สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับจะร่วมไว้อาลัยให้กับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นของใครบางคน คิมหันต์ นั่งอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์ซอมซ่อที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอยู่ ดวงตาของเขาเหม่อลอยไร้จุดหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ พิม คิมหันต์ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับสายด้วยความคลุ้มคลั่ง
"แก...แกมันไร้ประโยชน์! แม้แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้!" คิมหันต์ตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างเกรี้ยวกราด
เสียงของพิมที่ปลายสายฟังดูเศร้าสร้อย "พี่คิมหันต์คะ...พิมขอโทษ...พิมไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้"
"ขอโทษงั้นเหรอ?! คำว่าขอโทษมันจะเอามาทำอะไรได้!? แกมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าที่ฉันเอาไว้แก้เบื่อเท่านั้นแหละ!" คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก
คำพูดของคิมหันต์เหมือนคมมีดที่กรีดแทงเข้ากลางใจของพิม น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บปวด "พี่คิมหันต์...พี่มันเลว! เลวที่สุด! พิมจะไม่มีวันให้อภัยพี่!"
พิมวางสายไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คิมหันต์นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความเจ็บปวด ความโกรธแค้น และความเสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไป
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ณลินและปอร์เช่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องทำงานส่วนตัวของปอร์เช่ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและเงียบสงบ ณลินเงยหน้าขึ้นมามองปอร์เช่ด้วยสีหน้าจริงจัง
"ปอร์เช่คะ...คิมหันต์มันยังไม่ยอมแพ้...มันกำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ผมรู้ครับ...แต่เราจะให้มันทำแบบนี้กับเราไม่ได้"
"แล้วเราจะทำยังไงดีคะ?" ณลินถามอย่างร้อนรน
"เราจะทำในสิ่งที่มันคาดไม่ถึงครับ" ปอร์เช่ตอบด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "เราจะทำให้มันได้เรียนรู้ว่า...อำนาจที่แท้จริง...ไม่ได้มาจากเงินหรือชื่อเสียง...แต่มันมาจากความรักที่แท้จริงต่างหาก"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินยิ้มออกมา "คุณพูดถูกค่ะปอร์เช่...เราจะใช้ความรักของเราเป็นอาวุธ...และเราจะใช้มัน...เพื่อทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก"
ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "เรามาเริ่มต้นแผนการของเรากันเลยนะครับ..."
ณลินและปอร์เช่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวางแผนการที่ซับซ้อนและรัดกุมที่สุด พวกเขาจะใช้โอกาสสุดท้ายในการเปิดโปงความจริงที่คิมหันต์ซ่อนเอาไว้ให้ทุกคนได้รับรู้ และจะทำให้เขาต้องรับกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา คิมหันต์ได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งสำคัญจากบริษัทของปอร์เช่ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ความอยากรู้และต้องการจะรู้ว่าปอร์เช่กำลังวางแผนอะไรอยู่ ทำให้เขาตัดสินใจไปงานแถลงข่าวในที่สุด
ในวันงานแถลงข่าว คิมหันต์เดินเข้ามาในห้องแถลงข่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ เขาเห็นณลินและปอร์เช่ยืนอยู่บนเวทีด้วยสีหน้าที่สงบและมั่นคง ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความหวาดระแวงที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม
"สวัสดีครับทุกคน" ปอร์เช่เริ่มต้นการแถลงข่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่น "วันนี้ผมและคู่หมั้นของผม...คุณณลิน...ต้องการจะมาพูดเรื่องบางอย่างให้ทุกคนได้รับรู้...เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณคิมหันต์...และบริษัทของคุณ"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้คิมหันต์ถึงกับหน้าซีดเผือดไปถนัดตา เขารู้ดีว่าปอร์เช่กำลังจะทำอะไรบางอย่างที่อันตรายกับเขา
"ปอร์เช่! แกจะทำอะไร!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างขาดสติ
ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ผมไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ...คุณคิมหันต์...ผมแค่จะเปิดโปงความจริงที่ซ่อนอยู่เท่านั้นเอง"
ปอร์เช่เปิดวิดีโอคลิปหนึ่งให้ทุกคนได้รับชม ในวิดีโอนั้นคือภาพที่คิมหันต์กำลังพูดคุยกับพิมถึงแผนการในการทำลายชื่อเสียงของณลินและปอร์เช่ ทุกคำพูด ทุกการกระทำของพวกเขานั้นถูกบันทึกไว้หมดแล้ว
นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังได้เปิดเผยหลักฐานอีกมากมายที่ยืนยันว่าคิมหันต์ใช้ชื่อของณลินในการเซ็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และใช้เงินของบริษัทไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหลักฐานเหล่านั้นก็เพียงพอที่จะเอาผิดคิมหันต์ได้แล้ว
"คุณคิมหันต์ครับ...ผมมีหลักฐานที่ยืนยันว่าคุณทำเรื่องผิดกฎหมายมามากมาย...และผมก็มีหลักฐานที่ยืนยันว่าคุณวางแผนที่จะทำร้ายณลิน...คุณยังจะปฏิเสธอีกไหมครับ?" ปอร์เช่ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
คิมหันต์ถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่คิดว่าปอร์เช่จะวางแผนการไว้ได้รัดกุมขนาดนี้ เขาไม่คิดว่าปอร์เช่จะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเขา
"ไม่จริง! วิดีโอพวกนี้เป็นของปลอม!" คิมหันต์พยายามจะปฏิเสธ แต่เสียงของเขากลับสั่นเครือจนน่าสงสาร
แต่ในขณะนั้นเอง ณลินก็เดินเข้ามาหาคิมหันต์ด้วยสีหน้าที่สงบและมั่นคง "พี่คิมหันต์คะ...พี่ควรจะยอมรับความจริงได้แล้วนะคะ...พี่ไม่มีทางที่จะชนะพวกเราได้หรอก"
คำพูดของณลินเหมือนคมมีดที่กรีดแทงเข้ากลางใจของคิมหันต์ เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวด
"แก...แกมันเลว! เลวที่สุด!" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียง "แกกับไอ้ปอร์เช่มันร่วมมือกัน! แกมันเป็นพวกเดียวกัน!"
ณลินยิ้มออกมา "ใช่ค่ะ...ฉันกับปอร์เช่เป็นพวกเดียวกัน...เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ...และเราก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเราได้อีกแล้ว"
คำพูดของณลินทำให้คิมหันต์ถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะสิ่งที่เธอพูดคือความจริงทุกประการ คิมหันต์รู้สึกเหมือนชีวิตของเขากำลังจะพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา
ในขณะนั้นเอง ตำรวจก็เดินเข้ามาในห้องแถลงข่าว แล้วใส่กุญแจมือคิมหันต์ทันที คิมหันต์มองหน้าณลินและปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวด ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับตำรวจอย่างช้าๆ
หลังจากเหตุการณ์นั้น ณลินและปอร์เช่ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความรักที่มั่นคงและแข็งแรงกว่าที่เคยเป็นมา ความเจ็บปวดในอดีตได้ถูกลบเลือนไป และความสุขในปัจจุบันได้เข้ามาแทนที่
ในค่ำคืนหนึ่ง ณลินและปอร์เช่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน ณลินเงยหน้าขึ้นมามองปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
"ปอร์เช่คะ...ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน...ผมรักเธอ"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินยิ้มออกมา "ฉันก็รักคุณค่ะ...ปอร์เช่...ฉันรักคุณ"
ณลินและปอร์เช่จูบกันอย่างดูดดื่ม การจูบของพวกเขาไม่ใช่แค่การแสดงความรัก แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและอนาคตที่สดใส...
ข่าวการจับกุม คิมหันต์ และเครือข่ายมาเฟียที่นำโดย เฮียเกา แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและสังคมออนไลน์ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทุกหน้าหนังสือพิมพ์และทุกสำนักข่าวต่างพาดหัวข่าวใหญ่ถึงจุดจบของชายผู้บ้าคลั่งที่พยายามทำร้าย ณลินและ ปอร์เช่ ณลินและปอร์เช่ที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในบ้านของพวกเขามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความโล่งอก ความดีใจ และความเศร้าในสิ่งที่เกิดขึ้น"ในที่สุด...เขาก็ได้รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไปแล้วนะคะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ใช่ครับ...ริน...แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เลย"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ณลินมองไปที่ปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย "คุณรู้สึกสงสารเขาเหรอคะ?""ผมไม่ได้สงสารเขาหรอก...ผมแค่รู้สึกเสียใจ...เสียใจที่คนคนหนึ่ง...ต้องจมอยู่กับความแค้นและความอิจฉาริษยาจนชีวิตของเขาต้องพังทลายลงไปแบบนี้" ปอร์เช่พูดพร้อมกับมองไปที่ณลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน "ริน...ผมไม่อยากให้เราเป็นเหมือนเขา...เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะครั
ควันไฟสีดำลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งโกดังร้างที่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว เสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและร่างของลูกน้องที่นอนจมกองเลือด ปอร์เช่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือของเขากำปืนไว้แน่น ราวกับจะส่งความแค้นทั้งหมดไปที่ คิมหันต์ และ เฮียเกา"ปอร์เช่! แกยังไม่ตายงั้นเหรอ!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ผมไม่ได้ตายหรอกครับ...คุณคิมหันต์...ผมแค่แกล้งทำเป็นตาย...เพื่อที่จะได้ล่อให้แกออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ปอร์เช่พูดเลยแม้แต่น้อย"โกหก! แกกำลังโกหกฉัน!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงในขณะนั้นเอง เฮียเกา ก็เดินเข้ามาหาปอร์เช่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แกมันเลว! เลวที่สุด!"ปอร์เช่หัวเราะในลำคอ "ผมไม่ได้เลวหรอกครับ...เฮียเกา...ผมแค่ทำให้พวกคุณได้รับผลกรรมในสิ่งที่ทำลงไปเท่านั้นเอง"คำพูดของปอร์เช่ทำให้เฮียเกาถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะสิ่งที่ปอร์เช่พูดคื
ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ ที่โรงพยาบาลจนอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว ในขณะที่ปอร์เช่กำลังวางแผนการที่ซับซ้อนเพื่อที่จะจัดการกับ คิมหันต์ และ เฮียเกา ให้สิ้นซากในค่ำคืนหนึ่ง ปอร์เช่ได้ให้ลูกน้องที่ปลอมตัวเป็นหมอพาเขาไปยังที่ซ่อนของพวกตัวร้าย ลูกน้องของปอร์เช่ได้สลับตัวเขาและปลอมตัวเป็นปอร์เช่ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างแนบเนียน ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้ปอร์เช่กำลังจะไปที่ไหนรถยนต์คันหรูของปอร์เช่ได้ขับมาจอดที่หน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง ชายในชุดสูทสีดำจำนวนหนึ่งได้เดินออกมาจากรถแล้วเปิดประตูรถให้ปอร์เช่ ปอร์เช่เดินออกมาจากรถด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"แกแน่ใจนะว่าพวกมันอยู่ที่นี่?" ปอร์เช่ถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย "แน่ใจครับ...บอส...พวกมันอยู่ที่นี่กันหมดเลย"ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ดี...เราไปจัดการพวกมันกันเถอะ"ปอร์เช่และลูกน้องของเขาเดินเข้าไปในโกดังร้างแห่งนั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาเดินผ่านโกดังไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะไปที่ไหนในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ และ เฮียเกา กำลังนั่งดื่มเบียร
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณลินตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของปอร์เช่ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ ณลินเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังหลับอย่างสงบ เธอรู้สึกได้ถึงความรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอคะ?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมตื่นมานานแล้ว...ผมแค่อยากมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังหลับ"ณลินกอดเขาไว้แน่น "ฉันมีความสุขมากเลยค่ะปอร์เช่""ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน" ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "ริน...ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี "เรื่องอะไรคะ?""ผมจะให้ลูกน้องของผมปล่อยข่าวออกไปว่าอาการของผมแย่ลง...และผมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน" ปอร์เช่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้คิมหันต์กับเฮียเกาออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ได้"ปอร์เช่! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! มันอันตรายเกินไป!" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ผมรู้ครับ..
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาตลอดทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธ