Home / รักโบราณ / ระบบของผู้เกิดใหม่ / บทที่ 5 เดินทางอีกครั้ง

Share

บทที่ 5 เดินทางอีกครั้ง

last update Last Updated: 2025-11-03 18:49:00

หลังอิงหลิวเดินออกจากหอประมูล นางก็ตัดสินใจหยุดซื้อเสบียงอาหารแห้งเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งน้ำดื่มจำนวนไม่น้อย โดยจ่ายเงินให้ไปส่งที่โรงเตี๊ยมที่นางใช้พักอาศัยอยู่ ระหว่างที่นางกำลังจะเดินกลับโรงเตี๊ยม อิงหลิวสังเกตเห็นตำราที่วางขายในร้านหนังสือ ที่จริงแล้วตำราเล่มนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ชื่อตำราที่ปรากฏบนหน้าปกกลับดึงดูดความสนใจนาง

“ว่าด้วยเรื่องรากวิญญาณกับดินแดนที่เล่าขาน เหรอ น่าสนใจดี” อิงหลิวรีบเดินเข้าร้านหนังสือจ่ายเงินซื้อตำราทั้งสองเล่มทันที

ภายในห้องพักเวลานี้เต็มไปด้วยเสบียงอาหารแห้งและน้ำสะอาดจำนวนมากที่นางจ้างให้คนนำมาส่ง หลังตรวจนับเรียบร้อยนางก็จัดการเก็บของที่นางซื้อทั้งหมดเข้าจี้หยก

“ใช่ลืมไปเลย ระบบสุ่มวงล้อ” สิ้นเสียงของนาง วงล้อที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าก็เริ่มหมุนทันที ก่อนที่จะเริ่มช้าลงจนหยุดที่พื้นหลังสีขาว

“ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับชุดอาหารอิ่มคุ้ม จำนวน 5 ชุด โดยหนึ่งชุดประกอบด้วย หมั่นโถว 3 ลูก ขนมจีบ 5 จาน ไหสุราดอกท้อ 1 ไห”

“กำลังต้องการเสบียงอยู่เลย” นางนึกอย่างยินดี ก่อนจะตัดสินใจนอนพักอีกสักคืน คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางจะดีกว่า

ในอีกมุมหนึ่งของเมือง กลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนไม่น้อยรวมตัวกันในบ้านเช่า พวกเขาต่างมีกลิ่นโลหิตแฝงอยู่ แม้จะทำความสะอาดร่างกายไปแล้วก็ตาม แต่กลิ่นอายของการเข่นฆ่าราวกับซึมลงในจิตวิญญาณของพวกเขาไปแล้ว

“เจ้าแน่ใจนักว่าข่าวที่เจ้าได้ยินมาไม่ผิด” เสียงเย็นของชายในชุดดำดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ไม่ต้องฟัง แต่ข้ามั่นใจว่าอีกสองวันสมบัติพวกนั้นจะถูกนำเข้าประมูล” เสียงของผู้ที่ไปสืบข่าวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงละโมบ สมบัติวิเศษที่ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นในดินแดนนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็เป็นของล้ำค่า น่าเสียดายที่ไม่อาจสืบได้ว่าใครเป็นเจ้าของคนแรก ไม่อย่างนั้นก็จะสามารถประหยัดเงินได้เยอะเลยทีเดียว

“ระบบ สุ่มวงล้อ” อย่างแรกที่โจวอิงหลิวตื่นขึ้นมาคือการสุ่มวงล้อเป็นอย่างแรก เพราะมันน่าเสียดายหากนางเสียโอกาสในการสุ่มไป

“ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับอุปกรณ์ปฐมพยาบาลธรรมดา

จำนวน 1 กล่อง”

“ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” อิงหลิวนึกพลางจัดเก็บของทุกอย่าง เตรียมออกจากโรงเตี๊ยม

“คุณหนูขอรับ ม้าที่ท่านซื้อเมื่อวานพร้อมแล้วขอรับ ส่วนเสบียงของม้าสำหรับหนึ่งเดือนก็ถูกเตรียมไว้แล้วเช่นกัน เชิญคุณหนูตรวจสอบดูได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อที่ถูกนางวานให้ทำธุระให้รีบเดินตรงมาหานางทันที

“ขอบใจเจ้ามาก นี่ รางวัลของเจ้า” อิงหลิวมอบก้อนเงินให้ไปสามก้อน ซึ่งว่าเป็นเงินเดือนสำหรับพวกเขาถึงสามเดือนเลยทีเดียว

“ขอบคุณมากขอรับ คุณหนู”

ม้าสีขาวสะอาดตาวิ่งออกไปด้วยความเร็วคงที่ อิงหลิวที่กระชับบังเหียนบังคับม้าพร้อมโน้มตัวไปข้างหน้า สายลมที่ปะทะหน้าทำให้นางรู้สึกถึงความเป็นอิสระไม่น้อย ในระหว่างทางนางบังเอิญเจอคนคุ้นเคยอย่างนายท่านเสิ่นและผู้คุ้มกันคนอื่น ทว่าพวกเขากลับไม่ทันสังเกตเห็นนาง แม้จับใจความไม่ค่อยได้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน แต่นางได้ยินบางคำที่นางคุ้นเคยอย่างดี

“รากวิญญาณสวรรค์ และ ตระกูลจางแห่งแคว้นชิงไห่” อิงหลิวพยายามนึกถึงเรื่องในอดีตที่นางอาจตกหล่น นางพอทราบมาบ้างว่าตระกูลจางของแคว้นชิงไห่เป็นตระกูลที่ครอบครองสมุนไพรมากมายเป็นลำดับต้น ๆ และเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มผู้บ่มเพาะ แต่แล้วเกี่ยวอะไรกับรากวิญญาณสวรรค์ล่ะ หรือในตระกูลมีผู้ที่ครอบครองรากวิญญาณสวรรค์เกิดขึ้นมา

“ช่างมันเถอะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเสียหน่อย” นางส่ายหัวเล็กน้อยไล่ความคิดพวกนั้นออกไป ก่อนจะควบคุมสมาธิบังคับม้าให้วิ่งไปข้างหน้า

“คืนนี้พักที่นี่แล้วกัน ยังมีชาวบ้านธรรมดาอีกสี่ถึงห้าครอบครัว ค่อนข้างปลอดภัยเลยทีเดียว” อิงหลิวกวาดสายตาสำรวจสภาพโดยรอบของจุดพักม้า มีครอบครัวของชาวบ้านธรรมดาสี่ถึงห้าครอบครัว นอกนั้นเป็นผู้บ่มเพาะของสำนักผู้ฝึกอสูรหากถามว่าทำไมนางถึงรู้ ก็ดูสัตว์อสูรหน้าตาน่าเกรงขามที่นอนเอนตัวข้างกายผู้เป็นนาย และตราสำนักที่ติดบนหน้าอกเสื้อของผู้บ่มเพาะคนนั้น ดูเท่านี้นางก็รู้แล้ว ว่าเป็นคนของสำนักไหน

ในระหว่างที่อิงหลิวกำลังจัดเตรียมที่พัก สายตาของนางก็เห็นความหวาดระแวงที่ฉายชัดในแววตาของชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ยังไม่ทันที่นางจะทันได้หาคำตอบ ขบวนรถม้าก็เคลื่อนตรงมาทางจุดพักม้า

“ผู้บ่มเพาะเหรอ มาเป็นสำนักเสียด้วย”

“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนจากสำนักวิหคอมตะ ยินดีที่ได้พบทุกท่าน” เสียงที่ดังขึ้นจากกลุ่มของผู้บ่มเพาะสำนักผู้ฝึกอสูร ทำให้ทุกคนรู้ได้ในทันที ว่านั่นเป็นขบวนรถม้าของสำนักใด

สำนักวิหคอมตะเป็นสำนักที่แตกต่างจากผู้บ่มเพาะอื่น เพราะทั้งวิชาในการบ่มเพาะ เครื่องแต่งกาย และอาวุธประจำตัว ต่างหรูหราและดูล้ำค่ามากกว่าสำนักอื่น

“ช่างบังเอิญเสียจริงที่ได้พบศิษย์ของสำนักอสูรคำราม พวกเจ้าออกมาล่าสัตว์อสูรหรือ?” เสียงเย็นสบายดังตอบกลับจากภายในรถม้า ก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวออกมาอย่างช้า ๆ

“แค่พาเด็กใหม่ออกล่าสัตว์อสูรเท่านั้น แล้วท่านล่ะ คุณชายเว่ยเช่นท่าน มาทำอะไรในที่แบบนี้กัน” ศิษย์ของสำนักอสูรคำราม ผู้บ่มเพาะระดับสร้างฐาน กู่อี้หยาง ถามกลับด้วยความสงสัย แถวนี้มีแต่ป่าทึบ และไม่มีอะไรที่สามารถดึงความสนใจของคนในสำนักวิหคอมตะได้

“พวกศิษย์น้องอยากไปแคว้นหนานไห่น่ะ ได้ข่าวว่ามีทรัพยากรล้ำค่าที่เพิ่งได้จากทะเล ทั้งงดงามและหายาก ก็เลยต้องรีบออกเดินทาง” คุณชายเว่ย เว่ยหลาน ตอบกลับสหายต่างสำนัก ก่อนจะสั่งงานศิษย์ใหม่ให้เตรียมที่พักภายในคืนนี้

อิงหลิวที่เตรียมที่พักสำหรับคืนนี้เรียบร้อยแล้ว ก็กระชับเสื้อคลุมที่ปกปิดตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้า ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนผ้าที่รองไว้ แม้นางจะทำด้วยท่าทีเรียบง่าย แต่เครื่องประดับบนเสื้อคลุมก็ยังคงส่องประกายออกมา

“เสื้อคลุมนั่น ช่างงดงามนะ” เสียงพูดคุยของศิษย์หญิงภายในสำนักวิหคอมตะดังขึ้น ก่อนที่สายตาอีกหลายคู่จะจับจ้องมาทางหญิงสาวเจ้าของเสื้อคลุม

“เจ้าว่าหญิงนางนั้นเป็นผู้บ่มเพาะเหมือนพวกเราหรือไม่”

“ข้าว่าน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะ เสื้อคลุมนั่นงดงามและมีความสามารถแฝงอยู่ อาจจะเป็นสมบัติวิเศษด้วยซ้ำ ไม่สังเกตหรือในตอนแรกพวกเราแทบจะจับสัมผัสถึงตัวตนของหญิงนางนั้นไม่ได้เลย จนกระทั่งศิษย์พี่หญิงเอ่ยออกมา” ศิษย์หน้าใหม่เอ่ยความคิดของตนออกมา

“ก็จริงนะ ข้าแทบจะสัมผัสตัวตนของหญิงผู้นั้นไม่ได้ อาจจะเป็นผู้อาวุโสหญิงจากสำนักอื่นที่ออกมาหาประสบการณ์ภายนอกก็ได้ ข้าว่าอย่าได้เข้าไปก่อเรื่องเลยจะดีกว่า”

“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย ครั้งนี้พวกเรามีแค่ศิษย์พี่เว่ยเท่านั้น หากมีเรื่องจริงข้าไม่อยากจะคิด”

“ระบบ สุ่มวงล้อ” ทันทีที่อิงหลิวตื่นขึ้นมา นางก็นึกถึงการสุ่มวงล้อเป็นลำดับแรก

“ยินดีด้วย โฮสต์ได้รับสมบัติวิเศษ

เสื้อผ้าตามฤดูกาล ฤดูกาลละ 3 ชุด มีทั้งหมดสามฤดู ฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน”

“ข้าก็คิดแล้วว่าลืมเตรียมอะไรมา ที่แท้ก็เสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนนี่เอง ที่มีอยู่ในจี้หยกก็มีเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น” อิงหลิวนึกดีใจเล็กน้อย สำหรับหญิงสาวเช่นนางย่อมสนใจของสวย ๆ งาม ๆ อยู่แล้ว ยิ่งเสื้อผ้าที่เพิ่งได้มาก็งดงามเตะตาไม่น้อย ทั้งยังสามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องไปเย็บใหม่ให้ยุ่งยาก

หลังอิงหลิวจัดการอาหารเช้าเสร็จนางก็ลุกขึ้นจัดเก็บสัมภาระของตนก่อนจะบังคับม้าเดินทางต่อทันที ตามแผนที่ที่นางซื้อมา ต้องผ่านเมืองเล็ก ๆ อีกสองสามเมืองจึงจะเข้าเขตของป่าใหญ่ที่ทอดยาวกั้นกลางดินแดน และภายในป่านั้นก็มีสำนักอสูรคำรามตั้งตระหง่านอยู่

“กว่าจะถึงเมือง ก็คงจะเย็นพอดี” อิงหลิวตัดสินใจที่จะพักในเมือง เพราะเมื่อคืนนางไม่กล้าที่จะหลับสนิททำให้วันนี้ร่างกายของนางเหนื่อยล้ามากกว่าครั้งไหน ๆ

เวลาผ่านไปราว เกือบเดือน อิงหลิวก็สามารถพาตัวเองมายืนอยู่หน้าทางเข้าป่าใหญ่ ในช่วงเช้าของทุก ๆ วัน อย่างแรกที่นางทำคือการสุ่มวงล้อทุกวันโดยไม่ขาดเลยสักครั้ง จนตอนนี้นางมีของเพียงพอที่จะใช้ตั้งตัวได้แล้ว

“เอาล่ะ ทานโอสถป้องกันพิษเรียบร้อย ดีนะที่สุ่มได้ในวันนี้พอดี” โอสถป้องกันพิษที่นางทานในครั้งนี้ เป็นโอสถที่คนธรรมดาก็สามารถรับเข้าร่างได้ และแน่นอนว่าผู้บ่มเพาะก็เช่นกัน แต่ราคาต่อเม็ดนั้นก็แทบขูดเลือดขูดเนื้อเลยทีเดียว แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะก็แทบจะกัดฟันที่จะใช้ในแต่ละครั้ง

“โฮสต์ มีภารกิจเข้ามา

ช่วยเหลือผู้บ่มเพาะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายใน 1 ชั่วยาม

รางวัล : คะแนนสะสม 300 คะแนน

บทลงโทษ : ผู้บ่มเพาะผู้นั้นตาย , โฮสต์จะไม่สามารถใช้งานระบบได้เป็นจำนวน 3 วัน”

“มีบทลงโทษด้วยเหรอเนี่ย ได้ ระบบนำทางเลย”

“รับทราบโฮสต์”

อิงหลิวปล่อยม้าที่ซื้อมาให้เป็นอิสระ ก่อนจะรีบเดินไปตามทางที่ระบบนำทาง ระยะทางก็เริ่มไกลขึ้นเรื่อย ๆ จากหน้าทางเข้า แสงสว่างก็เริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆ จนอิงหลิวคิดว่าหากนางต้องเดินทางคนเดียวโดยไม่มีระบบ นางคงไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามาในป่าทึบแบบนี้แน่

“กลิ่นเลือดนี่ ไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บคนเดียวแน่” นางนึกในใจ ก่อนจะรีบเพิ่มความเร็วตรงไปข้างหน้า จนเห็นกลุ่มคนคุ้นหน้าที่กำลังพิงต้นไม้ด้วยใบหน้าขาวซีด

“ดูแล้วไม่ได้ถูกพิษ แค่ได้รับบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น แต่ว่าทำไมถึงได้มีอาการเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่ใช่หมอเสียด้วย” อิงหลิวเริ่มเคร่งเครียดหลังเห็นสภาพคนบาดเจ็บตรงหน้า

“โฮสต์ ได้เข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกตน และฝึกฝนเป็นแพทย์โอสถแล้ว อย่าได้มีท่าทีแบบนั้น” ระบบรีบส่งเสียงเตือนให้โฮสต์ของตนสำรวมท่าทีให้เหมาะสมกับฐานะแพทย์โอสถในอนาคต

“ข้ารู้แล้ว ระบบว่าโอสถฟื้นฟูระดับสามในมือของข้า สามารถรักษากลุ่มคนตรงหน้าได้ไหม” อิงหลิวนึกถึงโอสถฟื้นฟูระดับสามที่นางสุ่มได้เมื่อหลายวันก่อน ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ไม่สามารถใช้โอสถพวกนั้นได้อยู่แล้ว ต้องรอจนกว่านางจะได้รากวิญญาณคืนมาเสียก่อนจึงจะเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกตน

“สมบัติวิเศษ โอสถ ตำรา มีการแบ่งระดับ ตั้งแต่ระดับที่หนึ่งถึงระดับที่เจ็ด สูงกว่านั้นโฮสต์ยังไม่ต้องรู้ ระดับที่ 1 การจะได้พบก็ค่อนข้างยาก แต่ถ้ามีเงินและอำนาจมากพอก็สามารถหามาครอบครองได้ ส่วนระดับที่ 2 ส่วนใหญ่ผู้ที่ครอบครองต่างเป็นผู้มีอำนาจและฐานะที่มั่นคง การจะตัดสินใจใช้สมบัติวิเศษหรือโอสถระดับที่ 2 สำหรับพวกเขาก็ราวกับกรีดเลือดกลืนเนื้อตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงระดับที่ 3 ที่อยู่ในมือของโฮสต์ ความสามารถและคุณค่าของมันก็สมควรที่เรียกว่าโอสถระดับ 3 แค่เพียงพวกเขาทานเข้าไป บาดแผลพวกนั้น และพลังวิญญาณก็จะฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยม ไม่แน่บางคนอาจจะสามารถทะลวงขั้นบ่มเพาะ สูงขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นเลยทีเดียว”

“หายากเหรอ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจมากนะระบบ” อิงหลิวมองขวดโอสถต่าง ๆ ที่ได้สุ่ม แม้โอสถระดับสามจะสุ่มได้น้อยกว่าโอสถระดับอื่น แต่จำนวนที่น้อยที่ว่า ก็มีมากกว่าโอสถระดับอื่นนั้นถึง สองร้อยเม็ด ดูท่าแล้ว นางจะโชคดีในการสุ่ม

อิงหลิวมองบุรุษตรงหน้าที่หากนางจำไม่ผิด รู้สึกจะมีชื่อว่า เว่ยหลาน คุณชายเว่ยสินะ ที่ศิษย์ของสำนักอสูรคำรามเรียก

“ท่านช่วยข้าไว้เหรอ ขอบคุณท่านมาก” ทันทีที่ เว่ยหลานได้สติก็รีบก้มหัวขอบคุณคนตรงหน้าทันที เขาจำเสื้อคลุมที่คนตรงหน้าใส่ได้ รู้สึกศิษย์น้องของเขาจะเรียกว่า ผู้อาวุโสหญิง ตอนแรกเขาไม่มั่นใจว่าคนผู้นั้นจะมีฐานะเป็นผู้อาวุโส แต่ดูจากวันนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่และเสื้อคลุมต่างก็เป็นสมบัติวิเศษทั้งนั้น ทั้งโอสถที่เขาเพิ่งทานเข้าไปก็เป็นถึงโอสถระดับสาม อาจจะไม่ใช้ผู้อาวุโสธรรมดาเสียแล้ว

“ไม่เป็นไร เจ้าเอาโอสถที่เหลือไปแจกจ่ายให้กับศิษย์น้องของเจ้าเถอะ รีบหน่อยก็ดีอาการบางคนเริ่มทรุดหนักแล้ว” อิงหลิวนึกสับสนเล็กน้อยกับสายตาที่ฉายแววเคารพเทิดทูนนาง แต่นางก็ไม่สนใจอะไร ในหัวของนางตอนนี้กำลังรอฟังว่าภารกิจของนางสำเร็จหรือไม่

สำเร็จภารกิจ ยินดีด้วย โฮสต์มีคะแนนสะสม + 300 แต้ม”

“สำเร็จสักที ระบบตรวจดูสถานะ” อิงหลิวรีบตรวจดูสถานะของตนทันที

“โฮสต์: โจวอิงหลิว

ระบบ : 1

ระดับ : คนธรรมดา (รอระบบแม่ส่งมอบรากวิญญาณ)

ค่าประสบการณ์ : 0/500

คะแนนสะสม : 300

แนวทางบ่มเพาะ : แพทย์โอสถ (กำลังดำเนินการ)

สถานะ : ปกติ”

“ดีจริงอีกแค่สองร้อยคะแนน ระบบก็จะเลื่อนระดับได้อีกครั้ง” อิงหลิวคิดถึงรางวัลที่นางจะได้ในการเลื่อนระดับของระบบ อย่าได้คิดว่านางเห็นแก่ตัวเชียว การที่ต้องอยู่คนเดียวและพึ่งพาได้แต่ตัวเองเท่านั้น ทั้งยังไม่มีกำลังจะปกป้องตัวเองได้ การไขว่คว้าหาพลังเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถรับรองความปลอดภัยของตัวเอง

“ขอบคุณผู้อาวุโสมากนะเจ้าคะที่ช่วยเหลือพวกเรา” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า เรียกความสนใจอิงหลิวจากการนั่งอ่านสถานะของตน

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ข้าขอตัวก่อนล่ะ” อิงหลิวที่เพิ่งได้ยินคำเรียกขานของตัวเองจากปากผู้อื่น ก็รีบขอแยกตัวออกมาทันที ผู้อาวุโสเหรอ พวกนางคิดว่าข้าเป็นผู้อาวุโสเหรอ ทั้งที่ข้าก็ไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าใต้เสื้อคลุมให้ใครเห็น ยกเว้นชายชราในโรงประมูล

“พวกเขาเข้าใจผิดว่าท่านเป็นผู้อาวุโส เพราะเสื้อผ้า เสื้อคลุม และโอสถที่ท่านใช้เมื่อสักครู่ ผู้บ่มเพาะธรรมดาไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองได้ ยิ่งคนธรรมดายิ่งไม่มีสิทธิ์ ท่านที่ครอบครองสิ่งของระดับนั้นจึงกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในสายตาคนนอกไปแล้ว” เสียงระบบอธิบายให้นางฟัง

“ไม่มีผลเสีย มีแต่ผลดี ก็แล้วไปเถอะ รีบเดินทางดีว่า ใกล้จะถึงแคว้นหนานไห่แล้วด้วย” อิงหลิวคิดอย่างยินดี ก่อนจะรีบเร่งความเร็วไปข้างหน้า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 53 ความในใจของโจวเจียลี่

    “ส่วนรากวิญญาณนั้น ข้าก็แค้นพวกท่านนะ แต่ข้าก็คิดได้ พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ข้าคิดได้คืออะไร?” หลังอิงหลิวพูดขึ้นมา สีหน้าของคนตรงหน้านั้นก็เผยถึงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน“สิ่งที่พวกท่านทำลงไปนั้น แม้จะเป็นการกระทำที่อยู่ภายใต้ยาพิษหรืออาคมอะไรพวกนั้น แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นความผิดของพวกท่าน ดังนั้นแล้วผลการกระทำที่จะตามกลับมานั้นก็เป็นพวกท่านที่รับผลนั้นไป และข้าเชื่อว่าความผิดที่พวกท่านกระทำนั้นก็ไม่ได้มีแค่ข้าแค่คนเดียวหรอกนะ แต่พวกท่านคงได้กระทำความผิดออกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะมั้ง เหล่าผู้ที่ถูกพวกท่านกระทำลงไปคงได้คิดหาวิธีสังหารพวกท่านไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่” สิ้นเสียงของอิงหลิว ทั้งโจวลู่เหอและหลี่เหมยอี้ที่อยู่ในร่างของหลี่เหมยหรงก็เผยสีหน้ายากจะคาดเดา“และแน่นอนว่าเรื่องต่อจากนี้ข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว ส่วนในตอนนี้ทั้งยาพิษที่อยู่ในตัวของหลี่เหมยหรง พิษเสน่หากล้ำกลืนที่เป็นยาพิษระดับ5 ท่านเอาโอสถถอนพิษไปกินก่อนเถอะ” อิงหลิวพูดจบก็เดินไปหยิบเอาโอสถถอนพิษที่อยู่บนชั้นวางให้กับหลี่เหมยอี้“ส่วนอาคมและพันธสัญญาที่อยู่ในตัวของพวกท่านนั้น คงต้องใช้เวลาสักพักในการทำลายสิ่งพวกนั้น” ห

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 52 พบเจออีกครั้ง

    สถานที่ที่สามสาวตระกูลลี่บอกกับนางว่าเป็นที่ใช้กักขังโจวเจียลี่ คือ จวนขุนนางแซ่หลินแห่งแคว้นไป๋ หากข่าวลือที่อิงหลิวได้ยินมาไม่ผิด ขุนนางแซ่หลิน หรือแม่ทัพใหญ่หลินนั้น เป็นคนของดินแดนนภามาตั้งแต่ต้นและเป็นศิษย์สายนอกคนหนึ่งของสำนักปราบเซียนที่ได้รับมอบหมายให้มาสร้างรากฐานภายในแคว้นไป๋แม่ทัพใหญ่หลินมีบุตรชายบุตรสาวที่มีฝีมือไม่ธรรมดา และหนึ่งในนั้นก็มีตำแหน่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา คือ แม่ทัพหนุ่มอนาคตไกล หลินหยู ด้วยอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้นก็สามารถบ่มเพาะพลังจนถึงขั้นสร้างรากฐานตอนปลายแล้ว ซ้ำยังมีรากวิญญาณแท้ ธาตุไฟ อีกด้วยหลินฮุ่ยเจีย บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลขุนนางแซ่หลิน ก็มีพรสวรรค์ไม่แพ้บุตรคนอื่น ปัจจุบันมีอายุสิบเจ็ดปี ก็สามารถบ่มเพาะพลังมาจนถึงขั้นสร้างรากฐานขั้นต้น และยิ่งครอบครองรากวิญญาณเซียน ธาตุวาโยพิสุทธิ์ จึงเป็นยิ่งกว่าไข่มุกในมือของผู้เป็นบิดา“แล้วทำไมเจียลี่ ถึงได้ยอมถูกกักขังในจวนขุนนางแซ่หลินนี้กัน คงไม่ใช่ว่าเกิดไปหลงรักบุรุษบางคนเข้าหรอกนะ” อิงหลิวคิดมาถึงจุดนี้ก็เริ่มหนักใจเล็กน้อย หากว่าเกิดไปหลงรักผู้อื่นจริง นางคงได้ใช้กำลังพากลับบ้านเป็นแน่--------------

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 51 ความชั่วร้ายมันคืออะไร

    อิงหลิวขึ้นขี่หลังของเทียนคงตรงไปยังสถานที่กลางเมืองหลวงที่อยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลโจวนัก ในทันทีที่นางอยู่บนที่สูงนางก็มองเห็นสถานการณ์ที่อยู่ด้านล่างบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน ในคราแรกที่นางอ่านรายละเอียดของภารกิจฉุกเฉินที่นางได้รับมาในตอนนั้น นางนึกถึงภาพเลวร้ายมากที่สุดทันที ไม่ว่าจะเป็นการนองเลือดครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นกลางเมืองหลวง ทั้งอาจจะมีสิ่งที่เลวร้ายมากกว่านั้นเกิดขึ้นก็ได้ แต่ภาพที่ปรากฏในตอนนี้แม้จะมีการนองเลือดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงกว่าที่ทุกคนจะรับได้“ดูจากชุดแล้ว พวกเขาคงเป็นคนของสำนักเทียบฟ้า” อิงหลิวเห็นกลุ่มคนที่กำลังกระจายกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ในส่วนพื้นที่ที่สำนักของพวกเขารับผิดชอบ เพราะในส่วนพื้นที่ที่อยู่ข้างกันนางเห็นเป็นกลุ่มที่สวมใส่ชุดอีกเครื่องแบบหนึ่ง“พระจันทร์เหรอ หรือเป็นสำนักจันทร์เสี้ยวที่รั้งอยู่อันดับที่สอง” นางจำได้รางๆ ว่าทั้งสองสำนักนี้ไม่ค่อยถูกกันนัก ไม่สิ ออกจะชังขี้หน้ากันด้วยซ้ำ แต่ภาพตรงหน้าทั้งสองกลุ่มกลับสามารถร่วมมือกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายพวกนี้ได้“นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่แปลกที่ไป๋จูและเสวี่ยเฟยจะมีท่าทางแบบนั้น เอาล่ะไปด

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 50 ข้าก็ขอไปดูด้วยตาตัวเอง

    หลังอิงหลิวพูดจบการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของหญิงสาวทั้งสามก็ฉายชัดออกมาทันที สายตาของพวกนางเผยถึงความตกใจและความหวาดกลัว แต่สิ่งที่ทำให้อิงหลิวนึกแปลกใจคือริมฝีปากของพวกนางที่กำลังพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่มีทีท่าจะหยุด“นั่นมัน...” สิ้นเสียงของอิงหลิว ไป๋จู เสวี่ยเฟย และเทียนคงที่เพิ่งบินลงมาก็ทำการเรียกใช้พลังเพื่อหยุดการกระทำของกลุ่มหญิงสาวตรงหน้าทันทีไป๋จูเดินไปหยุดข้างกายผู้เป็นนายพร้อมทั้งร้องบอกถึงการกระทำของกลุ่มหญิงสาวที่ถูกแช่แข็ง พวกมันไม่รู้หรอกว่าพวกนางกำลังคิดจะทำอะไร แต่ที่พวกมันรู้คือการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ความดำมืดที่ค่อย ๆ กัดกินพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวพวกนาง ก็เป็นการแสดงให้รู้ได้เลยว่าสิ่งที่พวกนางกำลังกระทำอยู่นั้นไม่เป็นผลดีต่อคนทั่วไป และยิ่งเป็นอันตรายต่อผู้เป็นนายของมันที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่น“ขอบใจพวกเจ้ามาก ที่จริงแล้วข้าพอรู้ว่าพวกนางกำลังจะทำอะไร” อิงหลิวลูบหัวสัตว์อสูรทั้งสามที่เดินมาอยู่ข้างกายนาง นางสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่พวกมันมีต่อนางมากกว่าครั้งไหน ๆ คงเป็นเพราะพวกมันกำลังตกใจกับสถานการณ์ที่นางเพิ่งเผชิญอยู่

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 49 คนของดินแดนนภามาถึงแล้ว

    ในระหว่างที่สำนักใหญ่ทั้งหมดบนหน้าทำเนียบกำลังเข้าสู่ช่วงตึงเครียด สำนักแห่งอื่นที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าสำนักใหญ่นั้นก็เริ่มมีการประชุมเช่นกัน หากแต่ไม่ใช่เป็นการประชุมที่มีไว้รับมือคนจากต่างดินแดนแต่เป็นการประชุมเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่มาจากการลงมือในครั้งนี้ของพวกสำนักใหญ่“พวกเจ้าว่าครั้งนี้ศิษย์ของสำนักไหนจะล้มตายมากที่สุด” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเจ้าสำนักปลายแถวดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นเจ้าสำนักแห่งอื่นมากับครบแล้ว“ก็คงไม่พ้นสำนักอสูรคำรามหรอก ลืมไปแล้วหรือไงว่าสำนักของมันกำลังจะหลุดจากบนทำเนียบแล้ว ครั้งนี้เจ้าสำนักของมันคงสั่งศิษย์ให้ไปสร้างชื่อเสียงในภารกิจนี้กลับมาอีกครั้งล่ะมั้ง” ใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนเผยชัดถึงความเอือมระอาของเจ้าสำนักแห่งนั้น“เจ้ายังคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นอีกหรือไง หานฟง” น้ำเสียงหวานของสตรีคนหนึ่งดังขึ้นหลังเห็นใบหน้าของสหายตนที่เริ่มปรากฏร่องรอยอารมณ์บางอย่าง“มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ข้าไม่ได้สนใจมันแล้วล่ะ หนี่ซิน” สิ้นเสียงนั้น สตรีที่ถูกเรียกชื่อก็เผยยิ้มกว้างออกมา แม้จะรู้ว่าคำตอบที่นางเพิ่งได้รับจะเป็นเพียงคำโกหกก็ตามภายในสำนักอสูรคำรามที่ต

  • ระบบของผู้เกิดใหม่   บทที่ 48 เตรียมรับมือ

    “เจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่!?” ผู้อาวุโสเจียงแห่งสำนักเทียบฟ้าถามขึ้นมาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะหากเป็นตัวนาง นางก็ย่อมระมัดระวังตัวเป็นเรื่องธรรมดา“ผู้อาวุโสเจียงไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือว่า ช่วงนี้มีผู้บ่มเพาะไม่คุ้นหน้าเดินไปมาให้เห็นกันได้ทั่ว ทั้งที่ปกติแล้วผู้ฝึกตนหรือผู้บ่มเพาะก็ไม่ได้พบเจอได้ง่ายดายขนาดนั้น” อิงหลิวเปิดปากพูดถึงข้อสงสัยข้อแรกขึ้นมา เพื่อจะได้ดูทีท่าของคนจากสำนักอื่นด้วย“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าพูดก่อนหน้ากัน” นายน้อยเฮยเผยแววตาบางอย่างออกมาหลังได้ฟังสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูด“หากผู้บ่มเพาะมากมายพวกนั้นไม่ได้อยู่ในสำนักของพวกเจ้า และไม่ได้เข้าไปฝึกฝนในสำนักอื่นบนดินแดนนี้ นั่นหมายความว่าเช่นไร พวกเจ้ารู้หรือไม่” สิ้นเสียงนาง สายตาที่คนทั้งสี่หันมาจับจ้องนางก็เริ่มเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ที่เจ้าหมายถึง คงไม่ใช่ว่า...” ผู้อาวุโสจ้าน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในตำแหน่งนี้มานานกว่าผู้อื่นก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา“จ้านเว่ย เจ้ารู้เรื่องอะไรกันแน่” นายน้อยเฮยซึ่งปกติแล้วงานในสำนักก็มีมากจนล้นมือจึงไม่ได้สนใจข่าวสารภายนอกเหมือนกับส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status