Share

ทรมานครอบครัวรอง

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-02-25 13:43:12

ที่บ้านหมอซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล หมอประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นชายชราที่มากประสบการณ์ตรวจดูบาดแผลของจูฉางหยูอย่างละเอียด เขาพบว่ามีแผลลึกที่แขนและรอยฟกช้ำหลายแห่ง

“เจ้านี่รอดมาได้อย่างมหัศจรรย์” หมอเอ่ยพร้อมถอนหายใจ เขาเริ่มทำแผล ใช้สมุนไพรจากป่ารักษาบาดแผล และพันผ้าสะอาดให้

หลินอ้ายที่ตามมาด้วยน้ำตานองหน้าเอ่ยขอบคุณผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านทุกคน 

“ขอบคุณพวกท่านมาก หากไม่มีพวกท่าน ข้าคงไม่รู้จะทำอย่างไร”

ผู้ใหญ่บ้านตบเบาๆ บนไหล่ของหลินอ้าย

“ไม่ต้องห่วง ทุกคนในหมู่บ้านคือพี่น้องกัน พวกเจ้าต้องพักฟื้นและฟื้นตัวให้แข็งแรง”

ชาวบ้านช่วยกันให้กำลังใจครอบครัวของจูฉางหยู หลายคนเสนอจะช่วยแบ่งอาหารหรือช่วยดูแลพวกเขาในช่วงที่ยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์

หลินอ้ายและลูกๆ มองหน้ากันด้วยความซาบซึ้ง แม้จะยังต้องเผชิญอุปสรรคอีกมาก แต่หัวใจของพวกเขาเริ่มเต็มไปด้วยความหวัง

ค่ำคืนมาเยือนพร้อมลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านบ้านเก่าซึ่งทรุดโทรมมากแล้ว ครอบครัวรองกลับมาถึงบ้านพร้อมร่างกายที่เหนื่อยล้าและหัวใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์ หลินอ้ายช่วยประคองจูฉางหยูที่ยังบาดเจ็บหนักเข้าไปนอนพักบนเตียง ขณะที่จูฉิงเฉิงและจูฉิงหยางพยายามจัดที่ทางให้พ่อของพวกเขาได้พักผ่อนอย่างสบายที่สุด

ในห้องด้านใน จูฉิงอันที่นอนป่วยอยู่บนเตียงได้ยินเสียงพูดคุยแผ่วเบา เสียงสะอื้นของมารดา และคำพูดปลอบโยนของน้องชายทั้งสองที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอหลับตาแน่น แต่หัวใจกลับเต้นแรง

แม้ร่างกายของเธอจะอ่อนแอ แต่จูฉิงอันพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อพลิกตัวขึ้นนั่ง แม้เสียงกระซิบแผ่วเบาจะบ่งบอกถึงความพยายามปกปิดความเจ็บปวดจากแม่และน้องๆ แต่เธอรู้ว่าครอบครัวของเธอกำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมานที่เกินจะทน

“ท่านแม่... ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง?” จูฉิงอันถามด้วยเสียงแหบพร่า หลินอ้ายหันมามองลูกสาวคนโต ดวงตาของนางแดงก่ำ

“พ่อของเจ้าไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าเขาจะหายดี เพียงแต่ต้องพักฟื้นสักระยะ” หลินอ้ายตอบพยายามปิดบังความกังวล แต่จูฉิงอันมองออกทันที

“แต่ข้ารู้... ทุกคนเหนื่อยล้ากันมาก” จูฉิงอันพูดต่อเบาๆ นางมองดูมือที่ซีดเซียวของตัวเอง และในใจเริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

จากคำพูดที่เธอได้ยินมา แม่เฒ่าจูและจูฉางไห่ยังคงพยายามควบคุมครอบครัวของพวกเธอ แม้พ่อของเธอจะบาดเจ็บขนาดนั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ปรานี นางรู้ดีว่าหากพวกเขายังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเธอจะไม่มีวันพ้นจากขุมนรกนี้ไปได้

ดวงตาของจูฉิงอันเปล่งประกายขึ้นมา แม้ร่างกายของเธอจะยังอ่อนแอ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น

“ถ้าข้าหายดี... ข้าจะไม่ยอมให้ครอบครัวของเราต้องทนอยู่อย่างนี้อีกต่อไป” นางพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงของนางหนักแน่นเกินกว่าจะปฏิเสธได้

เธอรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่ง่าย แต่ด้วยความรู้จากภพก่อนที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และความรักที่เธอมีต่อครอบครัว นางเชื่อมั่นว่าตัวเองจะสามารถพาครอบครัวออกจากวังวนแห่งความทุกข์นี้ได้

“ข้าจะช่วยครอบครัว ข้าสัญญา...” เสียงของนางเบาแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ หลินอ้ายที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดนั้น แม้เธอจะไม่เข้าใจในทันที แต่เธอกลับรู้สึกว่าลูกสาวของเธอกำลังเปลี่ยนไป

บ้านเก่าที่เต็มไปด้วยรอยรั่วและผนังผุพังแทบไม่อาจต้านทานลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาได้ จูฉางหยูที่ยังบาดเจ็บนอนซมอยู่บนเตียงข้างๆ จูฉิงอันที่ป่วยหนักเช่นกัน ทั้งคู่มีเพียงเสื้อผ้าบางๆ ปกคลุมร่างกาย หลินอ้ายพยายามต้มน้ำแกงจืดจางให้สามีและลูกสาวได้กินประทังชีวิต

แต่ความสงบที่เปราะบางนี้ถูกทำลายลงในทันที เมื่อเสียงตะโกนดุดันดังมาจากหน้าบ้าน

“จูฉางหยู! ออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของแม่เฒ่าจูดังลั่น ก่อนที่ประตูไม้จะถูกผลักเปิดอย่างแรง

หลินอ้ายรีบวิ่งออกมาขวางหน้าห้องของสามีและลูกสาว น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น 

“ท่านแม่ ท่านต้องการอะไรอีก? สามีข้ายังไม่หายดี...”

“ไม่หายดีก็ต้องทำงาน! ข้าไม่มีเงินจะซื้อข้าวของในบ้านแล้ว! เจ้าก็รู้ว่าทุกอย่างในบ้านนี้เป็นของข้า” แม่เฒ่าจูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ขณะที่จูฉางไห่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง พร้อมส่งสายตาดูแคลน

หลินอ้ายพยายามอธิบายอย่างสิ้นหวัง 

“โปรดให้เขาได้พักฟื้นก่อนเถิด ท่านแม่ เขาแทบลุกไม่ไหวแล้ว...”

“งั้นพวกเจ้าก็ออกไปหาเงินมาเอง!” จูฉางไห่แทรกขึ้น น้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินตรงเข้ามาคว้าแขนของหลินอ้าย

จูฉิงเฉิงและจูฉิงหยางรีบวิ่งเข้ามาขวาง จูฉิงเฉิงตะโกนด้วยเสียงเด็กชายที่พยายามกล้าแกร่ง 

“อย่าทำร้ายท่านแม่ของข้า!”

แต่จูฉางไห่กลับผลักเขาออกไปจนล้มลงพื้นอย่างไม่ไยดี ขณะที่จูฉิงหยางซึ่งพยายามดึงแม่เฒ่าจูออกไปจากแม่ของเขาแต่กลับถูกผลักจนเกือบชนเข้ากับผนัง

“ถ้าพวกเจ้ายังคิดจะอยู่ในบ้านนี้ ก็ต้องทำตามที่ข้าบอก! เอาเงินมาซะ ไม่งั้นก็ไปหาเอง!” แม่เฒ่าจูกล่าวพร้อมกับยกมือชี้ออกไปที่ประตูบ้าน

หลินอ้ายสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บปวด นางรู้ว่าตนเองไม่อาจต้านแรงของคนทั้งสองได้ นางหันไปมองจูฉางหยูและจูฉิงอันที่ยังคงนอนอยู่ในห้อง สายตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ในวันต่อมา หลินอ้ายต้องพาลูกชายทั้งสองที่ยังเด็กขึ้นเขาไปเก็บของป่า พวกเขาพยายามหาเห็ด สมุนไพร และผลไม้ป่าที่พอจะขายได้ แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นและพื้นดินที่ลื่นชัน ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยอันตราย

จูฉิงเฉิงที่ยังเล็กพยายามช่วยเหลือแม่ด้วยการแบกตะกร้าหนัก แม้เขาจะเหนื่อยจนแทบล้ม ขณะที่จูฉิงหยางเองก็พยายามช่วยเก็บสมุนไพร ทั้งที่มือน้อยๆ ของเขาเย็นจนชา

หลินอ้ายมองลูกๆ ด้วยความปวดร้าว นางรู้ว่าชีวิตที่ต้องพึ่งพาของป่าคงไม่อาจช่วยให้ครอบครัวรอดพ้นจากความยากลำบากนี้ไปได้ แต่เพื่อลูกๆ และสามี นางต้องอดทน

ขณะเดียวกัน ในบ้านที่เงียบสงบ จูฉางหยูพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้เขาแทบไม่อาจขยับตัวได้ ส่วนจูฉิงอันที่นอนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ของพ่อ

“ท่านพ่อ ท่านอย่าฝืนเลย...” นางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรง

จูฉางหยูหันมามองลูกสาวด้วยแววตาหนักอึ้ง 

“ข้า...ข้าควรปกป้องพวกเจ้า แต่ข้ากลับทำอะไรไม่ได้เลย...”

คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของจูฉิงอัน นางหลับตาลง รวบรวมความมุ่งมั่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

“ท่านพ่อ... ข้าสัญญา... เมื่อข้าหายดี ข้าจะพาครอบครัวของเราออกไปจากที่นี่ เราจะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป” นางพูดด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่

แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านรอยแตกของหลังคาส่องลงมาบนใบหน้าของจูฉิงอัน ราวกับเป็นสัญญาณแห่งความหวังที่เริ่มปรากฏ

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
MAHARIT WANNIKA
ถ้าจะทรมานขนาดนี้ทำไมไม่เขียนให้ตายไปเลยโง่เง้านักจะอยู่ทำไม
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   แคว้นหมิงเจริญรุ่งเรือง

    หลังจากต่างคนต่างอวดเรื่องของขวัญกันได้อีกพักใหญ่ หวางกงกงก็เชิญทุกคนไปร่วมรับประทานอาหารก่อนจะแลกของขวัญกันและมอบซองแดงให้เด็กๆ ที่ต่างเล่นเครื่องเล่นกันจนเหงื่อเต็มตัวไปหมดฮ่องเต้ยังขอบคุณหยูฉิงอันด้วยที่สร้างเครื่องเล่นเหล่านี้ขึ้นมา เพราะองค์ชายน้อยก็มักจะได้มาเล่นเครื่องเล่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน“นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วเพคะ หากฝ่าบาทต้องการแบบให้กับช่างหลวงสร้างขึ้นมาก็บอกหม่อมฉันได้นะเพคะ”“ตกลง ๆ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่เคยหวงแหนความรู้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากไม่มีเจ้าสักคน แคว้นหมิงคงไม่สามารถพัฒนาได้ถึงขั้นนี้”“ฝ่าบาทชมเกินไปแล้วเพคะ เป็นเพราะความร่วมมือของทุกคนในแคว้นต่างหากที่ทำให้แคว้นของเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”“เฮ้อ เจ้านี่นะ ไม่เคยคิดที่จะเอาความดีความชอบแม้สักนิด เอาล่ะ ๆ เราทานอาหารกันก่อนดีกว่า เด็ก ๆ คงจะหิวกันแล้วล่ะ”

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชวงศ์เข้าร่วม

    วันปีใหม่เช้าวันนี้จวนหยูวุ่นวายไปด้วยบ่าวไพร่ที่กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงปีใหม่ที่จะมีแขกเริ่มมาในยามซื่อของวัน องค์หญิงหมิงจูกับหยูฉิงเฉิงเองก็กำลังแต่งตัวให้กับลูกชายและลูกสาวของพวกเขาอยู่ เสื้อผ้าต่าง ๆ ล้วนมาจากในวังที่ฮองเฮาสั่งคนตัดให้กับหลาน ๆ ของพระองค์อย่างน่ารักหลินอ้ายกับหยูฉางหยูก็แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดเพื่อต้อนรับปีใหม่เช่นกัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็กำลังจัดการบุตรชายทั้งสองกับฮูหยินน้อยที่เรือนอีกหลัง สำหรับหยูจิ่นเซิงและเฉียนหลานนั้นก็แต่งตัวกันเต็มที่เพื่อให้สมกับวันปีใหม่ ยังไม่รวมซองแดงที่พวกเขาจะแจกให้ลูกหลานอีกไม่น้อยด้วย พวกเขาคาดเดาว่าวันนี้จะต้องเป็นงานที่ทุกคนสนุกกันมากแน่ ยิ่งหยูฉิงอันส่งของเล่นเด็กมาไว้ที่จวนหยูจำนวนไม่น้อยสำหรับให้หลาน ๆ เล่นตอนที่โตกว่านี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งรักหลานสาวคนนี้มากขึ้นทุกที นางไม่เคยหวงสิ่งของใดเลย มีแต่มอบให้กับน้องชายทั้งสองและครอบครัวด้านจวนกั๋วกงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน กว่าที่พี่เลี้ยงจะไล่จับเหล่าคุณชายน้อย ค

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ครอบครัวรวมตัวปีใหม่

    ที่ชายแดนตะวันตก หลังจากลูกของหยูฉิงหยางคลอดแล้ว ท่านพ่อตาได้ตั้งชื่อบุตรชายทั้งสองให้เขาว่า หยูอันเหิงและหยูอันไห่ เพราะหยูฉิงหยางอยากให้ในชื่อบุตรชายของเขามีชื่อพี่สาวอยู่ด้วย เขาสำนึกในบุญคุญของพี่สาวเสมอที่พาครอบครัวค้าขายจนได้เข้าเรียนและรับราชการในราชสำนักได้อย่างทุกวันนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันปีใหม่ แม่ทัพใหญ่ซวงอี้จึงชวนทุกคนกลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง เพราะเขาเดินทางมาอยู่ชายแดนตะวันตกได้เกือบสามเดือนแล้ว หยูฉิงหยางจึงไปขอลาราชการกับแม่ทัพชายแดนตะวันตกตามมารยาท ก่อนจะส่งม้าเร็วเดินทางไปถวายฎีกาเรื่องการพาครอบครัวไปรวมตัวกันในวันปีใหม่ที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ม้าเร็วเดินทางไปถึงเมืองหลวงโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน เมื่อฮ่องเต้ได้รับฎีกาของหยูฉิงหยางแล้ว พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เขาพาครอบครัวกลับมาได้ ความจริงปีนี้พระองค์คิดที่จะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ให้กับเหล่าขุนนางเหมือนทุกปี เพียงแต่พอคิดได้ว่าการจัดงานบ่อยครั้งก็เสียเงินในคลังไปไม่น้อย ซึ่งพระองค์ยังคงอยากใช้เงินเหล่านั้นในการพัฒนาแคว้นม

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   เห่อหลานคนใหม่

    จดหมายของหยูจิ่นเซิงไปถึงจวนแม่ทัพที่ชายแดนตะวันตกในอีกหนึ่งเดือนต่อมา หยูฉิงหยางที่กำลังดูแลภรรยาที่กำลังท้องแฝดเช่นเดียวกับพี่ชายรีบนำจดหมายมาตอบพร้อมให้คนนำของฝากที่ท่านแม่ฝากมาให้เขากับฮูหยินไปเก็บไว้ในคลังเสบียงเสียก่อน“ท่านพี่ เหตุใดท่านแม่จึงส่งของกินมาเสียเยอะแยะเช่นนี้เล่า”“ฮ่า ฮ่า ท่านคงกลัวว่าเจ้าจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ น่ะสิ ท่านแม่คงเป็นห่วงลูกของเรานั่นแหละน้องหญิง เจ้าเองก็บำรุงเยอะ ๆ เล่า จะได้คลอดง่าย ๆ เหลืออีกไม่กี่เดือน เจ้าก็จะคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วนะ”“ข้ากินจนจะอ้วนเป็นหมูแล้วนะท่านพี่ หากท่านไม่ชอบที่ข้าอ้วนจะทำอย่างไร”“เจ้าก็คิดมากเกินไปน้องหญิง พี่มีหรือจะไม่ชอบเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะรูปร่างเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นที่รักของพี่ตลอดไปนั่นแหละ ทีหลังอย่าคิดมากรู้ไหม”หยูฉิงหยางกอดภรรยารักเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแสนรัก เขารู้ดีว่านางคงกลัวว่าเขาจะมีหญิงอื่นกระมัง

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   น้องสะใภ้ท้องแล้ว

    หนึ่งเดือนต่อมา จดหมายจากหยูฉิงหยางส่งมาบอกทุกคนว่าสะใภ้เล็กท้องแล้ว ทำให้ทุกคนดีใจมาก ส่วนองค์หญิงหมิงจูนั้น ยังไม่มีใครกล้าสอบถามอะไรในเรื่องนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างสอบถามหยูฉิงเฉิงแทน“อาเฉิง เหตุใดสะใภ้ใหญ่ไม่ท้องเสียทีเล่า”“เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านปู่ แต่ข้าก็ขยันขันแข็งทุกวันนะขอรับ”“แล้วช่วงนี้ดูเหมือนนางจะดูมีน้ำมีนวลและน้ำหนักขึ้นบ้างหรือไม่เล่า”“ท่านย่าเดาได้เหมือนตาเห็นเลยขอรับ ข้าสังเกตว่านางดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยและท้องของนางก็ป่องออกมาเล็กน้อยด้วยนะขอรับ”“เช่นนั้นประเดี๋ยวให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาตรวจสักหน่อย นางอาจท้องแล้วไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนพี่ใหญ่เจ้าที่กว่าจะรู้ว่าท้องสองก็ตอนสามเดือนแล้ว”“ขอรับ หากมีข่าวดีเหมือนน้องสามก็คงดี เด็ก ๆ จะได้เกิดไล่เลี่ยกัน”หย

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชบุตรเขยได้จวนใหม่

    หลังจากหยูฉิงเฉิงได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ตรวจการพิเศษ เขาก็ยังคงเข้าไปทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบ้านเมืองที่เคยเสนอต่อฝ่าบาทไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมหาเสนาบดีเซี่ยยังคงรายงานการทำงานของขุนนางที่ถูกส่งออกไปให้กับเขารับทราบ เพื่อที่หยูฉิงเฉิงจะได้วางแผนการเดินทางไปตรวจงานได้ในภายหลังด้านองค์หญิงหมิงจูพอเป็นสะใภ้ตระกูลหยูแล้ว พระองค์ยังคงเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากที่จวนหยูไม่มีสิ่งใดให้นางทำบ้างเลย ครั้นจะให้นางไปนั่งปักผ้ากับท่านย่าและแม่สามีนางก็ไม่ค่อยชอบนัก ปกตินางชอบเล่นพิณและวาดรูปมากกว่า แต่ก็กลัวว่าเสียงพิณจะไปรบกวนการทำงานของท่านย่าและแม่สามีของนางเข้า นางจึงมาเล่นที่วังให้เสด็จแม่ฟังแทนเฉียนหลานกับหลินอ้ายนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าองค์หญิงน่าจะอึดอัดและเหงาที่ต้องอยู่จวนโดยไม่มีสิ่งใดทำ พระองค์จึงได้เสด็จเข้าวังบ่อย ๆ เมื่อหยูฉิงเฉิงกลับจวนมาแล้วทราบเรื่องเข้า เขาจึงคุยกับองค์หญิงในคืนวันหนึ่ง“น้องหญิง เจ้าเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่จวนนี้หรือ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status