ทางด้านหลิวหยุนจิงในระหว่างการเดินทางนางได้ใช้ช่วงเวลานี้ศึกษาเส้นทางไปด้วย และในระหว่างที่นางกำลังจะผ่านช่องเขาหัวกะโหลกซึ่งเป็นสถานที่ฮั่วหยุนแจ้งมาว่าอันตรายนางจึงยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษ
“ถังเจี่ยเจ้าคะ เหตุใดจึงมีคนร่ำลือกันว่าสถานที่ตรงนั้นเป็นอันตรายกัน” นิ้วของหลิวหยุนจิงชี้นิ้วลงไปทางเบื้องล่างถามออกมาด้วยความอยากรู้
หลิวซูเหยามองตามนิ้วของนางก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่องเขาหัวกะโหลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในทางไม่ดีมานานแล้วเพราะที่นี่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ทั้งสองด้านของช่องเขานั้นล้วนเป็นหุบเหวลึกยากแก่การปีนป่าย ทำให้โจรป่ามักใช้ช่องเขาแห่งนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง พวกมันจะคอยดักซุ่มโจมตีผู้ที่เดินทางผ่านไปมา หลอกล่อเหยื่อให้หลงเข้าไปในกับดัก”
หลิวซูเหยาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวเสริมออกมาอีกหลังเห็นสีหน้าสนอกสนใจของคนเป็นน้อง
“นอกจากนี้ ความสลับซับซ้อนของช่องเขายังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอย่างยิ่ง บางครั้งเส้นทางก็แคบและขรุขระ บางช่วงก็มีหน้าผาสูงชัน ทำให้ผู้ที่เดินทางผ่านต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้านดังนั้นจึงได้ชื่อว่าช่องเขาหัวก
“เยว่ฮวา ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสิ่งที่เจ้ากลัวด้วย” คำกล่าวของฮั่วหยุนทำให้เจ้าตัวได้รับดวงตาขุ่นเขียวจากเด็กหญิง“ข้าไม่ได้กลัวเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าแค่ยังไม่คุ้นเคย” เจ้าตัวน้อยแย้งพลางอมลมทำแก้มป่อง“ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้วแต่วันนี้พวกเรายังไม่ได้ออกเดินทางหรอกนะเนื่องจากแสงสุดท้ายของวันจะลาลับแล้ว” ฮั่วหยุนกล่าวพลางมองไปยังท้องฟ้าที่กำลังเริ่มเปลี่ยนสีแสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงบนทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย แผ่รัศมีสีทองอร่ามไปทั่วบริเวณ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าทาบทอเงายาวบนพื้นดิน อากาศเริ่มเย็นลง สายลมพัดผ่านทุ่งหญ้าสีทองราวกับคลื่นแผ่วเบาทหารฮั่นเริ่มก่อกองไฟรอบค่ายเพื่อให้ความอบอุ่นและความสว่างในยามค่ำคืน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของทหารดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของทุ่งหญ้า กลิ่นอาหารค่ำลอยอบอวลไปทั่วค่ายสร้างบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเองหลิวหยุนจิงกับหลิวซูเหย่านั่งอยู่ข้างกองไฟมองดูแสงสุดท้ายของวันด้วยความเพลิดเพลิน หลิวหยุนจิงไม่เคยเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน“ที่นี่สวยมากเลยใช่ไหมล่ะ” หลิวซูเหยากระซิบถาม
“แล้วเราจะหาหลักฐานได้อย่างไร?” หลิวซูเหยาถามด้วยความสงสัย“เรื่องนี้ข้าย่อมมีหนทางเจ้าค่ะ และหลังจากเราได้หลักฐานมากพอข้าคิดว่าพวกเราควรรีบเดินทางไปให้ถึงเมืองเตี้ยนหวงให้เร็วที่สุด“ได้ข้าฟังเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมมีวิธีที่ดีที่สุด” หลิวซูเหยาพูดด้วยสีหน้าหนักแน่นก่อนจะใช้กล้องส่องทางไกลมองลงไปยังเบื้องล่างเพื่อเป็นการสำรวจต่อไปหลิวหยุนจิงมองตามสายตาของหลิวซูเหยาก่อนจะหันไปหาอวิ๋นซิงอวิ๋นซิง เจ้าให้นกน้อยของเจ้าสอดแนมในค่ายทหารนั้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางกล่าวพลางครุ่นคิดหากว่าเจ้านกน้อยเหล่านั้นสามารถรู้ถึงกำลังพล อาวุธแผนการ และเส้นทางลับของพวกมันได้จะดีมากข้าจะเลี้ยงธัญพืชไม่อั้นเลย ใครอยากกินอะไรก็จะได้ตามนั้นเจ้าพูดแล้วนะ ห้ามคืนคำเล่า อวิ๋นซิงพูดพลางกระพือปีกของตนดวงตาเป็นประกายวิบวับ แต่ข้าขอเพิ่มอีกอย่างได้หรือไม่หลิวหยุนจิงยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทันในคำพูดของสหาย สุราหยาดน้ำค้างใช่หรือไม่อวิ๋นซิงผงกหัวของตนลงจนหงอนบนหัวเล็ก ๆ กระดิก เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งสหา
ทางด้านหลิวหยุนจิงในระหว่างการเดินทางนางได้ใช้ช่วงเวลานี้ศึกษาเส้นทางไปด้วย และในระหว่างที่นางกำลังจะผ่านช่องเขาหัวกะโหลกซึ่งเป็นสถานที่ฮั่วหยุนแจ้งมาว่าอันตรายนางจึงยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษ“ถังเจี่ยเจ้าคะ เหตุใดจึงมีคนร่ำลือกันว่าสถานที่ตรงนั้นเป็นอันตรายกัน” นิ้วของหลิวหยุนจิงชี้นิ้วลงไปทางเบื้องล่างถามออกมาด้วยความอยากรู้หลิวซูเหยามองตามนิ้วของนางก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่องเขาหัวกะโหลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในทางไม่ดีมานานแล้วเพราะที่นี่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ทั้งสองด้านของช่องเขานั้นล้วนเป็นหุบเหวลึกยากแก่การปีนป่าย ทำให้โจรป่ามักใช้ช่องเขาแห่งนี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง พวกมันจะคอยดักซุ่มโจมตีผู้ที่เดินทางผ่านไปมา หลอกล่อเหยื่อให้หลงเข้าไปในกับดัก”หลิวซูเหยาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวเสริมออกมาอีกหลังเห็นสีหน้าสนอกสนใจของคนเป็นน้อง“นอกจากนี้ ความสลับซับซ้อนของช่องเขายังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอย่างยิ่ง บางครั้งเส้นทางก็แคบและขรุขระ บางช่วงก็มีหน้าผาสูงชัน ทำให้ผู้ที่เดินทางผ่านต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้านดังนั้นจึงได้ชื่อว่าช่องเขาหัวก
ฮั่วชวี่ปิ้งที่กำลังหารือเรื่องการรบอยูกับหานซินหลังจากได้ยินทหารมารายงานเรื่องวัตถุประหลาดกับกองทัพนกขุนพลหนุ่มจึงได้รีบเดินออกจากกระโจมอย่างรวดเร็วและเมื่อสองตาของเขาเห็นสิ่งที่กำลังลอยอยู่ดวงตาก็ปรากฏแววยินดี“เสบียงจากเยว่ฮวามาถึงแล้ว” คำพูดนี้ทำให้เหล่าทหารและนายกองที่ได้ยินต่างพากันตกตะลึง“ท่านแม่ทัพ หมายความว่าเช่นไรหรือขอรับ” นายกองคนหนึ่งประสานมือถามอย่างใคร่รู้“ธิดาเทพได้ส่งเสบียงมาให้เราแล้วอย่างไรล่ะ นางส่งมาโดยใช้ลูกลมร้อน” ฮั่วชวี่ปิ้งพูดพลางชี้นิ้วขึ้นไปทางลูกลมร้อนในขณะที่นกจำนวนหนึ่งได้ทิ้งเชือกลงมาให้คนด้านล่างโดยที่ทหารเหล่านั้นยังไม่ทันหายตกใจกับคำว่าเสบียง“ช่วยกันดึงเชือก ระวังกันด้วยล่ะ” ฮั่วชวี่ปิ้งสั่งการเสียงดังโดยที่มือของเจ้าตัวก็มีเชือกอยู่เส้นหนึ่งทหารฮั่นที่ยังคงสับสนกับสิ่งที่เห็นแต่ด้วยความเคารพต่อแม่ทัพของตนพวกเขาจึงรีบเข้าไปช่วยกันดึงเชือกที่นกอินทรีหย่อนลงมา แต่ละคนดึงเชือกด้วยความระมัดระวังพยายามไม่ให้ตะกร้าเสบียงเสียหายและเมื่อผูกเชือกเรียบร้อยกับต้นเสาดวงตาของทหารทุกนายก็พลันเบิกกว้างเมื่อเห
ในระหว่างที่หลิวหยุนจิงกำลังขี้นตะกร้าลูกลมร้อนโดยที่ครั้งนี้อวิ๋นซิงได้เรียกนกเหยี่ยวจำนวนมากมาเป็นตัวช่วย เหล่าผู้คนที่รอชมการเดินทางที่พวกเขาไม่เคยเห็นก็พลันแสดงสีหน้าตื่นตะลึง“ข้าไม่เคยเห็นนกเหยี่ยวมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย” หนึ่งในผู้ที่มาส่งหลิวหยุนจิงพูดพลางชิ้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า“ทุกคนข้ากับพี่สาวไปก่อนนะเจ้าคะ” หลิวหยุนจิงกล่าวพร้อมกับโบกมือให้พวกเขารวมถึงทุกคนในครอบครัวในตอนนี้เจ้าเสี่ยวอันตัวน้อยได้น้ำตาไหลอาบใบหน้าอย่างเสียใจแม้ว่าเจ้าตัวจะรับปากคนเป็นพี่เอาไว้ซะดิบดี“พี่สาว อย่าลืมคิดถึงข้านะขอยับ” น้ำเสียงไม่ชัดของเจ้าตัวน้อยตะโกนเสียงดัง“พี่ไม่ลืมหรอก เอาไว้พี่จะหาของจากเมืองชายแดนมาฝากเจ้า” หลิวหยุนจิงป้องปากตะโกนบอกน้องชายหลังจากลูกลมร้อนลอยขึ้นสูงจากพื้นคราแรกหลิวซูเหยายังคงรู้สึกหวาดเสียวอยู่บ้างทว่าหลังจากลูกลมร้อนลอยขึ้นสูงและเห็นคนเบื้องล่างเล็กลงความรู้สึกของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาแทน“เยว่ฮวา! นี่มันเยี่ยมมากเลย”หลิวหยุนจิงเผยรอยยิ้มบางส่งให้นาง
สิ่งที่หลิวหยุนจิงทำได้ไปเข้าหูขององค์ฮ่องเต้ในเย็นวันเดียวกันจากการรายงานของหลิวห่าวเทียนเนื่องจากเจ้าตัวไม่ต้องการให้มีคนถือโอกาสนี้มาใส่ไฟก้นของหลิวเช่อแทบไม่ติดเก้าอี้หลังได้ยินคำพูดของเขา “ฮ่า ๆ ข้าจะแต่งตั้งให้หลิวหยุนจิงเป็นเสี้ยนจู”หลิวห่าวเทียนตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงเพราะไม่คิดว่าองค์ฮ่องเต้ที่ไม่ชื่นชอบการนับพระญาติกับใครเท่าไหร่นักจะประกาศคำพูดนี้ออกมา“จางเต๋อ นำพู่กันและผ้าไหมทองมาให้เรา” สุรเสียงของพระองค์ตรัสเสียงดังหลิวห่าวเทียนที่ยืนอยู่ไม่คิดว่าพระองค์จะใจร้อน “ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าควรให้เสบียงไปถึงป้อมอวี้เหมินกวนก็ไม่สาย”“เจ้าไม่มั่นใจว่านางจะทำสำเร็จเช่นนั้นหรือ” องค์หลิวเช่อตรัสด้วยรอยยิ้ม“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมไม่อยากให้เกิดข้อครหาตามมาในภายหลัง” หลิวห่าวเทียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาซึ่งการกระทำของเขาองค์ฮ่องเต้เองก็เข้าใจเป็นอย่างดี“เอาเถอะตามใจท่าน ว่าแต่เราได้ยินมาว่านางจะเดินทางไปเมืองเตี้ยนหวงเรื่องนี้จริงหรือเท็จกัน”หลิวห่าวเทียนย่อมรู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังต่อ