“พราว แต่งหน้าหน่อยเถอะผมไม่อยากกินข้าวอยากกินพราวเหมือนเดิม” เสียงของธนูดังขึ้น
ธนูลอบมองดวงหน้าหวานสวยของพราวนภาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ธนูค่ะ พราวไม่ชอบแต่งหน้าค่ะ” พราวนภาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
หญิงสาวไม่แม้แต่จะสนใจความรู้สึกเขาด้วยซ้ำ ในตอนนั้นพราวนภาคิดแค่ว่า ทะเบียนสมรสจะมัดใจธนูไว้ได้แต่เปล่าเลย
รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบคฤหาสน์หลังโตรโหฐานที่พราวนภาย้ายเข้ามาอยู่ได้สักประมาณเดือนกว่าในฐานะภรรยาใหญ่ของตระกูลจอมปลอมอย่างดิเรกสิงหะ
“คุณพราวแย่แล้วค่ะ” เสียงของป้าชื่นเอ่ยขึ้นอย่างกระหืดกระหอบ
“มีอะไรคะป้าชื่น” พราวนภา ภรรยาใหญ่ของตระกูล เอ่ยถามขณะเงยหน้าออกจากกองหนังสือที่กองพะเนินสูงท่วมหัว
“ก็คุณ....” ยังไม่ทันที่ป้าชื่นจะพูดจบ พราวนภาก็สะดุ้งสุดตัวกับเสียงอี๋อ๋อที่ดังลั่น
“หน็อย คุณธนู” พราวนภาเอ่ยขณะลุกขึ้นจากเก้าอี้บุนวม
พราวนภาเดินไปตามเดินเพื่อไปยังห้องนอนของธนูกับเธอทันที
ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดสืบไปอย่างพร้อมมีเรื่องกับบรรดาเมียน้อยของธนู
“คุณธนู!” พราวนภาตวาดฉาดใหญ่แล้วถีบประตูเข้ามาอย่างไม่กลัวเกรง
ธนูกระเด้งตัวพรวดออกจากหญิงสาวเปลือยอกท่อนบนทันที
“พี่ธนูมีเมียแล้วเหรอคะ” ทีน่าที่กำลังติดพันเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วหล่อนเห็นไหมล่ะว่าฉันเป็นใคร” พราวนภาเอ่ยถามอย่างไม่กลัวเกรง
“อ๋อตอนแรกทีน่านึกว่าคุณพราวนภาเป็นแม่ของพี่ธนูค่ะ” ทีน่าเอ่ยอย่างนึกสนุก
เวลานี้ทีน่าผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยับอย่างไม่กลัวเกรง
“ฉันเป็นภรรยาเอก และเป็นภรรยาคนเดียวของคุณธนู ฉันคือพราวนภา ดิเรกสิงหะ” พราวนภาเอ่ยทีละคำอย่างสุดจะทน
“พราวใจเย็นก่อน ผมขอโทษ” ธนูเอ่ยแล้วถอยผงะออกเมื่อเห็นพราวนภาเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไปเต็มแรงบนใบหน้าของทีน่า
“โอ๊ย” เด็กสาวแรกรุ่นเอ่ยขณะกุมแก้มของตนเอง
“เจ็บเป็นด้วยเหรอ...นึกว่าจะด้านกว่านี้ซะอีก” พราวนภาเอ่ยขณะจิกผมของทีน่าทั้งสภาพเปลือยท่อนบน
“พราวหยุด ผมบอกให้หยุด” ธนูเอ่ยอย่างเหลืออดที่ผ่านมาเขาทนมามากแล้ว ทั้งตามล้างตามผลาญชีวิตเขา
พราวนภาเป็นผู้หญิงที่เห็นค่าของทะเบียนสมรสมากกว่าเขา เธอตามรังควานผู้หญิงทุกคนที่ใกล้เขาไม่เว้นแม้แต่ทีน่า ลูกสาวของเพื่อนสนิทเขา
หากเขาไม่เมาเหล้าทีน่ากับเขาก็คงไม่เกือบจะมีเพศสัมพันธ์อย่างนี้หรอก
“นี่คุณกล้าตวาดฉันเหรอคุณธนู คุณเห็นนังนี่ดีกว่าฉันใช่ไหม” พราวนภาเอ่ยอย่างสุดจะกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
“ใช่ผมตวาดคุณ จากนี้ไปผมจะหย่ากับคุณ แล้วจำไว้ด้วยนะ คุณนะมันเป็นผู้หญิงน่ารำคาญที่สุดในโลกนี้เท่าที่ผมเคยเจอมา” ธนูเอ่ยขณะผลักร่างพราวนภาให้ล้มลงแล้วปิดประตูห้องนอนลงกลอนโดยไม่สนใจอาการที่ปวดร้าวกลางใจของเธอ
“ชั้นที่สิบสี่” เสียงลิฟต์ดังขึ้น พราวนภาแหงนหน้าขึ้นมองแล้วก้าวฉับฉับออกจากลิฟต์ไป
‘ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างพราวนภาจะแพ้ผู้ชายอย่างคุณ...ธนู’ พราวนภาคิดในใจแล้วสาวเท้าเข้าไปในงาน สืบฝันสานงานเขียนของเพื่อนสนิทของธนู ธนดล ติเวชสระ
ที่เป็นวิทยากรร่วมกับธนู ดิเรกสิงหะ คนนี้ด้วย
ทันทีที่พราวนภาไปถึงบ้าน ลัลลาวีร์โผกอดเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว “คุณแม่ไปไหนมาคะ ลัลคิดถึงจังเลย” ลัลลาวีร์เอ่ยถามมารดาเสียงใส“แม่ไปสัมมนามาจ้ะ ไปยัยลัลไปเก็บของแม่จะพาลัลไปเที่ยว” พราวนภาเอ่ยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ค่ะแม่” ลัลลาวีร์เอ่ยตอบรับมารดา ไม่นานนักลัลลาวีร์ก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พราวนภาจูงมือลัลลาวีร์ออกไปแล้ว แม่ม่ายสาวตั้งใจจะทิ้งที่นี่ไว้เป็นเพียงแค่ความหลังของตนเองและธนู ไม่มีอีกแล้วพราวนภา ลาก่อนคุณธนู’ พราวนภาคิดในใจรีสอร์ทพัทยาแอนด์โฮเทลเรส“หาให้ทั่ว...ตรวจค้นให้หมด” เสียงเข้มของธนูเอ่ยสั่งลูกน้องของเขา“ผมไม่คิดว่าพี่พราวจะหนีไป” ธนพเอ่ยบอกพี่ชายอย่างหมดหวัง“ทำอะไรไม่คิด...พราวนภาเขาเป็นคนอ่อนแอนะ” ธนูเอ่ยตอกกลับน้องชายด้วยแรงโทสะดวงหน้าคมคายของธนพก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด เป็นเพราะเขาทำให้พราวนภาจากไปแบบนั้น“ผมจะไปพี่พราวจากที่บ้าน” ธนพเอ่ยแล้วหุนหันรุดเดินออกไปรองเท้าขัดมันจนเห็นเงาวับของชายหนุ่มสาวเท้าออกมาจากโรงแรมรีสอร์ทหรูหรา เขาก้าวขึ้นรถยนต์คันใหม่ล่าสุดที่มารับทันที“ไปคฤหาสน์หลังสวน” เสียเข้มออกคำสั่งอย่างรวดเร็วรถสปอร์ตคันหรูหราถึงคฤหาสน์
แพขนตาหนาปิดลงอย่างเชื่องช้า ขณะที่ภาพสุดท้ายที่แม่ม่ายสาวเห็นนั่นคือดวงหน้าคมเข้มของบุรุษที่ก้าวเข้ามายืนข้างธนู...ธนพดวงจันทรายามนี้สุกใส รัศมีจันทร์ทอแสงนวลอร่ามตาปลายเท้าเรียวขาวสะอาดสาวไปมาราวกับหนูติดจั่น ธนูเดินวนอยู่อย่างนั้นเวลานี้พวกเขาร้อนใจเป็นที่สุด เพราะพราวนภายังไม่ฟื้นจากมรสุมเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ‘เธอน่าจะอ่อนเพลีย’ ธนูคิดในใจธนูลอบมองดวงหน้าหวานของอดีตภรรยาอย่างรู้สึกหวง ไฉนเลยเขาถึงปล่อยให้น้องชายเพียงคนเดียวของเขาพาเธอมาที่นี่‘พราวผมขอโทษ’ ธนูได้แต่คิดในใจแสงจันทรายามนี้อาบไล้ใบหน้าเรือนกายขาวนวลให้ผ่องกว่าเดิมราวกับเจ้าหญิงนิทราที่รอการจุมพิตจากเจ้าชาย ธนูรู้สึกตกในห้วงภวังค์อย่างจัง แม้จะรู้ดีว่าเวลานี้สถานะเขาเป็นได้แค่อดีตคนรักก็ตามทีมือหนาของทายาทงดิเรกสิงหะ ท่านประธานใหญ่เอื้อมมาปัดปอยผมที่ตกลงให้พราวนภาอย่างอ่อนละมุน“ผมขอโทษนะ...พราว” เสียงเข้มนั่นกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาของพราวนภาธนูเดินออกจากห้องไปแล้ว หากแต่สำเนียงเมื่อครู่อดทำให้พราวนภาสะท้านในดวงใจไม่ได้ไฉนเลยเธอจะไม่รู้สึกเล่าในเมื่อเธอผูกพันกับธนูมากเสียจนแยกไม่ออกแล้วว่านี่คือความใคร่
พราวนภาเอนราบลงไปกับเตียงนวดสปาช้าด้วยเรือนกายเปลือยเปล่าที่คลุมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห้องสปาควรเป็นห้องที่มิดชิด ม่ายสาวลอบมองเรือนกายที่ยังมีตราร้อนประทับของธนพในใจของแม่ม่ายสาวอดรู้สึกอบอุ่นไม่ได้ ที่ธนพปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพนั่นทำให้พราวนภาอดเบาใจเปราะหนึ่งไม่ได้พราวนภาหมอบลงกับโต๊ะขนาดที่หูของหญิงสาววัยกลางคนกับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้ว“คุณพราวนภานะคะ เดี่ยวนิจะทำการนวดให้นะคะ” เสียงหวานแหลมของหญิงสาวคนนั้นเอ่ยถาม“ค่ะ” พราวนภาเอ่ยตอบเพียงสัมผัสแรกที่ ‘คุณนิ’ ลงมือนวดให้อดทำให้หญิงสาวกระตุกไม่ได้“คุณธนูอยากได้กันก็ขอกันดีๆก็ได้” พราวนภาเอ่ยอย่างเหลืออดหากแต่ไม่ทันเสียแล้ว แพขนตายาวเปิดเปลือกตาอย่างรวดเร็วพราวนภาพบว่าธนูชโลมออยบางอย่างลงในตัวของเธอมือหยาบลากไล้ไปที่ทรวงอกอวบอิ่มที่ตอนนี้เปล่าเปลือยอย่างสุดจะหักห้ามใจแม่ม่ายเสน่ห์แรงอดเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสหวามไหวนั้นไม่ได้ หากแต่เพียงแค่เรียวปากงามกำลังจะขยับนั้น เสียงดุเข้มก็ปรามอดีตภรรยาที่หย่าขาดจากเขาเข้า“อยู่นิ่งๆ พราว” ธนูเอ่ยเสียงดุคมพราวนภาจำต้องยอมอยู่นิ่งๆ คราวนี้ธนูจ
“คุณหลินคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานแหลมเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว“คุณจิล!” หลินเลขาสาวเอ่ยอย่างตระหนกกว่าเดิมภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าคือภาพหญิงสาวสวมชุดเดรสสั้นกุด หญิงสาวตาสวยคนนั้นฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย“จะอะไรได้ล่ะคะ ก็เมื่อกี้ท่านรองออกไปกับคุณพราวนภานะซิคะ” เสียงหวานใสของหลินเอ่ยอย่างแผ่วเบา หากแต่ก็ดังพอที่ธนูจะได้ยินพอดิบพอดี“พี่ชอบที่นี่ไหม...พี่พราว” เสียงเรียกของธนพทำให้พราวนภาที่กำลังเหม่อลอยได้สติขึ้นมา“ค่ะ ก็ดี” พราวนภาตอบอย่างเลื่อนลอย“พี่คิดถึงลูกเหรอ” ธนพเอ่ยถามพราวนภาชะงักมีดที่พร้อมจะหั่นชิ้นเนื้อสเต็กที่กำลังสุกได้ที่“ก็คิดถึงนะ แต่คิดถึงอย่างอื่นมากกว่า” ม่ายสาวตอบเสียงแผ่วเบา“คิดถึงอะไรเหรอครับ” ธนพถามต่อขณะที่พราวนภาม่ายสาวทรงเครื่องกำลังเคี้ยวแก้มป่องเมื่อครู่นี้ ธนพพาหญิงสาวมายังริมหาด พราวนภาสวมชุดแมกซี่เดรสธนพสังเกตเห็นทรวงอกอวบอิ่มซุกซ่อนภายเดรสหวาบหวิว แม้จะไม่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งชักกระนั้นกลับเรียกสาวตาหนุ่มๆจ้องมองกันเกรียว ‘อุตสาห์เลือกที่มิดชิดแล้วนะนี่’ ชายหนุ่มคิดในใจหนุ่มหล่อสังเกตอากัปกิริยาของอดีตพี่สะใภ้สาว เพียงแค่พราวนภายิ
“อ้า” พราวนภาอดครางไม่ได้ยามเมื่อธนพสอดนิ้วเข้ามายังช่องทางสีสวย ขณะเรือนกายทั้งสองเปลือยเปล่าธนพดันร่างพราวนภาลงบนเตียงหนานุ่มแล้วลอบมองดวงหน้างามอย่างหื่นกระหาย“พี่พราว...ผมอยากลองกับแตงกวากับพี่” มือหนานุ่มเอื้อมหยิบแตงกวาล้านที่ซื้อมาจากตลาดแถวพัทยาก่อนเดินทางเข้ารีสอร์ท“ค่ะ” พราวนภาตอบรับเพียงสั้นๆ หญิงสาวกลืนน้ำลายก้อนเหนียวลงคอตั้งแต่เกิดมาพราวนภาเพิ่งเคยเจอเรื่องตื่นเต้นก็วันนี้ธนพจับเรียวขางามถ่างออกอย่างเชื่องช้า มือหนานุ่มหยิบแตงกวาขนาดเขื่องจ่อเข้าที่ช่องทางสีชมพูหวานอย่างลืมตัวมือเรียวถูไถแตงกวาอยู่อย่างนั้น พราวนภากระตุกวูบ ความหวาบหวามในดวงใจที่ซุกซ่อนเผยขึ้นมาทันทีม่ายสาวรับรู้ได้ถึงแรงปรารถนาที่สุมกายาของเธอ หยาดน้ำเริ่มไหลออกมาด้วยแรงปรารถนาลุ่มลึกธนพดันแตงกวาขนาดเขื่องเข้าไปเชื่องช้าแล้วขยับเข้าออกตามจังหวะ“อ้า...นพ...พี่ไม่ไหวแล้ว” เสียงหวานแหลมดังออกจากริมฝีปากดิรูปสวยธนพบรรจงประกบปากกับเรือนกายที่นอนกระตุกอยู่บนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์ในห้องนอนสุดหรูหราที่เขาจองมาเพื่อใช้วันนี้โดยเฉพาะมือหนายังคงควานด้วยแตงเขื่องอย่างนึกสนุก ความดิบเถื่อนเข้าครอบงำแรงอา
ด้วยความสงสัยพราวนภาเดินไปดูหน้าบ้าน แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์กวาดสายตา ไปบริเวณหน้าบ้านภาพที่ปรากฏ ตรงหน้าอดทำให้พราวนภาตะลึงไม่ได้“เป็นเขานั่นเอง” ธนพ ทายาทเพียงคนเดียว ของ ตระกูลดิเรกสิงหะ กำลังเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านคฤหาสน์ที่แยกตัวจากถนนเหตุการณ์เมื่อวานยังคงติดตรึงในใจของพราวนภาดวงหน้าหวานแต้มสีเรื่อจางๆคิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด แม่ม่ายสาวอย่างพราวนภารู้สึกถึงความปั่นป่วนในห้วงใจ ของหล่อนเองเวลานี้เธอจะให้ลัลลาวีร์รู้เรื่องนี้ไม่ได้นะ คิดสิ พราวนภาคิดในใจ หากแต่เวลานี้พราวนภาสาวเท้าออกไปเพื่อเปิดประตูมาเพื่อให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของพราวนภาไม่สงสัย ว่ามารดาของเธอหายไปไหนมาทั้งคืนพราวนภาแม่ม่ายสาว เดินออกไป ม่ายสาวสวมรองเท้าแตะคีบสีดำตัดกับปลายเท้าสะอาดขาวผ่องของเธอ พราวนภาสืบเท้าออกไป ใกล้ประตูรั้วบ้าน สายลมเย็นเวลานี้พัดกรีดผิวของหญิงสาว “มาทำไมรึ” พราวนภาเอ่ยถามอย่างตระหนกเล็กน้อย “อ้าวพี่พราว” ธนพเอ่ยขึ้น พลางชูกระเป๋าสะพาย ของพราวนภาขึ้นมา“พอดีผมเอากระเป๋ามาคืนครับ” ธนพเอ่ยอย่างเป็นต่อ“ขอบคุณค่ะ” พราวนภาเอ่ยขึ้น แล้วกุลีกุจอ เปิดประตูรั้วบ้านให้กับเขา