LOGINเสิ่นลี่อิงตื่นแต่เช้าตั้งซึ้งนึ่งเสี่ยวหลงเปาก่อนเพียงสิบลูก นางจะเอาไว้แบ่งให้บ้านจินเหมยและเก็บเอาไว้ทานเองด้วย ขณะที่กำลังจะยกเสี่ยวหลงเปาที่นึ่งเสร็จร้อนระอุออกมา ก็ได้ยินเสียงลู่เว่ยมาร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน
“ลู่เว่ยเข้ามาได้เลย ข้านึ่งเสี่ยวหลงเปาเสร็จพอดี” นางหยิบจัดลงจานให้ไว้ และนำออกไปตั้งบนโต๊ะ เปาหลงและลู่เว่ยส่งสายตาเป็นประกายไปยังอาหารบนโต๊ะเด็กสองคนนี้มีท่าทางว่าน่าจะชอบกิน เมื่อวานหากนางไม่สั่งให้เหลือไว้ให้พวกนางกินหลังจัดการธุระเสร็จ ผู้ใหญ่ทั้งสามก็คงไม่ได้กินข้าวเย็นเป็นแน่แท้
“นี่เรียกว่าเสี่ยวหลงเปา กินได้เพียงคนละสองลูกเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
“กินเลยได้หรือไม่ขอรับ” ลู่เว่ยแม้จะอยากกินมากเพียงไหนแต่ก็ต้องยั้งใจรอให้เจ้าของบ้านคีบกินเสียก่อนจึงจะกล้าเริ่มตักบ้าง เมื่อเปาเปาน้อยและเสิ่นลี่อิงยังไม่ขยับ เขาก็ยังไม่คีบเสี่ยวหลงเปาลงจานไปเช่นเดียวกัน
ลี่อิงเห็นเช่นนั้นจึงคีบส่งให้ลู่เว่ยและเปาหลงด้วยตัวเอง ก่อนจะคีบมาใส่ช้อนตนเองอันหนึ่งด้วยเช่นกัน “วิธีทานคือใช้ตะเกียบแหวกให้น้ำแกงไหลออกมา เป่าให้พอหายร้อนแล้วซดน้ำเข้าไปก่อน จากนั้นก็ทานแป้งพร้อมไส้หมูนี้ตามลงไปได้เลย” นางทานให้พวกเขาดูวิธีการก่อนจากนั้นก็รอคอยว่าอาหารที่นางทำวันนี้พอจะเข้าตาหรือไม่
ลู่เว่ยเห็นเปาหลงเริ่มใช้ตะเกียบเจาะเข้าไปที่แผ่นแป้งแล้ว เขาจึงเลียนแบบการกินที่เสิ่นลี่อิงทำให้ดูบ้างอย่างไม่สงวนท่าที ทันใดนั้นเองเด็กทั้งสองดวงตาเบิกกว้าง ดูดน้ำแกงจนหมด และกัดเสี่ยวหลงเปาเข้าไปเต็มคำ
ทางด้านจินเหมยและสามีเองก็เริ่มกินอย่างไม่แน่ใจนักในทีแรก แม้จะเคยทานฝีมือเสิ่นลี่อิงกันมาแล้ว แต่อาหารวันนี้มีรูปร่างเหมือนซาลาเปาสอดไส้น้ำแกงจะกินได้จริงหรือก็ยังไม่รู้ เห็นเด็กๆ กินกันเงียบจึงซดน้ำแกงเข้าไปเล็กน้อยบ้าง ก็เจอรสชาติที่กลมกล่อม และกลิ่นหอมตีอวนอยู่ในปากที่ทำให้ทั้งสองต้องตะลึง ‘นี่มันอร่อยกว่ากับข้าวเมื่อวานเสียอีก!!’ สองสามีภรรยาคิดเห็นตรงกัน เสี่ยวหลงเปานี่ หากบอกว่าเป็นอาหารของเหลาในเมือง พวกเขาจะเชื่อเสียมากกว่าบอกว่าเป็นฝีมือของหญิงตรงหน้า
“อร่อยหรือไม่” เสิ่นลี่อิงเอ่ยถาม
“อร่อยมาก เถ้าแก่ต้องรับไว้ให้เจ้าทำขายแน่นอน” ลู่จานออกความเห็น อร่อยครบได้ในคำเดียวเช่นนี้เขาไม่เคยกินมาก่อน จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในไม่ช้า จินเหมยพยักหน้ากินลูกที่สองต่อทันที
“ขอบคุณมากเท่านี้ก็สบายใจแล้ว พวกท่านรีบกินเถิดข้าจะได้เร่งไปหาเถ้าแก่ร้านบะหมี่”
เสิ่นลี่อิงรับคำชมจากจินเหมยและเด็กๆ มาอีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาแยกย้ายไปทำธุระกัน นางเตรียมซึ้งไปด้วย เพราะต้องไปนึ่งถึงที่จึงจะอร่อย
เมื่อเดินไปถึงหน้าหมู่บ้านลุงไฉ่ก็วิ่งเข้ามาหานางทันที “แม่นางลี่อิง ข้าขอโทษแทนลูกชายข้าด้วย”
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจว่าลุงไฉ่คนขับเกวียนมาขอโทษนางด้วยเรื่องอันใด ลุงไฉ่เห็นเช่นนั้นจึงค่อยอธิบายให้นางฟัง “โจรที่ขึ้นบ้านแม่นางเป็นลูกชายของข้าเอง ข้าละไม่เคยสั่งสอนให้เป็นคนเช่นนี้เลยจริงๆ”
“อ๋อ ข้าตกลงกับพวกเขาไปแล้ว ไม่มาโทษลุงหรอก แยกแยะได้” นางพึ่งจะนึกออก ลุงไฉ่ ไฉ่ตู้ ไฉ่หม่า จุดไต้ตำตอแท้ๆ
“เช่นนั้นวันนี้ขอไม่คิดเงิน และหากมีอะไรให้ช่วยก็เรียกใช้ได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องจำกัดไว้เพียงสามครั้งหรอก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่เพียงทำครบข้าก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว” เมื่อกล่าวจบนางก็อุ้มเปาหลงขึ้นเกวียนไป
.
.
.
“ลุงเฉินว่าอย่างไร พอใช้ได้หรือไม่” นางนึ่งเสี่ยวหลงเปาไว้สามลูกให้เถ้าแก่เจ้าของร้านบะหมี่กิน เมื่อบอกวิธีการแล้วก็โก่งตัวรอคำตอบ หากเถ้าแก่ตอบรับนางก็จะมีรายได้ในทุกวันแล้ว
“อร่อยจริงๆ ข้ารู้ว่าน้ำแกงข้าอร่อย แต่ไส้หมูของเจ้ารวมกับน้ำแกงนี้ก็ยิ่งทำให้กินแล้วหยุดปากไม่ได้เลยจริงๆ” ไม่พูดเปล่าเถ้าแก่หยิบลูกที่สองและสามมากัดกินต่อทันที
“อย่างนี้แล้วกัน น้ำแกงข้าขายให้เจ้าถังละสามสิบอีแปะ ส่วนเสี่ยวหลงเปานี้ข้ารับซื้อในราคาลูกละสามอีแปะ ขายต่อลูกละสี่อีแปะ ซื้อสองลูกเหลือเจ็ดอีแปะ เจ้าว่าอย่างไร”
เสิ่นลี่อิงคิดคำนวณในใจส่วนไส้นางยังใช้ไม่หมด ส่วนน้ำแกงถังหนึ่งมีสิบถ้วยเท่ากับนางจะทำได้หนึ่งร้อยห้าสิบลูก แปลว่านางจะได้เงินสี่ร้อยห้าสิบอีแปะ หักค่าแป้งที่ต้องใช้ประมาณจินครึ่ง เก้าสิบอีแปะ หมูหนึ่งจินสี่สิบอีแปะ หนังหมูยี่สิบอีแปะ รวมกับเครื่องปรุง และเห็ดหอมต้นทุนอย่างไรก็ไม่เกินสองร้อยยี่สิบอีแปะ
กำไรครึ่งนึง!!
“ตกลงลุงเฉิน แต่ขายสี่อีแปะจะได้หรือ”
“ได้แน่นอนรสชาติเช่นนี้ ทั้งยังลูกใหญ่นัก มีหมูเต็มคำ ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“บะหมี่ธรรมดาถ้วยละหกอีแปะ พิเศษสิบอีแปะ ของเราสี่อีแปะ เจ้าว่าจะขายได้หรือไม่” นางหันไปถามเปาเปาน้อย
“ได้อยู่แล้ว อร่อย…” เปาเปาน้อยตาละห้อยมองเสี่ยวหลงเปาที่ถูกเถ้าแก่เอาไปนึ่งแจกจ่ายให้ลูกค้าบะหมี่เป็นการประชาสัมพันธ์อย่างเศร้าโศก
“เปาเปาเจ้าไม่ต้องเศร้าไป ข้ายังมีของอร่อยอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำให้เจ้าชิม”
“จริงหรือ”
“จริงสิ้ มาๆ ไปซื้อของเตรียมทำเสี่ยวหลงเปามาขายพรุ่งนี้กันเถิด”
เมื่อนางซื้อของเสร็จสรรพ ก็เป็นเวลาที่ลี่อิงต้องกลับมาเอาน้ำแกง และซึ้งที่ลุงเฉินขอยืมใช้ในวันนี้ก่อน พลันพบกับความโกลาหลที่หน้าร้านบะหมี่
“เสี่ยวหลงเปายังมีหรือไม่ ข้าอยากลอง”
“ข้าด้วยๆ มีอีกหรือไม่”
“ไม่ได้ๆ ข้าต้องได้ลองก่อน ข้ามารอตั้งนานแล้ว”
นอกจากจะมีเสียงโหวกเหวกโวยวายแล้ว ผู้คนยังผลักไสกันเพื่อแย่งชิงโต๊ะร้านบะหมี่ของลุงเฉิน เหตุการณ์นี้สร้างความปวดหัวให้กับลุงเฉินนัก ตัวเขานั้นค้าขายได้พอประมาณ แม้เคยรับมือลูกค้าคราละมากๆ อยู่บ้าง หากแต่มากจนแถวยาวไปเกะกะร้านอื่นเช่นนี้ยังไม่เคย
“เปาหลงพี่สาวจะรวยแล้ว!!” นางอุ้มเปาหลงขึ้นและเดินเข้าไปหาเถ้าแก่
“แม่นางลี่อิงมาแล้ว คราแรกก็ยังไม่วุ่นวายเช่นนี้ แต่เมื่อลูกค้ากลุ่มแรกได้ชิมก็สั่งกินไม่หยุด แต่ข้าไม่ขาย เพราะต้องแบ่งให้ได้ชิมกันหลายๆ คน แต่ไม่รู้ผู้ที่ได้ชิมไปกระจายข่าวกันอย่างไรจนวุ่นวายเช่นนี้”
“วุ่นวายอันใดกัน เสียงเหล่านี้คือเสียงของเงินที่กำลังร้องบอกให้เราเตรียมตัว ท่านตักน้ำแกงมาให้ข้าเลย”
“ถังเดียวจะพอหรือ” ลุงเฉินถามนางมาตรงๆ
“ลองดูก่อนหากคนยังชอบเสี่ยวหลงเปาเราค่อยเพิ่มปริมาณเป็นสองหรือสามถัง แต่ไม่มากกว่านี้แล้ว หากมีดาษดื่นย่อมสูญเสียคุณค่า”
และข้าก็ขายของเพียงอย่างเดียวมิได้ด้วยเจ้าค่ะ…มันได้เงินไม่มากพอ
เสิ่นลี่อิงใช้ไม้เคาะดังๆ เรียกผู้คนให้หันมาสนใจนาง “ทุกท่านวันนี้เสี่ยวหลงเปาหมดแล้ว แต่พรุ่งนี้ข้าจะนำมาฝากขายที่ร้านเถ้าแก่เฉินอีก ต่อแถวได้ตั้งแต่ยามเหม่า”
“สัญญาหรือไม่ วันนี้เจ้านำมาน้อยนัก ไอ้หน้าขาวหลงเฟยมันมาโอ้อวดว่าได้กินของที่ทำให้เหมือนขึ้นสวรรค์ ข้าก็อยากจะรู้ว่าจริงหรือไม่”
“สัญญาๆ เงินข้าย่อมอยากได้ วันนี้ทานแต่บะหมี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทานคู่กับเสี่ยวหลงเปา”
นางลอบยิ้มอยู่ในใจหนทางหาเงินแรกของนางดูท่าจะเป็นไปได้ดี ส่วนลุงเฉินก็เร่งขอบคุณนางเสียยกใหญ่ เพราะผู้คนที่มารอกินเสี่ยวหลงเปา ร้านบะหมี่ที่ชื่อเสียงซาไปแล้วของเขาก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง ย้ำนางนักหนาว่าต้องมาจริงๆ ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาดอยู่นานสองนาน จนนางต้องอ้างว่าถึงเวลานอนของเปาหลง และต้องรีบไปทำเสี่ยวหลงเปา เขาจึงค่อยปล่อยนางกลับมา
ระหว่างทางกลับไปขึ้นเกวียนก็ซื้อม้าที่ทำจากไม้ไว้ให้เปาเปาเล่น หากจะให้บิดรูบิคต่อหน้าผู้คนนางคงต้องอธิบายจนยืดยาว ดีไม่ดีจะถูกหาว่าเป็นผีร้ายไปอีก
“อยู่นอกบ้านเล่นสิ่งนี้ ห้ามเล่นลูกเต๋าที่ข้าให้นะ”
“ขอรับ เปาเปาหิวแล้ว ท่านต้องทำขนมที่สัญญาไว้นะ”
“ย่อมได้” เด็กน้อยข้างกายท่าจะชอบกินอาหารฝีมือนางจริงๆ เมื่อนางพูดถึงแป้งต่างๆ ว่านำไปทำขนมแบบใดได้บ้าง ก็เอาแต่พูดว่า ‘ทำทำ เปาเปาอยากกิน’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ที่นั่งบนเกวียนก็ยังทวงถามว่านางจะทำให้กินทันทีเลยหรือไม่
นี่นางกำลังเลี้ยงลูกหมูอยู่หรือ
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







