LOGINหลังจากที่นำของกลับไปเก็บที่บ้านพี่จินเรียบร้อยแล้ว หญิงชาวบ้านผู้ใจดีจึงเตรียมถังใส่น้ำ และพานางไปยังลำธาร คราแรกลี่อิงคิดว่าจะเป็นลำธารที่อยู่ติดกับบ้านของนาง แต่จินเหมยกลับพานางเดินมาอีกทาง ซึ่งเป็นลำธารอีกสายที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก แต่มีความลึกมากกว่า
“เดี๋ยวช่วยกันตักน้ำไปใส่ตุ่มบ้านเจ้า เจ้าอยู่คนเดียวให้ข้าช่วยขนไปใส่ตุ่มไว้เพื่ออาบน้ำแล้วกัน”
“เจ้าค่ะพี่จิน”
ตอนแรกนึกว่าจะพามาอาบน้ำในลำธารสรุปคือให้ตักใส่ตุ่ม ยังไม่ได้ดูเลยแฮะ…บ้านเรามีตุ่มหรือเปล่าเนี่ย
.
.
.
เมื่อขนน้ำมาใส่ไว้จนเต็มตุ่มแล้ว พี่จินจึงได้บอกนางว่า น้ำไว้ซักล้างก็ให้ใช้ลำธารหลังบ้านนางเอา เพราะลำธารหลังบ้านของนางตื้นเกินไปตักแล้วต้องรอตะกอนลงไปนอนก้น หากต้องการใช้อาบทันทีจะไม่สะดวก เมื่อเสร็จเรียบร้อยพี่จินจึงขอตัวลากลับบ้าน เพื่อไปจัดการให้อาหารไก่ และดูแลพืชผักสวนครัวที่นางปลูกไว้ตามรั้วบ้าน
เสิ่นลี่อิงไม่ได้รั้งจินเหมยไว้ นางเองก็มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการในบ้านหลังนี้เช่นกัน ลี่อิงจึงเดินสำรวจรอบบ้านโดยละเอียดอีกครั้ง ที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านหลังนี้มีความอุดมสมบูรณ์ดี หากจะนำอะไรมาปลูกก็คงเติบโตได้ดีพอสมควร ในตัวบ้านแม้จะทรุดโทรมแต่ฝุ่นไม่ได้มีเยอะนัก นางจึงตัดสินใจทำความสะอาดบ้านหลังนี้ก่อนที่จะอาบน้ำเตรียมพักผ่อน
เสิ่นลี่อิงเช็ดฝุ่นทั่วทั้งบ้านจนสะอาดเอี่ยมก็ล่วงเลยไปถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว นางตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายรู้สึกโปร่งโล่งสบาย
นางคิดไปว่าบ้านหลังนี้คงเคยมีครอบครัวอยู่อาศัย เพราะมีสองห้องนอน และห้องส่วนกลางของบ้าน นางจะใช้อยู่อาศัยคนเดียวถือว่าไม่คับแคบเลย ลี่อิงสามารถใช้ห้องนอนห้องหนึ่งไว้สำหรับทำงานได้ บริเวณครัวก็มีเครื่องครัวเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ปราศจากซึ่งวัตถุดิบและเครื่องปรุง แม้แต่ข้าวสารก้นถังก็ไม่มีเหลือไว้แม้แต่น้อย
เมื่อดูสถานการณ์ในครัวแล้วจึงกลับมานั่งแยกสิ่งของที่นางเทลงไปในหีบใหญ่ เสิ่นลี่อิงนับตั๋วเงินดูพบว่ามีมูลค่ารวมทั้งหมดสองพันตำลึงทอง ส่วนที่เป็นก้อนตำลึงเงินตำลึงทองและเงินแบบอื่นๆ มีประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึงทอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่งด้วย
อาภรณ์ที่นางหยิบติดมาด้วยมีของเสิ่นลี่อิงคนเดิมอยู่สามชุด และอีกสามชุดนางเลือกหยิบอาภรณ์ของบ่าวมา ดีที่นางคว้าเทียนและตะเกียงติดมาด้วย คงสะดวกในการใช้ให้แสงตอนกลางคืนไม่น้อย ของเล็กน้อยอื่นเสิ่นลี่อิงก็จัดการแยกหมวดหมู่และนำไปเก็บในจุดที่สิ่งเหล่านั้นควรจะอยู่
ก็พอมีทุนในการตั้งตัว ยังไงก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายๆ
เมื่อจัดการกับข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลี่อิงจึงไปไล่ดูรั้วบ้านของตัวเอง และลองจับโยกดูว่ามีจุดไหนที่ต้องซ่อมแซมบ้างหรือไม่ เมื่อเจอไม้ที่ผุพังไปมากนางก็ทำสัญลักษณ์ไว้ว่าต้องมาเปลี่ยนแผ่นไม้ จากนั้นจึงเดินไปบ้านพี่จินเหมยเพื่อบอกนางว่าจะไม่มาร่วมกินอาหารตอนเย็น อ้างว่ายังอิ่มอยู่และต้องการพักผ่อน แต่ความจริงแล้วเสิ่นลี่อิงต้องการจะสำรวจมิติช่องว่างของตัวเองต่างหาก
ไหนดูซิมีอะไรให้เล่นบ้างเนี่ย ต้องเข้ายังไงก่อนเอ่ย
สิ้นคำถามก็เกิดร้อนวูบยังบริเวณข้อมือด้านซ้าย ลี่อิ่งจึงลูบไปยังจุดที่รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา เมื่อแตะลงไปก็สามารถมองเห็นมิติช่องว่างของตนเองได้ พบว่านอกจากของแปลกๆ ที่เธอไม่แน่ใจว่าคืออะไร ก็มีสิ่งต่างๆ ที่คุ้นเคยจากภพเดิมอยู่มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอดีใจที่สุดคือมีไก่หมักที่เธอทำทิ้งไว้ก่อนจะไปนอนในคืนสุดท้าย
โอ้ยดีใจอะ ไก่หมักซอสนี่ยังไม่ได้กินเลย โอ้โห ไหนเอาออกมาทำคืนนี้เลยดีกว่า หมักพร้อมอบพร้อมย่างสุดๆ
นางหยิบไก่หมักออกมา และเดินไปหลังครัวทันที ควานหาตะแกรงย่างอยู่สักครู่ก็พบ ลี่อิงเริ่มก่อไฟและวางตะแกรง ก่อนจะหยิบก้อนเนยออกมาจากมิติช่องว่างเพื่อถูลงบนตะแกรงก่อน แล้วค่อยวางไก่ส่วนสะโพกที่หมักเรียบร้อยแล้วลงไป
ระหว่างที่รอให้ไก่สุกนางจึงดูในมิติว่ามีสิ่งใดที่สามารถนำมากินในตอนนี้ได้อีกบ้าง ก็พบว่ามีสลัดมันฝรั่งที่ทำทิ้งไว้แล้วยังทานไม่หมดด้วยเช่นกัน จึงนำออกมาเพื่อจะกินคู่กับไก่หมักซอส
เมื่อจัดการเรื่องมื้ออาหารของตนเรียบร้อยแล้ว นางจึงสำรวจให้ทั่วมิติว่างนั้น นางสามารถใช้มือกวักหมุนไปยังส่วนที่ต้องการในมิติได้เพียงแค่ใจนึก หรือหากก้าวเข้าไปก็จะเหมือนกับเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อแตะสิ่งของแปลกๆ นางจะได้รับรู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไรในทันที สิ่งแรกที่จับไปคือโถที่มีน้ำสีฟ้าอมเขียวจางๆ มันคือน้ำกลิ่นจันทร์ เป็นน้ำวิเศษที่มีฤทธิ์ทำให้สิ่งใดก็ตามที่สัมผัสกับน้ำนี้แข็งแรง หากคนใช้ดื่มก็จะผิวพรรณดีร่างกายแข็งแรง หากใช้รดพืชผักก็จะเติบโตเร็ว หากต้องพิษสามารถใช้ขับพิษได้อีกด้วย
หวานล่ะทีนี้ แม่จะปลูกให้เต็มที่เลย ไหนกันน้า…เมล็ดพันธุ์อยู่ไหนนะ
คิดได้เช่นนั้นนางจึงมุ่งไปดูเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ด้านหลังสุดของมิติว่างนี้ ถึงแม้การใส่น้ำกลิ่นจันทร์จะทำให้พืชผักโตเร็ว แต่นางก็ยังต้องใช้เวลาปลูกพืชพันธุ์เหล่านี้อยู่ดี ลี่อิงเลือกหยิบพืชประเภทหัวออกมาก่อนอย่างเช่น ถู่โต้ว หงสู่ ยวี่โถว และหลัวโป จากนั้นจึงหยิบพวกพืชผักสวนครัวอื่นอีกนิดหน่อยตามออกมาวางรอไว้
นางกลับไปดับไฟแล้วพักเนื้อไก่ไว้บนโต๊ะในมิติ รอปลูกผักเสร็จลี่อิงจึงจะกลับมากินข้าวเย็น
เสิ่นลี่อิงออกมายืนคิดว่าจะปลูกสิ่งใดไว้ตรงไหน ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าในบริเวณรั้วที่มีไม้ผุพัง นางจะไม่เปลี่ยนแผ่นไม้ใหม่ แต่จะใช้วิธีการปลูกต้นไม้ที่มีความสูงสักหน่อยให้ขึ้นแทนที่แผ่นไม้เหล่านั้น นางเลือกเมล็ดต้นผิงกั่ว จวี๋จือ และหมางกั่วออกมาด้วย ส่วนพืชผักผลไม้ชนิดอื่น ไว้รอสามารถเก็บเกี่ยวพืชหัวเพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงได้แล้ว ค่อยนำมาสลับเวียนเพาะปลูก
ได้เวลาลงมือสักที อีกสักสองเดือนทุกอย่างคงเข้าที่
ลี่อิงไม่ลืมที่จะหยิบจอบและเสียมรวมถึงน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาจากมิติด้วย นางเริ่มพรวนดินก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงใช้เสียมขุดหลุมตามแนวยาวและหยอดเมล็ดพันธุ์ตามแนวที่ขุดไว้ นางขุดหลุมสำหรับพืชแต่ละชนิดไว้เพียงอย่างละสามหลุมเท่านั้น ลี่อิงต้องการทดลองความเร็วของน้ำกลิ่นจันทร์ ส่วนบริเวณรอบบ้านก็ขุดแค่ตามจำนวนรั้วที่ผุพัง
เมื่อหยอดเมล็ดลงในหลุมสุดท้ายฟ้าก็มืดพอดี นางจึงหาที่รดน้ำต้นไม้ฝักบัวพลาสติกในมิติออกมาใช้รดน้ำกลิ่นจันทร์ผสมกับน้ำในลำธารหลังบ้าน เพื่อความรวดเร็วแทนการไล่หยดน้ำลงไปทีละหลุม แน่นอนว่าได้มีการสอดส่องอย่างดีแล้วว่าไม่มีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาเห็นสิ่งของที่น่าแปลกตานี้
‘ขลุก ขลัก ปึง ปัง!’
..!?
เสียงอะไร หรือบ้านนี้มีผีจริงๆวะ แต่ฉันก็เป็นผีฉันจะกลัวทำไม แล้วเสียงก็ไม่ได้มาจากในบ้านนิ โอ้ย เดินไปดูก็ได้
“คนยิ่งเหนื่อยๆ อยากจะพัก ก็มาเสียงดังเอะอะโวยวายหลังบ้านคนอื่นเดี๋ยวเถอะ” เสิ่นลี่อิงบ่นออกมาตั้งใจจะพูดให้อะไรก็ตามที่มาทำเสียงดังอยู่หลังบ้านเธอได้รับรู้ถึงความไม่พอใจ
นางเดินมาสุดริมรั้วก่อนจะยื่นหน้าออกไปดู พบว่าเป็นเด็กวัยน่าจะไม่เกินสามหนาวจึงรีบวิ่งอ้อมมายังหลังรั้วทันที
“เด็กน้อย เด็กน้อยตื่นเถิด”
ฉิบหายละ สมองกระทบกระเทือนไหมเนี่ย แล้วใครมันมาปล่อยลูกหัวกระแทกรั้วบ้านคนอื่น อย่ามาให้เห็นนะฉันจะด่าให้ อื้อหือ.. ยังเล็กอยู่เลย
ลี่อิงพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ปลุกเท่าไรก็ปลุกไม่ตื่น จึงจับเด็กพลิกอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนตนเอง ก่อนจะเหลือบไปเห็นตราหยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวเด็กในอ้อมกอด นางจำได้ทันทีว่าเป็นตราสัญลักษณ์วังหนิงอ๋องตัวร้ายของเรื่อง
อย่าบอกนะว่า…นี่มันลูกติดของหนิงอ๋อง แล้วองครักษ์ไปไหนหมด นี่มันอ๋องน้อยเลยนะ ทำไงดี ทำไงดีเนี่ย!?
เสิ่นลี่อิงนึกไปถึงเนื้อเรื่องตามนิยายก็จำได้ว่าหลังจากที่เสิ่นลี่อิงตายไปแล้ว ท่านอ๋องน้อยที่กำลังจะถูกส่งตัวไปเยี่ยมเสด็จปู่เล็กผู้เป็นฮ่องเต้ก็มาหายตัวไประหว่างทางเช่นกัน หลังจากนั้นเด็กน้อยคนนี้ก็ถูกอาจารย์ของพระเอกมาพบเข้าจึงได้ชุบเลี้ยงไว้ และส่งมาเพื่อเป็นหมากที่ใช้จัดการตัวร้ายในอนาคต
… ซวยสุดๆ! อุตส่าห์ไม่กลับไป ลูกตาอ๋องดันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย อุ้มเข้าบ้านก่อนค่อยคิดแล้วกัน
_______
ถู่โต้ว หมายถึงมันฝรั่ง
หงสู่ หมายถึงมันเทศ
ยวี่โถว หมายถึงเผือก
หลัวโป หมายถึงหัวไชเท้า
ผิงกั่ว หมายถึงแอปเปิ้ล
จวี๋จือ หมายถึงส้ม
หมางกั่ว หมายถึงมะม่วง
บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ
บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน
บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล
บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ
บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่
บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ







