Share

ขึ้นเขาครั้งแรก

Penulis: 橙花
last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-25 13:43:36

หลังจากลำบากขึ้นเขาหลายวัน หลินอ้าย จูฉิงเฉิง และจูฉิงหยางกลับมาที่บ้านพร้อมกับของป่าที่รวบรวมได้ ตะกร้าหนักที่บรรจุเห็ด สมุนไพร และผลไม้ป่าเต็มจนแทบล้น พวกเขาพากันตรงไปที่ตลาดในหมู่บ้านเพื่อขายของ

แม้จะเหน็ดเหนื่อยจนแทบขยับตัวไม่ไหว แต่หลินอ้ายยังพยายามยิ้มให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด ด้วยความหวังว่าจะได้เงินมากพอสำหรับซื้อข้าวสารและยาสมุนไพรให้จูฉางหยูและจูฉิงอัน

หลังจากทั้งวันอันยาวนาน หลินอ้ายได้เงินมาเพียงไม่กี่อีแปะเล็กๆ น้อยๆ แต่นางก็ยังรู้สึกยินดีที่มีเงินพอจะซื้ออาหารและของจำเป็นบางอย่าง

เมื่อหลินอ้ายและลูกๆ กลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็พบว่าแม่เฒ่าจูและจูฉางไห่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู

“นั่นอะไร?” แม่เฒ่าจูถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางชี้ไปที่ถุงเงินเล็กๆ ในมือของหลินอ้าย

“ข้า...ข้าได้เงินจากการขายของป่า” หลินอ้ายตอบด้วยความระมัดระวัง แต่แววตาของแม่เฒ่าจูกลับเต็มไปด้วยความโลภ

“เงินนี่เป็นของข้า!” แม่เฒ่าจูยื่นมือออกมาทันที จูฉางไห่ก้าวเข้ามาประกบ

“ของท่าน? ข้าเป็นคนขึ้นเขา! ข้าเป็นคนเก็บมา! ท่านแม่อย่าทำแบบนี้เลย” หลินอ้ายพยายามอ้อนวอน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“บ้านนี้ ข้าเป็นคนดูแล ทุกอย่างที่พวกเจ้าหามาได้ก็คือของข้า!” แม่เฒ่าจูกล่าวเสียงแข็ง ก่อนจะคว้าถุงเงินไปจากมือของหลินอ้าย

จูฉิงเฉิงและจูฉิงหยางพยายามเข้าไปขวาง แต่จูฉางไห่กลับผลักพวกเขาออกอย่างไร้ปรานี

“แค่นี้ยังไม่พอ! พรุ่งนี้เจ้าก็ขึ้นเขาไปหาอีกสิ!” จูฉางไห่กล่าวพร้อมกับโยนถุงเปล่ากลับไปให้พวกเขา

หลินอ้ายก้มมองถุงเปล่าที่ตกอยู่บนพื้น นางรู้ดีว่าตนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะต่อกรกับแม่เฒ่าจูและลูกชายของนาง น้ำตาเริ่มไหลออกมาช้าๆ ขณะที่จูฉิงเฉิงและจูฉิงหยางรีบเข้ามาประคองแม่ของพวกเขา

ในห้องที่มืดสลัว จูฉางหยูและจูฉิงอันได้ยินเสียงโต้เถียงจากด้านนอก แม้จะอ่อนแอ แต่จูฉางหยูพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาก็ถูกจูฉิงอันรั้งเอาไว้

“ท่านพ่อ อย่าฝืนเลย...” นางพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่น้ำตาคลอ

“ข้า... ข้าควรปกป้องพวกเจ้า แต่ข้าทำอะไรไม่ได้เลย” จูฉางหยูเอ่ยเสียงสั่น

จูฉิงอันที่นอนฟังอยู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความมุ่งมั่น นางพยายามรวบรวมพลังในจิตใจ แม้ร่างกายจะยังอ่อนแอ

“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบพวกเราอีกต่อไป...” นางพึมพำ น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่

แม้ในความมืด เงาสลัวของจูฉิงอันบนเตียงดูราวกับประกายของเปลวไฟเล็กๆ ที่เริ่มสว่างขึ้นในความมืดมิด

หลายวันผ่านไป หลังจากจูฉิงอันได้พักฟื้นร่างกายด้วยการดูแลอย่างดีจากหลินอ้าย นางก็เริ่มกลับมามีเรี่ยวแรงทีละน้อย แม้บ้านที่พวกเขาอยู่จะซอมซ่อและขาดแคลนอาหาร แต่นางก็พยายามอย่างหนักที่จะหายดี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว

วันหนึ่ง ขณะที่มองออกไปนอกบ้านเก่า นางเห็นภาพของแม่และน้องชายทั้งสองที่ต้องแบกตะกร้าหนักขึ้นเขาไปเก็บของป่า นางรู้สึกเจ็บปวดใจที่ต้องเห็นพวกเขาลำบากเช่นนั้น

“ข้าจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวต้องลำบากอีกต่อไป” จูฉิงอันพึมพำกับตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่น

ด้วยความรู้จากภพก่อน นางเข้าใจดีว่าธรรมชาติบนเขามีทรัพยากรมากมายที่สามารถนำมาสร้างรายได้ หากมีการจัดการอย่างเหมาะสม

เช้าตรู่วันหนึ่ง จูฉิงอันเตรียมตะกร้าและมีดเล็กๆ นางตัดสินใจขึ้นเขาเพียงลำพังโดยไม่บอกใคร ด้วยร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัว แม้นางจะยังไม่แข็งแรงเต็มที่ แต่จิตใจที่แน่วแน่ช่วยให้ก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อย

บนเขาที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงนกร้อง จูฉิงอันใช้ความรู้จากภพก่อนในการหาเห็ด สมุนไพร และผลไม้ป่าที่มีค่า นางรู้วิธีแยกของป่าที่กินได้และขายได้อย่างชัดเจน

ขณะที่นางเดินลึกเข้าไปในป่า นางพบธารน้ำสายเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าทึบ น้ำในธารใสสะอาดจนมองเห็นฝูงปลาหลากชนิดที่ว่ายอยู่

“ที่นี่...ทำไมถึงไม่มีคนมาจับปลาเลย?” นางนึกสงสัย แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่าไม่มีใครมาแย่งอาหารจากที่นี่

จูฉิงอันสำรวจรอบๆ ธารน้ำและเริ่มคิดหาวิธีจับปลาโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน นางใช้ไม้ที่หาได้จากป่ามาทำเป็นรั้วกั้นลำน้ำ และขุดหลุมลึกใกล้ๆ ธารน้ำ โดยให้กระแสน้ำพัดปลาลงมาในหลุม

“วิธีนี้น่าจะได้ผล” นางพึมพำกับตัวเอง พลางยิ้มอย่างพอใจ

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ฝูงปลาหลายตัวก็ถูกกระแสน้ำพัดเข้าไปในหลุม นางใช้มือตักปลาขึ้นมาใส่ตะกร้าทีละตัว ปลาสดเหล่านี้ดิ้นขลุกขลักในตะกร้าจนเกือบล้น

จูฉิงอันแบกตะกร้าปลาที่หนักอึ้งกลับบ้าน แม้จะเหนื่อยจนเหงื่อไหลท่วมตัว แต่นางก็ยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงอาหารที่ทำจากปลาเพื่อมอบให้กับครอบครัว

“ข้าจะไม่ขายปลาพวกนี้ เราต้องกินให้แข็งแรงก่อน” นางคิดในใจ นางรู้ดีว่าร่างกายของทุกคนในครอบครัวยังอ่อนแอเกินกว่าจะเผชิญกับความลำบากต่อไป

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินอ้ายตกใจที่เห็นลูกสาวกลับมาพร้อมตะกร้าปลามากมาย 

“อันเอ๋อร์ เจ้าไปหามาจากไหน?”

จูฉิงอันยิ้มบางๆ 

“ข้าพบธารน้ำที่มีปลามากมาย ข้าจับมาได้โดยไม่มีใครแย่ง ข้าคิดว่าเราควรบำรุงร่างกายของทุกคนให้แข็งแรงก่อน แล้วเราค่อยคิดหาวิธีอื่นเพื่อหาเงิน”

หลินอ้ายมองลูกสาวด้วยความซาบซึ้ง นางรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวที่ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว แต่ยังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของครอบครัว

เย็นวันนั้น หลินอ้ายปรุงปลาอย่างเรียบง่ายแต่หอมกรุ่น จูฉิงเฉิงและจูฉิงหยางที่เหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นเขากลับมาพร้อมความหิวโหย เมื่อได้กลิ่นอาหาร พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาในบ้าน

“วันนี้เรามีปลา! เป็นอาหารที่บำรุงร่างกายของทุกคน” จูฉิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

บรรยากาศในบ้านที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเริ่มมีความอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ทุกคนกินอาหารพร้อมกันและพูดคุยถึงสิ่งที่ควรทำในวันต่อไป

จูฉิงอันมองดูครอบครัวที่เริ่มมีรอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง นางรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แม้จะยังมีอุปสรรคมากมายรออยู่ข้างหน้า แต่นางก็พร้อมจะสู้เพื่อครอบครัว

รุ่งสางในเช้าวันถัดมา จูฉิงอันตื่นขึ้นมาก่อนที่คนอื่นในบ้านจะลืมตา นางลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ เก็บของป่าที่นางเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานใส่ตะกร้า ทั้งเห็ด สมุนไพร และผลไม้ป่าที่มีมูลค่าสูง

“ข้าต้องทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ พวกเขาจะได้พักฟื้นโดยไม่ต้องลำบาก” นางพึมพำกับตัวเอง

นางไม่อยากให้แม่หรือน้องชายรู้ เพราะรู้ว่าทุกคนคงห้ามปราม ด้วยร่างกายที่เพิ่งหายดี หลินอ้ายคงไม่ยอมให้นางเดินทางไกลเพียงลำพัง แต่ด้วยความรู้ในเส้นทางจากความทรงจำของร่างเดิม จูฉิงอันมั่นใจว่านางสามารถเดินทางไปยังอำเภอไห่ตงได้โดยปลอดภัย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   แคว้นหมิงเจริญรุ่งเรือง

    หลังจากต่างคนต่างอวดเรื่องของขวัญกันได้อีกพักใหญ่ หวางกงกงก็เชิญทุกคนไปร่วมรับประทานอาหารก่อนจะแลกของขวัญกันและมอบซองแดงให้เด็กๆ ที่ต่างเล่นเครื่องเล่นกันจนเหงื่อเต็มตัวไปหมดฮ่องเต้ยังขอบคุณหยูฉิงอันด้วยที่สร้างเครื่องเล่นเหล่านี้ขึ้นมา เพราะองค์ชายน้อยก็มักจะได้มาเล่นเครื่องเล่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ เช่นกัน“นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วเพคะ หากฝ่าบาทต้องการแบบให้กับช่างหลวงสร้างขึ้นมาก็บอกหม่อมฉันได้นะเพคะ”“ตกลง ๆ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่เคยหวงแหนความรู้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากไม่มีเจ้าสักคน แคว้นหมิงคงไม่สามารถพัฒนาได้ถึงขั้นนี้”“ฝ่าบาทชมเกินไปแล้วเพคะ เป็นเพราะความร่วมมือของทุกคนในแคว้นต่างหากที่ทำให้แคว้นของเราพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”“เฮ้อ เจ้านี่นะ ไม่เคยคิดที่จะเอาความดีความชอบแม้สักนิด เอาล่ะ ๆ เราทานอาหารกันก่อนดีกว่า เด็ก ๆ คงจะหิวกันแล้วล่ะ”

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชวงศ์เข้าร่วม

    วันปีใหม่เช้าวันนี้จวนหยูวุ่นวายไปด้วยบ่าวไพร่ที่กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงปีใหม่ที่จะมีแขกเริ่มมาในยามซื่อของวัน องค์หญิงหมิงจูกับหยูฉิงเฉิงเองก็กำลังแต่งตัวให้กับลูกชายและลูกสาวของพวกเขาอยู่ เสื้อผ้าต่าง ๆ ล้วนมาจากในวังที่ฮองเฮาสั่งคนตัดให้กับหลาน ๆ ของพระองค์อย่างน่ารักหลินอ้ายกับหยูฉางหยูก็แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดเพื่อต้อนรับปีใหม่เช่นกัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็กำลังจัดการบุตรชายทั้งสองกับฮูหยินน้อยที่เรือนอีกหลัง สำหรับหยูจิ่นเซิงและเฉียนหลานนั้นก็แต่งตัวกันเต็มที่เพื่อให้สมกับวันปีใหม่ ยังไม่รวมซองแดงที่พวกเขาจะแจกให้ลูกหลานอีกไม่น้อยด้วย พวกเขาคาดเดาว่าวันนี้จะต้องเป็นงานที่ทุกคนสนุกกันมากแน่ ยิ่งหยูฉิงอันส่งของเล่นเด็กมาไว้ที่จวนหยูจำนวนไม่น้อยสำหรับให้หลาน ๆ เล่นตอนที่โตกว่านี้ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งรักหลานสาวคนนี้มากขึ้นทุกที นางไม่เคยหวงสิ่งของใดเลย มีแต่มอบให้กับน้องชายทั้งสองและครอบครัวด้านจวนกั๋วกงก็วุ่นวายไม่แพ้กัน กว่าที่พี่เลี้ยงจะไล่จับเหล่าคุณชายน้อย ค

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ครอบครัวรวมตัวปีใหม่

    ที่ชายแดนตะวันตก หลังจากลูกของหยูฉิงหยางคลอดแล้ว ท่านพ่อตาได้ตั้งชื่อบุตรชายทั้งสองให้เขาว่า หยูอันเหิงและหยูอันไห่ เพราะหยูฉิงหยางอยากให้ในชื่อบุตรชายของเขามีชื่อพี่สาวอยู่ด้วย เขาสำนึกในบุญคุญของพี่สาวเสมอที่พาครอบครัวค้าขายจนได้เข้าเรียนและรับราชการในราชสำนักได้อย่างทุกวันนี้อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันปีใหม่ แม่ทัพใหญ่ซวงอี้จึงชวนทุกคนกลับไปฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง เพราะเขาเดินทางมาอยู่ชายแดนตะวันตกได้เกือบสามเดือนแล้ว หยูฉิงหยางจึงไปขอลาราชการกับแม่ทัพชายแดนตะวันตกตามมารยาท ก่อนจะส่งม้าเร็วเดินทางไปถวายฎีกาเรื่องการพาครอบครัวไปรวมตัวกันในวันปีใหม่ที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ม้าเร็วเดินทางไปถึงเมืองหลวงโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือน เมื่อฮ่องเต้ได้รับฎีกาของหยูฉิงหยางแล้ว พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เขาพาครอบครัวกลับมาได้ ความจริงปีนี้พระองค์คิดที่จะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ให้กับเหล่าขุนนางเหมือนทุกปี เพียงแต่พอคิดได้ว่าการจัดงานบ่อยครั้งก็เสียเงินในคลังไปไม่น้อย ซึ่งพระองค์ยังคงอยากใช้เงินเหล่านั้นในการพัฒนาแคว้นม

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   เห่อหลานคนใหม่

    จดหมายของหยูจิ่นเซิงไปถึงจวนแม่ทัพที่ชายแดนตะวันตกในอีกหนึ่งเดือนต่อมา หยูฉิงหยางที่กำลังดูแลภรรยาที่กำลังท้องแฝดเช่นเดียวกับพี่ชายรีบนำจดหมายมาตอบพร้อมให้คนนำของฝากที่ท่านแม่ฝากมาให้เขากับฮูหยินไปเก็บไว้ในคลังเสบียงเสียก่อน“ท่านพี่ เหตุใดท่านแม่จึงส่งของกินมาเสียเยอะแยะเช่นนี้เล่า”“ฮ่า ฮ่า ท่านคงกลัวว่าเจ้าจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ น่ะสิ ท่านแม่คงเป็นห่วงลูกของเรานั่นแหละน้องหญิง เจ้าเองก็บำรุงเยอะ ๆ เล่า จะได้คลอดง่าย ๆ เหลืออีกไม่กี่เดือน เจ้าก็จะคลอดเด็ก ๆ ออกมาแล้วนะ”“ข้ากินจนจะอ้วนเป็นหมูแล้วนะท่านพี่ หากท่านไม่ชอบที่ข้าอ้วนจะทำอย่างไร”“เจ้าก็คิดมากเกินไปน้องหญิง พี่มีหรือจะไม่ชอบเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะรูปร่างเปลี่ยนไปอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นที่รักของพี่ตลอดไปนั่นแหละ ทีหลังอย่าคิดมากรู้ไหม”หยูฉิงหยางกอดภรรยารักเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแสนรัก เขารู้ดีว่านางคงกลัวว่าเขาจะมีหญิงอื่นกระมัง

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   น้องสะใภ้ท้องแล้ว

    หนึ่งเดือนต่อมา จดหมายจากหยูฉิงหยางส่งมาบอกทุกคนว่าสะใภ้เล็กท้องแล้ว ทำให้ทุกคนดีใจมาก ส่วนองค์หญิงหมิงจูนั้น ยังไม่มีใครกล้าสอบถามอะไรในเรื่องนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างสอบถามหยูฉิงเฉิงแทน“อาเฉิง เหตุใดสะใภ้ใหญ่ไม่ท้องเสียทีเล่า”“เฮ้อ ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านปู่ แต่ข้าก็ขยันขันแข็งทุกวันนะขอรับ”“แล้วช่วงนี้ดูเหมือนนางจะดูมีน้ำมีนวลและน้ำหนักขึ้นบ้างหรือไม่เล่า”“ท่านย่าเดาได้เหมือนตาเห็นเลยขอรับ ข้าสังเกตว่านางดูเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยและท้องของนางก็ป่องออกมาเล็กน้อยด้วยนะขอรับ”“เช่นนั้นประเดี๋ยวให้พ่อบ้านไปเรียกหมอมาตรวจสักหน่อย นางอาจท้องแล้วไม่รู้ตัวก็ได้ เหมือนพี่ใหญ่เจ้าที่กว่าจะรู้ว่าท้องสองก็ตอนสามเดือนแล้ว”“ขอรับ หากมีข่าวดีเหมือนน้องสามก็คงดี เด็ก ๆ จะได้เกิดไล่เลี่ยกัน”หย

  • ย้อนเวลามาเป็นแม่ค้าผลไม้   ราชบุตรเขยได้จวนใหม่

    หลังจากหยูฉิงเฉิงได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ตรวจการพิเศษ เขาก็ยังคงเข้าไปทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบ้านเมืองที่เคยเสนอต่อฝ่าบาทไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมหาเสนาบดีเซี่ยยังคงรายงานการทำงานของขุนนางที่ถูกส่งออกไปให้กับเขารับทราบ เพื่อที่หยูฉิงเฉิงจะได้วางแผนการเดินทางไปตรวจงานได้ในภายหลังด้านองค์หญิงหมิงจูพอเป็นสะใภ้ตระกูลหยูแล้ว พระองค์ยังคงเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากที่จวนหยูไม่มีสิ่งใดให้นางทำบ้างเลย ครั้นจะให้นางไปนั่งปักผ้ากับท่านย่าและแม่สามีนางก็ไม่ค่อยชอบนัก ปกตินางชอบเล่นพิณและวาดรูปมากกว่า แต่ก็กลัวว่าเสียงพิณจะไปรบกวนการทำงานของท่านย่าและแม่สามีของนางเข้า นางจึงมาเล่นที่วังให้เสด็จแม่ฟังแทนเฉียนหลานกับหลินอ้ายนั้นพอรู้อยู่บ้างว่าองค์หญิงน่าจะอึดอัดและเหงาที่ต้องอยู่จวนโดยไม่มีสิ่งใดทำ พระองค์จึงได้เสด็จเข้าวังบ่อย ๆ เมื่อหยูฉิงเฉิงกลับจวนมาแล้วทราบเรื่องเข้า เขาจึงคุยกับองค์หญิงในคืนวันหนึ่ง“น้องหญิง เจ้าเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่จวนนี้หรือ”

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status