ฝ่ายถูกถามอมยิ้มเมื่อสบสายตาคาดคั้นคู่นั้นมองมาก่อนหันไปทางลูกสาว
“อยู่ถาวรเลยละ”
คำตอบของดลภาคย์ทำให้ดวงใจทำตาโต ก่อนจะถามต่อไปว่า
“แล้วจะมาทำอะไร ช่วยลุงสนทำสวนใช่ไหม มะละกอพันธุ์ใหม่ที่ลุงสนลงเอาไว้ด๊กดก พี่ดลกลับมาคราวนี้ดีเลย ได้อยู่ช่วยอีกแรง เพราะลุงสนแกเริ่มทำคนเดียวไม่ค่อยจะไหวแล้ว”
ดวงใจพูดเก่ง จึงเจื้อยแจ้วจนถูกมารดาเอ็ดจนได้
“พูดมาก! รีบๆ เคล้าเข้าสิ”
เมื่อถูกมารดาเอ็ดหญิงสาวก็ยิ้มแหย แต่ไม่วายหันไปมองตาเขาอย่างรอคำตอบ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้คนมองรู้สึกชื่นชมในบุคลิกโดดเด่นเช่นเดียวกับหน้าตาของเขา
“พี่ตั้งใจว่าจะมาช่วยพ่อเต็มตัวก็คราวนี้ กำลังติดต่อหาตลาดนอกอีกทาง”
ดวงใจทำตาโตมากกว่าคราวก่อน
“ดีสิพี่ดล! ส่งนอกราคามันก็ดีอีกเยอะเลย ตอนนี้กล้วยของพี่หมอกก็ส่งห้างนะ ราคาดีกว่าส่งตลาดกลางเยอะ แต่ก็ต้องดูแลอย่างดีเลยแหละ”
คำบอกเล่าของดวงใจทำให้ดลภาคย์ฟังอย่างสนใจ เขาได้ยินพ่อเปรยๆ อยู่เหมือนกันว่าเภตราปลูกกล้วยส่งให้กับห้างสรรพสินค้า ได้ราคาดีกว่าชาวสวนทั่วไปครึ่งต่อครึ่ง...
“หมอกเก่งนะ”
ดวงใจยิ้มแป้น พลางตอบ
“ใช่ พี่หมอกเก่ง เรื่องติดต่อประสานงา เอ๊ย! ประสานงาน ต้องยกให้พี่หมอก หมูนี่ก็พี่หมอกอีกเหมือนกัน ไปดูงานที่ฟาร์มของเพื่อนรุ่นพี่ เลยตัดสินใจเลี้ยง ขายได้ไปสี่ห้ารุ่นแล้วนะพี่”
ดลภาคย์นึกวาดภาพผู้หญิงตัวเล็กที่ทำงานหนักกลางแจ้งอย่างเภตรา ผิวสีน้ำผึ้งของหล่อนได้มาเพราะกรำงานหนัก หล่อนเก่งเกินตัวและเก่งกว่าที่เขาเคยคิดไว้มาก
คุยกันอีกสองสามประโยค ดลภาคย์จึงขอตัวกลับ เขาหันไปเรียกลูกสาวที่กำลังเกาะลูกกรงคอกมองลูกหมูอย่างไม่คลาดสายตา
“น้องเดียวกลับบ้านกันได้แล้วครับ”
น้องเดียวหรือเด็กหญิงดุษิตาวัยสามขวบได้ยินพ่อเรียกก็หันมายิ้มหวาน แล้วชี้นิ้วไปยังลูกหมูตัวน้อย ผู้เป็นพ่อจึงก้าวเข้าไปหาแล้วยอบตัวนั่งลง ยกมือขึ้นลูบผมเปียที่เขาเป็นคนถักเองกับมือของบุตรสาวพลางบอกเสียงแผ่วเบาว่า
“กลับบ้านกันก่อนนะครับ แล้ววันหน้าคุณพ่อจะพาหนูมาเล่นที่นี่อีกนะลูก”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาพูดกับบุตรสาวทำให้สองแม่ลูกต้องหันมาสบตาแล้วพากันผ่อนลมหายใจยาว ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็อุ้มลูกสาวขึ้นแล้วหันมาลานางอุบล
“ผมกลับก่อนนะครับอาบล วันหน้าจะพาน้องเดียวมาใหม่ น้องเดียวธุจ้าคุณย่าเสียสิลูก”
ดุษิตายกมือเล็กป้อมของแกขึ้นสวัสดีคุณย่าตามที่พ่อสั่งทันที แม่หนูน้อยยิ้มหวาน แล้วยกมือขึ้นทำท่าโบกลาดวงใจพร้อมเอ่ยเสียงหวานว่า
“บ๊ายบ่ายค่าคุณย่า”
“จ้า แล้วชวนพ่อมาใหม่นะลูก ย่าจะทำขนมเอาไว้รอ”
แม่หนูน้อยยิ้มแป้นก่อนที่พ่อจะพาเดินจากไป นางอุบลผ่อนลมหายใจแล้วส่ายหน้า นึกสงสารเด็กน้อยตาดำๆ ที่ต้องขาดแม่เสียตั้งแต่ตัวยังเล็กแค่นี้
“น่าสงสารเนอะแม่ ตัวแค่นี้เองพ่อกับแม่ก็มาเลิกกัน”
ดวงใจเปรยออกมาขณะผุดลุกจากเก้าอี้ตัวเตี้ย แล้วเดินไปขุนหมูยังรางอาหาร มารดามองตามแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจว่า
“เวรกรรมแท้ๆ” พึมพำเบาๆ พลางเอ่ยถามลูกสาว “แล้วที่พี่เอ็งไม่มานี่ไม่ใช่ว่าเอ็งสาระแนไปบอกกับมันหรอกนะว่าพ่อดลมาที่บ้านเราน่ะ”
คนเป็นลูกชะงักมือกึก ก่อนจะหันไปยิ้มแหยให้มารดา จึงถูกท่านค้อนขวับแล้วส่ายหน้า
“ว่าแล้วไม่มีผิด ก็ม้าเร็วมันอยู่ตรงนี้” นางอุบลบ่นลูกสาว ฝ่ายนั้นเดินกลับมายังหยวกกล้วยที่แม่หั่นไว้แล้วทำหน้ามุ่ย
“โธ่แม่ ก็หนูอยากให้พี่หมอกดีใจนี่นา”
“แล้วมันดีใจไหมล่ะ” คนเป็นแม่ยังค้อนขวับๆ คนเป็นลูกจึงหัวเราะแห้งๆ
“หนูอยากให้พี่ดลกับพี่หมอกกลับมาดีกันเหมือนเดิม พี่ดลเขาดีนะแม่ ถ้าไม่นับเรื่องที่แต่งงานไปกับคนอื่น”
ได้ฟังลูกสาวพูด นางอุบลก็ให้รู้สึกอ่อนใจนัก นางเห็นด้วยกับดวงใจ ดลภาคย์เคยเป็นคนดีจริง แต่มาดีแตกตอนที่ทอดทิ้งเภตราให้น้ำตาเช็ดหัวเข่า ทว่าไม่มีใครล่วงรู้ความนัยว่าเหตุใดฝ่ายนั้นจึงทิ้งลูกสาวของนางไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ปล่อยให้เภตราเสียใจอยู่หลายปี พอจะทำใจได้ดลภาคย์ก็กลับมา แล้วไม่ใช่แค่คนเดียว ยังหอบหิ้วลูกสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มติดมาด้วย...
ดลภาคย์ขับรถเก๋งยุโรปสีดำวาวออกมาจากบ้านของนางอุบลไปตามถนนคอนกรีต เขามองสวนกล้วยหอมข้างทางแล้วส่ายตาหาเจ้าของสวนว่าอยู่ส่วนไหนของพื้นที่ ชายหนุ่มเคลื่อนรถยนต์ไปช้าๆ กระทั่งเห็นเงาของเภตราที่กำลังยกเข่งกล้วยส่งให้คนงานชาย เขาชะลอความเร็ว เพราะเพียงแค่แผ่นหลังเล็กๆ ก็จำได้ในทันทีว่าคือเภตรา...
เจ้าของร่างบอบบางที่แกร่งไม่แพ้ชายหันกลับไปมองเมื่อคนงานร้องบอกว่ามีรถยนต์มาชะลออยู่บนถนน พลางขมวดคิ้วมุ่น ทว่าเมื่อกระจกลดลงหญิงสาวก็หัวใจกระตุกวูบ เพียงแค่สบตาคมกริบคู่นั้นมือไม้ก็พานสั่น ก่อนจะทำในสิ่งที่ทำมาตลอดนั่นคือหันหลังให้แล้วเดินหนีไปอีกทาง
ดลภาคย์ถอนหายใจยาว เขามองหญิงสาวจนลับสายตาก่อนจะเลื่อนกระจกรถยนต์ขึ้น แล้วค่อยๆ เคลื่อนมันออกไปจากถนนเส้นนั้น มุ่งหน้ากลับบ้าน บอกตัวเองว่าเขากลับมาอีกแน่ และกลับมาพร้อมหัวใจที่เป็นอิสระ พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อละลายความโกรธเกลียดในหัวใจของหล่อนด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี...
"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลงไปหาอะไรกินข้างล่างนะ” เสียงทุ้มบอกชิดแผ่นหลังเนียนของหญิงสาว ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาหายใจได้เป็นปกติยิ้มจาง “พรุ่งนี้เราไม่ได้อยู่ที่นี่นะคะ” คนตัวโตเปลือยเปล่าตอบกลับพลางเลื่อนกายลงจากร่างนุ่มของภรรยาพร้อมกับรั้งเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน “ก็ไว้ไปกินที่โน่นไง” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะทั้งคู่มีแพลนท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันหลายแห่ง ที่มีทั้งในเขตเมืองและชนบท จึงต้องจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าหลายที่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการเดินทางท่องเที่ยว “เรามีลูกเพิ่มอีกสักคนดีไหมหมอก” ดลภาคย์ในวัยที่ขึ้นต้นด้วยเลขสี่ยังคงหนุ่มแน่นทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกว่าเป็นวัยที่กำลังน่ากิน รูปร่างของเขาดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำไป ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานหนัก แต่ก็ออกกำลังกายไม่ได้ขาด หล่อนเองก็พลอยออกกำลังกายตามเขาไปด้วย เภตราในวัยสามสิบสี่ย่างสามสิบห้า จึงทั้งสาวและสวยและดูเด็กกว่าอายุมาก จึงไม่มีปัญหาหากต้องการตั้งท้องลูกคนที่สาม “ช่วยหมอกเลี้ยงหรือเปล่าล่ะ นี่ยังปวดหัวกับสามแสบที่บ้านอยู่เลย” หญิงสาวเอ่ยถาม พลางไล้ปลายน
หลังจากทุ่มเทกับบริษัทนำเข้าและส่งออกจนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ดลภาคย์ตัดสินใจชวนภรรยาสุดที่รักเดินทางไปฮันนีมูนหวานยังประเทศญี่ปุ่น โดยฝากลูกๆ เอาไว้กับปู่และยายให้ช่วยดูแล เมื่อเก็บของเข้าที่พัก ชายหนุ่มก็พาภรรยาออกไปเปิดหูเปิดตาทันที ระหว่างที่กำลังถ่ายภาพให้ภรรยาอยู่นั้น ก็มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักจากด้านหลัง “ดล” คนถูกเรียกหันไปตามเสียง เช่นเดียวกับคนที่กำลังยืนโพสท่าถ่ายรูปก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกันที่ได้พบคนรู้จักโดยบังเอิญ “รัต ไม่ได้เจอกันนานเลย มาเที่ยวเหรอ” ดลภาคย์ทักทายเพื่อนเก่า พร้อมกับหันไปพยักหน้าเรียกภรรยาที่กำลังเดินตรงมาหา มือใหญ่ที่สวมกอดภรรยาทันทีที่หญิงสาวมาหยุดอยู่ข้างกาย ทำให้รัตติกาลผ่อนลมหายใจยาว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ดลภาคย์ก็ยังคงรักมั่นอยู่แต่กับเภตราไม่เสื่อมคลาย ขณะเดียวกันหล่อนเองก็ไม่เคยลืมความรู้สึกที่เคยมีต่อเขา แม้ทุกวันนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวญี่ปุ่นก็ตามที “ไม่ได้มาเที่ยว แต่รัตมาอยู่กับสามีที่นี่ได้สักสองปีแล้ว” “นั่นสินะ เราได้ข่าวว่ารัตไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว ที่แท้มาอยู่กับสา
บทพิเศษ ๒อนุกุลพาลูกและภรรยาแวะมาเยี่ยมเยียนเภตราและครอบครัวหลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ชายหนุ่มมีร่างกายอ้วนท้วนกว่าแต่ก่อนพอควร และดูมีความสุขมากเช่นกัน “หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะพี่แอ๊ด” หญิงสาวต้อนรับชายหนุ่มกับเพื่อนรัก ที่แต่งงานกันหลังจากหล่อนแต่งงานกับดลภาคย์เพียงหนึ่งปีเท่านั้นด้วยความดีใจ “พี่ไปทำฟาร์มที่ต่างจังหวัดน่ะ ก็เลยต้องทุ่มเทให้กับฟาร์มใหม่ หมอกกับพี่ดลดูสบายดีนะ เด็กๆ โตเร็วมาก” เขามองลูกๆ ของหญิงสาวกับหนุ่มรุ่นพี่ด้วยสายตาเอ็นดู เขาเองก็กำลังมีลูกคนที่สองกับภรรยาเช่นกัน “สบายดีค่ะ พี่แอ๊ดเองก็กำลังมีคนที่สองใช่ไหม ว่าแต่กี่เดือนแล้วเนย” หันไปถามเพื่อนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ “สี่เดือนแล้วจ้ะ” ตอบพลางลูบท้องตนเองเบาๆ “ดีใจด้วยนะ ของเราก็กำลังซนเลย โชคดีที่พี่เดียวเริ่มดูแลน้องได้แล้ว เลยเบาแรงเราได้มาก” หญิงสาวเอ่ยถึงลูกเลี้ยงที่ตนรักเหมือนลูกแท้ๆ ด้วยแววตารักใคร่ “หมอกโชคดีรู้ไหม มีลูกโตทันใช้ น้องเดียวเองก็โคตรน่ารัก เหมือนกับว่าตั้งใจมาเกิดเป็นลูกเธอ แค่อาศัยท้องคนอื่นเท่านั้น ดูสิ ยิ่งโตยิ่งหน้าตาคล้ายกันอย่างน่าอ
“คุณดลโชคดีนะคะ ที่มีภรรยาทั้งสวยและเก่ง ลูกๆ ก็น่ารักทุกคน” ดลภาคย์สบนัยน์ตาคู่งามพร้อมกับยิ้มตอบ รับรู้ว่าหญิงสาวคิดเช่นไรกับตนเองมาโดยตลอด ทว่าเขาไม่มีตาจะแลใครที่ไหนอีก นอกเสียจากภรรยาคนงามของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงหล่อนจะเผลอคิดเกินเลยกับเขาไปบ้าง แต่ชายหนุ่มนับถือหล่อนอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือ การไม่คิดล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวและรู้ว่าควรปฏิบัติตนเช่นไรกับคนที่แอบมีใจให้ ไม่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องร้าวฉานเหมือนกับผู้หญิงอื่นที่เขาเคยเจอ จึงเลือกมองข้ามความรู้สึกที่หญิงสาวมีต่อเขา ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจร่วมงานกับหล่อนมาจนถึงวันนี้ “ต้องขอบคุณภรรยาของผม เพราะมีเธอเคียงข้างและเป็นกำลังใจ ผมจึงมาถึงจุดนี้ได้” ทั้งสีหน้าและแววตายามเขาเอ่ยถึงเภตรา วาสินีสัมผัสได้ถึงความรักและการยกย่องจากดลภาคย์ หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างยอมรับว่าไม่มีช่องว่างใดให้หล่อนหรือใครคั่นกลาง เขาเป็นผู้ชายหนึ่งในล้านที่มีความจงรักภักดีต่อคู่ชีวิตอย่างที่สุด และวันนี้หล่อนคงต้องยอมตัดใจจากเขาเสียที “วาดีใจที่คราวนี้จะมีคุณหมอกไปกับเราด้วยนะคะ วาจะจัดการเรื่องการเดินทางของคุณหมอกให้เร
บทพิเศษ ๑ชีวิตคู่ของดลภาคย์กับเภตราผ่านมาแล้วห้าปี แต่ทั้งสองแทบไม่เคยทะเลาะกัน ดลภาคย์แม้อายุมากขึ้นทว่ากลับยิ่งมีเสน่ห์ ทำให้มีผู้หญิงหลายคนสนใจอยากเป็นคนข้างกายหนุ่มหล่อและภูมิฐานที่มีฐานะมั่นคง บางคนรู้ว่าเขามีภรรยาแล้วยังมองข้ามความจริง ส่วนคนที่ไม่รู้ก็พยายามหาทางเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันเภตราก็ไม่น้อยหน้า หญิงสาวไม่เคยปล่อยให้ตนเองทรุดโทรมตามกาลเวลา แม้จะผ่านการตั้งท้องและคลอดลูกมาแล้วถึงสองครั้งแต่นับวันหญิงสาวยิ่งงดงามราวกับดอกไม้ที่แย้มบานเต็มที่ ส่งกลิ่นยั่วยวนหมู่ภมรให้หมายดอมดม ร่างงดงามที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วชมพูเข้ม สอดชายเสื้อภายใต้กางเกงสแล็กสีดำ เน้นให้เห็นสัดส่วนงดงาม ดวงหน้าหวานแต่งแต้มเพียงบางเบา อวดความเนียนใสไร้จุดด่างดำเดินผ่านประตูสำนักงานเข้าไปภายใน ดวงตาคู่งามมีรอยยิ้มหยอกเย้าเมื่อหันไปเห็นเตโชนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของน้องสาว ทั้งคู่ตัดสินใจคบหากันเมื่อสองปีก่อน ปลัดหนุ่มใหญ่จึงกลายมาเป็นแขกประจำของดวงใจไปโดยปริยาย อีกไม่นานคงมีข่าวดีให้ได้แช่มชื่น เพราะปลัดหนุ่มได้เกริ่นเรื่องการสู่ขอกับมารดาของหล่อนเป็นที่เรียบร้อย ร่างร
“น้องเดียวหิวไหมคะ แม่หมอกทำสาคูเผือกเอาไว้ให้ด้วยนะ” ของชอบของแม่หนูเขาละ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดุษิตาก็ยกมือขึ้นทันที “กินค่า น้องเดียวกิน” เภตรายิ้มหวานให้ลูกสาว ดวงใจจึงอาสาลุกไปตักให้ ไม่นานนักแม่หนูก็ตักสาคูเผือกกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเภตราคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างๆ ดลภาคย์มองภาพนั้นด้วยความสุขใจ เขาสบตาบิดาแล้วยิ้มให้ท่าน นายสนเองก็ดีใจที่ลูกชายเลือกรักคนไม่ผิด เภตราไม่ได้รักเพียงลูกชายของเขา แต่ยังเผื่อแผ่ความรัก ความเมตตามาให้หลานสาวของท่านด้วย จะมีความสุขใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขที่ได้เห็นภรรยาใหม่ของบุตรชายมีความรักความปรานีให้กับลูกติดอย่างจริงใจเช่นหญิงสาวตรงหน้า ท่านคงตายตาหลับแล้วคราวนี้...สภาพอากาศวันนี้สดใส ไม่ต่างกับกิจการของดลภาคย์ บริษัทนำเข้าส่งออกของเขาขยายใหญ่ขึ้น เรียกว่าความสำเร็จเติบโตเป็นเงาตามตัว เช่นเดียวกับลูกชายตัวน้อยที่อายุครบหนึ่งขวบเต็มวันนี้พอดี พ่อแม่ลูกทั้งสี่คนจึงตื่นแต่เช้าเพื่อทำบุญตักบาตรโดยเฉพาะพี่เดียวที่เตรียมชุดสุดหล่อเอาไว้ให้น้องชายตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ซ้ำยังแคะกระปุกหมูซื้อของขวัญให้น้องชายแสนรักอี