Share

ท่านพ่อบาดเจ็บ

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-02-25 13:42:48

เช้าตรู่ในฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศหนาวเย็น ป่าเขาล้อมรอบหมู่บ้านด้วยหมอกขาวที่ลอยอ้อยอิ่ง จูฉางหยูสะพายธนูและกระบอกน้ำไว้บนหลัง เดินลึกเข้าไปในป่าด้วยความมุ่งมั่น เขาต้องการล่าสัตว์เพื่อหาอาหารมาจุนเจือครอบครัวในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

เสียงใบไม้กรอบแกรบใต้ฝ่าเท้าของเขาและเสียงนกที่ร้องอยู่ในไพรพงทำให้ป่าดูเหมือนมีชีวิต แต่จูฉางหยูไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เขาจดจ่อกับรอยเท้ากวางที่ปรากฏอยู่บนพื้นดิน มันเป็นรอยเท้าสดใหม่ที่นำเขาลึกเข้าไปในป่าที่ไม่คุ้นเคย

เมื่อเขาพบร่างกวางตัวใหญ่ยืนอยู่ไม่ไกล ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ จูฉางหยูหยุดเดิน หัวใจของเขาเต้นแรงขณะที่เขาประเมินระยะและความแม่นยำของลูกธนู เขาค่อยๆ ยกธนูขึ้นเล็ง แต่ในขณะนั้นเอง เสียงแตกของกิ่งไม้บางเบาใต้เท้าของเขาทำให้กวางสะดุ้งและวิ่งหนีไป

จูฉางหยูรีบวิ่งตาม แต่ด้วยความเร่งรีบ เขากลับไม่ทันระวัง พื้นดินใต้เท้าของเขาเป็นทางลาดชันที่ปกคลุมด้วยใบไม้แห้ง เขาพลัดตกลงไปในเหวเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้พุ่มไม้

ร่างของเขากระแทกกับก้อนหินและกิ่งไม้ระหว่างทาง จนกระทั่งเขาหยุดลงที่พื้นดินด้านล่าง เขารู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แขนและขา รอยแผลเปิดและรอยฟกช้ำกระจายอยู่ทั่วร่าง

แม้จะเจ็บปวด จูฉางหยูรู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองอ่อนแออยู่ที่นี่ได้ เขาฉีกชายเสื้อของตัวเองออกเพื่อพันบาดแผลหยุดเลือดไหล และเริ่มคลานขึ้นจากเหว ด้วยแรงที่เหลืออยู่

การปีนขึ้นนั้นยากลำบากและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากความหนาวเย็นและเลือดที่ไหลไม่หยุด แต่ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว เขาต้องกลับไปหาครอบครัว

เมื่อเขาออกจากเหวได้สำเร็จ ดวงอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำ เขาต้องใช้ไม้เท้าแทนขาเพื่อพยุงตัวเองเดินกลับบ้าน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เขากัดฟันอดทน

ในที่สุด เมื่อมองเห็นบ้านของตัวเองจากไกลๆ ความโล่งใจก็ไหลเข้ามาในใจเขา แต่เมื่อเข้าใกล้ เขากลับได้ยินเสียงโวยวายดังออกมาจากบ้าน เสียงของหลินอ้ายร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงลูกชายของเขาที่ตะโกนด้วยความตกใจ

ในยามบ่ายที่บ้านเก่าซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด หลินอ้ายกำลังดูแลเช็ดตัวให้จูฉิงอัน ขณะที่จูฉิงหยางกับจูฉิงเฉิงเตรียมข้าวต้มไว้ป้อนพี่สาว พวกเขาที่อายุเพียงเก้าขวบพยายามช่วยเหลือแม่ด้วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แม้บ้านจะเก่าทรุดโทรม แต่หลินอ้ายพยายามรักษาความสงบสุขเล็กๆ ในครอบครัว

ทันใดนั้น ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น แม่เฒ่าจูเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง ตามมาด้วยจูฉางไห่ พี่ชายของจูฉางหยู ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“เงินที่เจ้าพานังตัวขาดทุนไปหาหมออยู่ที่ไหน เอาออกมาเดี๋ยวนี้!” แม่เฒ่าจูตะโกนลั่น ขณะที่จูฉางไห่ก้าวเข้ามาพร้อมกับสายตาเย็นชา

“ข้าไม่มีเงินเหลือให้พวกท่านอีกแล้ว!” หลินอ้ายพยายามพูดอย่างเด็ดขาด แม้ในใจจะหวาดกลัว เธอพยายามปกป้องทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่สำหรับลูกๆ

คำพูดนั้นเหมือนเป็นชนวนระเบิด แม่เฒ่าจูตรงเข้ามาตบหน้าหลินอ้ายจนล้มลงกับพื้น จูฉางไห่ฉวยโอกาสคว้ากล่องเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งหลินอ้ายเตรียมเอาไว้ซื้อเนื้อมาบำรุงร่างกายทุกคนในบ้าน แต่เมื่อจูฉิงเฉิงเห็นดังนั้น เด็กชายรีบวิ่งเข้าไปพยายามดึงกล่องคืน

“อย่ายุ่ง!” จูฉางไห่ตะโกน พร้อมผลักจูฉิงเฉิงจนเด็กชายล้มลงกับพื้นอย่างแรง

“อย่าทำร้ายลูกของข้า!” หลินอ้ายร้องลั่น พยายามยันตัวลุกขึ้นเพื่อปกป้องลูก แต่แม่เฒ่าจูกลับใช้ไม้กวาดในมือฟาดไปที่ตัวเธออย่างไม่ปรานี

จูฉิงหยางที่นั่งอยู่ในห้องด้านในได้ยินเสียงดังลั่น เขาลุกขึ้นเดินออกมาจนเห็นหลินอ้ายถูกแม่เฒ่าจูดึงผมและผลักลงกับพื้นอีกครั้ง เขาจึงรีบเข้าไปขวางจนถูกนางทุบตีไปอีกคน

“เจ้าพวกนี้มันเป็นตัวถ่วงชีวิต!” แม่เฒ่าจูคำรามเสียงดัง ขณะที่จูฉางไห่เตะถังข้าวของในบ้านจนกระจัดกระจายไปทั่วพื้น

จูฉิงเฉิงร้องไห้ด้วยความกลัวและพยายามเข้าไปช่วยแม่ แต่ก็ถูกจูฉางไห่จับแขนและเหวี่ยงออกไปอีกครั้ง หลินอ้ายมองลูกชายด้วยความเจ็บปวด เธอพยายามตะเกียกตะกายเพื่อปกป้องเขา

ในจังหวะนั้นเอง ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างของจูฉางหยูที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความเหนื่อยล้าก้าวเข้ามา แม้เขาจะยืนแทบไม่ไหว แต่เขาก็รีบพุ่งไปยืนขวางระหว่างแม่และพี่ชายของเขากับหลินอ้ายและลูกๆ

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงของจูฉางหยูอ่อนแรงแต่หนักแน่น เขาใช้ร่างกายที่บาดเจ็บปกป้องครอบครัว แม้จะถูกแม่เฒ่าจูและจูฉางไห่ทำร้ายจนล้มลง

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งในบ้านนี้!” แม่เฒ่าจูตะโกน ก่อนที่จูฉางไห่จะเตะซ้ำใส่จูฉางหยูที่นอนหมดแรงอยู่กับพื้น

หลินอ้ายร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เธอหันไปสั่งจูฉิงเฉิงด้วยเสียงสั่นเครือ 

“ไปตามผู้ใหญ่บ้านเร็วเข้า! รีบไป!”

จูฉิงเฉิงวิ่งลนลานออกจากบ้าน น้ำตาอาบแก้มด้วยความกลัว เขาตรงไปยังบ้านของผู้ใหญ่บ้านซึ่งตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน เสียงเคาะประตูดังลั่นสะท้อนความร้อนรนของเด็กชาย

“ผู้ใหญ่บ้าน! ช่วยข้าด้วย! พวกเขากำลังทำร้ายท่านแม่กับท่านพ่อ!”

เสียงตะโกนของจูฉิงเฉิงดึงความสนใจจากผู้ใหญ่บ้านซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนหลังจากทำงานหนัก เขาลุกขึ้นทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

“ใจเย็นๆ เจ้าหนู บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

เมื่อจูฉิงเฉิงเล่าเรื่องด้วยเสียงสั่นเครือ ผู้ใหญ่บ้านก็ตระหนักถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ เขาเรียกชาวบ้านใกล้เคียงหลายคนให้มารวมตัวกัน พร้อมหยิบไม้เท้าของเขา ก่อนจะพากันเร่งเดินไปยังบ้านของจูฉางหยู

เมื่อผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านมาถึงบ้านเก่าหลังนั้น พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนด่าทอและเสียงร้องไห้จากข้างใน ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ทุกคนหยุดอยู่ข้างนอกก่อน แล้วเขาก็ผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล

ภาพที่เห็นทำให้ผู้ใหญ่บ้านถึงกับขมวดคิ้ว หลินอ้ายนอนอยู่กับพื้น แขนมีรอยช้ำแดงก่ำ ส่วนจูฉางหยูที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็แทบไม่มีแรงขยับตัว ขณะที่แม่เฒ่าจูยังถือไม้กวาดในมือ ส่วนจูฉางไห่ยืนค้ำหัวครอบครัวนี้ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง

“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?” เสียงของผู้ใหญ่บ้านดังลั่น ทำให้แม่เฒ่าจูและจูฉางไห่หยุดชะงัก

“ผู้ใหญ่บ้าน มันไม่ใช่เรื่องของท่าน!” แม่เฒ่าจูพยายามเถียง แต่ผู้ใหญ่บ้านตัดบทด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ข้าจะไม่ปล่อยให้คนในหมู่บ้านของข้าถูกทำร้ายเช่นนี้อีก!”

ชาวบ้านที่ตามมาด้วยเริ่มกรูกันเข้ามา แม่เฒ่าจูและจูฉางไห่ถูกดึงออกไป ขณะที่ชาวบ้านบางคนช่วยพยุงหลินอ้ายและจูฉางหยูขึ้นมา

“จูฉางหยูบาดเจ็บหนัก เราต้องพาเขาไปหาหมอทันที” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาสั่งให้ชายหนุ่มสองคนในหมู่บ้านใช้เปลไม้ไผ่ที่หาได้อย่างรวดเร็วมาแบกจูฉางหยูไปยังบ้านหมอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   แคว้นหมิงเจริญรุ่งเรือง

    หลังจากต่างคนต่างอวดเรื่องของขวัญกันได้อีกพักใหญ่ หวางกงกงก็เชิญทุกคนไปร่วมรับประทานอาหารก่อนจะแลกของขวัญกันและมอบซองแดงให้เด็กๆ ที่ต่างเล่นเครื่องเล่นกันจนเหงื่อเต็มตัวไปหมดฮ่องเต้ยังขอบคุณหยูฉิงอันด้วยที่สร้างเครื่องเล่นเหล่านี้ขึ้นมา เพราะองค์ชายน้อยก็มักจะได้มาเล่นเครื่องเล่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน“นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วเพคะ หากฝ่าบาทต้องการแบบให้กับช่างหลวงสร้างขึ้นมาก็บอกหม่อมฉันได้นะเพคะ”“ตกลง ๆ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่เคยหวงแหนความรู้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากไม่มีเจ้าสักคน แคว้นหมิงคงไม่สามารถพัฒนาได้ถึงขั้นนี้”“ฝ่าบาทชมเกินไปแล้วเพคะ เป็นเพราะความร่วมมือของทุกคนในแคว้นต่างหากที่ทำให้แคว้นของเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”“เฮ้อ เจ้านี่นะ ไม่เคยคิดที่จะเอาความดีความชอบแม้สักนิด เอาล่ะ ๆ เราทานอาหารกันก่อนดีกว่า เด็ก ๆ คงจะหิวกันแล้วล่ะ”

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชวงศ์เข้าร่วม

    วันปีใหม่เช้าวันนี้จวนหยูวุ่นวายไปด้วยบ่าวไพร่ที่กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงปีใหม่ที่จะมีแขกเริ่มมาในยามซื่อของวัน องค์หญิงหมิงจูกับหยูฉิงเฉิงเองก็กำลังแต่งตัวให้กับลูกชายและลูกสาวของพวกเขาอยู่ เสื้อผ้าต่าง ๆ ล้วนมาจากในวังที่ฮองเฮาสั่งคนตัดให้กับหลาน ๆ ของพระองค์อย่างน่ารักหลินอ้ายกับหยูฉางหยูก็แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดเพื่อต้อนรับปีใหม่เช่นกัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็กำลังจัดการบุตรชายทั้งสองกับฮูหยินน้อยที่เรือนอีกหลัง สำหรับหยูจิ่นเซิงและเฉียนหลานนั้นก็แต่งตัวกันเต็มที่เพื่อให้สมกับวันปีใหม่ ยังไม่รวมซองแดงที่พวกเขาจะแจกให้ลูกหลานอีกไม่น้อยด้วย พวกเขาคาดเดาว่าวันนี้จะต้องเป็นงานที่ทุกคนสนุกกันมากแน่ ยิ่งหยูฉิงอันส่งของเล่นเด็กมาไว้ที่จวนหยูจำนวนไม่น้อยสำหรับให้หลาน ๆ เล่นตอนที่โตกว่านี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งรักหลานสาวคนนี้มากขึ้นทุกที นางไม่เคยหวงสิ่งของใดเลย มีแต่มอบให้กับน้องชายทั้งสองและครอบครัวด้านจวนกั๋วกงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน กว่าที่พี่เลี้ยงจะไล่จับเหล่าคุณชายน้อย ค

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ครอบครัวรวมตัวปีใหม่

    ที่ชายแดนตะวันตก หลังจากลูกของหยูฉิงหยางคลอดแล้ว ท่านพ่อตาได้ตั้งชื่อบุตรชายทั้งสองให้เขาว่า หยูอันเหิงและหยูอันไห่ เพราะหยูฉิงหยางอยากให้ในชื่อบุตรชายของเขามีชื่อพี่สาวอยู่ด้วย เขาสำนึกในบุญคุญของพี่สาวเสมอที่พาครอบครัวค้าขายจนได้เข้าเรียนและรับราชการในราชสำนักได้อย่างทุกวันนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันปีใหม่ แม่ทัพใหญ่ซวงอี้จึงชวนทุกคนกลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง เพราะเขาเดินทางมาอยู่ชายแดนตะวันตกได้เกือบสามเดือนแล้ว หยูฉิงหยางจึงไปขอลาราชการกับแม่ทัพชายแดนตะวันตกตามมารยาท ก่อนจะส่งม้าเร็วเดินทางไปถวายฎีกาเรื่องการพาครอบครัวไปรวมตัวกันในวันปีใหม่ที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ม้าเร็วเดินทางไปถึงเมืองหลวงโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน เมื่อฮ่องเต้ได้รับฎีกาของหยูฉิงหยางแล้ว พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เขาพาครอบครัวกลับมาได้ ความจริงปีนี้พระองค์คิดที่จะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ให้กับเหล่าขุนนางเหมือนทุกปี เพียงแต่พอคิดได้ว่าการจัดงานบ่อยครั้งก็เสียเงินในคลังไปไม่น้อย ซึ่งพระองค์ยังคงอยากใช้เงินเหล่านั้นในการพัฒนาแคว้นม

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   เห่อหลานคนใหม่

    จดหมายของหยูจิ่นเซิงไปถึงจวนแม่ทัพที่ชายแดนตะวันตกในอีกหนึ่งเดือนต่อมา หยูฉิงหยางที่กำลังดูแลภรรยาที่กำลังท้องแฝดเช่นเดียวกับพี่ชายรีบนำจดหมายมาตอบพร้อมให้คนนำของฝากที่ท่านแม่ฝากมาให้เขากับฮูหยินไปเก็บไว้ในคลังเสบียงเสียก่อน“ท่านพี่ เหตุใดท่านแม่จึงส่งของกินมาเสียเยอะแยะเช่นนี้เล่า”“ฮ่า ฮ่า ท่านคงกลัวว่าเจ้าจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ น่ะสิ ท่านแม่คงเป็นห่วงลูกของเรานั่นแหละน้องหญิง เจ้าเองก็บำรุงเยอะ ๆ เล่า จะได้คลอดง่าย ๆ เหลืออีกไม่กี่เดือน เจ้าก็จะคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วนะ”“ข้ากินจนจะอ้วนเป็นหมูแล้วนะท่านพี่ หากท่านไม่ชอบที่ข้าอ้วนจะทำอย่างไร”“เจ้าก็คิดมากเกินไปน้องหญิง พี่มีหรือจะไม่ชอบเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะรูปร่างเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นที่รักของพี่ตลอดไปนั่นแหละ ทีหลังอย่าคิดมากรู้ไหม”หยูฉิงหยางกอดภรรยารักเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแสนรัก เขารู้ดีว่านางคงกลัวว่าเขาจะมีหญิงอื่นกระมัง

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   น้องสะใภ้ท้องแล้ว

    หนึ่งเดือนต่อมา จดหมายจากหยูฉิงหยางส่งมาบอกทุกคนว่าสะใภ้เล็กท้องแล้ว ทำให้ทุกคนดีใจมาก ส่วนองค์หญิงหมิงจูนั้น ยังไม่มีใครกล้าสอบถามอะไรในเรื่องนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างสอบถามหยูฉิงเฉิงแทน“อาเฉิง เหตุใดสะใภ้ใหญ่ไม่ท้องเสียทีเล่า”“เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านปู่ แต่ข้าก็ขยันขันแข็งทุกวันนะขอรับ”“แล้วช่วงนี้ดูเหมือนนางจะดูมีน้ำมีนวลและน้ำหนักขึ้นบ้างหรือไม่เล่า”“ท่านย่าเดาได้เหมือนตาเห็นเลยขอรับ ข้าสังเกตว่านางดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยและท้องของนางก็ป่องออกมาเล็กน้อยด้วยนะขอรับ”“เช่นนั้นประเดี๋ยวให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาตรวจสักหน่อย นางอาจท้องแล้วไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนพี่ใหญ่เจ้าที่กว่าจะรู้ว่าท้องสองก็ตอนสามเดือนแล้ว”“ขอรับ หากมีข่าวดีเหมือนน้องสามก็คงดี เด็ก ๆ จะได้เกิดไล่เลี่ยกัน”หย

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชบุตรเขยได้จวนใหม่

    หลังจากหยูฉิงเฉิงได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ตรวจการพิเศษ เขาก็ยังคงเข้าไปทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบ้านเมืองที่เคยเสนอต่อฝ่าบาทไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมหาเสนาบดีเซี่ยยังคงรายงานการทำงานของขุนนางที่ถูกส่งออกไปให้กับเขารับทราบ เพื่อที่หยูฉิงเฉิงจะได้วางแผนการเดินทางไปตรวจงานได้ในภายหลังด้านองค์หญิงหมิงจูพอเป็นสะใภ้ตระกูลหยูแล้ว พระองค์ยังคงเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากที่จวนหยูไม่มีสิ่งใดให้นางทำบ้างเลย ครั้นจะให้นางไปนั่งปักผ้ากับท่านย่าและแม่สามีนางก็ไม่ค่อยชอบนัก ปกตินางชอบเล่นพิณและวาดรูปมากกว่า แต่ก็กลัวว่าเสียงพิณจะไปรบกวนการทำงานของท่านย่าและแม่สามีของนางเข้า นางจึงมาเล่นที่วังให้เสด็จแม่ฟังแทนเฉียนหลานกับหลินอ้ายนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าองค์หญิงน่าจะอึดอัดและเหงาที่ต้องอยู่จวนโดยไม่มีสิ่งใดทำ พระองค์จึงได้เสด็จเข้าวังบ่อย ๆ เมื่อหยูฉิงเฉิงกลับจวนมาแล้วทราบเรื่องเข้า เขาจึงคุยกับองค์หญิงในคืนวันหนึ่ง“น้องหญิง เจ้าเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่จวนนี้หรือ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status