“แล้วเราจะหาหลักฐานได้อย่างไร?” หลิวซูเหยาถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้ข้าย่อมมีหนทางเจ้าค่ะ และหลังจากเราได้หลักฐานมากพอข้าคิดว่าพวกเราควรรีบเดินทางไปให้ถึงเมืองเตี้ยนหวงให้เร็วที่สุด
“ได้ข้าฟังเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมมีวิธีที่ดีที่สุด” หลิวซูเหยาพูดด้วยสีหน้าหนักแน่นก่อนจะใช้กล้องส่องทางไกลมองลงไปยังเบื้องล่างเพื่อเป็นการสำรวจต่อไป
หลิวหยุนจิงมองตามสายตาของหลิวซูเหยาก่อนจะหันไปหาอวิ๋นซิง
อวิ๋นซิง เจ้าให้นกน้อยของเจ้าสอดแนมในค่ายทหารนั้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางกล่าวพลางครุ่นคิด
หากว่าเจ้านกน้อยเหล่านั้นสามารถรู้ถึงกำลังพล อาวุธแผนการ และเส้นทางลับของพวกมันได้จะดีมากข้าจะเลี้ยงธัญพืชไม่อั้นเลย ใครอยากกินอะไรก็จะได้ตามนั้น
เจ้าพูดแล้วนะ ห้ามคืนคำเล่า อวิ๋นซิงพูดพลางกระพือปีกของตนดวงตาเป็นประกายวิบวับ แต่ข้าขอเพิ่มอีกอย่างได้หรือไม่
หลิวหยุนจิงยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทันในคำพูดของสหาย สุราหยาดน้ำค้างใช่หรือไม่
อวิ๋นซิงผงกหัวของตนลงจนหงอนบนหัวเล็ก ๆ กระดิก เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งสหา
ฮั่วชวี่ปิ้งที่กำลังหารือเรื่องการรบอยูกับหานซินหลังจากได้ยินทหารมารายงานเรื่องวัตถุประหลาดกับกองทัพนกขุนพลหนุ่มจึงได้รีบเดินออกจากกระโจมอย่างรวดเร็วและเมื่อสองตาของเขาเห็นสิ่งที่กำลังลอยอยู่ดวงตาก็ปรากฏแววยินดี“เสบียงจากเยว่ฮวามาถึงแล้ว” คำพูดนี้ทำให้เหล่าทหารและนายกองที่ได้ยินต่างพากันตกตะลึง“ท่านแม่ทัพ หมายความว่าเช่นไรหรือขอรับ” นายกองคนหนึ่งประสานมือถามอย่างใคร่รู้“ธิดาเทพได้ส่งเสบียงมาให้เราแล้วอย่างไรล่ะ นางส่งมาโดยใช้ลูกลมร้อน” ฮั่วชวี่ปิ้งพูดพลางชี้นิ้วขึ้นไปทางลูกลมร้อนในขณะที่นกจำนวนหนึ่งได้ทิ้งเชือกลงมาให้คนด้านล่างโดยที่ทหารเหล่านั้นยังไม่ทันหายตกใจกับคำว่าเสบียง“ช่วยกันดึงเชือก ระวังกันด้วยล่ะ” ฮั่วชวี่ปิ้งสั่งการเสียงดังโดยที่มือของเจ้าตัวก็มีเชือกอยู่เส้นหนึ่งทหารฮั่นที่ยังคงสับสนกับสิ่งที่เห็นแต่ด้วยความเคารพต่อแม่ทัพของตนพวกเขาจึงรีบเข้าไปช่วยกันดึงเชือกที่นกอินทรีหย่อนลงมา แต่ละคนดึงเชือกด้วยความระมัดระวังพยายามไม่ให้ตะกร้าเสบียงเสียหายและเมื่อผูกเชือกเรียบร้อยกับต้นเสาดวงตาของทหารทุกนายก็พลันเบิกกว้างเมื่อเห
“ยาโถวตัวเหม็นเจ้ารีบพูดมาว่าเหตุใดทำให้เจ้าถึงคิดว่าคนผู้นั้นจะเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้า” เฉิงอี้หลงหรี่ตามองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยสายตาฉายแววสงสัย“เรื่องนี้...” หลิวหยุนจิงกำลังคิดหาทางออกที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือที่สุด(หากข้าบอกว่าโลกนี้เป็นเพียงนิยายและมีตัวร้ายเป็นสองพ่อลูกหลี่เป็นตัวดำเนินเรื่องท่านจะหาว่าข้าบ้าหรือเปล่า) แววตาของนางสื่อออกมาถึงความกังวลจนทำให้เฉิงอี้หลงยิ่งทวีความอยากรู้“เยว่ฮวา เจ้าพูดมาเถอะข้าย่อมเชื่อเจ้าเพราะเจ้าเป็นตัวแทนของสวรรค์” คำพูดของชายชราเหมือนจะชี้ทางสว่างให้แก่นาง(ใช่แล้ว...เอาแบบนี้แหละ) นางคิดก่อนจะเริ่มกล่าวออกมาสีหน้าแฝงความจริงจังพลางจ้องมองตาของชายชราโดยไม่หลบเลี่ยง“ข้าเคยฝันเจ้าค่ะ ในนิมิตนั้นข้าเห็นภาพของหลี่เจี้ยนเฉิงกับหลี่อี้เฉินเข้าร่วมกับใครบางคนก่อกบฏ” หลังได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของเฉิงอี้หลงพลันแปรเปลี่ยนเป็นตี่นตระหนก“เยว่ฮวา! เรื่องนี้ใหญ่หลวงนักเจ้าพูดจริงหรือไม่ลูกรัก” ซุนเหวินที่นั่งฟังอยู่ด้วยเริ่มก้นไม่ติดเก้าอี้“ข้าไม่ทราบแน่ชัดเจ้าค่ะ ทว่าในนิมิตนั้นมีบางส่วนตรงกับเหตุการณ์
“เยว่ฮวา ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสิ่งที่เจ้ากลัวด้วย” คำกล่าวของฮั่วหยุนทำให้เจ้าตัวได้รับดวงตาขุ่นเขียวจากเด็กหญิง“ข้าไม่ได้กลัวเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าแค่ยังไม่คุ้นเคย” เจ้าตัวน้อยแย้งพลางอมลมทำแก้มป่อง“ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้วแต่วันนี้พวกเรายังไม่ได้ออกเดินทางหรอกนะเนื่องจากแสงสุดท้ายของวันจะลาลับแล้ว” ฮั่วหยุนกล่าวพลางมองไปยังท้องฟ้าที่กำลังเริ่มเปลี่ยนสีแสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงบนทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย แผ่รัศมีสีทองอร่ามไปทั่วบริเวณ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าทาบทอเงายาวบนพื้นดิน อากาศเริ่มเย็นลง สายลมพัดผ่านทุ่งหญ้าสีทองราวกับคลื่นแผ่วเบาทหารฮั่นเริ่มก่อกองไฟรอบค่ายเพื่อให้ความอบอุ่นและความสว่างในยามค่ำคืน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของทหารดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของทุ่งหญ้า กลิ่นอาหารค่ำลอยอบอวลไปทั่วค่ายสร้างบรรยากาศแสนอบอุ่นและเป็นกันเองหลิวหยุนจิงกับหลิวซูเหย่านั่งอยู่ข้างกองไฟมองดูแสงสุดท้ายของวันด้วยความเพลิดเพลิน หลิวหยุนจิงไม่เคยเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน“ที่นี่สวยมากเลยใช่ไหมล่ะ” หลิวซูเหยากระซิบถาม
ในระหว่างที่หลิวหยุนจิงกำลังขี้นตะกร้าลูกลมร้อนโดยที่ครั้งนี้อวิ๋นซิงได้เรียกนกเหยี่ยวจำนวนมากมาเป็นตัวช่วย เหล่าผู้คนที่รอชมการเดินทางที่พวกเขาไม่เคยเห็นก็พลันแสดงสีหน้าตื่นตะลึง“ข้าไม่เคยเห็นนกเหยี่ยวมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย” หนึ่งในผู้ที่มาส่งหลิวหยุนจิงพูดพลางชิ้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า“ทุกคนข้ากับพี่สาวไปก่อนนะเจ้าคะ” หลิวหยุนจิงกล่าวพร้อมกับโบกมือให้พวกเขารวมถึงทุกคนในครอบครัวในตอนนี้เจ้าเสี่ยวอันตัวน้อยได้น้ำตาไหลอาบใบหน้าอย่างเสียใจแม้ว่าเจ้าตัวจะรับปากคนเป็นพี่เอาไว้ซะดิบดี“พี่สาว อย่าลืมคิดถึงข้านะขอยับ” น้ำเสียงไม่ชัดของเจ้าตัวน้อยตะโกนเสียงดัง“พี่ไม่ลืมหรอก เอาไว้พี่จะหาของจากเมืองชายแดนมาฝากเจ้า” หลิวหยุนจิงป้องปากตะโกนบอกน้องชายหลังจากลูกลมร้อนลอยขึ้นสูงจากพื้นคราแรกหลิวซูเหยายังคงรู้สึกหวาดเสียวอยู่บ้างทว่าหลังจากลูกลมร้อนลอยขึ้นสูงและเห็นคนเบื้องล่างเล็กลงความรู้สึกของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาแทน“เยว่ฮวา! นี่มันเยี่ยมมากเลย”หลิวหยุนจิงเผยรอยยิ้มบางส่งให้นาง
“แล้วท่านจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะรู้” ซุนเหวินไม่ปล่อยผ่านหากเรื่องนี้มีการวางยาพิษก่อนสังหารจริงดังนั้นเขาจะต้องเร่งหาคนวางยาให้ได้“เรื่องนี้ข้าน้อยขอเวลาสามวันขอรับ” เฉินจือตอบแบ่งรับแบ่งสู้“ได้ ข้าหวังว่าจะได้ข่าวดีจากท่าน”“ใต้เท้าซูโปรดวางใจ ข้าน้อยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากว่าตรงนี้ไม่มีอะไรแล้วข้าน้อยขอลา” หลังประสานมือทำความเคารพเจ้าของสถานที่เรียบร้อยเฉินจือก็ค่อย ๆ ถอยออกห่างจากห้องนี้ โดยทิ้งให้ซุนเหวินกับหลิวหยุนจิงรวมถึงที่ปรึกษาของซุนเหวินอยู่กันตามลำพัง“เยว่ฮวา เจ้ามาหาพ่อถึงนี่มีเรื่องใดหรือไม่” ซุนเหวินบ่ายหน้ามาถามเด็กหญิงที่กำลังมองร่างไร้วิญญาณสีหน้าจริงจัง“ท่านพ่อ ที่ข้ามาก็เพราะเรื่องของคนจวนซางเจ้าค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ซุนเหวินไม่ปล่อยผ่านในสิ่งที่หลิวหยุนจิงกล่าวเนื่องจากเจ้าตัวรู้ดีว่าเด็กหญิงมีความพิเศษมากเพียงใด“ท่านพ่อ...เรื่องนี้” ท่าทางของบุตรีทำให้ซุนเหวินหันไปพูดกับคนของตน “หยิ่นชวนเจ้าออกไปก่อน”“ขอรับ” ชายหนุ่มท่าทางเป็นบัณฑิตประสานมือค้อมเอวลุกออกไปจากห้องแต่โดยดี ดังนั้นในเวลานี้
“แล้วเราจะหาหลักฐานได้อย่างไร?” หลิวซูเหยาถามด้วยความสงสัย“เรื่องนี้ข้าย่อมมีหนทางเจ้าค่ะ และหลังจากเราได้หลักฐานมากพอข้าคิดว่าพวกเราควรรีบเดินทางไปให้ถึงเมืองเตี้ยนหวงให้เร็วที่สุด“ได้ข้าฟังเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมมีวิธีที่ดีที่สุด” หลิวซูเหยาพูดด้วยสีหน้าหนักแน่นก่อนจะใช้กล้องส่องทางไกลมองลงไปยังเบื้องล่างเพื่อเป็นการสำรวจต่อไปหลิวหยุนจิงมองตามสายตาของหลิวซูเหยาก่อนจะหันไปหาอวิ๋นซิงอวิ๋นซิง เจ้าให้นกน้อยของเจ้าสอดแนมในค่ายทหารนั้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางกล่าวพลางครุ่นคิดหากว่าเจ้านกน้อยเหล่านั้นสามารถรู้ถึงกำลังพล อาวุธแผนการ และเส้นทางลับของพวกมันได้จะดีมากข้าจะเลี้ยงธัญพืชไม่อั้นเลย ใครอยากกินอะไรก็จะได้ตามนั้นเจ้าพูดแล้วนะ ห้ามคืนคำเล่า อวิ๋นซิงพูดพลางกระพือปีกของตนดวงตาเป็นประกายวิบวับ แต่ข้าขอเพิ่มอีกอย่างได้หรือไม่หลิวหยุนจิงยกยิ้มออกมาอย่างรู้ทันในคำพูดของสหาย สุราหยาดน้ำค้างใช่หรือไม่อวิ๋นซิงผงกหัวของตนลงจนหงอนบนหัวเล็ก ๆ กระดิก เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งสหา