Войтиเสิ่นลี่อิงและเปาหลงกลับมาถึงหมู่บ้านหยางในช่วงปลายยามเว่ย เมื่อมาถึงแล้วนางจึงหยิบขนมปังในมิติให้เปาเปาน้อยทานรองท้องก่อน จากนั้นลี่อิงก็นำของที่แบ่งไว้นอกมิติเพียงเล็กน้อยจัดเรียงในครัว
แม้จะย้ำเรื่องราวหลอกผีของบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นางก็ยังเข็ดเหลือเกินกับการถูกโจรปล้นบ้าน ผู้ใดจะรู้ว่าผีบ้านนางมีอิทธิฤทธิ์เพียงไหน คราวหน้าอาจออกมาช่วยมิได้ก็เป็นได้
เมื่อนึกได้จึงร้องบอกผีออกไปว่า “พวกเจ้ามาเข้าฝันข้าได้หรือไม่ หากอยากให้ข้าเซ่นไหว้สิ่งใด หรือมีวิธีใดที่จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้พวกเจ้าได้ อย่าได้เกรงใจขอให้บอก”
ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องสนับสนุนกัน ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะต้องมาคุยกับผี
เปาหลงตัวน้อยที่กำลังนั่งบิดรูบิคอยู่ด้านใน ได้ยินนางพูดจึงเดินออกมาแอบดูเห็นนางส่งเสียงคุยแต่ไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น ทั้งยังดึงของมากมาย เข้าๆ ออกๆ จากอากาศได้ ‘พี่สาวเป็นเทพมาร!’ เด็กน้อยเหลือบมองรูบิคในมือเข้าใจทันทีว่าการที่นางบอกให้เขาเก็บไว้มิให้ผู้ใดเห็นคงเพราะนี่คือของเล่นจากภพมารสินะ
เสิ่นลี่อิงไม่รู้เลยว่าจินตนาการของเด็กน้อยในความดูแลนั้นถึงกับยกนางในเป็นเทพมารเสียแล้ว “อ้าวเจ้าเปาเปาน้อยมานี่เร็วข้ากำลังจะทำขนมให้เจ้ากินพอดี”
“ขนมอันใด”
“โดนัท ขนมแป้งทอดมีรูตรงกลาง หอมอร่อยมาก”
“ไม่เคยเห็น จากที่อื่นหรือขอรับ”
“ใช่แล้วจากที่อื่น” เสิ่นลี่อิงตอบไปโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของนางย้ำให้เปาเปาเชื่ออย่างสนิทใจว่านางคือเทพมาร
“เปาเปาช่วย”
นางพยักหน้าตอบรับให้เด็กน้อยมาทำโดนัทด้วยกัน เสิ่นลี่อิงให้เด็กน้อยเป็นผู้นวดแป้ง ส่วนนางก็ทำตัวเคลือบจากไอซิ่งและนมในมิติ หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ช่วยกันปั้นและทอดอย่างแข็งขัน หัวเราะร่ามีความสุขกับโดนัทร้อนๆ ในใจของเปาหลงน้อยสาบานกับตนเอง ชีวิตนี้มีเพียงสองเป้าหมาย หนึ่งคือต้องเก่งเพื่อกลับไปหาท่านพ่อ และสองคือต้องเก่งเพื่อปกป้องพี่สาวผู้มีพระคุณผู้นี้ หากวันใดที่นางโดนจับได้ว่าเป็นมารเขาจะปกป้องนางเอง
“นำแป้งทอดไปแบ่งลู่เว่ยกัน วันนี้เขาน่าจะยังอยู่ในไร่ แบ่งเด็กผู้อื่นด้วย”
แป้งทอดเคลือบหวานกลายเป็นที่ฮือฮาในหมู่บ้านหยางทันที เด็กๆ ที่ได้ลิ้มลองต่างเคลิบเคลิ้มไปกับความนุ่มของแป้งและความหวานของน้ำตาลเคลือบ รสชาติหวานนั่นลอยฟุ้งอยู่ทั่วปาก ส่วนจินเหมยเมื่อได้ชิมก็เสนอให้นางนำไปขาย เสิ่นลี่อิงก็อยากนำไปขาย หากแต่วัตถุดิบสำคัญอย่างนมและเนย แม้จะนำมาจากมิติได้ แต่นางก็ยังมิรู้ว่าของเหล่านี้เมื่อหมดแล้วจะมีเติมอีกหรือไม่ นั่นจึงเป็นการเตือนให้เสิ่นลี่อิงกลับบ้านไปสำรวจมิติให้ดีเสียที
“เอานี่เจ้าดื่มนมเสียก่อน” เมื่อมาถึงก็จับเปาเปากินนม ส่วนตัวนางก็หลบมาดูของวิเศษในมิติ ด้านบนน้ำกลิ่นจันทร์ที่นางแน่ใจว่าไม่มีวันหมด เพราะตักไปเท่าใดก็มีปริมาณเท่าเดิม คือไหใบหนึ่งเมื่อสัมผัสไปพบว่าสามารถใช้เพิ่มปริมาณสิ่งของในมิติได้ เรียกว่าไหตัว
นี่มัน?! Motherlode ในเกมชัดๆ ทำไมถึงไม่ดูให้เร็วกว่านี้
เสิ่นลี่อิงจึงลองนำเนยเข้าไปใส่แท่งหนึ่งก็เกิดเนยมากขึ้นตรงหน้า เห็นเช่นนั้นนางจึงลองนำตำลึงทองใส่ลงไปแต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
อ่อต้องเป็นของจากในมิติแต่แรกสินะ เซ็ง…
นางหยิบของในมิติมาเพิ่มปริมาณจนเพิ่มไม่ได้อีก จึงคิดว่าไหนี้คงมีกำหนดปริมาณสิ่งของที่เพิ่มได้ต่อวันเอาไว้ เสิ่นลี่อิงจึงนั่งลงเร่งทำเสี่ยวหลงเปาเตรียมไปส่งพรุ่งนี้ ก่อนจะมาทำอาหารเย็นวันนี้เสิ่นลี่อิงลงมือทำมักกะโรนีชีสให้เปาหลงได้ทาน ซึ่งก็ถูกใจเด็กน้อยตามคาด
วันรุ่งขึ้นเสิ่นลี่อิงไปตกลงกับลุงไฉ่ว่าสามารถนำเสี่ยวหลงเปาไปส่งยังร้านบะหมี่ของลุงเฉินได้หรือไม่ ลุงไฉ่ยินดีช่วยเหลือนางเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่ลูกชายของตนคิดจะมาปล้นของบ้านนาง ลี่อิงปฏิเสธและขอเปลี่ยนเป็นการจ้างงานแทน นางเสนอค่านำเสี่ยวหลงเปาไปส่งและรับน้ำแกงบะหมี่กลับมาวันละสิบอีแปะ และนางฝากให้ลุงไฉ่บอกลุงเฉินร้านบะหมี่ว่านางจะเข้ามารับเงินทุกเจ็ดวัน เมื่อตกลงกันได้เสิ่นลี่อิงก็จ่ายค่าจ้างไว้ล่วงหน้าหกวัน และฝากบอกลูกชายของลุงทั้งสองว่าให้มาถอนหญ้าที่บ้านนางในวันพรุ่งนี้
“ไปกันเถอะเปาเปาวันนี้พวกเราไปเข้าป่ากันดีกว่า”
“ไปทำไมขอรับอันตราย”
“ในป่ามีสิ่งของมากมาย อาจนำมาขายแลกเงินได้” เมื่อพูดเท่านั้นเปาหลงน้อยเข้าใจในทันที คติประจำใจของเด็กน้อยกลายเป็น ’มีเงินคือเก่ง’ ไปเสียแล้ว
เสิ่นลี่อิงเตรียมตะกร้าสะพายหลังเพื่อเดินขึ้นเขาและหาตะกร้าแบบถือให้เปาหลงน้อยถือไว้เช่นกัน
นางเดินขึ้นไปบนเขาในเส้นทางที่ไม่มีผู้คนสัญจรมากนัก เมื่อเดินเข้าไปลึกพบว่ามีบริเวณที่ต้นไม้ขึ้นบางตาและเป็นผืนแผ่นดินโล่งๆ นางจึงเดินเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ
“นั่นมันขี้ทาเกลือ!”
หากนางสามารถผลิตเกลือได้เองนั่นย่อมเป็นเรื่องดี ทั้งเพื่อเก็บไหตัวไว้ใช้เพิ่มสิ่งอื่นนอกเหนือจากเกลือ และหากนางจะทำเครื่องปรุงด้วยตนเองย่อมต้องใช้เกลือในปริมาณมาก เสิ่นลี่อิงนำจอบออกมาจากมิติและเริ่มขูดผืนดินที่มีเกลือสีขาวผุดอยู่บนผืนดินทันที เมื่อเห็นว่าเปาหลงกำลังมองอยู่นางจึงนำช้อนออกมาให้เขาตักขี้ทาเกลือที่มีลักษณะคล้ายทรายที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยให้นาง
เมื่อขูดออกมาได้ปริมาณมากพอ นางจึงมองหาต้นหนามจางที่มักจะขึ้นอยู่ตามบริเวณสายแร่เกลืออยู่เสมอ หนามจางเป็นสิ่งสำคัญ ในโลกที่ไม่มีเครื่องวัดความเค็มเช่นนี้ นางต้องใช้เครื่องวัดความเค็มตามธรรมชาติอย่างต้นหนามจาง นางจดจำตำแหน่งที่หาเจอไว้ในใจ จากนั้นก็ชวนเด็กน้อย ออกไปเก็บเห็ดป่าและไม่ลืมที่จะขุดดิน และหยิบเศษโพรงไม้ในบริเวณที่เจอเห็ดกลับลงไปด้วย
“กลับกันเถิดนี่ก็ใกล้มืดแล้ว แค่สองสิ่งนี้พวกเราก็มีงานให้ทำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”
“พี่สาวจะทำของขายหรือ”
“ใช่แล้ว ขายเพียงเสี่ยวหลงเปาไม่ได้หรอก เงินเพียงเท่านั้นไม่พอให้ข้าปกป้องดูแลเจ้า”
“เปาเปาช่วย”
“ดีมากเพราะข้าต้องการลูกมือ”
ในระหว่างที่กำลังเดินกลับมานางก็บังเอิญเจอจินเหมยที่เดินลงเขามาจากอีกทางพอดี “อ้าวพี่จินเหมยวันนี้ก็มาเก็บของป่าอีกแล้วหรือ”
“ใช่แล้วข้ามาเก็บเห็ดป่า และผักป่าไปส่งขายเกือบทุกวัน เจ้าเล่า”
“ข้ามาลองเก็บเห็ดป่า และขุดดินตรงที่เจอเห็ดป่าอยากจะไปลองขยายพันธุ์ต่อดูว่าทำได้หรือไม่”
“เรื่องเช่นนี้ทำได้หรือ ไม่เคยเห็นใครทำ เห็ดไม่ใช่พืชไม่มีเมล็ดจะปลูกได้อย่างไร”
“ข้าก็เพียงลองดูเท่านั้นหากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
จินเหมยพยักหน้ารับรู้ และเปลี่ยนมาคุยกับเปาเปาแทน “แล้วนั่นเจ้าขุดอะไรมา ขุดทรายกลับไปเล่นหรือ”
“ขอรับ” เปาหลงเคยได้ยินท่านพ่อปราบคนค้าเกลือ แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือเกลือหรือไม่ หากแต่พี่สาวพูดว่าขี้ทาเกลือ เขาจึงระแวงไว้และช่วยเสิ่นลี่อิงปกปิด
ใช้เวลาเดินกลับมาอีกสองเค่อก็ถึงบ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้านหยางของนางเสียที นางร่ำลากับจินเหมยเสร็จสรรพก็ชวนเปาหลงให้ไปหลังบ้านต่อ
“เรามาทำเกลือกัน”
เปาหลงพยักหน้าภาวนาให้ท่านพ่ออย่ามาปราบนางเลย หากถูกจับได้เขาจะคุกเข่าขอร้องท่านพ่อให้ละโทษให้นาง “เปาเปาช่วยเอง”
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







