로그인หลังจากที่นำของกลับไปเก็บที่บ้านพี่จินเรียบร้อยแล้ว หญิงชาวบ้านผู้ใจดีจึงเตรียมถังใส่น้ำ และพานางไปยังลำธาร คราแรกลี่อิงคิดว่าจะเป็นลำธารที่อยู่ติดกับบ้านของนาง แต่จินเหมยกลับพานางเดินมาอีกทาง ซึ่งเป็นลำธารอีกสายที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก แต่มีความลึกมากกว่า
“เดี๋ยวช่วยกันตักน้ำไปใส่ตุ่มบ้านเจ้า เจ้าอยู่คนเดียวให้ข้าช่วยขนไปใส่ตุ่มไว้เพื่ออาบน้ำแล้วกัน”
“เจ้าค่ะพี่จิน”
ตอนแรกนึกว่าจะพามาอาบน้ำในลำธารสรุปคือให้ตักใส่ตุ่ม ยังไม่ได้ดูเลยแฮะ…บ้านเรามีตุ่มหรือเปล่าเนี่ย
.
.
.
เมื่อขนน้ำมาใส่ไว้จนเต็มตุ่มแล้ว พี่จินจึงได้บอกนางว่า น้ำไว้ซักล้างก็ให้ใช้ลำธารหลังบ้านนางเอา เพราะลำธารหลังบ้านของนางตื้นเกินไปตักแล้วต้องรอตะกอนลงไปนอนก้น หากต้องการใช้อาบทันทีจะไม่สะดวก เมื่อเสร็จเรียบร้อยพี่จินจึงขอตัวลากลับบ้าน เพื่อไปจัดการให้อาหารไก่ และดูแลพืชผักสวนครัวที่นางปลูกไว้ตามรั้วบ้าน
เสิ่นลี่อิงไม่ได้รั้งจินเหมยไว้ นางเองก็มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการในบ้านหลังนี้เช่นกัน ลี่อิงจึงเดินสำรวจรอบบ้านโดยละเอียดอีกครั้ง ที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านหลังนี้มีความอุดมสมบูรณ์ดี หากจะนำอะไรมาปลูกก็คงเติบโตได้ดีพอสมควร ในตัวบ้านแม้จะทรุดโทรมแต่ฝุ่นไม่ได้มีเยอะนัก นางจึงตัดสินใจทำความสะอาดบ้านหลังนี้ก่อนที่จะอาบน้ำเตรียมพักผ่อน
เสิ่นลี่อิงเช็ดฝุ่นทั่วทั้งบ้านจนสะอาดเอี่ยมก็ล่วงเลยไปถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว นางตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
นางคิดไปว่าบ้านหลังนี้คงเคยมีครอบครัวอยู่อาศัย เพราะมีสองห้องนอน และห้องส่วนกลางของบ้าน นางจะใช้อยู่อาศัยคนเดียวถือว่าไม่คับแคบเลย ลี่อิงสามารถใช้ห้องนอนห้องหนึ่งไว้สำหรับทำงานได้ บริเวณครัวก็มีเครื่องครัวเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ปราศจากซึ่งวัตถุดิบและเครื่องปรุง แม้แต่ข้าวสารก้นถังก็ไม่มีเหลือไว้แม้แต่น้อย
เมื่อดูสถานการณ์ในครัวแล้วจึงกลับมานั่งแยกสิ่งของที่นางเทลงไปในหีบใหญ่ เสิ่นลี่อิงนับตั๋วเงินดูพบว่ามีมูลค่ารวมทั้งหมดสองพันตำลึงทอง ส่วนที่เป็นก้อนตำลึงเงินตำลึงทองและเงินแบบอื่นๆ มีประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึงทอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่งด้วย
อาภรณ์ที่นางหยิบติดมาด้วยมีของเสิ่นลี่อิงคนเดิมอยู่สามชุด และอีกสามชุดนางเลือกหยิบอาภรณ์ของบ่าวมา ดีที่นางคว้าเทียนและตะเกียงติดมาด้วย คงสะดวกในการใช้ให้แสงตอนกลางคืนไม่น้อย ของเล็กน้อยอื่นเสิ่นลี่อิงก็จัดการแยกหมวดหมู่และนำไปเก็บในจุดที่สิ่งเหล่านั้นควรจะอยู่
ก็พอมีทุนในการตั้งตัว ยังไงก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายๆ
เมื่อจัดการกับข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลี่อิงจึงไปไล่ดูรั้วบ้านของตัวเอง และลองจับโยกดูว่ามีจุดไหนที่ต้องซ่อมแซมบ้างหรือไม่ เมื่อเจอไม้ที่ผุพังไปมากนางก็ทำสัญลักษณ์ไว้ว่าต้องมาเปลี่ยนแผ่นไม้ จากนั้นจึงเดินไปบ้านพี่จินเหมยเพื่อบอกนางว่าจะไม่มาร่วมกินอาหารตอนเย็น อ้างว่ายังอิ่มอยู่และต้องการพักผ่อน แต่ความจริงแล้วเสิ่นลี่อิงต้องการจะสำรวจมิติช่องว่างของตัวเองต่างหาก
ไหนดูซิมีอะไรให้เล่นบ้างเนี่ย ต้องเข้ายังไงก่อนเอ่ย
สิ้นคำถามก็เกิดร้อนวูบยังบริเวณข้อมือด้านซ้าย ลี่อิ่งจึงลูบไปยังจุดที่รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา เมื่อแตะลงไปก็สามารถมองเห็นมิติช่องว่างของตนเองได้ พบว่านอกจากของแปลกๆ ที่เธอไม่แน่ใจว่าคืออะไร ก็มีสิ่งต่างๆ ที่คุ้นเคยจากภพเดิมอยู่มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอดีใจที่สุดคือมีไก่หมักที่เธอทำทิ้งไว้ก่อนจะไปนอนในคืนสุดท้าย
โอ้ยดีใจอะ ไก่หมักซอสนี่ยังไม่ได้กินเลย โอ้โห ไหนเอาออกมาทำคืนนี้เลยดีกว่า หมักพร้อมอบพร้อมย่างสุดๆ
นางหยิบไก่หมักออกมา และเดินไปหลังครัวทันที ควานหาตะแกรงย่างอยู่สักครู่ก็พบ ลี่อิงเริ่มก่อไฟและวางตะแกรง ก่อนจะหยิบก้อนเนยออกมาจากมิติช่องว่างเพื่อถูลงบนตะแกรงก่อน แล้วค่อยวางไก่ส่วนสะโพกที่หมักเรียบร้อยแล้วลงไป
ระหว่างที่รอให้ไก่สุกนางจึงดูในมิติว่ามีสิ่งใดที่สามารถนำมากินในตอนนี้ได้อีกบ้าง ก็พบว่ามีสลัดมันฝรั่งที่ทำทิ้งไว้แล้วยังทานไม่หมดด้วยเช่นกัน จึงนำออกมาเพื่อจะกินคู่กับไก่หมักซอส
เมื่อจัดการเรื่องมื้ออาหารของตนเรียบร้อยแล้ว นางจึงสำรวจให้ทั่วมิติว่างนั้น นางสามารถใช้มือกวักหมุนไปยังส่วนที่ต้องการในมิติได้เพียงแค่ใจนึก หรือหากก้าวเข้าไปก็จะเหมือนกับเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อแตะสิ่งของแปลกๆ นางจะได้รับรู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไรในทันที สิ่งแรกที่จับไปคือโถที่มีน้ำสีฟ้าอมเขียวจางๆ มันคือน้ำกลิ่นจันทร์ เป็นน้ำวิเศษที่มีฤทธิ์ทำให้สิ่งใดก็ตามที่สัมผัสกับน้ำนี้แข็งแรง หากคนใช้ดื่มก็จะผิวพรรณดีร่างกายแข็งแรง หากใช้รดพืชผักก็จะเติบโตเร็ว หากต้องพิษสามารถใช้ขับพิษได้อีกด้วย
หวานล่ะทีนี้ แม่จะปลูกให้เต็มที่เลย ไหนกันน้า…เมล็ดพันธุ์อยู่ไหนนะ
คิดได้เช่นนั้นนางจึงมุ่งไปดูเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ด้านหลังสุดของมิติว่างนี้ ถึงแม้การใส่น้ำกลิ่นจันทร์จะทำให้พืชผักโตเร็ว แต่นางก็ยังต้องใช้เวลาปลูกพืชพันธุ์เหล่านี้อยู่ดี ลี่อิงเลือกหยิบพืชประเภทหัวออกมาก่อนอย่างเช่น ถู่โต้ว หงสู่ ยวี่โถว และหลัวโป จากนั้นจึงหยิบพวกพืชผักสวนครัวอื่นอีกนิดหน่อยตามออกมาวางรอไว้
นางกลับไปดับไฟแล้วพักเนื้อไก่ไว้บนโต๊ะในมิติ รอปลูกผักเสร็จลี่อิงจึงจะกลับมากินข้าวเย็น
เสิ่นลี่อิงออกมายืนคิดว่าจะปลูกสิ่งใดไว้ตรงไหน ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าในบริเวณรั้วที่มีไม้ผุพัง นางจะไม่เปลี่ยนแผ่นไม้ใหม่ แต่จะใช้วิธีการปลูกต้นไม้ที่มีความสูงสักหน่อยให้ขึ้นแทนที่แผ่นไม้เหล่านั้น นางเลือกเมล็ดต้นผิงกั่ว จวี๋จือ และหมางกั่วออกมาด้วย ส่วนพืชผักผลไม้ชนิดอื่น ไว้รอสามารถเก็บเกี่ยวพืชหัวเพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงได้แล้ว ค่อยนำมาสลับเวียนเพาะปลูก
ได้เวลาลงมือสักที อีกสักสองเดือนทุกอย่างคงเข้าที่
ลี่อิงไม่ลืมที่จะหยิบจอบและเสียมรวมถึงน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาจากมิติด้วย นางเริ่มพรวนดินก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงใช้เสียมขุดหลุมตามแนวยาวและหยอดเมล็ดพันธุ์ตามแนวที่ขุดไว้ นางขุดหลุมสำหรับพืชแต่ละชนิดไว้เพียงอย่างละสามหลุมเท่านั้น ลี่อิงต้องการทดลองความเร็วของน้ำกลิ่นจันทร์ ส่วนบริเวณรอบบ้านก็ขุดแค่ตามจำนวนรั้วที่ผุพัง
เมื่อหยอดเมล็ดลงในหลุมสุดท้ายฟ้าก็มืดพอดี นางจึงหาที่รดน้ำต้นไม้ฝักบัวพลาสติกในมิติออกมาใช้รดน้ำกลิ่นจันทร์ผสมกับน้ำในลำธารหลังบ้าน เพื่อความรวดเร็วแทนการไล่หยดน้ำลงไปทีละหลุม แน่นอนว่าได้มีการสอดส่องอย่างดีแล้วว่าไม่มีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาเห็นสิ่งของที่น่าแปลกตานี้
‘ขลุก ขลัก ปึง ปัง!’
..!?
เสียงอะไร หรือบ้านนี้มีผีจริงๆวะ แต่ฉันก็เป็นผีฉันจะกลัวทำไม แล้วเสียงก็ไม่ได้มาจากในบ้านนิ โอ้ย เดินไปดูก็ได้
“คนยิ่งเหนื่อยๆ อยากจะพัก ก็มาเสียงดังเอะอะโวยวายหลังบ้านคนอื่นเดี๋ยวเถอะ” เสิ่นลี่อิงบ่นออกมาตั้งใจจะพูดให้อะไรก็ตามที่มาทำเสียงดังอยู่หลังบ้านเธอได้รับรู้ถึงความไม่พอใจ
นางเดินมาสุดริมรั้วก่อนจะยื่นหน้าออกไปดู พบว่าเป็นเด็กวัยน่าจะไม่เกินสามหนาวจึงรีบวิ่งอ้อมมายังหลังรั้วทันที
“เด็กน้อย เด็กน้อยตื่นเถิด”
ฉิบหายละ สมองกระทบกระเทือนไหมเนี่ย แล้วใครมันมาปล่อยลูกหัวกระแทกรั้วบ้านคนอื่น อย่ามาให้เห็นนะฉันจะด่าให้ อื้อหือ.. ยังเล็กอยู่เลย
ลี่อิงพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ปลุกเท่าไรก็ปลุกไม่ตื่น จึงจับเด็กพลิกอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนตนเอง ก่อนจะเหลือบไปเห็นตราหยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวเด็กในอ้อมกอด นางจำได้ทันทีว่าเป็นตราสัญลักษณ์วังหนิงอ๋องตัวร้ายของเรื่อง
อย่าบอกนะว่า…นี่มันลูกติดของหนิงอ๋อง แล้วองครักษ์ไปไหนหมด นี่มันอ๋องน้อยเลยนะ ทำไงดี ทำไงดีเนี่ย!?
เสิ่นลี่อิงนึกไปถึงเนื้อเรื่องตามนิยายก็จำได้ว่าหลังจากที่เสิ่นลี่อิงตายไปแล้ว ท่านอ๋องน้อยที่กำลังจะถูกส่งตัวไปเยี่ยมเสด็จปู่เล็กผู้เป็นฮ่องเต้ก็มาหายตัวไประหว่างทางเช่นกัน หลังจากนั้นเด็กน้อยคนนี้ก็ถูกอาจารย์ของพระเอกมาพบเข้าจึงได้ชุบเลี้ยงไว้ และส่งมาเพื่อเป็นหมากที่ใช้จัดการตัวร้ายในอนาคต
… ซวยสุดๆ! อุตส่าห์ไม่กลับไป ลูกตาอ๋องดันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย อุ้มเข้าบ้านก่อนค่อยคิดแล้วกัน
_______
ถู่โต้ว หมายถึงมันฝรั่ง
หงสู่ หมายถึงมันเทศ
ยวี่โถว หมายถึงเผือก
หลัวโป หมายถึงหัวไชเท้า
ผิงกั่ว หมายถึงแอปเปิ้ล
จวี๋จือ หมายถึงส้ม
หมางกั่ว หมายถึงมะม่วง
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







