“พ่อเราหนีไป ไม่อยู่เลี้ยงเราใช่ไหม”
เพิ่งรู้ตัวว่าตนใจร้ายเกินไปก็ตอนที่เห็นดวงหน้าเล็กนั้นเบ้ ทำท่าจะร้องไห้ แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลออกมา เพราะเจ้าตัวฮึบไว้ได้ทัน ก่อนจะมองแรงมายังเขา ทั้งที่น้ำใสๆ ยังรื้นหน่วยตา “อชิโป้งคุณลุง ไม่ให้คุณลุงมาบ้านอชิ” อาณัติเองก็จังงังไปเลย คำพูดของเขาแรงไปสำหรับเด็กชาย เขาไม่ควรตั้งป้อมกับเด็ก เพราะมันเป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ ไม่ว่าพ่อเจ้าเด็กคนนี้ทำอะไรกับเขาไว้ แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับคนเป็นลูก “ฉันขอโทษแล้วกันนะ” “อชิโกรธ อชิจะฟ้องคุณตาด้วย” เออวะ ขอโทษแล้วไง ทำไมไม่หายโกรธอีก เป็นครั้งแรกที่อาณัติจนมุม ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เขาไม่คุ้นกับเด็ก ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็กในบ้าน เขาจึงไม่ต้องเอาใจใคร และตั้งแต่จำความได้ เขาจะได้รับการปกป้องจากแม่และพี่ชายทั้งสองคนเสมอ คนเหล่านี้ดูแลเขาปานไข่ในหิน คงเป็นเพราะพ่อของเขาจากไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็กเล็กมาก แม่กับพี่ชายจึงพยายามทำหน้าที่นั้นแทน และจะว่าไป ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของปกป้อง ความที่พ่อหนีไปไม่ได้เลี้ยงดู หนูน้อยก็ถือเป็นเด็กที่น่าสงสารเหมือนกัน “เราจะฟ้องใครก็ตามใจ แต่ลุงสัญญาว่าจะไม่พูดไม่ดีกับเราอีก โอเคไหม” นอกจากจะไม่ตอบรับ เด็กชายยังสะบัดหน้าพรืดให้อีก จนผู้ใหญ่คู่กรณีได้แต่โคลงศีรษะอย่างหมดทาง หากก่อนที่สงครามระหว่างเจ้าของบ้านและผู้มาเยือนจะยืดเยื้อไปกว่านี้ ผู้หญิงวัยกลางก็เข้ามาแทรกเสียก่อน “อชิคุยกับใคร แล้วแม่เราไปไหนล่ะ” “แม่พาเลโอไปซ่อมครับ แม่ให้อชิอยู่กับป้าเพลินและน้องพลอย แต่น้องพลอยเล่นตุ๊กตา น่าเบื่อมาก อชิก็เลยจะกลับบ้าน แล้วลุงคนนี้ก็มาขวางอชิไว้ อชิเข้าบ้านไม่ได้” เด็กชายเล่ายาวเหยียด อาณัติก็เผลอฟังไปอย่างตั้งใจ ทั้งที่เขาไม่รู้ว่าแต่ละคนที่เจ้าตัวอ้างถึงนั้นเป็นใครกันบ้าง “แล้วคุณมาหาใครคะ” ผู้หญิงคนนี้ถามเขา...ในทีแรกอาณัติคิดจะเดินกลับ เมื่อคนเป้าหมายไม่อยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับใคร หากความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันใด ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจบอก “ผมมาหาเจ้าของบ้านครับ แต่รู้ว่าเขาไม่อยู่ งั้นรบกวนช่วยบอกเขาหรือคนในบ้านว่าผมชื่ออาณัติ ผมมารับของที่ฝากไว้เมื่อสี่ปีก่อน เอาไว้สะดวกแล้วผมจะมาใหม่” อาณัติเดินออกมา แต่ด้วยความรู้สึกที่ยังติดตาและต้องการจดจำทำให้เขาหันกลับไปมองเด็กชายบนรถจักรยานคันสีแดง แล้วพบว่าเจ้าตัวน้อยมองตามเขาอยู่เช่นกัน“มึงรู้ได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกพี่ป้อง มีคนบอกมึงเหรอ”
เกริกวิทย์วางแก้วเหล้าที่ผสมเสร็จแล้วลงตรงหน้าของเพื่อนรัก คืนนี้เขาคิดจะขับรถไปหาอาณัติที่โรงแรม ก่อนที่เพื่อนจะกลับต่างจังหวัดในวันพรุ่งนี้ ตั้งใจจะนั่งกินเหล้าพูดคุยให้สมกับไม่เจอตัวเป็นๆ มาหลายปี แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เจ้าตัวจะโผล่หัวมาหาเขาเอง “ทำไมต้องให้ใครบอก แค่มองกูก็รู้แล้วว่าเด็กหัวหย็องนั่นเป็นลูกของคนบ้านนั้น หน้าตาคล้าย...” แวบแรกที่เห็นเด็กชาย อาณัติรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่พอนึกว่าเด็กนั่นเป็นลูกของปกป้อง มันก็ตอบคำถามที่ผุดขึ้นมาให้เขาไปหมดแล้ว “เด็กคล้ายพี่ป้องเหรอ” “คงงั้น”…พี่น้องกัน หน้าตาก็ละม้ายคล้ายกันแหละน่า “ว่าแต่หัวหย็องด้วยเหรอ พี่ป้องไม่ได้หัวหย็องนา หรือจะเป็นดีเอ็นเอจากฝั่งแม่” ว่าจะเลิกคิดเรื่องนี้ แต่เพื่อนก็ผุดคำถามใหม่มาให้เขาอีก...ผมของเด็กคนนั้นแค่หยักศก และเมื่อมันอยู่กับเจ้าตัวก็แลดูน่ารักดี ผมพองๆ ยุ่งเหยิงกับแก้มป่องใสและดวงตากลมดำขลับ “เออ ช่างเถอะ เด็กก็ไม่ได้เหมือนพ่อกับแม่ราวพิมพ์ออกมาอยู่แล้ว อาจเป็นพวกยีนเด่นยีนด้อยที่แฝงมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วดันมาโผล่ในรุ่นลูกหลานจนดูผิดฝูงไปบ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา” คนจุดประเด็นให้สงสัยเป็นคนให้คำตอบเองเสร็จสรรพ แต่มันกลับคาใจของอาณัติไปเสียแล้ว “มึงรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคนบ้านนี้อีก” “ไม่เห็นมึงพูดถึงพวกเขาตั้งนาน คิดว่าลืมไปหมดแล้ว” “แค่อยากรู้”“หลายวันมานี้กุ๊บกิ๊บนอนเยอะกว่าปกติ ไม่สบายหรือเปล่าครับ”คำถามมาจากเจ้าของรอยจูบที่แตะเบาๆ บนขมับของภรรยาที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน...หลังจากที่เขานอนกอดหล่อนอยู่พักใหญ่ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมตื่นนอนสักที เขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัว หากเมื่อกลับมาดูอีกรอบก็พบว่าหล่อนยังนอนอยู่ในท่าเดิม“อื้อ...พี่อู๋อย่ากวน”“ยังจะมางอแงอีก เกือบเก้าโมงเช้าแล้วนะ จะตื่นไหม”“ลูกอยู่ที่ไหนคะ”“อชิอยู่กับคุณย่า ไม่ต้องห่วงลูกหรอก รายนั้นมีโปรแกรมให้ทำอะไรสนุกทั้งวัน”“งั้นกุ๊บกิ๊บขอนอนอีกหน่อยนะ”พอได้ยินคำต่อรอง คนเป็นสามีก็ยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากและดวงหน้าของหล่อน เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิปกติดีก็มองพิศดวงหน้าหวานอย่างสังเกตมากขึ้น“กุ๊บกิ๊บหน้าซีดไปนะ ไปตรวจร่างกายสักหน่อยไหม”ชายหนุ่มเริ่มไม่สบายใจ นอกจากจะมีอาการหลับง่าย หล่อนยังกินอาหารน้อยกว่าปกติด้วย แถมของที่เคยชอบก็กลับไม่ชอบทางด้านไปรยา เมื่อสัมผัสได้ว่าสามีกังวลกับการเปลี่ยนไปของตัวเอง หล่
ตอนพิเศษครอบครัวใหญ่ของอชิระหลังจากผ่านพ้นพิธีสู่ขอ อาณัติและไปรยาก็จัดงานแต่งงานเล็กๆ ขึ้นที่อัมพวา หากคุณนายอรอรก็ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสให้ทั้งสองคนอีกรอบที่จังหวัดพิษณุโลกคุณนายมีความสุขอย่างมิอาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ เพราะในปีนี้เธอได้จัดงานมงคลให้ลูกชายถึงสองคน แถมยังได้หลานชายพ่วงมาด้วยอชิระกับแม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้ว ส่วนบ้านหลังสีฟ้าหลังเดิม พ่อของเขารีโนเวตให้ใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม กลายเป็นบ้านหลังกะทัดรัดรูปแบบสมัยใหม่ที่น่าอยู่ขึ้นมาก และแม่ก็ตั้งใจจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ เพื่อให้คุณตากับป้าติ๋วได้มาพักยามเดินทางเข้ากรุงเทพฯช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวสี่วัน พ่อกับแม่พาอชิระมาเยี่ยมคุณย่า อชิระชอบมาเที่ยวที่บ้านคุณย่าไม่น้อยไปกว่าการไปบ้านสวนของคุณตา เพราะนอกจากคุณย่าจะใจดีแล้ว คุณย่ายังมักพาไปที่ร้านขายของขนาดใหญ่ แล้วยังพาไปที่บ้านไร่ของลุงอั๋นด้วยที่บ้านของลุงอั๋นมีเด็กตัวเล็กที่เพิ่งคลอดหนึ่งคน คุณย่าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นน้องชายของเขา เมื่อน้องโตขึ้น น้องจะเรียกเขาว่าพี่อชิ...แค่ได้ยินคุณย่าบอก อชิระก็รู้สึกดีใจจนหุบ
“อากาศเย็นกำลังดีนะ”อาณัตินอนหนุนตักหญิงสาวอยู่บนพื้นไม้ตรงระเบียงของโฮมสเตย์ ตอนนี้เป็นเวลาค่ำคืน ดวงดาวกำลังทอประกายพริบพราวด้วยเป็นคืนเดือนแรม“ช่วงนี้หน้าหนาวนี่คะ อากาศก็ต้องเย็นเป็นธรรมดา แต่หน้าร้อนที่นี่ก็ไม่ได้ร้อนอบอ้าว ลมยังพัดดีค่ะ”“แล้วทำไมลูกเราถึงไม่ยอมนอน กุ๊บกิ๊บให้ลูกกินอะไรหรือเปล่า”อาณัติเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉย จนไปรยาต้องแกล้งบีบปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้นอย่างหมั่นไส้“อชิเป็นอย่างนี้แหละค่ะ เวลามาที่บ้านคุณตา อชิไม่ชอบเข้านอนเร็ว เขาจะนอนเล่นอยู่ข้างนอก พอง่วงจนทนไม่ไหวถึงจะยอมให้พาไปนอน”“ตอนนี้สองทุ่มแล้ว อชิคงใกล้จะน็อกแล้วละ”“พี่อู๋นี่ยังไงกันนะ”ไปรยาอดที่จะขำเขาไม่ได้ ส่วนเด็กชายที่นอนไขว่ห้างอยู่บนพื้นไม้ใกล้ๆ นั้นกำลังร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ เจ้าตัวเล็กพลิกกายมามองพ่อกับแม่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขา ต่อเมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ไม่ได้สนใจตน เด็กชายจึงหันกลับไปเล่นกับตุ๊กตาไดโนเสาร์ในอ้อมกอดต่อ“พี่อู๋อยาก
“ลูกเขยของลุงเป็นยังไงบ้างคะ ให้คะแนนผ่านหรือเปล่า”ติ๋วที่เดินตามนายอุดมเข้าไปในสวนถามขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายกำลังใช้มีดพร้าตัดหญ้าสาบเสือที่งอกเป็นกออยู่ใต้ต้นมะพร้าวน้ำหอม“คนไม่เคยเจอหน้า ยังไม่ได้คุยกัน จะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน”“ติ๋วเห็นลุงยืนดูเขาตั้งแต่จอดรถแล้ว ลุงมองเขาตาไม่กะพริบเชียว”“ช่างสังเกตนะเรา”“ติ๋วเห็นลุงทุกที่นั่นแหละ ไม่ว่าลุงจะอยู่ตรงไหน”“พูดซะน่ากลัว” นายอุดมหัวเราะขัน ก่อนเขาจะนิ่งคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น แล้วบอกตามความรู้สึกจริง “เขาคงไม่เลว ไม่งั้นอชิคงไม่ร้องหาพ่อตั้งแต่มาถึงบ้านตา”“ท่าทางเขาใช้ได้ทีเดียวค่ะ หล่อด้วยนะลุง ติ๋วไม่สงสัยเลยว่าเจ้าอชิได้ความหล่อมาจากใคร”“เธอก็ชอบแต่คนหล่อ”“เพราะชอบคนหล่อ ติ๋วถึงได้ชอบลุงดมไง”พยาบาลสาวใหญ่ที่ครองตัวเป็นโสดมาตั้งแต่วัยสาวหยอดชายวัยกลางคน ถ้าไม่บอกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคุณตาและคุณปู่ไปแล้วก็คงยากที่ใครจะเชื่อถึงแ
ภรรยาของปกป้องพาลูกสาววัยหกเดือนกลับไปที่โรงแรมซึ่งจองไว้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว ส่วนตัวเขายังพูดคุยอยู่กับพ่อ“พ่อไม่เคยสอนให้ลูกหนีปัญหา ปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องแก้ไข ไม่มีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้ แต่ขั้นแรกเราต้องยอมรับมันก่อน แล้วค่อยหาทางแก้กันไป”นายอุดมเพิ่งได้พูดถึงเรื่องหนี้สินที่ลูกชายก่อขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งที่เขาอยากคุยมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้เปิดใจคุย เพราะปกป้องเองก็พยายามหลบเลี่ยงเขา ซึ่งคราวนี้ชายวัยกลางคนก็รอจนลูกสะใภ้พาหลานสาวกลับไปก่อนถึงได้หยิบมาพูด ด้วยรู้ถึงสถานการณ์ของลูกชายดี เขาไม่ต้องการตำหนิลูกชายให้ลูกสะใภ้ได้ยิน อีกทั้งเห็นว่าปัญหานี้มีมาก่อนที่ปกป้องจะได้พบกับลูกสะใภ้ ดังนั้นลูกชายจึงควรแก้ปัญหาด้วยตัวเอง“ผมพยายามทำงานหลายอย่าง แต่มันก็พลาดทุกที”คนเป็นพ่อรู้ว่าหากไม่จนทาง ลูกชายคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้...แต่หากรั้นไป ทั้งที่มองไม่เห็นทางออก มันก็พบแต่ความผิดพลาดอย่างที่เป็นมา“ถ้าเราทำเต็มที่ทุกงาน แต่ผลยังออกมาไม่ดี เราก็ต้องคิดใหม่นะว่าเราอาจทำผิดทาง ถึงจะเชื่อมั่นความคิดตัวเอ
ไปรยานั่งบนเปลยวนใต้ถุนบ้านหลังเก่า ทุกครั้งเมื่อมาที่บ้านสวน หล่อนชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะความทรงจำในวัยเด็กของหล่อนอยู่ที่นี่...บ้านหลังนี้เคยมีพ่อ แม่ พี่ชาย และหล่อนอาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อแม่จากไป พ่อทำใจไม่ได้ พ่อจึงสร้างบ้านอีกหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน และไม่นานจากนั้นหล่อนกับพี่ชายก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ พ่อจึงซื้อบ้านแถบชานเมืองให้อยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่หล่อนกับอชิระใช้พักอาศัยในปัจจุบัน โดยพ่อที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านสวนจะแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ เพิ่งเว้นช่วงไปเมื่อสองเดือนนี้แหละไปรยาปล่อยความคิดไปเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงใสๆ ของลูกดังขึ้น“แม่กุ๊บกิ๊บคร้าบ อชิอยากไปบ้านป้าติ๋วแล้ว แม่กุ๊บกิ๊บพาอชิไปส่งหน่อยครับ”ลูกชายที่ขออยู่กับคุณตาตั้งแต่เดินทางมาถึงกำลังเรียกหาหล่อน หญิงสาวรีบลุกจากเปลยวน แล้วออกไปหาแก้วตาดวงใจที่ยืนรออยู่ตรงลานด้านหน้า“อชิไม่อยู่กับคุณตาแล้วหรือคะ”“ไม่อยู่ครับ อชิไปอยู่บ้านป้าติ๋วดีกว่า”พอเห็นสีหน้าของลูกชาย หญิงสาวก็ดึงร่างเล็กมา