Share

ตอนที่ 6 ความเขินอายของสองคน

last update Huling Na-update: 2025-11-07 23:38:22

“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะถูกตัวเจ้า” ตงจวินเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หลิวซินตอบพลางก้มหน้า เสียงแผ่วเกือบขาดหาย ถึงแม้ครั้งหนึ่งนางจะเคยแต่งงานกับเขามาแล้ว แต่ความใกล้ชิดเช่นนี้ก็ยังทำให้นางไม่เคยชิน

ทั้งสองจึงแยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตน ตงจวินบังคับเกวียนวัวให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวล

กัวหยุนที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอด อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้ นางหันไปมองลูกสาวด้วยแววตาล้อเลียน

“ท่านแม่…ยิ้มอันใดกันหรือเจ้าคะ” หลิวซินเงยหน้าถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของมารดา

“ก็ยิ้มไปตามเรื่อง เมื่อเห็นสิ่งที่ข้าพอใจก็ยิ้มเท่านั้นเอง” กัวหยุนตอบพร้อมแกล้งหยอกเล็กน้อย

“ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว” หลิวซินทำเสียงงอน ก่อนหันสายตาออกไปมองสองข้างทางแทน

“เอาเถอะ อย่างไรเจ้าสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว สนิทกันไวเสียหน่อยจะเป็นไรไป” มารดากล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ ราวกับเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเอ็นดู

หลิวซินได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับมามองค้อนทันที ถึงมารดาจะไม่ถือ แต่นางถือ เรื่องแบบนี้น่าอายจนใจเต้นแรงแทบระเบิด

ตงจวินรับฟังเงียบ ๆ มิได้กล่าวแทรก แต่แววตากลับสะท้อนความอบอุ่นอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้ตัว

กัวหยุนเปลี่ยนเรื่องถามชายหนุ่ม เพราะเขาเข้าเมืองขายของอยู่บ่อยครั้ง “ตงจวิน เจ้าพอรู้หรือไม่ ว่าในเมืองมีร้านใดรับซื้อของในราคาสูงบ้าง” ปกติแล้วนางมักขายให้เพียงร้านค้าทั่วไป ไม่ค่อยได้ติดต่อร้านใหญ่ ๆ

“ถ้าเป็นของหายากราคาแพง ข้าแนะนำโรงเตี๊ยมเหยียนอวี่โหลว ร้านนั้นซื้อของตรงไปตรงมา และไม่กดราคา” ตงจวินตอบทันที เขาเคยนำหอยเป๋าฮื้อไปขายที่นั่นหลายครั้ง จึงมั่นใจในความน่าเชื่อถือของร้าน

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าไปส่งพวกข้าที่นั่นเถิด” กัวหยุนพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ โชคดีนักที่เจอคนรู้จัก มิฉะนั้นสองแม่ลูกคงลำบากไม่น้อย

“ได้ขอรับ” ตงจวินตอบรับ ทั้งที่ความจริงเขาเข้าเมืองครานี้เพื่อจะไปหาแม่สื่อและซื้อข้าวของเติมเข้าบ้าน เพราะกลัวว่าหากแต่งหลิวซินเข้ามาแล้ว นางจะลำบากกับความขาดแคลน

กัวหยุนยังไม่วายถามต่อ “แล้วเจ้ามีธุระสิ่งใดถึงเข้าเมืองเล่า”

“ข้าจะไปซื้อของบางอย่าง ว่าแต่ท่านจะกลับเช่นไร” เขาถามอย่างห่วงใย เพราะคาดว่ากว่าพวกนางจะเสร็จเรื่องก็คงมืดค่ำแล้ว

“ข้าขายของเสร็จแล้วจะซื้อของเล็กน้อย จากนั้นก็กลับ หากเจ้าออกจากเมืองเวลาเดียวกัน ข้าขอติดเกวียนเจ้ากลับด้วยได้หรือไม่” กัวหยุนถามด้วยแววตาคล้ายเกรงว่าลูกสาวจะเหน็ดเหนื่อยหากต้องเดินยามค่ำ

“เช่นนั้นก็รอข้าที่หน้าเมืองเถิด หากข้าซื้อของเสร็จก่อนก็จะไปคอยอยู่ตรงนั้น” ตงจวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ ไม่อยากให้สองแม่ลูกต้องเดินทางกลับในความมืด

“ได้ ๆ เจ้าช่างเป็นเด็กมีน้ำใจจริง ๆ ดีที่ข้าเลือกไม่ผิดให้ลูกสาวของข้า” กัวหยุนหันไปยิ้มล้อเลียนชายหนุ่ม

“ท่านแม่!” หลิวซินสะกิดแขนผู้เป็นมารดา นางอับอายเสียจนไม่อยากให้ท่านพูดต่อ

“เอา ๆ แม่ไม่พูดแล้วก็ได้” กัวหยุนหัวเราะในลำคอ คิดในใจว่าพอถึงวันแต่ง ทุกอย่างคงดำเนินไปด้วยดี ลูกสาวของนางงดงามถึงเพียงนี้ ย่อมทำให้ชายหนุ่มรักใคร่ได้ไม่ยาก

เมื่อเกวียนจอดถึงหน้าโรงเตี๊ยมเหยียนอวี่โหลว สองแม่ลูกจึงพากันลงและตรงเข้าไปด้านใน ช่วงนั้นโรงเตี๋ยมคึกคักด้วยผู้คนแน่นขนัด จนหาลูกจ้างได้ยาก กระทั่งกัวหยุนเห็นคนของร้านก็รีบเข้าไปแสดงของทันที

เมื่อเห็นหอยเป๋าฮื้อ ลูกจ้างจึงพาทั้งสองไปพบหลงจู๊ของโรงเตี๋ยมทันที

“พวกท่านคือผู้ที่นำหอยเป๋าฮื้อมาขายใช่หรือไม่ มีมากน้อยเพียงใด” หลงจู๊ถามขึ้นด้วยแววตาคาดหวัง

“มีไม่มากนักหรอก แต่ขนาดใหญ่กว่าแหล่งอื่นมาก ท่านสนใจหรือไม่” กัวหยุนเป็นฝ่ายกล่าว

“ซื้อสิ! ข้ามีเท่าใดก็รับทั้งหมด” หลงจู๊เอื้อมมือมาหยิบหอยขึ้นตรวจดูใกล้ ๆ ความสดใหม่ยังชัดเจน แถมตัวใหญ่กว่าที่เคยเห็น น่าเสียดายเพียงที่จำนวนมีน้อยไปหน่อยเท่านั้น

“ข้าให้ราคาตัวละหนึ่งร้อยอีแปะก็แล้วกัน หอยของเจ้าตัวใหญ่นัก” หลงจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาคิดว่าราคานี้ยุติธรรมที่สุด

“ได้เจ้าค่ะ หนึ่งร้อยอีแปะก็คุ้มแล้ว” กัวหยุนรับคำ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความปลาบปลื้ม เพียงหอยเปาฮื้อสามตัวก็ขายได้ถึงสามร้อยอีแปะ ลูกสาวของนางช่างเป็นลาภก้อนใหญ่ที่สวรรค์ประทานมาให้จริง ๆ

หลงจูหยิบเงินออกมาสามร้อยอีแปะแล้วส่งให้หญิงผู้นั้น พร้อมเอ่ยต่อ “หากเจ้ามีของดีเช่นนี้อีก ทางร้านเรายินดีรับซื้อทั้งหมด”

หลิวซินฉวยโอกาสถามในสิ่งที่นางอยากรู้ เพราะเงินเพียงเท่านี้ยังไม่พอสำหรับเป้าหมายของนาง “แล้วพวกกุ้งตัวใหญ่หรือปูเล่า ท่านรับซื้อหรือไม่” นางรู้อยู่แก่ใจว่าของเหล่านี้ไม่ค่อยมีคนนิยมรับประทานมากนักในช่วงนี้

“ทางร้านของข้ารับซื้อทุกอย่าง เพียงแต่ราคาของกุ้งกับปูคงไม่สูงเท่าหอยพวกนี้หรอก” เขาอธิบายอย่างตรงไปตรงมา “การทำอาหารจากมันยุ่งยาก แถมยังมีผู้คนไม่น้อยที่แพ้ จึงไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ครั้งหน้าข้าจะนำมาขายให้ท่าน” หลิวซินยิ้มบาง รู้สึกเบาใจที่ของที่นางหาอย่างน้อยยังมีที่รองรับ นางคิดในใจว่าคราวหน้าจะลองนำสูตรอาหารติดตัวมาด้วย หากเมนูขายดี วัตถุดิบที่นางหามาก็จะมีค่ามากขึ้นตามไปด้วย

เมื่อออกจากโรงเตี๊ยม แม่ลูกทั้งสองต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “ดีเหลือเกิน โรงเตี๋ยมนี้ช่างมีน้ำใจกับพวกเรา แม่เคยเห็นว่าเป็นสถานที่ใหญ่โตนัก จึงไม่กล้าเอาของมาขาย แต่ตอนนี้ ต่อให้มีมากเท่าไรเราก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว” กัวหยุนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

หลิวซินมองเห็นมารดาเต็มไปด้วยความสุข ใจก็พลอยเบิกบานตามไปด้วย “ครั้งหน้า หากเราได้ของดีจึงค่อยนำมาขาย หากเป็นของทั่วไปก็ขายกับพ่อค้าริมทะเลก็เพียงพอ จะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางเข้ามาเมืองบ่อยนัก”

“เอาเช่นนั้นตามเจ้าว่าเถิด” กัวหยุนพยักหน้าเชื่อคำลูกสาว วันนี้ก็ถือว่าเป็นผลงานที่น่าภูมิใจของนางอยู่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้น… ไปซื้อผ้าเพื่อตัดชุดแต่งงานให้เจ้ากันเถิด” กัวหยุนเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะตั้งใจนำเงินเก็บติดตัวออกมาเพื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว

หลิวซินพยักหน้ารับ เดินเคียงข้างมารดาด้วยใจที่อิ่มเอม ชาตินี้นางตั้งใจว่าจะไม่พลาดเหมือนเดิมอีก ทุกสิ่งต้องคิดให้รอบคอบที่สุด

ขณะกำลังเดิน สายตาของนางเหลือบไปเห็นคู่ชายหญิงที่เดินไม่ไกลนัก กัวหยุนมองตามแล้วก็เห็นชัดว่าเป็นบุรุษที่ลูกสาวเคยมีใจให้ นางเอ่ยเบา ๆ “ลูก...จะยังคิดถึงเขาอยู่อีกหรือ แม่ได้ยินมาว่าเขากำลังจะแต่งงานเช่นกันนะ”

หลิวซินส่ายหน้าช้า ๆ เสียงหนักแน่น “ข้าเลิกรู้สึกเช่นนั้นแล้ว เขาจะแต่งกับผู้ใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีก”

ในชาติปางก่อน เขาแต่งงานในเวลาใกล้เคียงกับนาง ทั้งยังอาศัยการแต่งงานนั้นเพื่อให้ตนมีเงินเล่าเรียนต่อไป เจ้าสาวของเขาก็คือลูกสาวอาจารย์ผู้สอนในสำนักศึกษา เดิมทีเรื่องนี้เคยทำให้นางเจ็บปวด แต่บัดนี้หัวใจของนางสงบนิ่ง ความเศร้าในวันวานก็จางหายสิ้น

“ไปกันเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวตงจวินจะรอนาน” หลิวซินเอื้อมจับแขนมารดา พาเดินเลี่ยงจากตรงนั้นโดยเร็ว

ทางด้านชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาสะดุดตาเหมือนเห็นคนคุ้นเคย คราแรกยังไม่มั่นใจ แต่พอพินิจจึงแน่ใจว่าใช่หลิวซินจริง ๆ หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้พบหน้านาง ได้ยินมาว่านางใกล้จะเข้าพิธีแต่งงาน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเขาคือ นางจะทิ้งเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้หรือ

หากนางแต่งงานจริง เงินที่เคยให้เขาคงลดน้อยลง แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าหลังแต่งแล้ว นางจะมีเงินมากกว่าเดิมเสียอีก

เขาไม่รู้สึกกังวลมากนัก เพราะมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหลิวซินยังคงรักเขาเสมอ แต่ก่อนเขาเคยรำคาญที่นางตามตื๊อ ทว่าต้องยอมรับว่าใบหน้าของนางงดงามไม่เบา ยิ่งรูปร่างนั่นยิ่งทำให้เขาถูกใจไม่น้อย จึงแอบหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง เพียงน่าเสียดายที่แม่ของนางมักคอยกีดกันอยู่เสมอ

แต่ถึงอย่างไร… เรื่องพวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งน่าหนักใจ ตราบใดที่หลิวซินยังคงมีใจให้เขา ไม่ว่านางจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วหรือไม่ก็หาได้สำคัญไม่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 11 ได้วันแต่งงาน

    หลิวซินรีบออกมาจากมิติ เมื่อถึงยามเที่ยงก็เห็นมารดาเดินหอบตะกร้ากลับมา นางรีบวิ่งออกไปช่วยถือของเข้าบ้านด้วยท่าทางคล่องแคล่ว“เจ้าไม่ต้องช่วยแม่หรอก มือของเจ้ายังเจ็บอยู่มิใช่หรือ” กัวหยุนเหลือบตามองแผลของลูกสาวด้วยความห่วงใย“ตอนนี้มือของข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่เพิ่งกลับมา เหนื่อยทั้งเช้า ควรกินข้าวเสียก่อน” หลิวซินเอ่ยพลางมองมารดาด้วยแววตาเวทนา ตั้งแต่บิดาสิ้นชีวิต มารดาก็เป็นผู้แบกรับทุกสิ่ง เลี้ยงดูนางเพียงลำพัง“ท่านแม่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” เสียงของนางอ่อนโยน แฝงความสงสารอย่างจริงใจกัวหยุนชะงักไป ดวงตาคู่สวยแดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่เลี้ยงลูกสาวมาก็ไม่เคยได้ยินถ้อยคำห่วงใยเช่นนี้ “แม่ไม่เหนื่อยหรอก ยังมีแรงเลี้ยงหลานเจ้าได้อีกหลายคน” นางยิ้มบาง ๆ ทั้งยังแอบฝันเงียบ ๆ ว่าอยากอยู่ดูหลานน้อยในอนาคตหลิวซินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใจเจือด้วยความอบอุ่น ชาติที่แล้วมารดามีอายุไม่ยืน ครั้งนี้ข้าจะทำให้ทุกความปรารถนาของท่านเป็นจริงให้ได้… เมื่อแต่งงานแล้ว จะรับท่านแม่ไปอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้นางยังมิได้เอ่ยออกไป“วันนี้ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้ หรือว่าตอนตกน้ำศีรษะกระแทกจนเปลี่ยนไป” มารด

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 10 แสดงละครให้ใครดูกัน

    “ท่านมาหาข้าที่นี่ คงไม่ใช่เพียงเรื่องเล็กน้อยใช่หรือไม่?” นางหรี่ตาคมมองชายตรงหน้าอย่างคาดคั้นเจียงหมินหัวเราะเบา ๆ พลางทำท่าทางใสซื่อเช่นที่นางเคยชอบ “พี่ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนหรอก เรื่องที่จะพูด อาจทำให้น้องลำบากใจอยู่บ้าง” เขาอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด“อีกเจ็ดวันพี่ต้องเดินทางไปสอบที่เมืองตงชาง จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย แต่เงินที่พี่มีไม่เพียงพอ” เขาเหลือบมองนางด้วยแววตาน่าสงสาร “น้องพอจะช่วยพี่ได้หรือไม่”หลิวซินไม่แปลกใจ นางคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องมาขอเรื่องนี้ หากเป็นเมื่อก่อน นางคงควักเงินที่มี หรือแม้กระทั่งแอบขโมยจากมารดามอบให้เขาจนหมด แต่ตอนนี้…อย่าหวังเลยว่าจะได้แม้แต่อีแปะเดียวจากนางนางแสร้งไอเบา ๆ “ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ท่านก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าตกน้ำจนป่วย และวันนี้ยังล้มจนมือบาดเจ็บอีก จำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาตัวอยู่มาก ข้ากำลังตั้งใจจะไปหาท่านพอดี อยากจะขอยืมเงินจากท่านสักเล็กน้อย พอเป็นค่ารักษายา” นางหยุดพูดพลางไอออกมาอีกครั้ง“ท่านพอจะมีให้ข้าบ้างหรือไม่ เงินที่ข้ามี หมดไปกับค่ารักษาข้าหมดแล้ว ไหน ๆ อีกไม่นานเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไ

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 9 คำหวานของคนเลว

    หลิวซินมองการกระทำของเขาอย่างตั้งใจ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เพ่งพินิจชัด ๆ จึงเห็นว่าเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ถึงจะไม่เรียบร้อยงดงามแบบบัณฑิตในเมืองใหญ่ แต่ร่างสูงใหญ่สง่างาม ใบหน้าคมแฝงความอ่อนหวานอย่างลงตัว ริมฝีปากได้รูปรับกับสันจมูกโด่งผึ่งผาย… นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าของตงจวินอย่างจริงจัง ‘สามีเช่นนี้ เหตุใดชาติก่อนข้าถึงตามืดบอด มองไม่เห็นคุณงามความดีของเขากันเล่า’ในขณะที่นางกำลังยิ้มบางมองเขาอยู่นั้น พอดีกับที่ตงจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับรอยยิ้มหวานแฝงความลึกซึ้งทันทีหลิวซินสะดุ้งเล็กน้อย รีบหุบยิ้ม มือที่ถูกเขาจับอยู่ค่อย ๆ ดึงกลับ “ข้าขอบคุณท่านมาก” นางเอ่ยเสียงเบา แม้เขาจะทำแผลให้นาง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเท่าใดนัก“เจ้าแน่ใจหรือไม่ ว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักเจ้า” เขาถามด้วยความเป็นห่วงทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์ย้อนเข้ามา แม้นางหันหลังอยู่ แต่ยังพอมองเห็นร่างหนึ่งรีบก้าวออกจากโขดหินอย่างลนลาน และนางจำแผ่นหลังนั้นได้ชัดเจน เหอซาน หญิงสาวที่แอบรักตงจวินข้างเดียว นางเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้ออกไป หากอีกฝ่ายหมายเอาชีวิตตน เช่นนั้นนางก็จะตอบแทนก

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 8 หน้ามืดตาบอด

    หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย หลิวซินก็แบกตะกร้าเดินตามมารดาออกมาหาของขายริมทะเล ช่วงนี้นางยังไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ด้วยตนเองนัก จึงตั้งใจลองติดตามมารดามาดูเผื่อจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นว่ามีผู้คนจับจองพื้นที่กันอยู่ก่อนแล้ว ชาวบ้านมากมายต่างกระจายกันหาของขาย ไม่ใช่ว่านางมาช้า เพียงแต่คนอื่นมาก่อน จึงทำให้หลิวซินกับมารดากลายเป็นจุดสนใจในสายตาผู้คนทันทีสายตาของเหอซานสะดุดเข้ากับหลิวซินตั้งแต่นางก้าวเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ยิ่งเห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ความขุ่นมัวในใจยิ่งก่อตัวแรงขึ้น หลังได้ยินคำยืนยันจากชายหนุ่มที่ตนหมายปอง ความริษยาที่มีอยู่แต่เดิมก็ยิ่งทวีขึ้น จากเดิมที่อิจฉาเพียงเพราะความงาม กลับกลายเป็นทั้งอิจฉาและเกลียดชังจนอยากให้หลิวซินเลือนหายไปจากโลกนี้เสียจริงหลิวซินยิ้มทักทายชาวบ้านรอบข้าง ทว่าความรู้สึกเหมือนถูกสายตาใครบางคนจ้องมอง ทำให้นางเผลอเหลียวตาม และดวงตาก็สบเข้ากับเหอซานพอดี แววตาของหญิงสาวผู้นั้นเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร หลิวซินหวนคิดถึงชาติก่อน เหอซานก็มีบทบาทอยู่ในชีวิตนางเช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยแสดงท่าทีเกลียดชังโจ่งแจ้งเช่นตอนนี้ ทว่าเรื่องน

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 7 ไม่ใช่ใข่มุกธรรมดา

    กัวหยุนเห็นว่าลูกสาวไม่อยากอยู่ตรงนั้นนาน นางจึงไม่รั้งรีบพาเดินตรงไปยังร้านผ้าตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อไปถึงก็เลือกผ้าสีแดงสดผืนใหญ่ขึ้นมา สีสันนั้นช่างขับผิวของบุตรสาวให้งามยิ่งนัก นางไม่ลังเลที่จะควักเงินเก็บจ่ายทันทีหลิวซินมองมารดาที่กำลังยิ้มชื่นชมผ้าสีแดง รู้สึกอบอุ่นใจ แต่ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “ท่านแม่… ผ้าผืนนี้ช่างใหญ่ยิ่งนัก ท่านซื้อเกินไปหรือไม่” เพราะด้วยขนาดนี้ นอกจากจะทำชุด ยังพอเย็บผ้าห่มหรือผ้าม่านได้อีกหลายผืนเลยทีเดียวกัวหยุนหัวเราะเบา ๆ พลางลูบผืนผ้าในมือ “ไม่ใหญ่ไปหรอก แม่จะตัดชุดให้เจ้า ทำผ้าห่ม หมอน และยังทำผ้าม่านสีเดียวกันอีกด้วย ลูกสาวเพียงคนเดียวของแม่จะแต่งงานทั้งที ย่อมต้องจัดให้สมเกียรติ อย่าให้ผู้ใดมาดูถูกได้”น้ำเสียงอบอุ่นแฝงความหวังลึก ๆ ว่าอีกไม่นานบ้านหลังนี้คงจะไม่เงียบเหงา หากมีเสียงหัวเราะและเสียงก้าวเดินเล็ก ๆ ของหลาน ๆเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ใบหน้าของหลิวซินก็แดงซ่าน ความหมายที่มารดาสื่อออกมา นางเข้าใจดีจนอยากแทรกแผ่นดินหนีกัวหยุนเห็นท่าทีเขินอายของลูกสาวก็พลอยยิ้มเอ็นดู หลังจากเลือกผ้าที่ต้องการเสร็จ ทั้งสองก็แวะไปยังร้านขายหมูต่อหลิวซินกวาดตามอง เห

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 6 ความเขินอายของสองคน

    “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะถูกตัวเจ้า” ตงจวินเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หลิวซินตอบพลางก้มหน้า เสียงแผ่วเกือบขาดหาย ถึงแม้ครั้งหนึ่งนางจะเคยแต่งงานกับเขามาแล้ว แต่ความใกล้ชิดเช่นนี้ก็ยังทำให้นางไม่เคยชินทั้งสองจึงแยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตน ตงจวินบังคับเกวียนวัวให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวลกัวหยุนที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอด อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้ นางหันไปมองลูกสาวด้วยแววตาล้อเลียน“ท่านแม่…ยิ้มอันใดกันหรือเจ้าคะ” หลิวซินเงยหน้าถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของมารดา“ก็ยิ้มไปตามเรื่อง เมื่อเห็นสิ่งที่ข้าพอใจก็ยิ้มเท่านั้นเอง” กัวหยุนตอบพร้อมแกล้งหยอกเล็กน้อย“ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว” หลิวซินทำเสียงงอน ก่อนหันสายตาออกไปมองสองข้างทางแทน“เอาเถอะ อย่างไรเจ้าสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว สนิทกันไวเสียหน่อยจะเป็นไรไป” มารดากล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ ราวกับเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเอ็นดูหลิวซินได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับมามองค้อนทันที ถึงมารดาจะไม่ถือ แต่นางถือ เรื่องแบบนี้น่าอายจนใจเต้นแรงแทบระเบิดตงจวินรับฟังเงียบ ๆ มิได้กล่าวแทรก แต่แววตากลับสะท้อนความอบอุ่นอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status