กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไป ไปรยาถึงรู้ว่าจุดหมายปลายทางของอาณัติเป็นสวนอาหารนอกเมืองที่ครอบคลุมพื้นที่กว่าสิบไร่
“พี่ถามจากโรงแรม เขาแนะนำร้านนี้มาให้ เห็นว่าเปิดมา 2-3 ปีแล้ว กุ๊บกิ๊บเคยมาหรือยัง” อาณัติถาม ขณะพารถเคลื่อนเข้าไปจอดในบริเวณที่จัดไว้สำหรับลูกค้า“ยังค่ะ”ไปรยาตอบสั้นๆ รู้ว่าภายในสวนอาหารแห่งนี้มีหลายสิ่งที่อชิระน่าจะชอบ แต่หล่อนไม่เคยมีโอกาสพาลูกมา แม้ว่ามันจะอยู่ไม่ห่างจากบ้านนักก็ตาม...จนได้ยินเขาบอกกับเด็กชาย“ที่นี่มีปลาให้ดูด้วยนะอชิ อชิให้อาหารปลาได้”“จริงหรือครับ แล้วมีปลาเยอะแยะไหมครับ”“ไม่รู้สิ พ่อ เอ้อ!...ลุงก็ไม่เคยมา”ถ้อยคำที่หลุดมานั้น ไม่เพียงแต่อาณัติจะสะดุ้งเมื่อรู้ตัว หากทำให้ลมหายใจของไปรยาสะดุดเหมือนกัน หล่อนนั่งตัวแข็งทื่อ...คงมีแต่เด็กชายเท่านั้นที่ไม่ทันสังเกตแม้อาณัติจะแสดงท่าทีสนิทชิดเชื้อกับอชิระ แต่เขาไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ว่าคิดอย่างไร นอกจากเคยถามว่าหล่อนกับลูกมีคนอื่นที่อยู่ร่วมบ้านกันอีกไหม เมื่อหล่อนตอบว่ามี และคนคนนั้นก็ ‘ไปๆ มาๆ&rsquoไปรยาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยินยอมให้ผู้ชายทั้งสองคนพากันออกไปดูปลาในคลองหน้าร้านอาหารพนักงานที่ยืนรอรับออร์เดอร์ฟังการโต้เถียงและต่อรองของคนทั้งสามจนเพลิน ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่ารักในสายตาของเธอ...พ่อแม่หน้าตาดีที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ส่วนลูกชายนั้นก็น่ารักน่าชัง ดูหน้าตาก็รู้ว่าได้ส่วนผสมดีๆ ที่ลงตัวมาจากพ่อและแม่นั่นเองเมื่อสั่งอาหารไปแล้ว ไปรยาจึงนั่งรออยู่ตรงโต๊ะตามลำพัง พนักงานนำของขบเคี้ยวมาวางไว้ให้ขณะรออาหารจานหลักที่สั่งไปหญิงสาวจับสายตามองเด็กชายอยู่ตลอดเวลา เริ่มแรกมองด้วยความเป็นห่วง กระทั่งวางใจเมื่อเห็นว่าอชิระไม่ซุกซนตามที่รับปาก เด็กชายนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างคนตัวใหญ่มาได้หลายนาทีแล้ว ทั้งสองคนนั่งหันหลังให้หล่อน พลางชี้ไปในลำคลองขนาดเล็กหรือจะเรียกว่าทางน้ำก็ย่อมได้ ซึ่งมีปลาคาร์ปแหวกว่ายอย่างที่เด็กชายชอบจังหวะนั้นอชิระหันกลับมามองหล่อน แล้วโบกมือหย็อยๆ ให้ ไปรยายิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือตอบกลับลูกชาย แต่แล้วรอยยิ้มของหญิงสาวก็จางหายเมื่อเห็นหนุ่มสาวสี่คนเดินมา พวกเขามองไปที่อาณัติ ในทีแรกท่าทางไม่มั่นใจนัก กระทั่งได้ทักทายกัน จ
แม้ลูกบอกว่าขอถามแม่ก่อน แต่พ่ออย่างเขาก็ใจร้อน อยากแสดงบทบาทของพ่อตั้งแต่วินาทีนี้ เพราะเวลาที่หล่นหายไปเกือบสี่ปีมันมากเกินพอแล้ว“ไปรับอชิที่โรงเรียนครับ อชิอยากนั่งพี่ไทเกอร์อีก”“โอเค พรุ่งนี้ตอนอชิเลิกเรียน พี่ไทเกอร์จะรออชิอยู่ที่หน้าโรงเรียน”เด็กชายยิ้มซุกซน พยักหน้ารับแข็งขัน แถมดวงตากลมยังฉายแววเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินเขาบอกต่อ“พ่อจะไปรับอชิพร้อมกับแม่กุ๊บกิ๊บให้ได้ อชิคอยดูฝีมือพ่อก็แล้วกัน”ไปรยามองผู้ชายต่างวัยทั้งสองคนที่นั่งคู่กันมาพักใหญ่ ท่าทางเหมือนพวกเขามีเรื่องพูดคุยกัน พลันหล่อนก็เอะใจ...หัวใจหวั่นวูบ กลัวว่าอาณัติจะฉวยโอกาสบอกเรื่องที่ทำให้อชิระสับสนหญิงสาวคิดจะไปแทรกกลางระหว่างพวกเขา หากเมื่ออาหารที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟ หล่อนจึงบอกพนักงานให้ช่วยไปตามคนทั้งสอง อย่างน้อยวิธีนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพังอีกลูกน้อยกลับเข้ามา ไปรยาสังเกตสีหน้าของลูกว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือเปล่า แต่หล่อนกลับพบว่าไม่เห็น แม้แต่ท่าทีไม่สบายใจที่อชิระแสดงออกมายามที่ผู้คนกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ก็ไม่เหลื
“กูทำพลาดเพราะกูไม่รู้ ไม่ใช่เพราะกูเจตนา ทำไมเขาจะให้อภัยกูไม่ได้” อาณัติแก้ต่างให้ตัวเอง เขายอมรับผิดทุกกรณี และยังหวังจะได้รับโอกาสจากไปรยา“จะบอกว่ามึงเป็นคนโง่ ไม่ใช่คนชั่ว ว่างั้นเถอะ” หลอกด่าไปบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่อีกฝ่ายไม่สลด กลับตอบรับเสียดิบดี“ใช่ ทำนองนั้น มึงเป็นเพื่อนรักของกู มึงเข้าใจกู”คนถูกอวยยศให้เป็นเพื่อนรักถึงกับพ่นลมหายใจฝากมาตามสาย ก่อนเขาจะเปลี่ยนไปถามถึงอีกเรื่อง“แม่มึงรู้เรื่องอชิหรือยัง แล้วคุณนายว่ายังไงบ้าง”“แม่รู้แล้ว กูส่งรูปอชิไปให้ แม่ก็รู้ทันทีว่าอชิเป็นลูกของกู แม่บอกว่าอชิเหมือนกูตอนเด็ก อ้อ! วันนี้กูพากุ๊บกิ๊บกับอชิไปกินข้าว เจอไอ้เปากับไอ้เหน่งที่สวนอาหารด้วย พวกมันเห็นอชิก็ถามว่ากูแอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไร กูไม่คิดว่าพวกมันล้อเล่นนะ ถามจริงจังนี่แหละ ท่าทางแปลกใจมากด้วย แถมพวกมันยังมองจนลูกกูกลัว”ดูท่าอาณัติจะยอมรับแล้วว่าลูกชายหน้าเหมือนตนเอง หลังจากที่คิดว่าอชิระคล้ายไปรยาฝ่ายเดียวมาตั้งแต่ต้น...และดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะสร้างความภูมิใจให้กับเขา
ฟ้าสางของวันใหม่ ไปรยาตื่นขึ้นมาจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับตัวเองและลูกชายตัวกลมที่ยังนอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนอบอุ่นเรื่องราวที่คุยกับลูกก่อนเข้านอนกำลังย้อนเข้ามาในหัว ไปรยารู้ว่าสักวันมันจะเดินมาถึงตรงนี้ เพราะหล่อนกับลูกยังต้องอยู่ที่เดิม หล่อนไม่อาจหนีอาณัติ เนื่องจากยังมีหนี้สินติดค้างเขาอยู่‘เราคืนเงินให้คุณอาณัติก่อนดีไหมคะพ่อ กุ๊บกิ๊บมีเลขบัญชีของเขาค่ะ เราทยอยโอนให้เขาได้’ไปรยาเคยเกริ่นกับพ่อตอนที่หล่อนยังท้องแก่ ความกังวลและความไม่สบายใจเกิดขึ้นทุกทีที่นึกถึงเขา ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ อีกทั้งยังน้อยใจ หล่อนจึงอยากตัดขาดจากเขาไปเสีย‘คนนี้ไม่อยู่เมืองไทยไม่ใช่เหรอ เขาไม่ได้ทวงเงินมาด้วย ยอดหนี้ก็มากถึงเจ็ดแสน พ่อว่าเราเก็บหนี้ของเขาไว้ก่อน แล้วรีบจ่ายให้คนที่ทวงเข้ามาจะดีกว่า กุ๊บกิ๊บจะได้ไม่ต้องรับสายของเจ้าหนี้บ่อยๆ แต่ลูกไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเจ้าหนี้รายนี้ติดต่อมาขอเงินคืนไวๆ พ่อก็จะขายที่ดินสวนให้เขา’พ่อเคยพูดให้หล่อนตกใจจนต้องรีบห้ามไว้ หล่อนไม่ต้องการให้พ่อขายที่ดินสวน เพราะมันเป็นความสุขของพ่อ...และหากไม่มีมันแล้ว พ่อของ
ไปรยาทำอาหารอยู่ในครัวอย่างใจเย็น วันนี้มีเวลาเหลือเฟือ เพราะไม่ต้องรีบร้อนไปทำธุระที่อื่นนอกจากไปส่งลูกชายที่โรงเรียนแล้วเลยไปที่โรงแรมอชิระกำลังร้องเพลง บอกให้รู้ว่าเด็กชายอารมณ์ดี ซึ่งคงมาจากการที่หล่อนรับปากว่าจะนั่งรถของอาณัติไปรับเจ้าตัวหลังเลิกเรียนด้วย...แต่ปัญหาของไปรยายังมี หล่อนต้องถามเรื่องนี้กับอาณัติให้รู้เรื่องเสียก่อนอชิระอายุเพียงสามขวบ ไปรยากลัวว่าลูกจะคิดไปเอง และถ้าเป็นเช่นนั้น หล่อนก็ต้องรับมือกับความผิดหวังของลูก เพราะลูกให้ความหวังกับเรื่องนี้มากเสียงรถดังอยู่ใกล้ๆ ไปรยาได้ยิน เมื่อนึกว่าอชิระกำลังนั่งระบายสีในสมุดวาดอยู่ในห้องนั่งเล่น หญิงสาวจึงปิดเตาแก๊สแล้วเดินออกมาจากห้องครัว เพราะจับทิศทางเสียงจนรู้ว่ารถคันนั้นจอดอยู่หน้ารั้วบ้านเด็กชายลุกจากเก้าอี้ประจำตัวแล้ววิ่งปรู๊ดไปเกาะกรอบประตูตัดหน้าหล่อน“แม่กุ๊บกิ๊บครับ คุณลุงมาครับ”อชิระหันไปบอกแม่เสียงใส ดวงหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายสุข หากท่าทียังคงเอียงอายเมื่อมองไปยังคนตัวใหญ่แขกไม่ได้รับเชิญที่เปิดประตูรั้วแล้วเดินมาถึงหน้าประตูบ้า
“ฉันอยากคุยกับคุณ”ไปรยาก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ อาณัติก็ตอบกลับด้วยระดับเสียงเดียวกัน หากสายตาของเขายังมองปลาหางนกยูงในอ่างบัวตามที่เด็กชายชี้บอก“บอกอชิเองสิ”“คุณนั่นแหละบอก”น้ำเสียงของคุณแม่เข้มขึ้นขณะสั่ง ‘คุณลุง’ ให้บอกลูกชายตัวเอง ชายหนุ่มอมยิ้มในสีหน้า เขาทำให้หล่อนได้อย่างไม่มีปัญหา และยินดีทำให้ด้วย ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปโอบร่างเล็กกลมที่ยังอยู่ในชุดนอนแล้วบอกเสียงอ่อนโยน“อชิอยู่กับพี่ปลาไปก่อนนะครับ เดี๋ยวลุงคุยกับแม่ ไม่นานลุงจะมาดูปลากับอชิด้วย”“ได้คร้าบ คุณลุงรีบมานะครับ”เมื่อคุณแม่ได้ยินลูกชายบอกคนตัวใหญ่ หล่อนถึงกับตีหน้าคว่ำ ชายหนุ่มเห็นเข้า จึงคว้าข้อมือของหล่อนพาเดินห่างออกมา“กุ๊บกิ๊บอยากคุยอะไรกับพี่”ปากก็ถามไป แต่ในใจตั้งธงไว้ว่าถ้าไปรยาไม่ให้เขามาหาหล่อนกับลูกที่บ้าน เขาคงต้องปฏิเสธ“เมื่อเช้าอชิบอกฉันว่า เอ่อ...”ไปรยาหยุดไว้แค่นั้น เพราะไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดอย่างไรโดยไม่ให้ตั
“แต่ถึงยังไงอชิก็เป็นลูกของพี่ จะให้เปลี่ยนเป็นอื่นไม่ได้หรอก”“คุณต้องการลูกหรือคะ”อาณัตินิ่งเงียบ เขามีคำตอบชัดเจนอยู่ในใจ แต่ถ้าบอกออกไป ไปรยาจะรับได้หรือเปล่า“ถ้าคุณต้องการอชิ...เห็นทีจะไม่ได้ค่ะ เพราะฉันไม่ให้คุณ”ไปรยาเดินผ่านหน้าเขาเพื่อจะกลับเข้าบ้าน ส่วนลูกชายที่ยังนั่งอยู่ข้างอ่างบัวและกำลังพูดคุยกับปลาหางนกยูงอยู่นั้นก็หันมามองแม่ แล้วยิ้มอย่างไร้เดียงสา…ก่อนจะส่งคำถามที่ทำให้ไปรยาต้องหนักใจอีกรอบ“แม่กุ๊บกิ๊บครับ อชินั่งรถของคุณลุงไปโรงเรียนได้ไหมครับ”“แต่ลูกบอกแม่ว่าแค่ให้คุณลุงไปรับกลับจากโรงเรียนนี่คะ”“อชิอยากให้คุณลุงไปส่งด้วยครับ นะครับแม่กุ๊บกิ๊บคนสวย”อชิระออดอ้อน ลุกขึ้นเดินไปจับมือของแม่มาแนบแก้มตัวเอง ท่าทีนี้เจ้าตัวเล็กรู้ดีว่าทำให้แม่ใจอ่อนเกือบทุกที...และอาณัติก็ไม่พลาดที่จะพูดสนับสนุนเด็กชาย“ลุงกับแม่จะไปส่งอชิที่โรงเรียนครับ”“เย่! ดีใจจังเลย อชิมีปาป๊าไปส่งเหมือนเบนเบนแล้ว”อชิระออกอ
จากที่คิดว่าวันนี้มีเวลาเหลือเฟือ เพราะไม่มีธุระที่อื่น นอกจากไปส่งลูกชายที่โรงเรียนแล้วขับรถไปที่ทำงาน แต่กลับกลายเป็นเช้าของวันที่วุ่นวาย และดูท่าหล่อนจะต้องเร่งรีบเข้างานให้ทันเวลาไม่ต่างจากทุกวันไปรยาถอนหายใจ หลังจากที่หล่อนยอมตามใจผู้ชายต่างวัยทั้งสองคน ยอมแม้กระทั่งจอดรถของตัวเองไว้ที่บ้าน แล้วเข้าไปนั่งในรถของอาณัติเพื่อไปส่งอชิระที่โรงเรียน...แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะพวกเขายังสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก“อชินั่งข้างหลังคนเดียวได้ไหมครับ”ผู้ใหญ่ที่นั่งประจำที่คนขับมานานนับนาที แต่ไม่ยอมเคลื่อนรถออกไป มองสองแม่ลูกที่นั่งข้างกันทางตอนหลัง แล้วถามเด็กชาย“อชิอยากให้แม่กุ๊บกิ๊บนั่งด้วย” อชิระรู้ทัน คว้าหมับที่ต้นแขนของแม่ไว้ แต่พ่อก็ยังต่อรอง“พ่อขอแม่กุ๊บกิ๊บมานั่งข้างๆ พ่อสักวันได้ไหมลูก เดี๋ยวพ่อคืนให้”อชิระมุ่นคิ้วคิด เจ้าตัวเล็กอยากให้แม่นั่งกับตัวเอง แต่พอคิดว่าแลกกับการให้พ่อไปส่งที่โรงเรียนในวันนี้...เด็กชายก็พอจะตัดใจให้แม่ไปนั่งข้างพ่อได้“ก็ได้ครับ แต่อชิให้พ่อยืมนะครับ” บอกให
ไปรยานั่งบนเปลยวนใต้ถุนบ้านหลังเก่า ทุกครั้งเมื่อมาที่บ้านสวน หล่อนชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะความทรงจำในวัยเด็กของหล่อนอยู่ที่นี่...บ้านหลังนี้เคยมีพ่อ แม่ พี่ชาย และหล่อนอาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อแม่จากไป พ่อทำใจไม่ได้ พ่อจึงสร้างบ้านอีกหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน และไม่นานจากนั้นหล่อนกับพี่ชายก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ พ่อจึงซื้อบ้านแถบชานเมืองให้อยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่หล่อนกับอชิระใช้พักอาศัยในปัจจุบัน โดยพ่อที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านสวนจะแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ เพิ่งเว้นช่วงไปเมื่อสองเดือนนี้แหละไปรยาปล่อยความคิดไปเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงใสๆ ของลูกดังขึ้น“แม่กุ๊บกิ๊บคร้าบ อชิอยากไปบ้านป้าติ๋วแล้ว แม่กุ๊บกิ๊บพาอชิไปส่งหน่อยครับ”ลูกชายที่ขออยู่กับคุณตาตั้งแต่เดินทางมาถึงกำลังเรียกหาหล่อน หญิงสาวรีบลุกจากเปลยวน แล้วออกไปหาแก้วตาดวงใจที่ยืนรออยู่ตรงลานด้านหน้า“อชิไม่อยู่กับคุณตาแล้วหรือคะ”“ไม่อยู่ครับ อชิไปอยู่บ้านป้าติ๋วดีกว่า”พอเห็นสีหน้าของลูกชาย หญิงสาวก็ดึงร่างเล็กมา
“เขารู้ค่ะ”“นี่ขนาดมันรู้นะว่าอชิเป็นลูกของมัน แต่มันยังทวงเงินกับพี่ได้หน้าตาเฉย”“ไม่เกี่ยวกันเลยนะพี่ป้อง อชิก็อยู่ส่วนอชิ พี่อย่าดึงลูกของกุ๊บกิ๊บไปยุ่งเรื่องนี้ แล้วพี่เอาเงินเขาไป พี่ก็ต้องคืนเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่จบสักที”ไปรยายอมพี่ชายมาโดยตลอด แต่เมื่อเขาดึงลูกชายของหล่อนเข้าไปในปัญหาที่ยังคาราคาซัง ปัญหาที่ผู้ใหญ่ร่วมกันก่อขึ้นเอง หล่อนก็ต้องปกป้องลูกชายเอาไว้ปกป้องถอนหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนลง ชะรอยเขาจะรู้ตัวว่ากำลังคิดไม่เข้าท่า“พี่มีเงินที่ไหนกันล่ะ ถ้าพี่มี พี่คืนมันไปนานแล้ว”“พ่อก็มีเงินไม่มากค่ะ รายได้จากการทำสวนของพ่อปีละไม่กี่แสน แต่พ่อก็มีวิธีของพ่อ ถึงตอนนี้พ่อใช้หนี้ให้พี่ไปเกินล้านแล้ว เหลือแค่หนี้ของพี่อู๋ กุ๊บกิ๊บคิดว่าหนี้ก้อนนี้พี่ควรรับไปจัดการเอง กุ๊บกิ๊บสงสารพ่อ อยากให้พ่อได้พักผ่อน”เป็นครั้งแรกกระมังที่ไปรยาขัดความต้องการของพี่ชาย ปกติหล่อนเป็นน้องสาวที่ไม่มีปากเสียง เป็นน้องที่ว่านอนสอนง่าย...ซึ่งคงเป็นสาเหตุให้หล่อนต้องเข้าไปพัวพันกับ
“โทร.ตอนนี้เลยได้ไหม”“สองทุ่มแล้ว พ่อใกล้จะนอนแล้วค่ะ”“งั้นพี่รอพรุ่งนี้ก็ได้...อย่าให้พี่รอนานกว่านี้นะ พ่อของกุ๊บกิ๊บรู้เรื่องของเราแล้ว พี่ไม่อยากถูกพ่อตาหมายหัว”อาณัติพูดติดอารมณ์ขัน แต่หญิงสาวไม่รู้สึกขันไปกับเขาด้วย หล่อนมองเขา แล้วถามจริงจัง“คุณไม่มีใครจริงๆ หรือคะ”“ถ้าถามถึงช่วงที่พี่อยู่ที่อเมริกา พี่มีเดตกับผู้หญิงบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นคบกัน ตอนนั้นพี่คิดว่าตัวเองโสด ก็เลยใช้ชีวิตแบบผู้ชายโสดไปตามปกติ ไม่ได้สานต่อกับใครจริงจัง พอคิดจะกลับเมืองไทย พี่ก็กลับได้อย่างอิสระ”“คุณจะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกหรือเปล่า”“ไม่แล้วละ พี่ไม่รู้จะกลับไปทำไม นอกเสียจากพาลูกเมียไปเที่ยวเป็นครั้งคราว เพราะชีวิตของพี่มีเป้าหมายอยู่ที่นี่แล้ว เราอาจข้ามขั้นตอนไปบ้าง อาจทำบางช่วงเวลาหล่นหายไป แต่ถ้ากุ๊บกิ๊บให้โอกาสพี่ มันก็ไม่สายที่เราจะกลับมาเป็นครอบครัวกันใหม่ พี่รู้ว่ากุ๊บกิ๊บยังมีพ่อให้นึกถึง พี่เองก็คิดเรื่องนี้มาตลอด พี่จะไม่ให้พ่อของกุ๊บกิ๊บและตัวกุ๊บกิ๊บเองผิดหวังในตัวของพี่ พี
อาณัติขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาเกือบสองทุ่ม เขามองไปทางข้างหลัง ลูกชายกำลังหลับสนิท ซึ่งเจ้าตัวเล็กออกอาการง่วงนอนตั้งแต่ออกจากบ้านหลังใหม่แล้ว“กุ๊บกิ๊บไปเปิดประตูรั้วสิ พี่อุ้มลูกเข้าไปให้”ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นแม่ของลูกเตรียมจะอุ้มเจ้าตัวกลมเข้าบ้านเอง หญิงสาวพยักหน้าอย่างไม่เกี่ยงงอน ลูกชายของหล่อนตัวโตขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แถมยังมีพัฒนาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนเป็นแม่ที่อยู่กับลูกทุกวันสังเกตเห็นได้ร่างเล็กกลมถูกอุ้มขึ้นมาจากคาร์ซีต เด็กชายขยับตัว หากเมื่อได้ซบบนไหล่หนาที่อบอุ่นของพ่อก็พร้อมจะหลับต่อไปรยาเดินนำชายหนุ่มตรงไปยังตัวบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วหันมาทางเขา ดวงตาสองคู่ที่สบกันทำให้ไปรยาทำตัวไม่ถูก“พี่จะพาลูกเข้านอน ขอให้พี่ทำหน้าที่นี้สักครั้งเถอะนะ”จากเดิมที่ตั้งท่าจะค้าน แต่พอเห็นสายตาวอนขอ หล่อนก็ไม่อาจปฏิเสธหญิงสาวเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่ตนกับลูกครอบครองอยู่ อาณัติวางร่างของลูกชายลงบนเตียงนอนเคียงข้างตุ๊กตาไดโนเสาร์สีฟ้า เขาถอยออกมา หากสายตายังทอดมองลูกชายนิ่งๆ
“หน้าตาโหงวเฮ้งดีเชียว หน้าเรียวผุดผ่อง หน้าผากนูนเกลี้ยง ไม่มีรอย แก้มก็อิ่ม ผิวพรรณดี”บรรยากาศภายในห้องพักผ่อนของบ้านจัดสรรสองชั้นในโครงการหรูเป็นไปอย่างสงบ หากท่าทีของคุณนายอรอรก็สร้างความแปลกใจให้กับลูกชายและแม่ของหลานนัก“ไหน เอามือมาให้แม่ดูสิ” แค่จบคำพูด คุณนายอรอรก็ดึงมือบางของคนที่นั่งข้างๆ มากุมไว้เอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ทันตั้งตัว “มือไม่นุ่มเท่าไร หนูคงต้องทำงานอยู่ตลอดสินะ แต่ไม่เป็นไร ทาโลชันบ่อยๆ ไม่นานก็หาย แต่นิ้วมือเรียวอวบดี ลักษณะส่งเสริมคู่ครอง”“แม่ทำอะไรเนี่ย แล้วแม่เป็นหมอดูโหวงเฮ้งตั้งแต่เมื่อไร”อาณัติอดที่จะถามเพราะสงสัยไม่ได้ อีกทั้งยังเกรงว่าไปรยาจะอึดอัดและกลัวว่าที่แม่สามีไปเสียก่อน“ฉันหัดดูตั้งแต่มีพี่สะใภ้แก”ถ้านับนิ้วก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือนสินะ...ลูกชายตีสีหน้าประหลาดเมื่อมองแม่หมอมือใหม่กำลังลองวิชากับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ หากคนใกล้ชิดคุณนายอรอรที่ติดตามมาด้วยนั้นก็บอกให้เขาเข้าใจ“สบายใจเถอะค่ะ คุณนายรักลูกสะใภ้จนเป็นที่เลื่องลือทั้
แล้วอาณัติก็ส่งเบอร์โทร.ของพ่อตาไปให้แม่ เขาได้เบอร์นี้มาพร้อมกับเบอร์ของปกป้อง...หรือจะพูดให้ถูกนั่นก็คือเขาแอบเก็บเบอร์ของพ่อตามาในคราวนั้นด้วยพอเห็นว่าหมดธุระกับเขาแล้ว คุณนายอรอรก็เอนกายนอนบนเก้าอี้นอนเล่นในห้องพักผ่อนแล้วหลับตาลง เป็นการปิดการสนทนากลายๆ จากนั้นอาณัติถึงได้ขับรถออกมารับลูกชายนี่แหละ“พ่อครับ คุณย่าจะใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บไหมครับ”คำถามของลูกทำให้เขาต้องนิ่งงัน รับรู้ถึงสายใยระหว่างแม่และลูกชายที่ไม่อาจแยกจากกัน“คุณย่าเป็นคนใจดี พ่อคิดว่าคุณย่าจะใจดีกับแม่ด้วย แต่ถ้าอชิอยากรู้จริงๆ อชิต้องถามคุณย่าเอาเองนะ”เด็กชายตีสีหน้าครุ่นคิด เรียวคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างน่าเอ็นดู จู่ๆ เขาก็อยากรู้ความคิดของลูกขึ้นมา“คุณย่าต้องใจดีกับแม่กุ๊บกิ๊บแน่นอนครับ เพราะแม่กุ๊บกิ๊บสวย แม่กุ๊บกิ๊บรักอชิมากด้วย”“เหตุผลเข้าท่า...แต่ถ้าแม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ด้วยก็จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้”“แม่กุ๊บกิ๊บรักพ่ออู๋ครับ ถ้าแม่ไม่รัก แม่ไม่ให้พ่อกอดหรอก ไม่ให้พ่อหอมแก้มด้วย”“เดี๋ยว
ช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์เด่นสะดุดตากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอนุบาล เขาจะอยู่ตรงนี้ตรงตามเวลาทุกวัน เป็นอันรู้กันว่าเขาเป็นคุณพ่อของเด็กชายอชิระหากก่อนหน้านี้ไม่ว่าคุณครูหรือเพื่อนนักเรียนตัวน้อยต่างคุ้นเคยว่าคุณแม่ของอชิระจะเป็นคนมารับเด็กชาย และคุณแม่ก็มักมารับช้ากว่าพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่การงาน ทำให้อชิระต้องกลับบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายเกือบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้เพียงแค่เลิกเรียน เด็กชายก็วิ่งออกมาเป็นคนแรกๆ เพราะรู้ว่าพ่อของตนจะต้องมารออยู่ก่อนแล้ว…และวันนี้ก็เช่นกัน“พ่ออู๋มารับอชิแล้วครับ”เด็กชายร้องบอกคุณครู แล้วกระโดดเหยงๆ พลางโบกไม้โบกมือให้พ่อเห็นว่าตนมาแล้ว“อชิลาคุณครูแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ อย่าลืมสวัสดีคุณพ่อด้วยนะคะ”“ครับคุณครู” เด็กชายทำตามคุณครูบอกอย่างว่าง่าย เมื่อวิ่งไปหาพ่อก็ยกสองมือป้อมๆ ขึ้นมาไหว้หัวใจของอาณัติเบ่งบาน เขาบอกไม่ได้เลยว่าความสุขในทุกวันนี้นอกจากการเห็นรอยยิ้มของลูกแล้ว ยังมีสิ่งใดที่มีค
“บอกพี่สิว่ากุ๊บกิ๊บยังติดอะไร ถึงได้ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับพี่”“คุณก็รู้”“พี่รู้? รู้อะไร?”“คุณกลับมาที่นี่เพื่ออะไรคะ ก่อนที่คุณจะรู้ว่าฉันมีอชิอยู่ด้วย”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน ก่อนเขาจะถามกลับทั้งที่รู้แก่ใจว่าหล่อนหมายถึงอะไร“กุ๊บกิ๊บหมายถึงหนี้ของพี่ป้องใช่ไหม”“ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่หนี้ของพี่ป้องค่ะ แต่เป็นหนี้ของครอบครัวเรา”“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น ถึงพี่ป้องจะเป็นพี่ชายของกุ๊กกิ๊บ แต่พี่ก็ไม่เคยอยากให้กุ๊บกิ๊บมาใช้หนี้แทนเขา มันไม่ยุติธรรม ใครก่อเรื่องไว้ก็ต้องให้คนนั้นรับผิดชอบ”อาณัติพูดง่าย...แต่ในความเป็นจริง ไปรยากับพ่อทำไม่ได้“เราเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้หรอกค่ะ”“เพราะพี่ป้องหนีไป กุ๊บกิ๊บกับพ่อต้องอยู่รับหน้าก็เลยต้องใช้หนี้แทนเขาอย่างนั้นหรือ”ในทีแรกไปรยาไม่ได้คิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ หล่อนเข้าใจว่าปกป้องไปทำงานที่อื่นเพื่อจะหาเงินส่งมาใช้หนี้ พี่ชายคงรับผิดชอบหนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้น หากหล่อน
รถคันสีขาวค่อนข้างเก่าเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านจัดสรรที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังของโครงการหรู แม้บ้านหลังนี้จะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหลังอื่นในโครงการเดียวกัน แต่พื้นที่รอบบ้านนั้นกว้างขวางไม่ต่างกันไปรยาเปิดประตูรถออกมาหลังจากดับเครื่องยนต์แล้ว เมื่อสักครู่หล่อนขับรถผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านก็สัมผัสได้ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีค่อนข้างสูง หากพอมาถึงบ้านหลังนี้ หล่อนก็ขับรถเข้ามาได้เลย เพราะประตูรั้วเปิดกว้างอยู่หล่อนมาไม่ผิดบ้านแน่นอน เพราะเห็นรถคันสีดำคุ้นตาจอดอยู่ เมื่อมองผ่านผนังกระจกเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีสภาพโล่งว่าง ไม่มีผ้าม่านกำบัง และทั่วทั้งห้องก็แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ หล่อนก็เห็นลูกชายกำลังนั่งอยู่กลางพื้นห้อง ใกล้กันนั้นก็เห็นคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง...พวกเขายังไม่รู้ถึงการมาของหล่อนไปรยาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องโถงใหญ่แล้วตรงไปยังห้องนั้น เมื่อหล่อนปรากฏตัวอยู่ตรงประตู พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“แม่มารับอชิแล้ว”อชิระร้องบอก รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้าเล็กกลมที่เปรอะเปื้อนเศษอาหาร เนื้อตัวก็มอ