แชร์

ระดับวาสนา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-19 14:09:39

เนื่องจากเรือนศึกษาประกอบด้วยเด็กเล็กจำนวนมากจึงมีเพียงชั้นเรียนในช่วงเช้า หลังจากเที่ยงเหล่าคุณหนูนายน้อยล้วนสามารถกลับบ้านหรือเลือกพักผ่อนในห้องพักศิษย์ได้ตามอัธยาสัย

เด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาเล่นกับสหายหรือทำความรู้จักกันในโถงกลาง มีบ้างที่กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเรียนต่อกับครูที่ทางบ้านหามาเป็นการส่วนตัว

เหมยลี่อิงเพิ่มมาใหม่นางไม่ได้สนิทสนมกับใครและไม่ใส่ใจจะสนิทสนม รวมถึงไม่มีภาระหน้าที่หรือแรงกกดดันใดๆ

คุณหนูใหญ่เซียวพรูลมหายใจ ทรุดตัวลงบนตั่งด้วยอากาศเวียนศีรษะจากเสียงการแจ้งเตือนของระบบในหัวที่ดังระงมมาตั้งแต่เช้า

ในหมู่เด็กๆ มีบ้างที่จะพบพานวาสนา ทว่าอย่างมากก็เป็นวาสนาระดับดินและระดับมนุษย์เท่านั้น

ใช่แล้ว

โชควาสนาเองก็มีระดับของมัน ตัวอย่างเช่นวาสนาของเซียวอวิ๋นหังที่สามารถพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาถือว่าเป็นวาสนาระดับสวรรค์ วาสนาที่สามารถส่งเสริมเกื้อหนุนแก่ผู้คนได้เรียกว่าวาสนาระดับฟ้า ส่วนโชคลางหรือมงคลที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเรียกว่าวาสนาระดับดิน สำหรับโชคลาภเล็กๆ น้อย ประเภทประเภทของหายได้คืน พ้นจากอากาศป่วยไข้จัดเป็นวาสนาระดับต่ำสุดคือวาสนาระดับมนุษย์

ส่วนวาสนาระดับที่สูงกว่านั้นตัวนางยังไม่เคยเจอ เพราะในโลกของภารกิจสามารถจำลองระดับวาสนาได้ถึงเพียงระดับสวรรค์เท่านั้น

หลังจากนางตื่นขึ้นมาจากโลกจำลองคล้ายฟังก์ชั่นของระบบส่วนใหญ่จะหลับใหลเนื่องจากขาดพลังงาน

เปิดทิ้งไว้เพียงการทำงานขั้นพื้นฐานเท่านั้น

แตกต่างจากความีชีวิตตอนอยู่ในโลกของภารกิจมาก เสี่ยวเทียน*คล้ายกลับไปเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน เป็นเพียงจักรกลอันเย็นเยียบไร้ชีวิตชีวา นางต้องเก็บเกี่ยวโชควาสนาจำนวนหนึ่งเพื่อเปิดใช้งานคู่หู่ของนางอีกครั้ง

มือเล็กของเด็กหญิงเปิดฝาชามข้าว น้ำระเหยไอเกาะพราวข้างขอบชามเผยให้เห็นเนื้ออวบขาว น้ำซุปสีส้มเข้มข้นของมันปูปุดฟองเล็กน้อยชวนน้ำลายสอ

ในบรรดาอาหารทุกจานนางโปรดปราณเนื้อปูที่สุด

เหมยลี่อิงคีบเนื้อปูใส่ชามเด็กชายพลางหน้ามองสหายร่วมเรียนของนางที่ปิดปากเงียบแต่เช้าด้วยสายตาเป็นประกาย

เจ้าหัวหอมวาสนาระดับสวรรค์ของเจียเจี่ย กินเยอะๆ นะ จะได้ไวๆ ให้เจี่ยเก็บเกี่ยวค่าวาสนาไว้ใช้

เซียวอวิ๋นหัง “…..!?”

เซียวอวิ๋นหังที่ถูกมองด้วยแววตาหิวกระหาย (?) ถึงกับขนซู่ แต่เมื่อไม่เห็นมวลอารมณ์ลบใดๆ จากนางก็พลันสบสันในใจ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้พิกลนัก

“เจ้าไม่กินหรือ” นางถามก่อนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเข้าใจ (ผิด) เอาเอวว่า เขาห้องใช้ตะเกียบเองไม่ได้แต่ละอายใจเกินกว่าจะบอกนาง

นางพนักหน้าหงึกหงักให้ตนเองในใจ นั้นก็ถูกแล้ว เขาถูกเลี้ยงดูด้วยการทำงานแบบบ่าวรับใช้ ได้อาหารน้อยนิดยิ่งกว่าเดรัจฉาน

นางยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นใจ ความขุ่นมัวในใจจากเหตุการณ์เมื่อชาติก่อนจางลงไปมาก

เมื่อเช้าได้ยินจากแม่นมว่าเขาถึงขนาดไม่สัดทัดในการใส่เสื้อผ้า แสดงว่านอกเหนือจากถือของ ซักผ้า กวาดพื้น หาบน้ำแล้ว เขาแทบจะทำให้อะไรที่สมกับเป็นชนชั้นสูงไม่ได้เลย

เหมนลี่อิงหรี่ตาครุ่นคิดใช้ตะเกียบไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าไม่ได้ก็คงอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เช่นเดียวกัน การอ่านเขียนในเด็กรุ่นหลังของสกุลส่วนมักมากเรียนที่เรือนศึกษาอยู่แล้วดูเหมือนไม่มีปัญหาใด

แต่เมื่อเขาอยู่ข้างกายด้วยสถานะของนางอาจทำให้เขาถูกเล่นงานเอาได้

ไม่ได้การแล้ว

นางขุนหัวหอมต้นหอมต้นน้อย (?) ต้นนี้ ให้กลายเป็นหัวผักกาดอ้วนขาวโดยไว เด็กหญิงคีบข้าวกับเนื้อปู่เจ่อปากอีกฝ่ายด้วยสายตามุ่งมั่น

ต้นหอมผอมแห้งที่ถูกเข้าใจผิด (?)

อันที่จริงเหมยลี่อิงเข้าใจผิดแล้ว เซียวอวิ๋นหังเป็นคนเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง แม้ไม่เคยกินหมูก็เคยเห็นหมูวิ่ง เขาจะใช้ตะเกียบไม่เป็นได้อย่างไร

ส่วนเสื้อผ้าที่เขาใส่ไม่ได้นั้นเป็นเพราะว่าเสื้อผ้าชนชั้นสูงเหล่านั้นล้วนซับซ้อนเกินไป ต่างจากชุดเนื้อหยาบที่เขาใส่ประจำจึงทำให้ลำบากเล็กน้อยก็เท่านั้น

เด็กชายไม่รู้จะปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่ายอย่างไร จึงเอาปากไปงับเอาไว้ด้วยความกระอักกระอ่วน

เหมยลี่อิงไหนเลยจะเข้าใจความละอายของเขาได้ นางเพียงพยายามป้อนอาหารเขาด้วยความเอาใจใส่ด้วยหัวอกของแม่นกที่ต้องให้อาหารลูกๆ

เคราะห์ดีในเวลานี้เองประตูห้องก็เปิดออกอย่างถือวิสาสะ

เด็กชายชุดเขียวเดินย่ำเท้าเข้ามา เครื่องหน้าเขางดงามสะดุดตาดูคล้ายนางสามถึงสี่ส่วน ผู้มาใหม่แปดขวบทว่าส่วนสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ดวงตาคมจมูกโด่งเชิดรั้นฉายแววเจ้าเอาแต่ใจดื้อดึงตั้งแต่ยังเล็ก

“น้องหญิงใหญ่อุส่าห์ออกจากเรือนมาเรียนวันแรกกลับไม่มีใจจะทักทาย พี่ชายรองคนนี้น้อยใจนัก”

เด็กชายผู้นี้คือเซียวสือรุ่ย ลูกพี่ลูกน้องคนรองของนาง

เหมยลี่อิงสีหน้าเรียบเฉยระงับความระทมปวดร้าวในอก ดีเหลือเกิน เซียวสือรุ่ยผู้นี้ชีวิตนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน

ในชีวิตที่แล้วของนางเนื่องจากลูกพี่ลูกน้องคนโตเซียวสือหลงตกตายกระทันกลายเป็นศพชืดชา ทัดฟ้าของพี่ชายผู้นี้ก็คลับคล้ายผันพลิกแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

เขาต้องแบกรับความโศกเศร้าเสียใจและคำครหา แบกรับแรงกดดันแสนสาหัสเพื่อพาตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งทายาทรุ่นสามสายตรงประคับประคองตระกูลเซียวที่เริ่มเน่าเฟะภายในที่กระสับกระส่ายเพียงลำพัง

เบื้องหน้าชายผู้หนึ่งที่ยืนหยัดอย่างอาจองประกายแม้เบื้องหลังจากเนืองนองไปเลือดและน้ำตา

นางยังจำวันวานก่อนนางอายุสิบห้า พี่ชายรองผู้นั้นแม้ไม่ทรนงทว่ายังคงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอันสำราญใจคลายบนโลกนี้ไม่ต้องเผชิญความทุกข์ยากใดๆ ดุจเมฆคล้ายลอยตามลมเวหาไม่มีใครจับต้องได้ ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ กะหล่อนลื่นไหล พาให้พี่ใหญ่และลุงรองต้องปวดหัวเพราะเขาไม่น้อย

นางยิ้มรับประโยคนี้บางๆ อย่างไม่มีความลำบากใจ “เหมยลี่อิงคาราวะพี่รองเจ้าคะ”

เซียวอวิ๋นหังคล้ายจับต้องความรู้สึกของนางได้ ดวงตาสีเทาซีดเย็นชามองนางนิ่งๆ ด้วยความกังวลใจ

ฝ่ายผู้เข้ามาใหม่เห็นเด็กชายจับจ้องน้องสาวตามสายเลือกของตนตาเป็นมันพลันรู้สึกคล้ายแมวโดนขโมยปลาย่าง ผุนผันเข้าไปใช้พักจิ่วกางกั้นระหว่างเด็กทั้งสองอย่างยียวนกล่าว “เจ้าคือลูกครึ่งมารสายสี่สินะ กล้าใช้สายตานี้จับจ้องน้องสาวตามสายเลือดของข้า เจ้าคู่ควรหรือ?”

เหมยลี่ฟังแล้วก็ปวดเศียรเวียนเกล้าขั้นมา นางจะกล้าลืมไปได้อย่างไรว่าพี่รองผู้นี้ยิ่งยโสถือตนถึงที่สุด เพราะเหตุนี้นางถึงจงใจไม่ไปห่เขาตั้งแต่แรก

ใช่

คนเช่นเขาหากมีคนเป็นฝ่ายเข้าหา เขาจะจับตามองว่าเจ้ามีจุดประสงค์ใดหรือไม่

อีกอย่างความเป็นไปได้ที่เขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจต้นหอมระดับสวรรค์ของนางค่อนข้างสูง ซึ่งผิดไปจากที่นางคิดเสียที่ไหน

เด็กหญิงสบตาสีเข้มของคนที่กางด้ามพัดอย่างระอา

[ตรวจพบผู้มีวาสนาระดับฟ้า ทำการหาโอกาสในการเพิ่มพูนวาสนา]

ภาพเด็กชายชุดเขียวชวนระอาตรงหน้านางแปรเปลี่ยนไป

“คุณชายทำเช่นนี้มิใช่การลบลู่บรรพบุรุษหรือ”

“การลบลู่คือการถูกจับได้ พวกเจ้าไม่พูดข้าไม่พูดจะถูกจับได้อย่างไร”

เหมยลี่อิงมองเซียวสือรุ่ยผู้นี้ด้วยสายตาซับซ้อนเพราะสถานที่ที่คนผู้นี้ไปพบเจอโชควาสนาคือสุสานบรรพชน เหตุผลคือพาสหายไปทดสอบความกล้า

ความซุกซนของพี่รองผู้นี้ช่าง....

เกินจะบรรยายนัก

มิน่าท่านลุงรองถึงกล่าวว่าจะตีเขาวันล่ะหลายๆ ส่วนป้าสะใภ้รองเปรยว่าจะจับเขายัดลงท้องแล้วค่อยปั้นๆ ออกมาจากครรภ์ใหม่ in

อารมณ์ประดังประเดทั้งหลายได้หายไป เหมยลี่อิงรู้สึกเหม็นหน่ายขึ้นมาทันที “เป็นลูกครึ่งมารแล้วอย่างไร เป็นลูกอนุจากสายสี่แล้วอย่างไร อย่างไรคนผู้นี้ก็คือสหายร่วมเรียนของข้า!”

เซียวสือรุ่ยขมวยคิ้วมุ่น บรรยากาศระหว่างสองลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งพบหน้าพลันคุกรุ่นขึ้นมา

“ท่านปู่ยอมให้เจ้ารับคนผู้นี้เป็นสหายร่วมเรียนได้อย่างไร ?”

“จะได้หรือไม่นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านตาตัดสินใจ ! เป็นมารแล้วอย่างไร ไม่เป็นมารแล้วอย่างไร”

เซียวสือรุ่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ “เขาว่ากันว่าผู้ที่อยู่ใกล้เผ่ามารจะโชคร้าย !”

สิ่งที่เซียวสือรุ่ยพูดคือความเชื้อเรื่องโชคลาง อันที่การฝึกของมนุษย์และเผ่ามารมีวิธีแตกต่าง จึงมักแย่งชิงทรัพยากรซึงกันและกัน วิธีทางการบำเพ็ญยังตรงข้ามกันจึงมักขัดแย้งกันอยู่เสมอ

หลังจากประวัติศาสตร์สงครามหลายครั้งหลายคราทำให้ความร้ามฉานยังรากลึก แม้ปัจจุบันจะไร้ซึ่งสงครามเพราะการแบ่งอาณาเขต ทว่าความขุ่นข้องที่เกิดขึ้นไม่ได้หายไปโดยง่าย ต่างฝ่ายต่างมองหน้าอีกตัวโชคร้ายพารังเกียจ

ขอเพียงเจ้าไม่ข้ามเขตแดนไป ข้าก็อยู่อย่างน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   บันไดหินทดสอบจิตสำนึก

    บันไดศิลาดำทอดยาวเป็นวงเวียนจรดฟ้า กลางนภาสีครามสว่างเจิดจ้า ฟ้าเหนือศีรษะเป็นหมู่เมฆและดวงตะวัน หันหน้าลงมาเพียงเงาลานหินสีดำและผู้คุ้มสอบที่สีหน้าเย็นชา“ผู้เข้าสอบซ่งหลิงหลิงตกรอบ” ฟ่งปิงเยว่ประกาศ ศิษย์สายนอกสวมเครื่องแบบสีเขียวมรกตดิ้นเงินขึ้นไปรับตัวเด็กหญิงที่ไร้เรี่ยวแรงลงมาด้วยความเร็วแทบเป็นภาพติดตานี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแม้แต่ศิษย์สายนอกของสำนักแพทย์เขาปุบผาก็ยังมีพลังจิตสำนึกในระดับน่าตระหนกผู้รอบการทดสอบเห็นดังนั้นก็พยายามรุดหน้าต่อไป เพราะขอเพียงพวกหยุดช้าเพียงยี่สิบลมหายใจ สายตาอันแหลมคมของผู้คุมสอบก็จะจับจ้องไปยังพวกเขาในทันใด หากมีวี่แววว่าเจ้าจะไปต่อไม่ไหว สุ้มเสียงไร้น้ำใจไมตรีก็ประกาศว่าเจ้าตกรอบทันทีเด็กชายที่อยู่ข้างคนที่เพิ่งประกาศตกรอบไปถึงกับเสียวสันหลังวาบ ขนหัวลุกชี้ชัน กัดฟันเดินต่อแทบไม่คิดชีวิตเสียงสายลมกระพือพัดชายผ้าดุจท้องฟ้าคำรามหวีดวิวอยู่ข้างหู เหมยลี่อิงยังคงก้าวขึ้นบันไดดำอย่างใจเย็น สีดำทะมึนใต้ฟ้าเท้าราวกับมีชีวิตชีวายื่นมือออกมาดึงรั้งขายิ่งกว่าตะกั่วหนัก ช่างเป็นจิตสำนึกนึกอันทรงพลังอะไรเช่นนี้ขั้นที่ห้าสิบ เด็กหญิงยังเดินรุดหน้าด้วยท่าทาง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   การทดสอบเข้าสำนักด่านแรก

    “เหอะ หากข้าไม่ขอโทษแล้วอย่างไร พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้” สวี่อวี้หลันยังคงเย่อหยิ่ง เรื่องอันใดต้องให้นางไปขอโทษคนไม่หัวนอนปลายเท้าจินเกอพ่นลมหายใจคราหนึ่ง เดินผ่านนางเข้าห้องไปเลือกเตียงที่อยู่หัวมุม“พวกเราก็จะได้รู้เช่นเห็นชาติสันดานเจ้ากระมัง”“เจ้า !!”“อวี้หลัน!! เจ้าพอได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน”สุดท้ายแล้วกลับเป็นสวี่ฟางเฟยที่เกลี้ยกล่อมน้องสาวอย่างอดทนพลางขอโทษสหายร่วมห้องแทน คนอื่นๆ ไม่พูดอะไร แม้แต่หลินรั่วอีก็ไม่รับคำขอโทษนั้น มีเพียงเหมยลี่อิงที่มองพวกนางสองพี่น้องอย่างมีความหมายสวี่ฟางเฟยได้แต่ยิ้มเจื่อน นางเองก็อับจนปัญญากระทั่งเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนมาถึงบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างพวกเขาถึงได้ผ่อนคลายลงรุ่งสางอาทิตยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า รัตติกาลกำลังจะจางหาย แสงรำไรเพียงมองเห็นปลายฝ่ามือได้รางๆ ปรางแก้มสีชมพูอิ่มนิ่มนวลคลอเคลียเกศางาม อารามสาวน้อยกอดจิ้งจอกสีขาวขนฟูหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อคืนนางวางค่ายกลป้องกันไว้รอบเตียง จึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจจินเกอที่นอนอยู่เตียงข้างกันพลันลืมตาโผล่ เอื้อมมือคว้ามีดพกในอกเสื้อทันใด ประตูไม้ในเรือนนอนพวกนางเปิดออกโดยไร้ผ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สหายร่วมห้องสอบ

    แสงตะวันพลบค่ำอัสดงสีส้มนวลสว่างฉาบย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นผ้าไหมทองเข้มผืนหนึ่ง เหมยลี่อิงไม่ได้มีเวลาในรำพึงในใจนานนัก รองเท้าปักเดินก้าวตามขบวนคุ้มกันเข้าสู้สำนักในที่สุดพวกนางเดินตามสันเขาชมเมฆา ม่านหมอกเมฆหนาทึบลอยเอื่อยอ้อยอิ่ง กิ่งพัดใบไม่ไหวตามสายลมดังเคล้า เหล่าภมรปราณเริงร่าชมแนวผกาทอดทิวเขา ราวเหล่าภูติกระซิบสำเนียงแห่งพงไพร หัวใจที่เต้นกระหน่ำของเด็กหญิงก็ค่อยๆ เบาลง “เจ้าเป็นอะไรไป” จิงซิงเฉินถามเมื่อเห็นนางเหม่อลอย เหมยลี่อิงส่ายหน้าหยิบองหญิงจิ้งจอกหน่อยสีขาวฟูออกมาจากถุงเลี้ยงสัตว์ โม่เสวี่ยงัวเงียอยู่ในอ้อมแขนนางพลางหาวหวาดแม้แต่ตายังไม่ลืม “นั่นสัตว์สัญญาของเจ้าหรือ สายเลือดไม่เลวเลย แต่เจ้าต้องระวังการทดสอบไม่อนุญาติให้ใช้สัตว์ปราณช่วยเหลือเจ้าสามารฝากไว้ที่โถงสำนักระหว่างการสอบได้” ศิษย์หญิงที่เป็นผู้นำขบวนมากล่าวกับนางเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบเฉยผู้ไม่สนิทย่อมฟังไม่ออกถึงความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ชาติที่แล้วนางคบหากับศิษย์พี่หญิงจางผิงจูมาหลายปีไหนเลยจะไม่ออก เหมยลี่อิงคลี่ยิ้มจนตาปิด เด็กหญิงนัยน์ตาดอกท้อใสกระจ่าง เรื่องหน้าจิ้มลิ้มม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   นางมาถึงแล้ว

    เสียงกระบี่ฟาดฟันไล่ล่า คลื่นพลังปราณประทุเดือดพล่านทำลายป่าไม้ล้มระเนระนาด เหมยลี่อิงกับจิงซิงเฉินเห็นผู้ถูกไล่ล่าก็ม่านตาหดแคบ เป็นหลงเทียนสือผู้นั้นที่เคยมีปากเสียงกันที่โรงเตี๊ยมตงฟู ยามนี้ที่เด็กชายที่จมูกชี้ฟ้าสง่างามยิ่งผยองกลับไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีของเขาในยามนี้ล้วนขาดวิ่นเนื้อตัวเต็มไปตัวบาดแผลฉกรร บางตำแหน่งลึกแทบเห็นกระดูก หากไม่ได้ผู้คุ้มกันทั้งสองสละชีวิตรั้งศัตรูไว้ตัวเขาก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เด็กผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าหนีการไล่ล่ามา เมื่อพวกจิงซิงเฉินในแววตาก็ปรากฎแววโล่งใจ แคว้นหลงกับแคว้นจินอยู่ข้างเคียงกัน ราชวงศ์ของพวกเขาล้วนมีความสัมพันธ์อันดี ถึงขึ้นมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันมาหลายรุ่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จิงซิงเฉินไม่อาจปล่อยให้เขาตายโดยไม่ช่วยเหลือ หลงเทียนสือแม้หยิ่งผยองแต่ไม่ใช่ตัวโง่งม เพียงประสานมือคาราวะพวกเขานัยต์ทอแววอับอายอยู่บ้าง “บุญคุณครั้งนี้ข้าจะทดแทนภายหลังอย่างแน่นอน” จิงซิงเฉินลังเลเล็กน้อยหากมีเพียงเขาคนเดียวย่อมลงมือช่วยเหลืออีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร แต่ยามนี้เพื่อนร่วม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อ้ายฉินฮวา

    ปัง ! กระแทกผนังจนแตกกระจาย ผนังไม่กลับเป็นเพียงรอยขีดข่วน ผู้คุ้มกันทั้งลายออกมาคุ้มกันคุณหนูคุณชายของพวกเขาไว้ตรงกลางป้องกันการโดนลูกหลง เหมยลี่อิงอดพำพึมไม่ได้ “ช่างเป็นพนังไม้ที่แข็งแกร่งสมคำโอ่จริงๆ” “อาศัยสวะเช่นเจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้า ช่างไม่รู้จักคำว่า ‘ตาย’สะกดอย่างไร” ดรุณีนางหนึ่งหน้าตาสระสวยสะพายกระบี่เล่มใหญ่ ระเบิดพลังสวะของหนิงม่ายออกมาเต็มที่ พวกเหมยลี่อิงมีผู้คุ้มกัยปิดป้องย่อมไม่เป็นไร เหล่าเสี่ยวเอ้อร์ล้วนหลับไปยังค่ายกลหลังร้านอย่างรู้หน้าที่ มีเพียงรู้ค้าบ้างคนพลังฝีมือต่ำอยู่บ้างทุกลูกหลงกันไปหอมปากหอมคอ ไม่มีใครเข้าไปห้าม ประการแรกเพราะยอกข้าวของในร้านแล้วไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย นับว่าหญิงสาวนางนั้นควบคุมตนเองได้ดีอยู่บ้าง ประการที่สองผู้ใดจะอยากหาเรื่องใส่ตัวด้วยการแส่เรื่องของผู้อื่น หญิงสาวนางนั้นร่างกายไม่กำยำแต่สังขารแข็งแกร่งยิ่ง ปราบอันธพาลรานถิ่นที่กล่าววาจาแทะโลมนางด้วยหมัดหลุนๆ อีกหมัดตามด้วยอีกหมัด เสียงถูกชกอย่างรุนแรงปานนี้ อันธพาลผู้นั้นโดนอัดไม่กี่ทีก็หลงเหลือเพียงลมหายใจรวยริน ถู

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   จิงซิงเฉิน

    “ข้าจ่ายไปสองจิงสือระดับสามเมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาให้ เช่นนั้นมิสู้ให้ข้าสี่จิงสือระดับสามเถอะ”หลงเทียนสือแม้มาจากแคว้นไหนแต่ไม่ใช่ตระกูลยอดยุทธไม่มีเหมืองหินผลึกปราณ เขาไหนเลยจะมีจิงสือมากมายปานนั้น ขณะกำลังจะทักท้วงมองเห็นรูปโฉมของคนที่ออกมาจากประตูเสียงก็พลันขากห้วงไป“นี่เจ้ากะจะปล้นชิงกันหร--”“ข้าจ่ายให้เขาราคานี่จริงๆ เมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาก็สมควรใจกว้างกว่านี้สักหน่อย”เหมยลี่อิงงามยามนี้สวมผ้าคลุมเพียงครึ่งหน้า เห็นคิวโก่งเรียวดุจใบหลิว แพขนตาเงาหนาดุจม่านฝน นัยต์ตาดอกท้อสวยหวานราวลูกกวางทั้งเย้ายวนทั้งดูไร้เดียงสา เพียงเท่านี้ก็เผยรูปลักษณ์ปานหยาดฟ้ามาดินของนางจนผู้มองอดไม่ได้จะสูดลมหายใจลึกกับการงานห้องนั้นนางหาได้มีปัญหาอันใด เพียงเหมยลี่อิงไม่ชมชอบพฤติการณ์ของคนผู้นี้ฝ่ายหลงเทียนสือผู้ถูกสบประมาท ตัวเขามาจากราชวงศ์แคว้นใหญ่แคว้นหนึ่ง แต่ไหนแต่ไหนก็ไม่เคยไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เด็กหญิงนางนี้กลับกล้าขัดใจเขา แม้เด็กหญิงผู้นั้นจะเป็นสาวงาม แต่ตัวเขาเป็นลูกผู้ชายกลับถูกผู้อื่นหยามว่าใจไม่กว้างพอ เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็กทั้งสองรวามถึงผู้คุ้มกันฝ่ายพวกเขาจ้องมองกันด้วยความเป็นป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status