ตรู๊ด… ตรู๊ด… ตรู๊ด… เสียงรอสายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทนายสมศักดิ์ยกมือถือแนบหู ดวงตาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ยังไม่คลาย เขาต่อสายหาทนายเจมส์ — สามีของอิมิลี่ และคนเดียวที่อาจรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่ปลายสายกลับนิ่งงัน ไร้การตอบรับที่บาร์หรูใจกลางเมืองเจมส์นั่งอยู่เพียงลำพัง แสงไฟโทนส้มสะท้อนลงบนใบหน้าเคร่งเครียด เสียงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงในมุมห้อง เขาจ้องแก้ววิสกี้ตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่นเบา ๆ เมื่อเบอร์แปลกปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แต่เจมส์ไม่ได้แม้แต่จะเหลือบมอง ดวงตาเขาแดงก่ำ ราวกับไม่ได้หลับมาเป็นคืนที่สามแล้ว เขาสูดลมหายใจลึก — เหมือนพยายามยึดตัวเองไว้กับความเป็นจริง แต่ภายในหัว... วนเวียนอยู่กับสิ่งเดียว"พรุ่งนี้... ที่ศาล"วันตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะหรือจุดจบเขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ ปล่อยให้รสขมไหลลงคอราวกับกลืนคำโกหกที่เขาสร้างขึ้นทีละชั้นมือถือยังคงสั่น... แต่เขาแค่เหลือบตามอง ก่อนปล่อยให้มันเงียบหายไปในที่สุด …แต่ในขณะที่เวลานี้ อิมิลี่ ยังจมอยู่กับความมืดมิด กลิ่นอับชื้นของโกดังเก่าและฝุ่นผงตลบอบอวล อองเดรศัตรูของลูคัส ลากอิมิลีเข้ามาในความเงียบอันเย็นเย
ภายในห้องนอนที่เงียบงัน แสงจากโคมไฟหัวเตียงส่องสว่างเพียงเล็กน้อย เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวบนผนังราวกับคอยเฝ้ามองความเงียบของค่ำคืนเลโอ นั่งกุมขมับอยู่ปลายเตียงคิ้วขมวดแน่น ดวงตาหนักอึ้งจากความเหนื่อยล้า — เพราะไม่อาจสลัดความกังวลออกจากใจได้ เรื่องของอิมิลี่เมื่อวันก่อนยังวนเวียนไม่จางหาย ยิ่งเวลาผ่านไป ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยิ่งทวีคูณเขาเดินช้า ๆ ออกไปยังห้องทำงานเล็ก ๆ ที่ลูคัสใช้เป็นฐานวางแผน ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากไฟเหนือโต๊ะทำงาน และเสียงกระดาษพลิกเบา ๆ ลูคัสนั่งนิ่ง จ้องแผนงานตรงหน้าราวกับใช้มันเป็นกำแพงกั้นโลกภายนอกเลโอหยุดยืนอยู่ตรงขอบโต๊ะ สูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่ชัด “เลโอ มีอะไรเหรอ?” ลูคัสถาม โดยที่สายตายังไม่ละจากแผน“ทำไมนายไม่พักผ่อนล่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปที่ร้าน ลูกน้องก็รออยู่”เลโอไม่ตอบทันที เขาเงียบ... แววตาลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา“นายคิดยังไงกับอิมิลี่... กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น?”คำถามนั้นแขวนค้างกลางอากาศ ราวกับทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบไปชั่วขณะลูคัสชะงัก ปลายนิ้วที่แตะแผนงานแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเรียบ “มันเป็น... อ
รถกระบะจอดนิ่งอยู่หน้าร้าน แอลฟิชชิ่ง ช็อป แสงไฟหน้ารถสาดสะท้อนกระจกหน้าร้านเป็นเงาวูบวาบไหวไปมาในความมืด แต่เลโอไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ตกปลาแห่งนั้นเลยสักนิดเขาเปิดประตูรถด้วยท่าทางร้อนรน ลมกลางคืนพัดวูบพาไอเย็นกระทบผิวกาย กลิ่นชื้นของทะเลลอยแผ่วมากับลม แต่เขาไม่หยุดสูด กลับเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังหนึ่ง ที่เขาแน่ใจ—หรืออย่างน้อยก็หวัง—ว่ามันคือบ้านของอิมิลี่ก้าวเท้าหนักแน่นแต่แฝงความลังเล ทุกย่างก้าวดังชัดเจนในความเงียบงัน หัวใจเขาเต้นถี่แรงเหมือนจะระเบิดออกจากอก ความรู้สึกบางอย่างบีบคั้นอยู่ในอก ทั้งกลัว ทั้งหวัง ทั้งเจ็บเขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ยกมือขึ้นเคาะประตูแผ่วเบา—ครั้งหนึ่ง แล้วอีกครั้งไร้เสียงตอบรับ
“ด่วนเลยค่ะ ไปสนามบินด่วนค่ะ” เธอย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้คนขับไม่ถามอะไรอีกทันทีที่รถเคลื่อนตัว อากาศในรถก็เหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกอย่างเงียบเฉียบจนน่าขนลุก เสียงลมหายใจของแอลซ่าเบาแต่หนักอึ้ง คล้ายกับความกังวลที่ก่อตัวในอก ………….เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ถนนที่รถกำลังแล่นผ่านดูแปลกตา… ไม่ใช่เส้นทางที่ควรจะไปสนามบินแน่ๆหัวใจของเธอกระตุกวูบ มือที่วางบนตักกำแน่นจนเล็บจิกผิว “ไม่ใช่ทางนี้นิ...” เธอพูดเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้คนขับได้ยินไม่มีคำตอบเธอขยับตัวนิดหน่อย มองไปยังกระจกหน้าอีกครั้ง ถนนยังคงทอดยาวไปในทางที่เธอไม่รู้จัก “ไป...ทางนั้นสิ” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียง ไม่ให้สั่นไหวรถยังคงแล่นต่อ โดยไม่มีการชะลอหรือเปลี่ยนทิศทาง“ฉันบอกให้จอด!” ครั้งนี้เสียงของเธอเข้มขึ้น แฝงด้วยความหวาดกลัวและสัญชาตญาณเอาตัวรอดเงียบ...ความเงียบที่ตามมาทำให้ทุกอย่างดูอันตรายขึ้นทันตา ความเย็นวาบไหลผ่านสันหลังของเธอ ราวกับเธอกำลังก้าวเข้าสู่บางสิ่งที่ไม่มีทางย้อนกลับชายคนนั้นยังคงเงียบสนิท เขาไม่พูด ไม่ตอบแม้แต่คำเดียวรถแล่นผ่านทางแยกที่ควรจะเลี้ยวไปสนามบิน...แต่เขากลั
“จัดการได้เลย...” เสียงคำสั่งแผ่วต่ำแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ แทรกผ่านสัญญาณไร้สาย ส่งตรงถึงเงามืดใต้ต้นไม้ใหญ่หน้า ร้าน แอลฟิชชิ่งช้อป ในความมืดนั้น ร่างสูงในชุดดำแนบสนิทกับเงา ดวงตาเขาเย็นเฉียบ จ้องเป้าหมายตรงหน้าไม่กะพริบ ไม่มีความลังเล ไม่มีคำถาม มีแต่ "คำสั่ง" ที่ต้องทำให้เสร็จภายนอก...ดูเงียบงันเหมือนป่าที่ไร้ลม แต่ภายในร่างชายชุดดำ ไฟแค้นลุกไหม้ราวภูเขาไฟใกล้ระเบิด หัวใจเต้นเป็นจังหวะรอการลงมือ เขารอเวลานี้มานาน... เวลาที่จะลบศัตรูทั้งร้านนี้ไปจากแผนที่ไฟแช็กอยู่ในมือ เชื้อเพลิงวางเรียงรายรอบร้านและลังสินค้า ระเบิดตั้งเวลาแอบไว้หลังถังแก๊สคืนนี้...มันจะกลายเป็นแค่ซากเถ้าถ่านแต่ทันใดนั้น—เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากปลายถนน ในความเงียบของยามเช้ามืด เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นคอนกรีตชื้นจากน้ำค้าง กลายเป็นจังหวะที่ฟังดู...ไม่ธรรมดา กึก... กึก... กึก...เลโอ เดินกลับมา แสงไฟถนนสลัวสีส้มทอดเงาเขายาวเหยียดบนทางเท้า อากาศเย็นเฉียบ ราวกับลมหายใจของเมืองกำลังกลั้นไว้บางอย่างเขาหรี่ตามองไปข้างหน้า เห็นเงาร่างหนึ่งยืนหลบมุมใกล้ร้าน ชายคนหนึ่ง... ท่าทางไม่คุ้น ยืนนิ่งเหมือนก
ทนายเจมส์ขับรถหรูเทียบจอดหน้า ศาลประจำจังหวัดเสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทในขณะที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดหน้าอาคารราวกับภาพในภาพยนตร์ เช้าวันนี้... ท้องฟ้าเมฆหนาครึ้มปกคลุมราวกับบอกลางร้าย บรรยากาศคล้ายลมหายใจของใครบางคนที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน เมฆหนาทึบแผ่ซ่านทั่วอาคารคอนกรีตสีซีด พื้นผิวเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิตเสียงผู้คนจอแจหน้าอาคารศาลดังก้อง ความคุกรุ่นของความคาดหวังและความเครียดปะปนกันในอากาศรอบตัว ราวกับแม้แต่ออกซิเจนก็ถูกชำแหละด้วยสายตาและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสายตาหลายคู่จ้องมายังถนนทางเข้า ราวกับรอคอย "ใครบางคน" วันนี้คือวันตัดสินคดี คดีที่เป็นข่าวฉาวของสังคม เขา...ในฐานะ ทนายฝ่ายจำเลย ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความหวังของผู้คน ถูกกลุ่มลูกบ้านรวมตัวกันฟ้องร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กล่าวหา เสียดแทงแต่เขาไม่สั่นไหว... ไม่เคยเลยและวันนี้—ศาลจะชี้ขาด ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของลูกความ แต่รวมถึงชื่อเสียงของเขา...ฝูงนักข่าวยืนดักรอราวกับฝูงหมาป่าล้อมเหยื่อ มือกำไมค์แน่น กล้องตั้งเรียงราย คำถามพร้อมถูกปล่อยทันทีที่เห็นเป้าหมายแต่เจมส์ยังไม่ลงจากรถ เขานั่งนิ่ง นิ่งจนภายในรถ
เสียงล้อรถเสียดสีกับกรวดหน้าบ้านพักดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่รถจะหยุดสนิท ลูคัสไม่รอให้เครื่องดับ เขาผลักประตูออกแล้วก้าวพรวดลงจากรถอย่างร้อนใจ"เลโอล่ะ?" เสียงเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ คำถามถูกปล่อยออกไปทันทีที่เขาเห็น กลุ่มลูกน้องยืนรวมกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเขม่าควันและรอยเปื้อนดำจากเหตุไฟไหม้ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลูกน้องเหลือบตามองกันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม “ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย”คำตอบนั้นเหมือนค้อนทุบซ้ำลงกลางอก ลูคัสกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าวราวกับเหล็กเย็น เขาไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินนำไปยังทางลับที่มุ่งสู่ห้องใต้ดิน เหล่าลูกน้องรีบลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยคำบรรยากาศในบ้านพักเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ผนังเก่าข้างบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นล่าง ดูคล้ายจะกลืนซ่อนเสียงกระซิบจากอดีตไว้ใต้ฝุ่นและกาลเวลา ลูคัสดันประตูเหล็กเปิดออก เสียงบานพับเก่า ๆ ครางเบา ๆ ขณะเขาก้าวลงไปแสงจากหลอดไฟดวงเล็กฉายเงาทาบบนใบหน้าของเขา เงาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความตึงเครียดที่ยากจะกลั้นในห้องใต้ดิน อาวุธหลากหลายชนิดวา
กลางมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มสะเทือนคลื่นลม เรือสปีดโบ๊ทสีดำทะมึนแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด ลูคัสยืนประจันหน้ากับสายลมบ้าคลั่ง มือกำพวงมาลัยแน่นดวงตาแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว มุ่งตรงไปข้างหน้า สู่เกาะร้างที่ซ่อนอันตรายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเอาไว้เบื้องหลัง ลูกน้องหลายชีวิตติดอาวุธครบมือ นั่งกระชับปืนไรเฟิลแน่น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว กวาดมองรอบตัวไม่หยุดด้วยสัญชาตญาณของนักล่า ทุกคนพร้อมระเบิดความโหดเหี้ยมได้ทันทีที่คำสั่งแรกถูกเปล่งออกมาไม่ไกลจากกันนัก บนเกาะร้างกลางทะเล ลูกน้องของอองเดรยกกล้องส่องทางไกลขึ้นแนบตา จับภาพเรือสปีดโบ๊ทที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเย็น ราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้ลิ้มรสเนื้อสดใหม่"จัดการพวกมันเลยไหม?" เขาเอ่ยเสียงแข็งผ่านไมโครโฟนติดตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหิวกระหายเลือดเสียงปลายสายดังขึ้น — ต่ำ ลึก และเย็นยะเยือก ราวกับน้ำแข็งกัดกระดูก"ยัง..." อองเดรลากเสียงยาวอย่างเลือดเย็น "ต้องให้มันเห็น...คนที่มันรัก...ทรมานจนขอความตายก่อนต่างหาก"ประโยคนั้นบาดลึกลงในความเงียบของทะเล ราวกั
เจมส์ขับรถออกจากศาลด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาแข็งกร้าวจ้องถนนเบื้องหน้าไม่กะพริบ ความคิดในหัววนเวียนซ้ำๆ เขาต้องไปหาแอลซ่า ต้องได้คำตอบเท้าเหยียบคันเร่งจมมิด รถทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วเสียดแทงลมราวกับสะท้อนพายุในใจของเจมส์ที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกวินาที เสียงเครื่องยนต์คำรามดั่งหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ร้อนรุ่ม สับสน หวาดระแวงพริบตาเดียว รถเบรกกระทันหันจนยางเสียดกับพื้นถนนอย่างรุนแรง เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของแอลซ่า ประตูหน้าถูกล็อกแน่นสนิท ม่านหน้าต่างปิดราวกับไม่เคยมีใครอาศัย บ้านทั้งหลังเงียบงัน เย็นเยียบ เจมส์จ้องไปที่แม่กุญแจด้วยสายตาแข็งกร้าว มือที่ยังกำพวงมาลัยแน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย ทุกอย่าง...ผิดปกติเกินไปแล้วจู่ๆ... เสียงมือถือสั่นครืดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเจมส์หันไปมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายในทันที"คุณเจมส์ใช่ไหมครับ?" เสียงปลายสายจริงจัง และหนักแน่น"ใช่ ผมเอง..." เขาขานรับ เสียงแหบพร่า หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก“ขอความร่วมมือให้คุณมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจครับ… เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณอิมิลี่ —
กลางมหาสมุทรเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มสะเทือนคลื่นลม เรือสปีดโบ๊ทสีดำทะมึนแล่นฝ่าเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำไม่หยุด ลูคัสยืนประจันหน้ากับสายลมบ้าคลั่ง มือกำพวงมาลัยแน่นดวงตาแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว มุ่งตรงไปข้างหน้า สู่เกาะร้างที่ซ่อนอันตรายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเอาไว้เบื้องหลัง ลูกน้องหลายชีวิตติดอาวุธครบมือ นั่งกระชับปืนไรเฟิลแน่น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว กวาดมองรอบตัวไม่หยุดด้วยสัญชาตญาณของนักล่า ทุกคนพร้อมระเบิดความโหดเหี้ยมได้ทันทีที่คำสั่งแรกถูกเปล่งออกมาไม่ไกลจากกันนัก บนเกาะร้างกลางทะเล ลูกน้องของอองเดรยกกล้องส่องทางไกลขึ้นแนบตา จับภาพเรือสปีดโบ๊ทที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเย็น ราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้ลิ้มรสเนื้อสดใหม่"จัดการพวกมันเลยไหม?" เขาเอ่ยเสียงแข็งผ่านไมโครโฟนติดตัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหิวกระหายเลือดเสียงปลายสายดังขึ้น — ต่ำ ลึก และเย็นยะเยือก ราวกับน้ำแข็งกัดกระดูก"ยัง..." อองเดรลากเสียงยาวอย่างเลือดเย็น "ต้องให้มันเห็น...คนที่มันรัก...ทรมานจนขอความตายก่อนต่างหาก"ประโยคนั้นบาดลึกลงในความเงียบของทะเล ราวกั
เสียงล้อรถเสียดสีกับกรวดหน้าบ้านพักดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่รถจะหยุดสนิท ลูคัสไม่รอให้เครื่องดับ เขาผลักประตูออกแล้วก้าวพรวดลงจากรถอย่างร้อนใจ"เลโอล่ะ?" เสียงเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ คำถามถูกปล่อยออกไปทันทีที่เขาเห็น กลุ่มลูกน้องยืนรวมกันอยู่ตรงระเบียงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเขม่าควันและรอยเปื้อนดำจากเหตุไฟไหม้ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนลูกน้องเหลือบตามองกันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม “ไม่รู้ครับ อยู่ดีๆ ก็หายไปเลย”คำตอบนั้นเหมือนค้อนทุบซ้ำลงกลางอก ลูคัสกัดฟันกรอด ดวงตาแข็งกร้าวราวกับเหล็กเย็น เขาไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินนำไปยังทางลับที่มุ่งสู่ห้องใต้ดิน เหล่าลูกน้องรีบลุกขึ้นเดินตามอย่างไม่มีใครกล้าเอ่ยคำบรรยากาศในบ้านพักเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ผนังเก่าข้างบันไดที่ทอดลงสู่ชั้นล่าง ดูคล้ายจะกลืนซ่อนเสียงกระซิบจากอดีตไว้ใต้ฝุ่นและกาลเวลา ลูคัสดันประตูเหล็กเปิดออก เสียงบานพับเก่า ๆ ครางเบา ๆ ขณะเขาก้าวลงไปแสงจากหลอดไฟดวงเล็กฉายเงาทาบบนใบหน้าของเขา เงาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และความตึงเครียดที่ยากจะกลั้นในห้องใต้ดิน อาวุธหลากหลายชนิดวา
ทนายเจมส์ขับรถหรูเทียบจอดหน้า ศาลประจำจังหวัดเสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทในขณะที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวจอดหน้าอาคารราวกับภาพในภาพยนตร์ เช้าวันนี้... ท้องฟ้าเมฆหนาครึ้มปกคลุมราวกับบอกลางร้าย บรรยากาศคล้ายลมหายใจของใครบางคนที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดัน เมฆหนาทึบแผ่ซ่านทั่วอาคารคอนกรีตสีซีด พื้นผิวเย็นเฉียบราวกับไม่มีชีวิตเสียงผู้คนจอแจหน้าอาคารศาลดังก้อง ความคุกรุ่นของความคาดหวังและความเครียดปะปนกันในอากาศรอบตัว ราวกับแม้แต่ออกซิเจนก็ถูกชำแหละด้วยสายตาและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสายตาหลายคู่จ้องมายังถนนทางเข้า ราวกับรอคอย "ใครบางคน" วันนี้คือวันตัดสินคดี คดีที่เป็นข่าวฉาวของสังคม เขา...ในฐานะ ทนายฝ่ายจำเลย ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและความหวังของผู้คน ถูกกลุ่มลูกบ้านรวมตัวกันฟ้องร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย กล่าวหา เสียดแทงแต่เขาไม่สั่นไหว... ไม่เคยเลยและวันนี้—ศาลจะชี้ขาด ไม่ใช่แค่ชะตากรรมของลูกความ แต่รวมถึงชื่อเสียงของเขา...ฝูงนักข่าวยืนดักรอราวกับฝูงหมาป่าล้อมเหยื่อ มือกำไมค์แน่น กล้องตั้งเรียงราย คำถามพร้อมถูกปล่อยทันทีที่เห็นเป้าหมายแต่เจมส์ยังไม่ลงจากรถ เขานั่งนิ่ง นิ่งจนภายในรถ
“จัดการได้เลย...” เสียงคำสั่งแผ่วต่ำแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ แทรกผ่านสัญญาณไร้สาย ส่งตรงถึงเงามืดใต้ต้นไม้ใหญ่หน้า ร้าน แอลฟิชชิ่งช้อป ในความมืดนั้น ร่างสูงในชุดดำแนบสนิทกับเงา ดวงตาเขาเย็นเฉียบ จ้องเป้าหมายตรงหน้าไม่กะพริบ ไม่มีความลังเล ไม่มีคำถาม มีแต่ "คำสั่ง" ที่ต้องทำให้เสร็จภายนอก...ดูเงียบงันเหมือนป่าที่ไร้ลม แต่ภายในร่างชายชุดดำ ไฟแค้นลุกไหม้ราวภูเขาไฟใกล้ระเบิด หัวใจเต้นเป็นจังหวะรอการลงมือ เขารอเวลานี้มานาน... เวลาที่จะลบศัตรูทั้งร้านนี้ไปจากแผนที่ไฟแช็กอยู่ในมือ เชื้อเพลิงวางเรียงรายรอบร้านและลังสินค้า ระเบิดตั้งเวลาแอบไว้หลังถังแก๊สคืนนี้...มันจะกลายเป็นแค่ซากเถ้าถ่านแต่ทันใดนั้น—เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากปลายถนน ในความเงียบของยามเช้ามืด เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นคอนกรีตชื้นจากน้ำค้าง กลายเป็นจังหวะที่ฟังดู...ไม่ธรรมดา กึก... กึก... กึก...เลโอ เดินกลับมา แสงไฟถนนสลัวสีส้มทอดเงาเขายาวเหยียดบนทางเท้า อากาศเย็นเฉียบ ราวกับลมหายใจของเมืองกำลังกลั้นไว้บางอย่างเขาหรี่ตามองไปข้างหน้า เห็นเงาร่างหนึ่งยืนหลบมุมใกล้ร้าน ชายคนหนึ่ง... ท่าทางไม่คุ้น ยืนนิ่งเหมือนก
“ด่วนเลยค่ะ ไปสนามบินด่วนค่ะ” เธอย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้คนขับไม่ถามอะไรอีกทันทีที่รถเคลื่อนตัว อากาศในรถก็เหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกอย่างเงียบเฉียบจนน่าขนลุก เสียงลมหายใจของแอลซ่าเบาแต่หนักอึ้ง คล้ายกับความกังวลที่ก่อตัวในอก ………….เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ถนนที่รถกำลังแล่นผ่านดูแปลกตา… ไม่ใช่เส้นทางที่ควรจะไปสนามบินแน่ๆหัวใจของเธอกระตุกวูบ มือที่วางบนตักกำแน่นจนเล็บจิกผิว “ไม่ใช่ทางนี้นิ...” เธอพูดเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้คนขับได้ยินไม่มีคำตอบเธอขยับตัวนิดหน่อย มองไปยังกระจกหน้าอีกครั้ง ถนนยังคงทอดยาวไปในทางที่เธอไม่รู้จัก “ไป...ทางนั้นสิ” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียง ไม่ให้สั่นไหวรถยังคงแล่นต่อ โดยไม่มีการชะลอหรือเปลี่ยนทิศทาง“ฉันบอกให้จอด!” ครั้งนี้เสียงของเธอเข้มขึ้น แฝงด้วยความหวาดกลัวและสัญชาตญาณเอาตัวรอดเงียบ...ความเงียบที่ตามมาทำให้ทุกอย่างดูอันตรายขึ้นทันตา ความเย็นวาบไหลผ่านสันหลังของเธอ ราวกับเธอกำลังก้าวเข้าสู่บางสิ่งที่ไม่มีทางย้อนกลับชายคนนั้นยังคงเงียบสนิท เขาไม่พูด ไม่ตอบแม้แต่คำเดียวรถแล่นผ่านทางแยกที่ควรจะเลี้ยวไปสนามบิน...แต่เขากลั
รถกระบะจอดนิ่งอยู่หน้าร้าน แอลฟิชชิ่ง ช็อป แสงไฟหน้ารถสาดสะท้อนกระจกหน้าร้านเป็นเงาวูบวาบไหวไปมาในความมืด แต่เลโอไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ตกปลาแห่งนั้นเลยสักนิดเขาเปิดประตูรถด้วยท่าทางร้อนรน ลมกลางคืนพัดวูบพาไอเย็นกระทบผิวกาย กลิ่นชื้นของทะเลลอยแผ่วมากับลม แต่เขาไม่หยุดสูด กลับเดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังหนึ่ง ที่เขาแน่ใจ—หรืออย่างน้อยก็หวัง—ว่ามันคือบ้านของอิมิลี่ก้าวเท้าหนักแน่นแต่แฝงความลังเล ทุกย่างก้าวดังชัดเจนในความเงียบงัน หัวใจเขาเต้นถี่แรงเหมือนจะระเบิดออกจากอก ความรู้สึกบางอย่างบีบคั้นอยู่ในอก ทั้งกลัว ทั้งหวัง ทั้งเจ็บเขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ยกมือขึ้นเคาะประตูแผ่วเบา—ครั้งหนึ่ง แล้วอีกครั้งไร้เสียงตอบรับ
ภายในห้องนอนที่เงียบงัน แสงจากโคมไฟหัวเตียงส่องสว่างเพียงเล็กน้อย เงาของเฟอร์นิเจอร์ทอดยาวบนผนังราวกับคอยเฝ้ามองความเงียบของค่ำคืนเลโอ นั่งกุมขมับอยู่ปลายเตียงคิ้วขมวดแน่น ดวงตาหนักอึ้งจากความเหนื่อยล้า — เพราะไม่อาจสลัดความกังวลออกจากใจได้ เรื่องของอิมิลี่เมื่อวันก่อนยังวนเวียนไม่จางหาย ยิ่งเวลาผ่านไป ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยิ่งทวีคูณเขาเดินช้า ๆ ออกไปยังห้องทำงานเล็ก ๆ ที่ลูคัสใช้เป็นฐานวางแผน ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวจากไฟเหนือโต๊ะทำงาน และเสียงกระดาษพลิกเบา ๆ ลูคัสนั่งนิ่ง จ้องแผนงานตรงหน้าราวกับใช้มันเป็นกำแพงกั้นโลกภายนอกเลโอหยุดยืนอยู่ตรงขอบโต๊ะ สูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่ชัด “เลโอ มีอะไรเหรอ?” ลูคัสถาม โดยที่สายตายังไม่ละจากแผน“ทำไมนายไม่พักผ่อนล่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปที่ร้าน ลูกน้องก็รออยู่”เลโอไม่ตอบทันที เขาเงียบ... แววตาลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา“นายคิดยังไงกับอิมิลี่... กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น?”คำถามนั้นแขวนค้างกลางอากาศ ราวกับทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบไปชั่วขณะลูคัสชะงัก ปลายนิ้วที่แตะแผนงานแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเรียบ “มันเป็น... อ
ตรู๊ด… ตรู๊ด… ตรู๊ด… เสียงรอสายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทนายสมศักดิ์ยกมือถือแนบหู ดวงตาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ยังไม่คลาย เขาต่อสายหาทนายเจมส์ — สามีของอิมิลี่ และคนเดียวที่อาจรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่ปลายสายกลับนิ่งงัน ไร้การตอบรับที่บาร์หรูใจกลางเมืองเจมส์นั่งอยู่เพียงลำพัง แสงไฟโทนส้มสะท้อนลงบนใบหน้าเคร่งเครียด เสียงแจ๊สคลอเบา ๆ จากลำโพงในมุมห้อง เขาจ้องแก้ววิสกี้ตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่นเบา ๆ เมื่อเบอร์แปลกปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แต่เจมส์ไม่ได้แม้แต่จะเหลือบมอง ดวงตาเขาแดงก่ำ ราวกับไม่ได้หลับมาเป็นคืนที่สามแล้ว เขาสูดลมหายใจลึก — เหมือนพยายามยึดตัวเองไว้กับความเป็นจริง แต่ภายในหัว... วนเวียนอยู่กับสิ่งเดียว"พรุ่งนี้... ที่ศาล"วันตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะหรือจุดจบเขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ ปล่อยให้รสขมไหลลงคอราวกับกลืนคำโกหกที่เขาสร้างขึ้นทีละชั้นมือถือยังคงสั่น... แต่เขาแค่เหลือบตามอง ก่อนปล่อยให้มันเงียบหายไปในที่สุด …แต่ในขณะที่เวลานี้ อิมิลี่ ยังจมอยู่กับความมืดมิด กลิ่นอับชื้นของโกดังเก่าและฝุ่นผงตลบอบอวล อองเดรศัตรูของลูคัส ลากอิมิลีเข้ามาในความเงียบอันเย็นเย