ภายในเรือนเล็กของหยุนจิง บรรยากาศเงียบสงบกว่าที่เคย เด็กหญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยคู่ใจกับเบาะรองนั่งอันคุ้นเคย แผ่นหลังเล็ก ๆ พิงพนักพลางทอดสายตามองออกไปนอกบานหน้าต่าง เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ไกล ๆ ทำให้เธอเผลอคิดถึงอวิ๋นซิงขึ้นมา
“หายไปนานเหมือนกันนะ...หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจระบายความกลัดกลุ้ม ใจหนึ่งก็อยากให้เจ้าตัวจิ๋วรีบกลับมาเร็ว ๆ พร้อมข่าวดี แต่อีกใจก็กลัวว่าข่าวที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่หวัง
“หวังว่าเจ้าจะเจอหนังสือหย่าที่ถูกซ่อนไว้… ถ้าเจอจริง ๆ คงเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ข้าช่วยแม่ได้ง่ายขึ้น”
น้ำเสียงอ่อน ๆ พึมพำกับตัวเอง ดวงตาของหยุนจิงฉายแววกังวลเล็กน้อย เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะใช้หนังสือหย่าเป็นเครื่องมือหลักในการเรียกร้องความชอบธรรมให้แม่ แต่มันต้องผ่านการยืนยันด้วยหลักฐานที่แน่นหนา หาไม่ผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างหลี่เจี้ยนเฉิงคงไม่ปล่อยมารดาเธอออกไปง่าย ๆ แน่
เวลาผ่านไปราวสองเค่อ หยุนจิงก็ได้ยินเสียงปีกกระพือเบา ๆ ดังขึ้นแถวริมหน้าต่าง แม้ว่าเสียงของมันจะจนแทบไม่ได้ยินแต่เธอก็ยังรู้สึกได้จึงรีบหันไปดู
อวิ๋นซิง! หยุนจิงเบิกตากว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นนกชิงเหนียวสีฟ้าอมเขียวตัวจิ๋วบินเข้ามาเกาะบนขอบหน้าต่าง เจ้าตัวจิ๋วกระพือปีกสองสามครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นเหมือนมองเธอเชิงบอกให้เด็กหญิงเข้ามาใกล้ ๆ
เป็นเยี่ยงไรบ้าง สืบอะไรได้หรือไม่ เธอถามเสียงเบาอย่างร้อนรน
เจ้านี่เก่งแต่ถาม ทว่าไม่เก่งในความอดทนเลยนะ เยว่ ฮวา… ข้ายังไม่ทันได้พักหายใจเลยด้วยซ้ำ อวิ๋นซิงอดไม่ได้ที่จะตำหนิออกมาพร้อมกับท่าทางสะบัดปีกอย่างงอน ๆ ของเจ้าตัว
โอเค ข้าผิดเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ใจร้อนเกินไป ถ้าอย่างนั้นขอเชิญเจ้าพักให้สบายเสียก่อน ว่าแต่เจ้าอยากจะกินเหอเถา[1]หรือไม่ข้าได้ให้เถาจูเตรียมมาให้แล้ว
อวิ๋นซิงหันกลับมากระพือปีกน้อย ๆ และเอียงคอมองอย่างข้องใจ
โอเค… คือสิ่งใด เยว่ฮวา เจ้าช่วยพูดภาษาคนให้ข้าฟังเข้าใจง่าย ๆ ไม่ได้หรือ
หยุนจิงพลันฉุกคิดว่าตนเองเผลอพูดคำศัพท์สมัยใหม่เข้าดังนั้นเธอจึงหลุดยิ้มแห้ง ๆ เล็กน้อย ก่อนจะอธิบายให้นกชิงเหนียวตัวจิ๋วฟัง
เอ่อ... มันเป็นคำอุทานในโลกเก่าของข้าเอง เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก มันหมายความประมาณว่า ตกลง ข้ารับทราบแล้วอะไรทำนองนี้
อื้ม… โลกของเจ้านี่มีศัพท์แปลก ๆ เต็มไปหมดเลย
อวิ๋นซิงกระพือปีกเล็กน้อยพร้อมคล้ายทำท่าทางจะกลอกตามองบนอย่างชวนขำ
หยุนจิงตอบรับด้วยรอยยิ้ม ใช่… ก็มันเป็นภาษาที่ติดมาตั้งแต่ตอนที่ข้ายังอยู่ที่นั่น
เธอพูดจบก็หยิบถ้วยที่ใส่เมล็ดเหอเถาขึ้นมาวางใกล้ ๆ นกชิงเหนียวเพราะเจ้าตัวจิ๋วเคยบ่นว่าอร่อย
นี่ไง ลองกินดูอีกสิ อาจจะช่วยให้เจ้ารู้สึกผ่อนคลายบ้าง
อืม… คงต้องลองสักหน่อย จะได้หายเหนื่อยจากการสืบข่าว
อวิ๋นซิงจิกเมล็ดเหอเถาเบา ๆ ราวกับกำลังดื่มด่ำกับรสชาติในขณะที่เจ้าตัวจิ๋วกำลังเพลิดเพลิน พอหยุนจิงเห็นท่าทางของมันนางก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
เมื่อเจ้าอิ่มแล้วก็พักเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ลำบากบินไปบินมาจนทั่วจวน
พักหน่อยก็ดีเหมือนกัน…แต่เจ้าเองก็อย่าซุกซนไปไหนล่ะ นกชิงเหนียวบ่นหงุงหงิงในลำคอก่อนจะกระพือปีกสองสามทีแล้วกระโดดไปเกาะขอบหน้าต่างที่แสงแดดอุ่นกำลังส่องลงมา
หยุนจิงจึงเดินกลับมาทิ้งก้นลงบนเบาะนั่งของตนตามเดิม นางทำทีเป็นทอดตามองไปข้างนอกเรือนที่เริ่มสงบเงียบ บ่าวรับใช้ส่วนใหญ่กำลังทำงานของตนเองอยู่ด้านนอก หรือไม่ก็อยู่เรือนอื่น
ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ หรอกน่า ข้าวางแผนไว้แล้วว่าจะเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ก่อน เช่นหาวิธีเกลี้ยกล่อมคนรอบข้าง แม่ของข้าจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป
ก็ดี… แต่จงจำไว้ว่าเจ้ามีร่างกายแค่วัยห้าขวบ สู้เรี่ยวแรงใครไม่ได้หรอกนะ อย่าเผลอใช้ทักษะในยุคเดิมแบบเกินตัวล่ะ อวิ๋นซิงย้ำเสียงเข้มก่อนจะหลับตาลงเหมือนเป็นการพักสายตา
หยุนจิงหลุดขำ ก่อนจะก้มมองมือตัวเองที่เล็กจ้อย
อืม… ข้าจะระวังตัวเอง ขอบใจเจ้ามากที่คอยเตือน
(เธอยังมีเรื่องอีกมากต้องจัดการ การตามหาหนังสือหย่า การวางแผนให้แม่พ้นจากเงื้อมมือพ่อเลว และการปกป้องครอบครัวฝั่งท่านตาที่อีกไม่นานอาจถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ ทุกอย่างเริ่มต้นจากเธอ…ทั้งสิ้น) เด็กหญิงวัยห้าขวบที่มีจิตวิญญาณของตำรวจสาวจากโลกอนาคตคิด
ก่อนที่นางจะแหงนคอมองเพดานเรือนเล็กที่ตนอาศัยอยู่ นับจากนี้ไปสิ่งที่เรียกว่าชีวิตในนิยายของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร เป็นเรื่องที่เธอเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรรับรองได้ว่าจุดจบจะต้องไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
“ข้าจะทำให้ได้… ทั้งเพื่อแม่ของข้าและเพื่อร่างนี้ที่ให้โอกาสข้ามีชีวิตใหม่”
เมื่อนึกได้ดังนี้สายตาของเด็กหญิงก็กลับมาจดจ่อกับแผนในหัว เสียงลมเอื่อย ๆ พัดผ่านขอบหน้าต่างเกิดเป็นบรรยากาศสงบเหมาะแก่การใช้เวลาคิดวางกลยุทธ์ต่อไป
เมื่ออวิ๋นซิงหลับใหลไปแล้ว หยุนจิงก็เอนกายลงพิงพนักเก้าอี้เตี้ย ดวงตากลมโตเพ่งพิศมองไปยังกระดาษที่เธอเคยจดแผนการง่าย ๆ เอาไว้ บนกระดาษนั้นมีรอยขีดเขียนหยัก ๆ จากลายมือของเด็กห้าขวบ แต่หากพินิจดี ๆ จะเห็นร่องรอยความเป็นตำรวจในโลกเก่าของเธออยู่เป็นนัย
“เริ่มจาก… หาทางรู้ข้อมูลของพ่อเลว... มัดตัวให้แน่นหนา… ช่วยแม่ให้เป็นอิสระ…”
เธออ่านทวนข้อความสั้น ๆ ที่ตัวเองจดไว้ด้วยความมุ่งมั่นเต็มหัวใจพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“แต่จะทำยังไงให้พ่อเลวถูกเปิดโปง… ข้าคงต้องอาศัยทั้งคนในจวนและคนนอกจวนช่วยด้วยแล้วล่ะ ไม่ได้สิคนในย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ สถานที่แห่งนี้เปรียบประดุจถ้ำเสือรังหมาป่าไม่มีใครไว้ใจได้” หยุนจิงพึมพำคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น ในอกพลันรู้สึกถึงความหนักอึ้ง
เยว่ฮวา... เจ้ากำลังคิดสิ่งใด
เสียงเล็ก ๆ ของอวิ๋นซิงดังขึ้นอย่างงัวเงีย
เจ้าตื่นแล้ว สายตาของหยุนจิงย้ายไปมองทางต้นเสียง
อืม ข้าคิดว่าข้าหลับมานานกว่าหนึ่งเค่อ ตอนนี้สบายตัวมากเลย แล้วข้าก็พร้อมแล้วที่จะเล่าในสิ่งที่ได้ยินมาให้เจ้าฟัง
หยุนจิงพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอสบเข้ากับดวงตาเปล่งประกายของนกชิงเหนียวอย่างมีความหวัง
ข้าพร้อมฟังแล้วอวิ๋นซิง เจ้าได้ยินอะไรมาบ้าง รีบบอกข้าเถิด
อวิ๋นซิงขยับปีกน้อย ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ข้าไปถามเจ้านกที่เกาะอยู่บนระเบียงเรือนเหลียนฮวาของจงเสวี่ยเหม่ยมา มันบอกว่าช่วงค่ำวานนี้มันเห็นนางจัดข้าวของบางอย่างใส่ห่อผ้าหนา ๆ ก่อนจะสั่งคนสนิทชื่ออาอิ๋นให้เอาไปเก็บไว้ที่เรือนชนบทหลังเก่า และมันยังได้ยินมาอีกว่านางเคยแอบเอาของสำคัญบางอย่างไปซ่อนไว้ใต้เตียงมาครั้งหนึ่งแล้วด้วย
หยุนจิงเบิกตากว้างทันที เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อควบคุมความตื่นเต้นที่กำลังพลุ่งพล่าน
(ของสำคัญ… ) เธอพึมพำในใจ แต่ก็อดถามออกมาตรง ๆ ไม่ได้
เจ้าคิดว่าของสำคัญที่ว่าอาจจะเป็นหนังสือหย่า
อืม ข้าฟังนกตัวนั้นพูด มันบอกจงเสวี่ยเหม่ยใช้คำว่าตำราบางอย่างที่มีตราประทับ... อีกทั้งนางยังกล่าวกำชับลูกน้องว่าห้ามให้ผู้ใดล่วงรู้ ข้าว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้ที่จะเป็นหนังสือหย่า จริง ๆ
หยุนจิงเม้มปากแน่น งั้นก็แปลว่าที่ข้าคาดไว้ไม่ผิด จงเสวี่ยเหม่ยอาจจะต้องการเก็บหนังสือหย่าจากหลี่เจี้ยนเฉิงไว้เป็นไม้ตาย เพื่อบีบให้เขายอมตามใจ... หรือเป็นเงื่อนไขบางอย่าง ข้าต้องเอามันออกมาให้แม่ดูให้ได้
อวิ๋นซิงกระพือปีกสองสามที แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อเล่า
เด็กหญิงหลุบตาลงต่ำราวกับใช้สมาธิทบทวนแผน ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าแน่วแน่ อย่างแรกคือ ข้าต้องสืบดูว่าที่เรือนชนบทหลังเก่านั้นใครเป็นคนถือกุญแจและมีคนเฝ้าเวรหรือไม่ จากนั้นข้าค่อยวางแผนจะไปเอาหนังสือหย่าออกมา ถ้ามันใช่จริงก็ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะให้แม่ใช้ยื่นขอหย่าได้ง่ายขึ้น
เข้าใจแล้ว อวิ๋นซิงส่งเสียงร้องออกมาอย่างเห็นด้วยก่อนที่จะพูดต่อ แล้วเจ้าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามไปล่ะ หากถูกจับได้เจ้าจะยิ่งลำบากมากขึ้น
อืม ข้าเข้าใจแล้ว หยุนจิงพยักหน้ารับฟัง แต่ก่อนที่อวิ๋นซิงจะเงียบเสียงของตนลง จู่ ๆ นกตัวจิ๋วก็คิดถึงเรื่องหนึ่งออกก่อนจะพูดขึ้นอีกคำรบ
เยว่ฮวา เหตุใดเจ้าไม่หาคนช่วย
เจ้าคิดว่าจะมีคนยื่นมือมาช่วยข้าเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ หยุนจิงย้อนถามด้วยสีหน้าสงสัย
ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก แต่เจ้านกกระจิบตัวนั้นบอกว่ามันเคยได้ยินคนของต้าชิงหลิง (สำนักฝ่ายตุลาการ) มาสืบเรื่องเกี่ยวความสัมพันธ์ของจงเสวี่ยเหม่ยกับพ่อของเจ้าด้วยนะ เจ้าไม่คิดว่าคนของต้าชิงหลิงจะเป็นพันธมิตรได้หรอกหรือ
ต้าชิงหลิง? หยุนจิงพึมพำพร้อมกับใช้ความคิดว่าในนิยายได้มีกล่าวถึงคนในสำนักต้าชิงหลิงหรือไม่ ก่อนที่ดวงตาคล้ายตากวางของนางจะเบิกกว้าง
“ซุนเหวิน”
[1] วอลนัท