Share

บทที่ 13 เข้าป่ากับเปาเปา

last update Last Updated: 2025-10-26 19:44:15

บทที่ 13 เข้าป่ากับเปาเปา

       เสิ่นลี่อิงและเปาหลงกลับมาถึงหมู่บ้านหยางในช่วงปลายยามเว่ย เมื่อมาถึงแล้วนางจึงหยิบขนมปังในมิติให้เปาเปาน้อยทานรองท้องก่อน จากนั้นลี่อิงก็นำของที่แบ่งไว้นอกมิติเพียงเล็กน้อยจัดเรียงในครัว 

       แม้จะย้ำเรื่องราวหลอกผีของบ้านหลังนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นางก็ยังเข็ดเหลือเกินกับการถูกโจรปล้นบ้าน ผู้ใดจะรู้ว่าผีบ้านนางมีอิทธิฤทธิ์เพียงไหน คราวหน้าอาจออกมาช่วยมิได้ก็เป็นได้ 

       เมื่อนึกได้จึงร้องบอกผีออกไปว่า “พวกเจ้ามาเข้าฝันข้าได้หรือไม่ หากอยากให้ข้าเซ่นไหว้สิ่งใด หรือมีวิธีใดที่จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้พวกเจ้าได้ อย่าได้เกรงใจขอให้บอก” 

ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องสนับสนุนกัน ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะต้องมาคุยกับผี 

       เปาหลงตัวน้อยที่กำลังนั่งบิดรูบิคอยู่ด้านใน ได้ยินนางพูดจึงเดินออกมาแอบดูเห็นนางส่งเสียงคุยแต่ไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น ทั้งยังดึงของมากมาย เข้าๆ ออกๆ จากอากาศได้ ‘พี่สาวเป็นเทพมาร!’ เด็กน้อยเหลือบมองรูบิคในมือเข้าใจทันทีว่าการที่นางบอกให้เขาเก็บไว้มิให้ผู้ใดเห็นคงเพราะนี่คือของเล่นจากภพมารสินะ 

       เสิ่นลี่อิงไม่รู้เลยว่าจินตนาการของเด็กน้อยในความดูแลนั้นถึงกับยกนางในเป็นเทพมารเสียแล้ว “อ้าวเจ้าเปาเปาน้อยมานี่เร็วข้ากำลังจะทำขนมให้เจ้ากินพอดี”

“ขนมอันใด”

“โดนัท ขนมแป้งทอดมีรูตรงกลาง หอมอร่อยมาก”

“ไม่เคยเห็น จากที่อื่นหรือขอรับ” 

“ใช่แล้วจากที่อื่น” เสิ่นลี่อิงตอบไปโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของนางย้ำให้เปาเปาเชื่ออย่างสนิทใจว่านางคือเทพมาร

“เปาเปาช่วย”

       นางพยักหน้าตอบรับให้เด็กน้อยมาทำโดนัทด้วยกัน เสิ่นลี่อิงให้เด็กน้อยเป็นผู้นวดแป้ง ส่วนนางก็ทำตัวเคลือบจากไอซิ่งและนมในมิติ หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ช่วยกันปั้นและทอดอย่างแข็งขัน หัวเราะร่ามีความสุขกับโดนัทร้อนๆ ในใจของเปาหลงน้อยสาบานกับตนเอง ชีวิตนี้มีเพียงสองเป้าหมาย หนึ่งคือต้องเก่งเพื่อกลับไปหาท่านพ่อ และสองคือต้องเก่งเพื่อปกป้องพี่สาวผู้มีพระคุณผู้นี้ หากวันใดที่นางโดนจับได้ว่าเป็นมารเขาจะปกป้องนางเอง

“นำแป้งทอดไปแบ่งลู่เว่ยกัน วันนี้เขาน่าจะยังอยู่ในไร่ แบ่งเด็กผู้อื่นด้วย” 

       แป้งทอดเคลือบหวานกลายเป็นที่ฮือฮาในหมู่บ้านหยางทันที เด็กๆ ที่ได้ลิ้มลองต่างเคลิบเคลิ้มไปกับความนุ่มของแป้งและความหวานของน้ำตาลเคลือบ รสชาติหวานนั่นลอยฟุ้งอยู่ทั่วปาก ส่วนจินเหมยเมื่อได้ชิมก็เสนอให้นางนำไปขาย เสิ่นลี่อิงก็อยากนำไปขาย หากแต่วัตถุดิบสำคัญอย่างนมและเนย แม้จะนำมาจากมิติได้ แต่นางก็ยังมิรู้ว่าของเหล่านี้เมื่อหมดแล้วจะมีเติมอีกหรือไม่ นั่นจึงเป็นการเตือนให้เสิ่นลี่อิงกลับบ้านไปสำรวจมิติให้ดีเสียที

“เอานี่เจ้าดื่มนมเสียก่อน” เมื่อมาถึงก็จับเปาเปากินนม ส่วนตัวนางก็หลบมาดูของวิเศษในมิติ ด้านบนน้ำกลิ่นจันทร์ที่นางแน่ใจว่าไม่มีวันหมด เพราะตักไปเท่าใดก็มีปริมาณเท่าเดิม คือไหใบหนึ่งเมื่อสัมผัสไปพบว่าสามารถใช้เพิ่มปริมาณสิ่งของในมิติได้ เรียกว่าไหตัว

นี่มัน?! Motherlode ในเกมชัดๆ ทำไมถึงไม่ดูให้เร็วกว่านี้

       เสิ่นลี่อิงจึงลองนำเนยเข้าไปใส่แท่งหนึ่งก็เกิดเนยมากขึ้นตรงหน้า เห็นเช่นนั้นนางจึงลองนำตำลึงทองใส่ลงไปแต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

อ่อต้องเป็นของจากในมิติแต่แรกสินะ เซ็ง…

       นางหยิบของในมิติมาเพิ่มปริมาณจนเพิ่มไม่ได้อีก จึงคิดว่าไหนี้คงมีกำหนดปริมาณสิ่งของที่เพิ่มได้ต่อวันเอาไว้ เสิ่นลี่อิงจึงนั่งลงเร่งทำเสี่ยวหลงเปาเตรียมไปส่งพรุ่งนี้ ก่อนจะมาทำอาหารเย็นวันนี้เสิ่นลี่อิงลงมือทำมักกะโรนีชีสให้เปาหลงได้ทาน ซึ่งก็ถูกใจเด็กน้อยตามคาด

       วันรุ่งขึ้นเสิ่นลี่อิงไปตกลงกับลุงไฉ่ว่าสามารถนำเสี่ยวหลงเปาไปส่งยังร้านบะหมี่ของลุงเฉินได้หรือไม่ ลุงไฉ่ยินดีช่วยเหลือนางเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่ลูกชายของตนคิดจะมาปล้นของบ้านนาง ลี่อิงปฏิเสธและขอเปลี่ยนเป็นการจ้างงานแทน นางเสนอค่านำเสี่ยวหลงเปาไปส่งและรับน้ำแกงบะหมี่กลับมาวันละสิบอีแปะ และนางฝากให้ลุงไฉ่บอกลุงเฉินร้านบะหมี่ว่านางจะเข้ามารับเงินทุกเจ็ดวัน เมื่อตกลงกันได้เสิ่นลี่อิงก็จ่ายค่าจ้างไว้ล่วงหน้าหกวัน และฝากบอกลูกชายของลุงทั้งสองว่าให้มาถอนหญ้าที่บ้านนางในวันพรุ่งนี้

“ไปกันเถอะเปาเปาวันนี้พวกเราไปเข้าป่ากันดีกว่า” 

“ไปทำไมขอรับอันตราย”

“ในป่ามีสิ่งของมากมาย อาจนำมาขายแลกเงินได้” เมื่อพูดเท่านั้นเปาหลงน้อยเข้าใจในทันที คติประจำใจของเด็กน้อยกลายเป็น ’มีเงินคือเก่ง’ ไปเสียแล้ว 

       เสิ่นลี่อิงเตรียมตะกร้าสะพายหลังเพื่อเดินขึ้นเขาและหาตะกร้าแบบถือให้เปาหลงน้อยถือไว้เช่นกัน 

       นางเดินขึ้นไปบนเขาในเส้นทางที่ไม่มีผู้คนสัญจรมากนัก เมื่อเดินเข้าไปลึกพบว่ามีบริเวณที่ต้นไม้ขึ้นบางตาและเป็นผืนแผ่นดินโล่งๆ นางจึงเดินเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ 

“นั่นมันขี้ทาเกลือ!”

       หากนางสามารถผลิตเกลือได้เองนั่นย่อมเป็นเรื่องดี ทั้งเพื่อเก็บไหตัวไว้ใช้เพิ่มสิ่งอื่นนอกเหนือจากเกลือ และหากนางจะทำเครื่องปรุงด้วยตนเองย่อมต้องใช้เกลือในปริมาณมาก เสิ่นลี่อิงนำจอบออกมาจากมิติและเริ่มขูดผืนดินที่มีเกลือสีขาวผุดอยู่บนผืนดินทันที เมื่อเห็นว่าเปาหลงกำลังมองอยู่นางจึงนำช้อนออกมาให้เขาตักขี้ทาเกลือที่มีลักษณะคล้ายทรายที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยให้นาง 

       เมื่อขูดออกมาได้ปริมาณมากพอ นางจึงมองหาต้นหนามจางที่มักจะขึ้นอยู่ตามบริเวณสายแร่เกลืออยู่เสมอ หนามจางเป็นสิ่งสำคัญ ในโลกที่ไม่มีเครื่องวัดความเค็มเช่นนี้ นางต้องใช้เครื่องวัดความเค็มตามธรรมชาติอย่างต้นหนามจาง นางจดจำตำแหน่งที่หาเจอไว้ในใจ จากนั้นก็ชวนเด็กน้อย ออกไปเก็บเห็ดป่าและไม่ลืมที่จะขุดดิน และหยิบเศษโพรงไม้ในบริเวณที่เจอเห็ดกลับลงไปด้วย

“กลับกันเถิดนี่ก็ใกล้มืดแล้ว แค่สองสิ่งนี้พวกเราก็มีงานให้ทำไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”

“พี่สาวจะทำของขายหรือ”

“ใช่แล้ว ขายเพียงเสี่ยวหลงเปาไม่ได้หรอก เงินเพียงเท่านั้นไม่พอให้ข้าปกป้องดูแลเจ้า”

“เปาเปาช่วย”

“ดีมากเพราะข้าต้องการลูกมือ” 

       ในระหว่างที่กำลังเดินกลับมานางก็บังเอิญเจอจินเหมยที่เดินลงเขามาจากอีกทางพอดี “อ้าวพี่จินเหมยวันนี้ก็มาเก็บของป่าอีกแล้วหรือ”

“ใช่แล้วข้ามาเก็บเห็ดป่า และผักป่าไปส่งขายเกือบทุกวัน เจ้าเล่า”

“ข้ามาลองเก็บเห็ดป่า และขุดดินตรงที่เจอเห็ดป่าอยากจะไปลองขยายพันธุ์ต่อดูว่าทำได้หรือไม่”

“เรื่องเช่นนี้ทำได้หรือ ไม่เคยเห็นใครทำ เห็ดไม่ใช่พืชไม่มีเมล็ดจะปลูกได้อย่างไร”

“ข้าก็เพียงลองดูเท่านั้นหากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

       จินเหมยพยักหน้ารับรู้ และเปลี่ยนมาคุยกับเปาเปาแทน “แล้วนั่นเจ้าขุดอะไรมา ขุดทรายกลับไปเล่นหรือ”

“ขอรับ” เปาหลงเคยได้ยินท่านพ่อปราบคนค้าเกลือ แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือเกลือหรือไม่ หากแต่พี่สาวพูดว่าขี้ทาเกลือ เขาจึงระแวงไว้และช่วยเสิ่นลี่อิงปกปิด

       ใช้เวลาเดินกลับมาอีกสองเค่อก็ถึงบ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้านหยางของนางเสียที นางร่ำลากับจินเหมยเสร็จสรรพก็ชวนเปาหลงให้ไปหลังบ้านต่อ

“เรามาทำเกลือกัน”

       เปาหลงพยักหน้าภาวนาให้ท่านพ่ออย่ามาปราบนางเลย หากถูกจับได้เขาจะคุกเข่าขอร้องท่านพ่อให้ละโทษให้นาง “เปาเปาช่วยเอง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร

    บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้

    บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไป

    บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่

    บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 15  อันตรายในป่า

    บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 14  งานการมากมาย

    บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status