“เข้าบ้านกันเถอะ” จ้าวเผิงเฉิงบอกภรรยากับลูกสาว หน้าบ้านของพวกเขาตอนนี้ต่างก็มีชาวบ้านมามุงดูและแทะเมล็ดแตงโมชมเรื่องสนุกกัน เขาเข้าใจว่ายุคสมัยนี้ด้อยค่าผู้หญิงและเพราะแบบนี้เขาถึงอยากให้ลูกสาวเรียนจบให้สูงมีการงานทำที่ดี ไม่ใช่เป็นเพียงชาวไร่ชาวนาหาเช้ากินค่ำเหมือนตนเอง
“หนูจะตั้งใจเรียนและไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังค่ะ” จ้าวหลินอีกอดแขนพ่อกับแม่เข้าบ้านพร้อมเอ่ยบอกให้พวกเขามั่นใจว่าจะไม่เสียใจแน่นอนที่สงลูกสาวอย่างเธอเรียนให้จบ ตอนนี้พี่ชายทำงานในเมืองวันหยุดถึงจะกลับมาเธอจะไม่ทำให้พวกเขาต้องเสียหยาดเหงื่อแรงกายฟรี ๆ “เด็กดี” อินเยว่เจียลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู เธอเลี้ยงลูกสาวมาอย่างถนุถนอมแล้วบ้านตระกูลกู้คิดว่าตนเองเป็นใครถึงคิดจะเหยียบย่ำลูกสาวของเธอแบบนี้ จ้าวหลินอีมองพ่อกับแม่ด้วยหัวใจอบอุ่น ชาติที่แล้วเพราะความโง่งมถึงมองไม่เห็นความรักและความห่วงใยของพวกท่าน แต่ไม่เป็นไรเธอได้ย้อนกลับมาแล้ว เธอจะทำให้พ่อกับแม่มีความสุขและมีชีวิตที่สุขสบาย... หลังจากที่วันนั้นครอบครัวบ้านตระกูลกู้ไม่ได้มารังคราญครอบครัวจ้าวหลินอีอีก ซึ่งทำให้ชีวิตเธอสุขสงบขึ้นมาก เวลาที่พ่อกับแม่ไปไร่เธอจะอยู่บ้านอ่านหนังสือทบทวนความทรงจำอีกครั้ง เพราะมันผ่านไปหลายปีทำให้เธอลืมวิชาที่ร่ำเรียนไปจนหมด แต่เพราะความทรงจำเธอค่อนข้างดีทำให้อ่านอีกรอบก็สามารถจดจำได้อย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านหนังสือจ้าวหลินอีก็จะออกมาทำความสะอาดบ้านและทำอาหารเย็นรอพ่อกับแม่ ซึ่งครั้งแรกที่เธอทำงานบ้านและทำอาหารเป็นพวกเขาตกใจมากเพราะเมื่อก่อนแม่ไม่เคยให้เธอทำงานพวกนี้มาก่อน และเลี้ยงดูราวกับคุณหนู ทว่าหลังจากแต่งงานไปกลับถูกใช้งานราวกับทาสแรงงานชั้นต่ำ แต่เพราะคำว่ารักทำให้เธออดทนมาตลอด ทว่าความอดทนของเธอกลับถูกตอบแทนด้วยการทรยศหักหลัง กว่าเธอจะตาสว่างได้ต้องชดใช้ทั้งชีวิตไปหนึ่งชาติภพ ชาตินี้เธอจะรักตัวเองให้มากและดูแลตัวเองอย่างดี เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนร่างกายของจ้าวหลินอีมีความเปลี่ยนแปลง ต่อให้ไม่มากแต่ก็ดูดีขึ้นมากกว่าเดิมเพราะเธอใช้ความทรงจำจากชาติก่อนหาพืชสมุนไพรบ้านชนบทมาขัดผิว อย่างเช่นพวกขมิ้นและพอกหน้าด้วยน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผึ้งป่าซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย ระหว่างนั้นเธอก็ออกแบบเสื้อผ้าไว้หลากหลายด้วยกัน แม้จะเลือกเรียนคณะบริหารก็ตาม เพราะเธอไม่มีความรู้เรื่องการบริหารบริษัทหากเธอมีโอกาสเปิดร้านเสื้อผ้ามาจะได้ไม่เจ้งเสียก่อน พอถึงวันที่ต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัย พี่เทียนอี้ได้มารับเธอจะพาไปส่งที่มหาวิทยาลัย ส่วนพ่อกับแม่ไม่ได้ไปเนื่องจากอายุเริ่มเยอะแล้ว ตอนที่ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านกู้ จ้าวหลินอี้เห็นบ้านกู้กำลังยืนส่งกู้เหวินเฟยขึ้นรถที่น่าจะจ้างมา จ้าวหลินอีสังเกตเห็นตู่จื่อหย่าชู้ของอดีตสามีในชาติก่อนอยู่ด้วย มันทำให้เธอทบทวนและดูแล้วทั้งสองคนจะรู้จักกันตั้งแต่แรก แต่เป็นเธอที่โง่เองที่ตาบอดหลงรักอีกฝ่ายจนหน้ามืดตามัวถูกสวมเขาตั้งนานแล้วก็ยังไม่รู้ตัว “ฮ่า ๆ ๆ รถยังไม่มีปัญญาจ้างไปส่ง แล้วจะมีปัญญาส่งผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์แบบนั้นเรียนได้ยังไง” “ฮ่าๆ นั่นสิ บ้านนั้นช่างโง่เขลาเสียจริง” บ้านกู้มองเห็นจ้าวเทียนอี้ที่ปั่นจักรยานให้น้องสาวซ้อน พวกเขาต่างหัวเราะให้กับสองพี่น้อง พร้อมกับการพูดทำนองที่ไม่ดี โดยเฉพาะสะใภ้ใหญ่บ้านกู้กับน้องสาวอดีตสามีที่ชอบตู่จื่อหย่ามากกว่า จ้าวหลินอีมองพวกเขาอย่างเย็นชา แต่เธอไม่ได้วิ่งลงจากรถจักรยานไปด่าตอบพวกเขา คนปากเสียแบบนี้สักวันคงได้ตายเพราะปากตัวเอง ไว้ให้เธอมีฐานะที่ร่ำรวยและมีหน้ามีตาแล้วค่อยกลับมาเอาคืนพวกเขาก็ยังไม่สาย เธอจะให้พวกเขาชดใช้กับสิ่งที่ทำกับเธอและลูกสาว เมื่อคิดถึงลูกสาวดวงตาคู่งามกลับหลุบต่ำลงซ่อนแววตาอาฆาตตัวเองไว้จนมิด ตอนนี้เธอยังเด็กจะเอาอนาคตไปทิ้งให้คนแบบนั้นไม่ได้ พอมาถึงสถานีรถไฟจ้าวหลินอีได้เผชิญหน้ากับตู่จื่อหย่าที่น่าจะรู้จักเธอ เพราะเห็นกระซิบกับน้องสาวของกู้เหวินเฟยแต่ไม่ได้เข้ามาทักทายมีเพียงส่งสายตามองมาที่เธอเท่านั้น เพราะพวกนั้นนั่งรถกระบะมาทำให้ถึงเร็วกว่าจักรยานที่พี่ชายปั่นมาส่งเธอ โชคดีที่รถไฟคนละขบวนกันกับเธอ ไม่อย่างนั้นหลายวันนี้คงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องหายใจร่วมขบวนกับพวกนั้นด้วย “เงินไม่พอหรือมีธุระอะไรด่วนต้องรีบโทรมาหาพี่เข้าใจไหม” จ้าวเทียนอี้ที่ยืนรอรถไฟเป็นเพื่อนน้องสาวเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะที่หล่อนต้องไปไกลจากบ้านหลายกิโลเดินทางร่วมสองวันถึงจะไปถึงมหาวิทยาลัย “ค่ะพี่ พี่ไม่ต้องห่วงฉันดูแลตัวเองได้” จ้าวหลินอีเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ความจริงตอนนี้เธออายุมากกว่าพี่ชายตอนนี้เสียอีก เธอเป็นแม่คนมาแล้วแม้จะล้มเหลวกับการเป็นแม่ก็ตาม เธอพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดใจแล้วส่งยิ้มให้จ้าวเทียนอี้หายห่วง“เดี๋ยวลูกไปเล่นที่หลังร้านก่อนนะ เดี๋ยวบ่ายๆ เรากลับบ้านกันจะได้ไปเตรียมอาหารเย็น”“ได้ค่ะ” เด็กหญิงตอบรับก่อนจะลากน้องชายไปด้วย ครั้งนี้เธอยอมเล่นฟันดาบกับเขา ทำให้ใบหน้าบูดบึ้งของน้องชายยิ้มออกมาได้ ยิ่งรู้ว่าตอนเย็นมีของชอบด้วยยิ่งทำให้สองฝาแฝดเล่นกันอย่างสนุกสนานจ้าวหลินอีรีบตัดเย็บชุดครอบครัวอย่างรวดเร็วเธอไม่ได้ให้ลูกจ้างคนอื่นช่วยเพราะอยากทำด้วยตนเอง ตอนนี้ร้านค้าทั้งสามสาขาของเธอกิจการดีมากและยังได้ผลกำไลเยอะขึ้นทุกปีและได้การตอบรับจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งได้ดาราดังมาช่วยเป็นนางแบบทำให้ร้านลี่หรงถังโด่งดังทั่วปักกิ่งเลยทีเดียว และเธอเคยส่งงานเข้าร่วมประกวดจนได้รางวัลการออกแบบดีเด่นมาประดับร้านอีกด้วยหลังจากตัดเย็บจนได้เวลาทำอาหารจ้าวหลินอีจึงได้เดินทางกลับบ้าน ส่วนวัตถุดิบเธอให้เด็กที่ร้านออกไปซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งเธอก็ได้มอบทิปน้ำใจให้เป็นการตอบแทนด้วย และการกระทำแบบนี้ทำให้ลูกจ้างที่ร้านลี่หรงถังต่างชอบนายจ้างแบบเธอมากและไม่มีใครลาออกจากงานสักคนเดียว งานดี เงินดีและยังมีเจ้านายที่แสนดีพวกหล่อนจึงกอดขาทองคำไ
ฉึก!!กู้เหวินเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาก้มมองภรรยาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่กลับมองเห็นแววตาแห่งความบ้าคลั่งของตู่จื่อเฟยถึงกลับทำให้เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อก้มมองตรงอกข้างซ้ายของตัวเองที่มีมีดปลายแหลมคมปักอยู่ ซึ่งเป็นมีดที่ตู่จื่อหย่าพกติดตัวตลอดตั้งแต่ถูกกู้เฉินฮุ่ยลวนลามเมื่อครั้งก่อน เธอเอาไว้ป้องกันตัวไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้ใช้มันกับคนที่เธอรักมากปึก!กรี๊ดดดด ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นลั่นบ้าน จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแต่น่าเสียดายที่ยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาเรื่องการแพทย์และไม่มีรถส่วนตัวที่จะหามส่งโรงพยาบาลได้ทัน เวลาต่อมากู้เหวินเฟยจึงได้เสียชีวิตลง เรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านที่มาพบเห็นเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนกหลังจากที่มีเหตุการณ์ฆ่ากันตายตู่จื่อหย่าไม่ได้หนีความผิด เธอเดินกลับเข้าห้องไปอย่างสงบและสุดท้ายก็จบชีวิตลูกน้อยด้วยน้ำตา ดวงตาที่มีแต่ความแค้นและความเกลียดชังมองไปยังบ้านกู้ก่อนจะจุดไฟเผาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จบชีวิตตัวเองตามไปด้วย เพราะรู้ดีว่าหากเธอไม่ตายก็ต้องติดคุ
แต่ชาตินี้เธอท้องกลับมีคนดูแลแทบจะไม่ได้เดินเองเลย ร้านค้าก็มีคนช่วยดูแลและนำเอกสารการเงินมาให้ดูถึงบ้าน และมาเล่ารายงานให้ฟังสองสามวันต่อครั้ง ความแตกต่างกันนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากขอบคุณสวรรค์ที่ให้ย้อนเวลากลับมาเธอจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่ากับการที่ได้มาเลยทีเดียวขณะที่จ้าวหลินอีถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหิน ทางด้านตู่จื่อหย่าถูกคนบ้านตระกูลกู้จิกหัวใช้ราวกับทาส คลอดลูกออกมาก็เป็นลูกสาวยิ่งทำให้แม่สามีชิงชังมากกว่าเดิมทุกวันนี้ร่างกายเธอผอมแห้งดวงตามีแต่ความเครียดแค้นชิงชัง ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตที่ดีของเธอต้องมาลงเอ่ยแบบนี้ พ่อที่เคยตามใจและหนุนหลังกลับติดคุก แม่ที่เคยตามใจเธอกลับหนีตามผู้ชายคนใหม่พี่ชายก็ไม่รู้หนีหายไปไหนสุดท้ายเธอจึงเหลือตัวคนเดียวทำให้คนบ้านกู้ต่างดูถูกต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งยังมีผู้ชายสารเลวอย่างกู้เฉินฮุ่ยที่คอยแอบเข้าหาและลวนลามเธอเวลาไม่มีคนอยู่ ทำให้เธอน้ำท่วมปากไม่สามารถป่าวตะโกนออกไปได้ส่วนสามีที่เธอคิดฝากฝังชีวิตกลับไม่ได้มาที่บ้านตั้งแต่รู้ว่าเธอคลอดลูกสาวแล้ว เมื่อก่อนเป็นเธอและครอบครัวที่ส่งเสียเ
ทว่าเวลาต่อมาจ้าวหลินอีจึงได้รู้ซึ้งแล้วว่า มาเก๊าเป็นสถานที่กินคนอย่างแท้จริง พวกคนงานถูกใช้งานยิ่งทาส ค่าครองชีพก็สูงเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้หญิงที่มาที่นี่ก็ถูกจับเข้าซ่องโสเภณีเสียส่วนใหญ่ หากไม่มีคนหนุนหลัง แม้กระทั่งคู่รักที่รักปานจะกลืนกินเมื่อมาที่มาเก๊าความรักก็จางหายมีแต่ความเห็นแก่ตัวให้เห็นเท่านั้น เพราะพวกเขาแม้กระทั่งขายผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารักมากให้กับชายอื่นเพื่อเงินเพื่อมีชีวิตต่อไปสิ่งที่เห็นในมาเก๊าทำให้จ้าวหลินอีรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก อยู่ปักกิ่งดีที่สุดแล้ว เมืองใหญ่ที่การแข่งขันสูงแต่ก็หาเงินได้คล่องและไม่ได้เบียดเบียนชีวิตใครแต่ถึงมาเก๊าจะมีสิ่งไม่ดีให้เห็นแต่ก็มีสิ่งสวยงามที่เย้ายวนให้ผู้คนเดินทางมามากมาย ที่นี่เหมือนไม่มีเวลากลางคืน มีแสงสว่างตลอดเวลาและมีความครึกครื่นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคาสิโนที่มีนักพนันมากมายมาเสี่ยงดวงที่นี่ บางคนเล่นหนักถึงกับเสียมือเสียเท้าไปเลยทีเดียวแต่นั่นเป็นความละโมบของพวกเขา จ้าวหลินอีเริ่มมองผู้คนด้วยความสงบนิ่งมากขึ้นไม่ได้มีแววตาตื่นตระหนกเหมือนวันแรกที่มาเยือน อีกทั้งข้างกายมีสามีอย่างเย่คุนข่
หลังจากแต่งงานได้สามวัน จ้าวหลินอีจึงได้กลับปักกิ่งอีกครั้งเพราะเธอยังเป็นห่วงร้านลี่หรงถัง และยังมีงานแต่งงานเมืองหลวงอีกรอบ พ่อกับแม่ของสามีอยากประกาศให้คนที่นี่รู้ว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งได้จองโรงแรมไว้อย่างยิ่งใหญ่ คนที่มาร่วมงานก็เป็นเหล่าทหารในค่ายทหารและเหล่าแม่บ้านเพื่อให้จ้าวหลินอีได้รู้จักภรรยาของทหารกล้าทั้งหลายด้วยซึ่งการกระทำแบบนี้ค่อนข้างสิ้นเปลือง แต่จ้าวหลินอีกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะนั่นเป็นการให้เกียรติเธอ อีกทั้งตอนนี้เธอไม่ใช่แค่เด็กบ้านนอกทีไร้การศึกษาและยากจนอีกต่อไป แม้ฐานะเธอจะสู้ข้าราชการไม่ได้แต่เธอก็ภูมิใจในงานของตัวเองเป็นอย่างมากงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แม้จะมีคนมาก่อความวุ่นวายเพราะความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านมาได้อย่างดี ซึ่งคนที่ก่อกวนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นครอบครัวตระกูลจินที่อ้างว่ามีสัญญาหมั้นหมายไว้เมื่อครั้งก่อนที่จ้าวหลินได้เจอ แต่สุดท้ายลูกสาวของพวกเขากลับตั้งครรภ์โดยไม่มีพ่อ พวกเขาจึงอยากให้เย่คุนข่ายรับเป็นพ่อของเด็กในท้องจึงได้วางแผนเรื่องนี้ขึ้นมา“ยินดีด้วยนะคะลูกสะใภ้สวยมากเลยค่
เย่คุนข่ายได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกมาเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดเจ้าสาวของเขาอย่างเบามือ เมื่อนัยน์ตาสบประสาน ทั้งสองก็เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างเนิบช้า ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาเข้าที่อวัยวะเดียวกัน จากความอ่อนโยนจนอุ่นซ่านไปทั้งใจ ก็เริ่มขบเม้มไล้เลียเข้าหากันไปมาอย่างเร่าร้อนชุดที่สวมใส่ถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว เพราะความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่รสจูบร้อนแรง ลิ้นชื้นสอดแทรกสำรวจไปตามโพรงปากอย่างหิวโหย เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นอย่างลามก ในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาผละออกก็มีน้ำใสสีเงินเชื่อมที่มุมปาก เป็นภาพที่ชวนให้ทั้งสองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อได้อย่างง่ายดายพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่รัวกว่าทุกทีเขาดันภรรยาให้นอนราบลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมกายหนาลงไปอย่างไม่รีรอ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ไปตามลำคอระหง กลิ่นหอมเฉพาะตัวทำเอาเขาอดใจไม่ไหวไล้จมูกสูดดมจนเสียงดังฟอด กระตุ้นให้จ้าวหลินอีหายใจติดขัดด้วยความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะสะดุ้งเกร็งเมื่อถูกปลายลิ้นลากผ่านสัมผัสเข้าที่ปลายยอดถัน สัมผัสแผ่วเบาทว่าสั่นสะท้านไปทั้งกาย เส้นความอดทนขาดผึงลงอย่างง่ายดายร่างหนาลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนทิ้งไปอย่างไม่