แชร์

บทที่ 12 การหาเงินครั้งแรก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-26 19:43:56

บทที่ 12 การหาเงินครั้งแรก

       เสิ่นลี่อิงตื่นแต่เช้าตั้งซึ้งนึ่งเสี่ยวหลงเปาก่อนเพียงสิบลูก นางจะเอาไว้แบ่งให้บ้านจินเหมยและเก็บเอาไว้ทานเองด้วย ขณะที่กำลังจะยกเสี่ยวหลงเปาที่นึ่งเสร็จร้อนระอุออกมา ก็ได้ยินเสียงลู่เว่ยมาร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน

“ลู่เว่ยเข้ามาได้เลย ข้านึ่งเสี่ยวหลงเปาเสร็จพอดี” นางหยิบจัดลงจานให้ไว้ และนำออกไปตั้งบนโต๊ะ เปาหลงและลู่เว่ยส่งสายตาเป็นประกายไปยังอาหารบนโต๊ะเด็กสองคนนี้มีท่าทางว่าน่าจะชอบกิน เมื่อวานหากนางไม่สั่งให้เหลือไว้ให้พวกนางกินหลังจัดการธุระเสร็จ ผู้ใหญ่ทั้งสามก็คงไม่ได้กินข้าวเย็นเป็นแน่แท้

“นี่เรียกว่าเสี่ยวหลงเปา กินได้เพียงคนละสองลูกเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”

“กินเลยได้หรือไม่ขอรับ” ลู่เว่ยแม้จะอยากกินมากเพียงไหนแต่ก็ต้องยั้งใจรอให้เจ้าของบ้านคีบกินเสียก่อนจึงจะกล้าเริ่มตักบ้าง เมื่อเปาเปาน้อยและเสิ่นลี่อิงยังไม่ขยับ เขาก็ยังไม่คีบเสี่ยวหลงเปาลงจานไปเช่นเดียวกัน

       ลี่อิงเห็นเช่นนั้นจึงคีบส่งให้ลู่เว่ยและเปาหลงด้วยตัวเอง ก่อนจะคีบมาใส่ช้อนตนเองอันหนึ่งด้วยเช่นกัน “วิธีทานคือใช้ตะเกียบแหวกให้น้ำแกงไหลออกมา เป่าให้พอหายร้อนแล้วซดน้ำเข้าไปก่อน จากนั้นก็ทานแป้งพร้อมไส้หมูนี้ตามลงไปได้เลย” นางทานให้พวกเขาดูวิธีการก่อนจากนั้นก็รอคอยว่าอาหารที่นางทำวันนี้พอจะเข้าตาหรือไม่

     ลู่เว่ยเห็นเปาหลงเริ่มใช้ตะเกียบเจาะเข้าไปที่แผ่นแป้งแล้ว เขาจึงเลียนแบบการกินที่เสิ่นลี่อิงทำให้ดูบ้างอย่างไม่สงวนท่าที ทันใดนั้นเองเด็กทั้งสองดวงตาเบิกกว้าง ดูดน้ำแกงจนหมด และกัดเสี่ยวหลงเปาเข้าไปเต็มคำ

       ทางด้านจินเหมยและสามีเองก็เริ่มกินอย่างไม่แน่ใจนักในทีแรก แม้จะเคยทานฝีมือเสิ่นลี่อิงกันมาแล้ว แต่อาหารวันนี้มีรูปร่างเหมือนซาลาเปาสอดไส้น้ำแกงจะกินได้จริงหรือก็ยังไม่รู้ เห็นเด็กๆ กินกันเงียบจึงซดน้ำแกงเข้าไปเล็กน้อยบ้าง ก็เจอรสชาติที่กลมกล่อม และกลิ่นหอมตีอวนอยู่ในปากที่ทำให้ทั้งสองต้องตะลึง ‘นี่มันอร่อยกว่ากับข้าวเมื่อวานเสียอีก!!’ สองสามีภรรยาคิดเห็นตรงกัน เสี่ยวหลงเปานี่ หากบอกว่าเป็นอาหารของเหลาในเมือง พวกเขาจะเชื่อเสียมากกว่าบอกว่าเป็นฝีมือของหญิงตรงหน้า

“อร่อยหรือไม่” เสิ่นลี่อิงเอ่ยถาม

“อร่อยมาก เถ้าแก่ต้องรับไว้ให้เจ้าทำขายแน่นอน” ลู่จานออกความเห็น อร่อยครบได้ในคำเดียวเช่นนี้เขาไม่เคยกินมาก่อน จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในไม่ช้า จินเหมยพยักหน้ากินลูกที่สองต่อทันที

“ขอบคุณมากเท่านี้ก็สบายใจแล้ว พวกท่านรีบกินเถิดข้าจะได้เร่งไปหาเถ้าแก่ร้านบะหมี่”

     เสิ่นลี่อิงรับคำชมจากจินเหมยและเด็กๆ มาอีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาแยกย้ายไปทำธุระกัน นางเตรียมซึ้งไปด้วย เพราะต้องไปนึ่งถึงที่จึงจะอร่อย 

       เมื่อเดินไปถึงหน้าหมู่บ้านลุงไฉ่ก็วิ่งเข้ามาหานางทันที “แม่นางลี่อิง ข้าขอโทษแทนลูกชายข้าด้วย”

       นางขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจว่าลุงไฉ่คนขับเกวียนมาขอโทษนางด้วยเรื่องอันใด ลุงไฉ่เห็นเช่นนั้นจึงค่อยอธิบายให้นางฟัง “โจรที่ขึ้นบ้านแม่นางเป็นลูกชายของข้าเอง ข้าละไม่เคยสั่งสอนให้เป็นคนเช่นนี้เลยจริงๆ”

“อ๋อ ข้าตกลงกับพวกเขาไปแล้ว ไม่มาโทษลุงหรอก แยกแยะได้” นางพึ่งจะนึกออก ลุงไฉ่ ไฉ่ตู้ ไฉ่หม่า จุดไต้ตำตอแท้ๆ

“เช่นนั้นวันนี้ขอไม่คิดเงิน และหากมีอะไรให้ช่วยก็เรียกใช้ได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องจำกัดไว้เพียงสามครั้งหรอก”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่เพียงทำครบข้าก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว” เมื่อกล่าวจบนางก็อุ้มเปาหลงขึ้นเกวียนไป

.

.

.

“ลุงเฉินว่าอย่างไร พอใช้ได้หรือไม่” นางนึ่งเสี่ยวหลงเปาไว้สามลูกให้เถ้าแก่เจ้าของร้านบะหมี่กิน เมื่อบอกวิธีการแล้วก็โก่งตัวรอคำตอบ หากเถ้าแก่ตอบรับนางก็จะมีรายได้ในทุกวันแล้ว

“อร่อยจริงๆ ข้ารู้ว่าน้ำแกงข้าอร่อย แต่ไส้หมูของเจ้ารวมกับน้ำแกงนี้ก็ยิ่งทำให้กินแล้วหยุดปากไม่ได้เลยจริงๆ” ไม่พูดเปล่าเถ้าแก่หยิบลูกที่สองและสามมากัดกินต่อทันที 

“อย่างนี้แล้วกัน น้ำแกงข้าขายให้เจ้าถังละสามสิบอีแปะ ส่วนเสี่ยวหลงเปานี้ข้ารับซื้อในราคาลูกละสามอีแปะ ขายต่อลูกละสี่อีแปะ ซื้อสองลูกเหลือเจ็ดอีแปะ เจ้าว่าอย่างไร”

       เสิ่นลี่อิงคิดคำนวณในใจส่วนไส้นางยังใช้ไม่หมด ส่วนน้ำแกงถังหนึ่งมีสิบถ้วยเท่ากับนางจะทำได้หนึ่งร้อยห้าสิบลูก แปลว่านางจะได้เงินสี่ร้อยห้าสิบอีแปะ หักค่าแป้งที่ต้องใช้ประมาณจินครึ่ง เก้าสิบอีแปะ หมูหนึ่งจินสี่สิบอีแปะ หนังหมูยี่สิบอีแปะ รวมกับเครื่องปรุง และเห็ดหอมต้นทุนอย่างไรก็ไม่เกินสองร้อยยี่สิบอีแปะ

กำไรครึ่งนึง!!

“ตกลงลุงเฉิน แต่ขายสี่อีแปะจะได้หรือ”

“ได้แน่นอนรสชาติเช่นนี้ ทั้งยังลูกใหญ่นัก มีหมูเต็มคำ ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว” 

“บะหมี่ธรรมดาถ้วยละหกอีแปะ พิเศษสิบอีแปะ ของเราสี่อีแปะ เจ้าว่าจะขายได้หรือไม่” นางหันไปถามเปาเปาน้อย

“ได้อยู่แล้ว อร่อย…” เปาเปาน้อยตาละห้อยมองเสี่ยวหลงเปาที่ถูกเถ้าแก่เอาไปนึ่งแจกจ่ายให้ลูกค้าบะหมี่เป็นการประชาสัมพันธ์อย่างเศร้าโศก

“เปาเปาเจ้าไม่ต้องเศร้าไป ข้ายังมีของอร่อยอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำให้เจ้าชิม”

“จริงหรือ” 

“จริงสิ้ มาๆ ไปซื้อของเตรียมทำเสี่ยวหลงเปามาขายพรุ่งนี้กันเถิด” 

       เมื่อนางซื้อของเสร็จสรรพ ก็เป็นเวลาที่ลี่อิงต้องกลับมาเอาน้ำแกง และซึ้งที่ลุงเฉินขอยืมใช้ในวันนี้ก่อน พลันพบกับความโกลาหลที่หน้าร้านบะหมี่

“เสี่ยวหลงเปายังมีหรือไม่ ข้าอยากลอง”

“ข้าด้วยๆ มีอีกหรือไม่”

“ไม่ได้ๆ ข้าต้องได้ลองก่อน ข้ามารอตั้งนานแล้ว” 

       นอกจากจะมีเสียงโหวกเหวกโวยวายแล้ว ผู้คนยังผลักไสกันเพื่อแย่งชิงโต๊ะร้านบะหมี่ของลุงเฉิน เหตุการณ์นี้สร้างความปวดหัวให้กับลุงเฉินนัก ตัวเขานั้นค้าขายได้พอประมาณ แม้เคยรับมือลูกค้าคราละมากๆ อยู่บ้าง หากแต่มากจนแถวยาวไปเกะกะร้านอื่นเช่นนี้ยังไม่เคย

“เปาหลงพี่สาวจะรวยแล้ว!!” นางอุ้มเปาหลงขึ้นและเดินเข้าไปหาเถ้าแก่

“แม่นางลี่อิงมาแล้ว คราแรกก็ยังไม่วุ่นวายเช่นนี้ แต่เมื่อลูกค้ากลุ่มแรกได้ชิมก็สั่งกินไม่หยุด แต่ข้าไม่ขาย เพราะต้องแบ่งให้ได้ชิมกันหลายๆ คน แต่ไม่รู้ผู้ที่ได้ชิมไปกระจายข่าวกันอย่างไรจนวุ่นวายเช่นนี้” 

“วุ่นวายอันใดกัน เสียงเหล่านี้คือเสียงของเงินที่กำลังร้องบอกให้เราเตรียมตัว ท่านตักน้ำแกงมาให้ข้าเลย” 

“ถังเดียวจะพอหรือ” ลุงเฉินถามนางมาตรงๆ

“ลองดูก่อนหากคนยังชอบเสี่ยวหลงเปาเราค่อยเพิ่มปริมาณเป็นสองหรือสามถัง แต่ไม่มากกว่านี้แล้ว หากมีดาษดื่นย่อมสูญเสียคุณค่า”

และข้าก็ขายของเพียงอย่างเดียวมิได้ด้วยเจ้าค่ะ…มันได้เงินไม่มากพอ

       เสิ่นลี่อิงใช้ไม้เคาะดังๆ เรียกผู้คนให้หันมาสนใจนาง “ทุกท่านวันนี้เสี่ยวหลงเปาหมดแล้ว แต่พรุ่งนี้ข้าจะนำมาฝากขายที่ร้านเถ้าแก่เฉินอีก ต่อแถวได้ตั้งแต่ยามเหม่า” 

“สัญญาหรือไม่ วันนี้เจ้านำมาน้อยนัก ไอ้หน้าขาวหลงเฟยมันมาโอ้อวดว่าได้กินของที่ทำให้เหมือนขึ้นสวรรค์ ข้าก็อยากจะรู้ว่าจริงหรือไม่” 

“สัญญาๆ เงินข้าย่อมอยากได้ วันนี้ทานแต่บะหมี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทานคู่กับเสี่ยวหลงเปา” 

       นางลอบยิ้มอยู่ในใจหนทางหาเงินแรกของนางดูท่าจะเป็นไปได้ดี ส่วนลุงเฉินก็เร่งขอบคุณนางเสียยกใหญ่ เพราะผู้คนที่มารอกินเสี่ยวหลงเปา ร้านบะหมี่ที่ชื่อเสียงซาไปแล้วของเขาก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง ย้ำนางนักหนาว่าต้องมาจริงๆ ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาดอยู่นานสองนาน จนนางต้องอ้างว่าถึงเวลานอนของเปาหลง และต้องรีบไปทำเสี่ยวหลงเปา เขาจึงค่อยปล่อยนางกลับมา

       ระหว่างทางกลับไปขึ้นเกวียนก็ซื้อม้าที่ทำจากไม้ไว้ให้เปาเปาเล่น หากจะให้บิดรูบิคต่อหน้าผู้คนนางคงต้องอธิบายจนยืดยาว ดีไม่ดีจะถูกหาว่าเป็นผีร้ายไปอีก

“อยู่นอกบ้านเล่นสิ่งนี้ ห้ามเล่นลูกเต๋าที่ข้าให้นะ”

“ขอรับ เปาเปาหิวแล้ว ท่านต้องทำขนมที่สัญญาไว้นะ”

“ย่อมได้” เด็กน้อยข้างกายท่าจะชอบกินอาหารฝีมือนางจริงๆ เมื่อนางพูดถึงแป้งต่างๆ ว่านำไปทำขนมแบบใดได้บ้าง ก็เอาแต่พูดว่า ‘ทำทำ เปาเปาอยากกิน’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ที่นั่งบนเกวียนก็ยังทวงถามว่านางจะทำให้กินทันทีเลยหรือไม่

นี่นางกำลังเลี้ยงลูกหมูอยู่หรือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหาร

    บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้

    บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไป

    บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่

    บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 15  อันตรายในป่า

    บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทที่ 14  งานการมากมาย

    บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status