อนหน้านั้นรังแกสารพัด จนท่านอ๋องทนความรำคาญไม่ไหวจึงส่งพวกนางออกไปแต่ยังเหลือนางเอาไว้เพราะสงสาร แต่ไม่คิดว่านางจะคิดกำเริบเสิบสานคงคิดว่าท่านอ๋องเอ็นดูนางกระมัง แต่ที่นางไม่มีโอกาสเข้ามารับใช้ท่านอ๋องเลยสักครั้งก็เพราะว่าท่านอ๋องมิได้สนใจนางต่างหาก แม้ว่านางจะแต่งกายยั่วยวนเพียงใด สายตาท่านอ๋องก็มิเคยชายตาแล แต่นางก็ไม่คิดยอมแพ้และหาวิธีเข้าใกล้ท่านอ๋องทุกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนว่าท่านอ๋องคงไม่เก็บไว้ให้ระคายสายตาซีฮั่นยกสุราเข้ามาวางแล้วจัดการเทสุราให้ท่านอ๋องก่อนที่จะได้ยินท่านอ๋องพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"ข้าได้ลองคุยกับเสด็จแม่แล้ว ให้คุยกับเสด็จพ่อเรื่องการส่งหญิงงามเข้ามาที่จวน ต่อไปนี้คงไม่มีอีก ส่วนคนที่เหลือเจ้าจัดการพาพวกนางออกไปให้พ้น ๆ หน้าข้าด้วยก็แล้วกัน ยิ่งมีคนมากข้าก็ยิ่งรำคาญ มันผู้ใดที่ต้องการจะปีนเตียงข้าเจ้าควรรู้ว่าต้องกำจัดเช่นไร” สวีเสวียนหนานพูดพร้อมกับถอนหายใจอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status