بيت / รักโบราณ / ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย / บทที่ 3  เป็นน้องข้าไม่ต้องกลัวใครหน้าไหน

مشاركة

บทที่ 3  เป็นน้องข้าไม่ต้องกลัวใครหน้าไหน

last update آخر تحديث: 2025-10-26 03:11:31

บทที่ 3  เป็นน้องข้าไม่ต้องกลัวใครหน้าไหน

       เสิ่นลี่อิงนั่งเป็นลูกมือให้กับพี่จินเหมย นางสั่งให้ทำอะไรหั่นแบบไหน เสิ่นลี่อิงก็จัดการให้อย่างรวดเร็ว แม้นางจะเปิดร้านอาหารมาได้สามเกือบสี่ปี แต่ก่อนหน้านี้นางก็ชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณแม่และคุณย่าของซาร่าในชาติภพก่อน 

       แม่ของซาร่าเป็นหญิงชาวไทยที่มาแต่งงานกับคนต่างชาติ ซาร่าจึงมีความสามารถในการทำอาหารไทยที่เรียนรู้มาจากแม่ และอาหารฝรั่งที่ได้เรียนรู้มาจากคุณย่า 

       จินเหมยลอบมองมายังเสิ่นลี่อิงจนนางรู้ตัว ลี่อิงจึงได้เงยหน้าขึ้นสบตาเผื่อว่าพี่จินเหมยจะมีอะไรให้นางช่วยอีก

“พี่จินจะเอาอะไรหรือเดี๋ยวข้าไปหยิบให้” นางวางมีดที่กำลังซอยผักลงบนเขียง

“เปล่าหรอก ข้าแค่เห็นว่าเจ้าใช้มีดคล่องแคล่วดีเท่านั้น โล่งใจไปที ข้านึกว่าจะต้องสอนเจ้าใหม่เสียทั้งหมด” จินเหมยที่กำลังขอดเกล็ดปลายิ้มให้กับนาง

“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพียงแต่พอพี่บอกให้หั่นมือมันก็ไปเองน่ะ ข้าอาจจะชอบทำกับข้าวก็ได้” เสิ่นลี่อิงเอ่ยแก้ต่างให้ตัวเองอย่างว่องไว และหยิบวัตถุดิบต่างๆ ที่หั่นเรียบร้อยแล้วส่งให้พี่จิน

       จินเหมยไม่ได้เรียกใช้อะไรนางเพิ่มอีก เสิ่นลี่อิงจึงนั่งดูวิธีทำอาหารของหญิงชาวบ้านตรงหน้า เมื่อเตรียมปลาเสร็จ พี่จินผู้นี้ก็นำเกลือมาโรยเพื่อหมักเล็กน้อย นำผักต่างๆ ลงไปต้มในหม้อน้ำเดือด และใส่ปลาที่หั่นเป็นชิ้นลงไปครึ่งตัว ใช้เวลาไม่นานนักน้ำแกงปลาก็เสร็จสิ้นพร้อมรับประทาน

“ลี่อิง เจ้าหยิบผัดผักที่เหลืออยู่ไปด้วย เราจะเดินไปยังที่ดินของบ้านข้ากัน พวกเขาคงหิวกันมากแล้ว”

“อ้อ ปลาอีกครึ่งตัวพี่จะไว้ทำมื้อเย็นหรือ”

“ใช่แล้วบ้านข้ามีกันแค่สามคน วันนี้รวมเจ้าเป็นสี่ทำเท่านี้พอแล้ว” พี่จินว่าพลางยกหม้อที่มีควันพวยพุ่งขึ้นมา และคว้าข้าวที่หุงไว้แล้วด้วยอีกมือที่ยังว่างอยู่ ส่วนลี่อิงหยิบผัดผักและชามข้าวที่พี่จินเหมยเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ถือตามไป

       ทั้งสองเดินมาจนถึงที่ดินแปลงหนึ่ง ในที่ดินแปลงถัดไปก็เริ่มมีชาวบ้านที่นำข้าวมาส่งให้กับคนในครอบครัวของตน ส่วนบางบ้านที่ช่วยกันทำไร่ทั้งครอบครัวก็นำอาหารแห้งมานั่งกินกัน สายตาหลายคู่จับจ้องมาเสิ่นลี่อิง แต่นางก็ไม่ได้เขินอายอันใด ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีอาจได้ทำความรู้จักคนในหมู่บ้านแห่งนี้เพิ่ม ผ่านการตะโกนแนะนำของจินเหมย

“จินเหมยเจ้าพาใครมานั่น” ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นสามีของพี่จินเหมยเอ่ยทักขึ้น ด้านหลังมีลูกชายวัยประมาณแปดเก้าขวบวิ่งตามหลังมา

“นางชื่อลี่อิง นางจะย้ายมาอยู่หมู่บ้านเรา นางหลงป่าจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อ นางจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาย ลี่อิงนั่นสามีข้า ลู่จาน” 

“ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยร้องทักขึ้นก่อนจะวิ่งตามมา

ยังเป็นเด็กอยู่เลย นึกว่าเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้วเลยมาช่วยพ่อทำงานในไร่

“ด้านหลังที่วิ่งตามมานั้นลูกของพี่ใช่หรือไม่ ชื่ออะไรหรือ”

“อ้อลูกชายข้าชื่อลู่เว่ย เรียกว่าเว่ยเว่ยก็ได้” สามีของพี่จินเหมยเป็นคนตอบก่อนจะตบมือลงบนบ่าของเด็กน้อยเบาๆ 

“ขยันจริงๆ เด็กดีมาช่วยพ่อทำไร่เช่นนี้” นางย่อลงไปคุยกับเว่ยเว่ย

“ช่วยเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็วิ่งเล่นกับเด็กบ้านอื่นมากกว่า” จินเหมยเป็นคนตอบแทนเจ้าลูกชายที่ยืนเขินอายอยู่ข้างสามีตน

“ท่านแม่วันนี้ข้าช่วยออกจะเยอะนะขอรับ” เด็กชายที่ได้ยินว่าตนเองทำงานไม่เยอะก็เลิกเขินอาย และเริ่มเถียงทันทีก่อนจะโดนขัดโดยลู่จาน

“อย่ามัวพูดกันเยอะแยะอยู่เลย รีบกินเถอะเดี๋ยวน้ำแกงปลาจะหายร้อนเสียหมด”

       ทั้งสี่คนนั่งทานกันอย่างเอร็ดอร่อยเท่าที่น้ำแกงที่ปรุงด้วยเกลือเพียงอย่างเดียวจะอร่อยได้ จากคำบอกเล่าของพี่จินเหมย วันนี้นางยอมใส่เกลือเพราะมีสมาชิกใหม่มากินเพิ่ม นางไม่อยากให้เสิ่นลี่อิงรู้สึกว่านางทำอาหารไม่อร่อย 

       เสิ่นลี่อิงรีบโบกมือปฏิเสธด้วยความเกรงใจ บอกให้นางจินเหมยสามารถทำอย่างเดิมอย่างที่เคยได้เลย ตัวนางเป็นผู้มาขอความช่วยเหลือไม่อาจเรื่องมากได้ แม้ในใจจะแอบร้องไห้ เพราะว่ารสชาติมันช่างจืดชืดเสียเหลือเกิน

       เมื่อเสิ่นลี่อิงและครอบครัวลู่กำลังจะกินกันอิ่ม  ก็มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเสิ่นลี่อิง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “แม่นางเป็นญาติของจินเหมยหรือ มีคู่หมายแล้วหรือยัง”

อะไรเนี่ยยังไม่ทันได้รู้จักกันเลย…มาถามเรื่องคู่คนอื่นเขาแบบนี้เลยเหรอ

       เสิ่นลี่อิงไม่สนใจที่จะตอบเลือกหันไปหาพี่จินเหมยแทน นางส่งสายตาไปว่าต้องการคำตอบเกี่ยวกับชายผู้นี้ พี่จินเหมยก็รับรู้ถึงสายตานี้ของนางเช่นกัน จึงได้กระซิบบอกว่าชายคนนี้คือหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน ‘หยางฉินเปา’

       ชายผู้นั้นเมื่อเห็นนางไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าคุยกับจินเหมย ก็รู้สึกได้ใจคิดว่านางคงเขินอายจึงได้นั่งยองๆ ลงมาและใช้มือจับปลายผมของเสิ่นลี่อิง นางปัดมือชายผู้นั้นออกทันที และหันไปขอความช่วยเหลือจากสองสามีภรรยา 

“ข้าทำอย่างไรดีพี่จินเหมย” ลี่อิงไม่แน่ใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ค้นในความทรงจำร่างเดิมก็ไม่เห็นเจอว่าเคยมีใครไม่ให้เกียรติเสิ่นลี่อิงมาก่อน หากจะจัดการแบบตอนเป็นซาร่ามีหวังได้มีเรื่องราวถึงโรงถึงศาล

“ไม่ต้องเป็นห่วง เป็นน้องข้าไม่ต้องกลัวใครหน้าไหน” พี่จินเหมยว่าก่อนจะวางถ้วยข้าวของนางลง พยักหน้าสร้างความมั่นใจให้ลี่อิง

“เจ้ามาถามเช่นนี้ได้อย่างไร นางเป็นน้องข้ามีคู่หมายหรือยัง ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า เจ้าจะมายุ่งกับนางทำไม” จินเหมยตอบแว้ดขึ้นมา

“ข้าเพียงแต่ถามดูเท่านั้น ทำไม ถามไม่ได้หรือ?! นางเป็นหญิงสูงศักดิ์มาจากไหน ข้าห้ามอาจเอื้อมหรือ” 

“ถามเฉยๆ ยังพอทน มือไม้ไม่ต้อง เก็บไว้อมเองเถิด” สามีของพี่จินเหมยพูดออกมาบ้าง

“หมู่บ้านนี้ท่านปู่ของข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน พูดอะไรระวังปากด้วย ข้าทำเช่นนั้นที่ไหน ระวังจะไม่มีที่อยู่เอา” หลานชายหัวหน้าหมู่บ้านเหยียดยืนขึ้นเต็มความสูงเพื่อข่มพวกนาง

ตัวก็เตี้ยยังจะยืนวางท่าอีก คิดว่าฉันกลัวหรือไง แบกคนตัวใหญ่กว่านี้ฝ่าไฟร้อนๆ ก็ทำมาแล้ว คิดว่าแค่เด็กวัยรุ่นฉันจะจัดการไม่ได้หรือไง

       เสิ่นลี่อิงส่ายหัวให้กับความมั่นใจผิดๆ ของเด็กหนุ่มตรงหน้า แม้สภาพร่างกายนอกจะดูเหมือนเขาและนางอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ความคิดความอ่านเช่นนี้ ต่อให้นางคิดอยากจะมีความรัก คนแบบนี้ก็ไม่มีทางได้โอกาส 

“หัวหน้าหมู่บ้านคือตำแหน่งที่ถูกเลือกโดยคนในหมู่บ้าน ทำแบบนี้เจ้าไม่กลัวจะเสื่อมเสียไปถึงท่านปู่ของเจ้าหรือ” นางทำหน้านิ่งจดจ้องเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มคนนั้น ความทรงจำเรื่องตำแหน่งต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวของนางทันที

“นี่เจ้าขู่ข้าหรือ เป็นเพียงคนนอกหมู่บ้านที่มาเยี่ยมญาติ กล้าพูดเช่นนี้เลยหรือ” หลังจากที่พูดจบหลานหัวหน้าหมู่บ้านยกขาขึ้นหมายจะถีบนางออกไป

       โชคยังดีที่ลู่จานตอบสนองรวดเร็วยกขาขึ้นมาขัดไว้เสียก่อน “ทำอะไร แค่นี้ถึงกับต้องถีบลงไม้ลงมือกันเลยเชียว” 

โห หน้าตากลางๆ หุ่นธรรมดา การศึกษาดูไม่มี ชอบใช้ความรุนแรง มีดีแค่เป็นหลานหัวหน้าหมู่บ้านหรือเปล่าเนี่ย

“ไม่เห็นต้องถึงกับลงไม้ลงมือกันเลย เอาเป็นว่าข้าขอโทษเจ้าก็แล้วกัน ต่อจากนี้ต่างคนต่างอยู่จะได้ไม่มีเรื่องผิดใจอีก” เสิ่นลี่อิงยอมเป็นฝ่ายขอโทษเพื่อไม่ให้มีใครต้องลงไม้ลงมือกัน หากมีเรื่องมีราวตอนนี้คนที่เสียเปรียบจะเป็นตัวนาง ลี่อิงต้องสร้างพรรคพวกในหมู่บ้านเสียก่อนถึงจะเริ่มมีปัญหาได้

“ลี่อิง เจ้าจะไม่เอาเรื่องที่ฉินเปาจะลงไม้ลงมือกับเจ้าหรือ” จินเหมยเอ่ยถามขึ้น

“ดีนี่ รู้จักขอโทษ เช่นนั้นก็จำไว้ ข้าเป็นหลานหัวหน้าหมู่บ้าน จะทำสิ่งใดย่อมต้องได้รับการยินยอมจากข้าก่อน”

       เสิ่นลี่อิงไม่ตอบโต้สิ่งใดอีกเพียงแค่มองหน้าฉินเปานิ่งๆ ไม่ยอมพูดอะไร ตามหลักจิตวิทยาที่นางเรียนรู้มาเล็กน้อย การไม่ตอบโต้สิ่งใดเลยสำหรับสมองแล้วถือเป็นการปฏิเสธเช่นเดียวกันกับการกล่าวคำว่าไม่ออกไป แม้นางไม่ได้กล่าวสิ่งใดก็สามารถสร้างความหงุดหงิดใจเล็กๆ ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้ได้ สิ่งนี้ยืนยันได้จากท่าทางหัวเสียของฉินเปาที่กำลังเดินจากไป

“เจ้าไม่ต้องไปสนใจ เห้อ ฉินเปายกเท้าขึ้นมาใส่อาหารเช่นนี้กินไม่ได้แล้ว รีบเก็บของเถิด ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำ” พี่จินว่าพลางเก็บถ้วยชามและหม้อที่นำมา ปล่อยให้สามีและลูกกลับไปทำงานในไร่ต่อ 

“ข้าขอโทษนะพี่จิน ภายภาคหน้าข้าจะชดใช้ให้พี่แน่นอน” ลี่อิงขอโทษจินเหมยด้วยความรู้สึกผิด เหลืออาหารเพียงไม่มาก แต่ชีวิตในชนบทเช่นนี้ อาหารคือสิ่งมีค่าอย่างแท้จริงในความรู้สึกของลี่อิง

“ไม่เป็นไรๆ เหลือไม่กี่คำเท่านั้น พวกนี้ไว้ให้ไก่กินได้” นางเก็บเศษอาหารทั้งหมดรวมไว้แล้วมุ่งหน้าเดินกลับบ้าน

       เสิ่นลี่อิงจ้องตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มผู้นั้นไป พลางส่ายหัวให้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอเมื่อครู่ นางนึกว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้อย่างสงบสุข แต่ดูเหมือนคนชนบทก็ไม่ได้จริงใจและนิสัยดีกันทั้งหมดสินะ 

เบื่อจริงๆ เป็นแค่หลานหัวหน้าหมู่บ้านมันจะยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น คอยดูเถอะจะหาวิธีแก้เผ็ดหยางฉินเปาให้ได้เลย ฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน

        เมื่อคาดโทษศัตรูคนแรกในหมู่บ้านไว้ในใจเรียบร้อยแล้วนางก็รีบสาวเท้าก้าวตามพี่จินเหมยไปทันที ก่อนจะเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวเอง นางต้องรู้ก่อนว่าคนหมู่บ้านนี้เขาทำกันอย่างไร

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง

    บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย

    บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดง

    บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปี

    บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษา

    บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 12 ม้ามืด

    บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status