공유

เซียวฟางฟรู เซียวฟาวหรง

last update 최신 업데이트: 2025-04-19 14:10:43

 

“เขาที่ว่านั่นคือผู้ใดกันเจ้าคะ การเลือกทำกับผู้อื่นเช่นนั้นเพราะความเชื่อที่ไร้ที่มาที่ไปนั่นนั่นคร่ำครึยิ่ง”

 

เหมยลี่อิงยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ นางอยู่ในโลกจำลองมานานรับเอาค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมและความขัดแย้งทางเผ่าพันธุ์มามาก ทั้งยังมองว่าอคติของพี่รองของนางนั้นไม่ดีต่อตัวเขาเท่าไรไม่ว่าในอตีดชาติหรือปัจจุบันก็ดี

 

เซียวสือรุ่ยแม้จะซุกซนแขวกขนบ แต่ทระนงถือดียิ่ง แม้เขาจะฉลาดเฉลียวเพียงใดโลกทัศน์ก็ยังแคบนัก สายตาไม่กว่างไกล ผนวกกับความภาคภูมิใจและความเย่อยิ่งแบบเด็กๆ ที่ถูกปลูกฝังมาของชนชั้นสูงทำให้รับสิ่งที่นางพูดไม่ได้

 

เขาได้แต่คิดว่าน้องหญิงถูกขังอยู่ในเรือนมานานเกินไป ไม่มีใครสอนสิ่งเหล่านี้ให้นางจึงถูกพวกมารหลอกลวงเอาได้ ส่วนท่านปู่ตามตามใจน้องยิ่งมากเกินไป

 

เช่นนี้ใช้การไม่ได้

 

ในฐานะพี่ชายที่ดีเขาต้องนำทางมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

 

ทั้งสองถกเถียงกันไปไม่มีใครมองสีหน้า ‘มาร’ ที่อยู่ในบทสนทนา

 

เซียวอวิ๋นหังยามนี้สับสนในใจ ใช่ เขาเองก็เคยได้ยินว่าใครที่อยู่ใกล้เผ่ามารจะโชคร้าย นี่เป็นเหตุผลที่แม้แต่บ่าวไพร่ในตระกูลเซียวก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา

 

ด้วยสถานะของนางที่เป็นคุณหนูใหญ่ มีเหตุผลใดไฉนต้องกล่าวปกเขาถึงเพียงนี้

 

เซียวอวิ๋นหังรู้สึกฉงนงุนงงพร้อมความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

 

ภาพเด็กสาวตัวเล็กกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ นางยังเล็กนัก แตกต่างจากเขามาก ดูนุ่มนิ่มประหนึ่งก้อนแป้งเหนียวๆ ดุจคล้ายเอามือบีบก็เกรงจะละลายเหลวสะท้อนในแก้วตาสีเทาขุ่นของเด็กชาย

 

ริมฝีปากแดงเล็กๆ หุบๆ อ้าๆ เปล่งเสียงใสราวกระดิ่งแก้วออกมา ดวงตาแวววาวฉ่ำน้ำแดงรื้นเพราะเถียงไม่ได้ดังใจ แก้มยุ่ยกระเพื่อมขึ้นลงไวๆ เหมือนลูกหนูตัวเล็กๆ

 

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดนัก ทั้งอ่อนจาง ไหลเอื่อยเชื่องช้า ประดุจธารน้ำไหล เทียบไม่ได้กลับทะเลทรายอันแห้งแล้งที่ทับถมใจ ความอ่อนโยนละมุนละไมที่สัมผัสเนื้อหนังที่แตกระแห้งไม่สามารถงอกงามในทันใด ทว่ากลับสลักตราตรึงไว้ในจิตก่อนจะพินิจได้

 

“เช่นนั้นหากอยู่กับเขาแล้วไม่โชคร้ายแต่โชคดีเล่าล่ะ”

 

“จะพิสูจน์ได้อย่างไร” เซียวสือรุ่ยรู้สึกว่าเหลวไหล

 

เหมยลี่อิงพลันพลันโพรงออกมา “ข้ารู้นะว่าท่านชอบพาสหายเหล่านั้นแอบมุดกำแพงไปทำสิ่งใดยามค่ำคืน”

 

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร !” เซียวสือรุ่ยเฉไฉ

 

เรื่องนี้เป็นความลับของเขากับบรรดาสหายที่ปกปิดเอาไว้จากพวกผู้ใหญ่

 

ยัยเด็กคนนี้จะรู้ได้อย่างไร

 

ก้อนแป้งเหมยเอ่ยต่อว่า “ท่านมักพาพวกเขาไปทดสอบความกล้าเพราะจริงๆ ได้ยินมาว่าในศาลบรรพชนมีขุมสมบัติของตระกูลซ่อนเอาไว้ทว่าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ !”

 

มือเล็กเด็กชายชุดเขียวรีบปิดปากของก้อนแป้งปากมาก ดวงตากลอกไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายใจ

 

ผู้ใดว่าน้องหญิงใหญ่ไม่เคยย่างกรายออกจากเรือนพัก ไฉนจึงหูสุนัขปากสว่างได้ปานนี้

 

เหมยลี่อิงถลึงตา เซียวสือรุ่ยปล่อยมือออกผ่อนลมหายใจทำท่ากลัดกลุ่มราวผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบอย่างแระณีประนอมเมื่อถูกจับจุดอ่อนได้ “เอาล่ะๆ เป็นข้าพี่รองผู้นี้ด้อยกว่าเจ้า เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”

 

เด็กหญิงยืดอกเกทับอย่างมีชัย “ไหนเลยจะสำคัญว่าข้ารู้ได้อย่างไร สำคัญที่จะพิสูจอย่างไรว่าสหายข้ามิใช่ตัวโชคร้ายต่างหาก”

 

“โอ้ เช่นนั้นจะพิสูจน์อย่างไร ?” เด็กชายยังไว้ด้วยสายตาไม่เชื่อถือ

 

รู้สึกว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้หาได้ของเกี่ยวกันไม่

 

 

“หากพวกเราพาเขาไปแล้วทำให้ท่านเจอวาสนาอันดีงามได้ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์”

 

เซียวสือรุ่ยหัวเราะไม่เกรงใจ “เจ้าคิดว่าโชควาสนาเป็นหัวผักกาดที่หาง่ายงั้นหรือ”

 

เหมยลี่อิงมองไปที่นิมิตของหัวผักกาดระดับฟ้าที่รอนางเก็บเกี่ยวพาลยิ้มเยาะในใจ ก่อนกล่าวยั่วยุ “แล้วท่านกล้าหรือไม่”

 

ตามคาด เซียวสือหุนหันรุ่นตกหลุ่มพรางอย่างไร้ซึ้งความเฉลียวใดๆ “ได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์เถอะ”

 

ฐานก่ออิฐคร่ำคร่าบ่งบอกอายุการใช้งาน อาคารกว้างขวางตระง่านสูงใหญ่ เซียวสือรุ่นแทบทำใจเชื่อไม่ได้ว่าเขาเดินผ่านทหารยามมาสง่าผ่าเผย

 

“พวกเราทำเช่นนี้จะดีหรือ?” คุณชายรองเซียวเริ่มถามอย่างไม่แน่ใจ

 

เหมยลี่อิ่งไหวไหล่ “ข้าเพียงมาเยี่ยมมารดาที่ถูกกักบริเวรใช่หรือไม่? มีอันใดดีไม่ดีกัน ถึงใครรู้ก็ไม่มีเหตุจะว่าอันใด เพียงส่งบ่าวรับใช้ไปบอกท่านตาก็พอแล้ว”

 

 

 

แม้ว่าเซียวจงสิงจะไม่ชอบให้สองแม่ลูกใกล้ชิดกันเท่าไร แต่ก็ไม่ได้กีดกันอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นเซียวฟางหรงมากกว่าที่ไม่มาสุงสิงชิดใกล้ ผู้เฒ่าตระกูลเซียวเพียงระวังหลานสาวจากการถูกทำร้ายโดยนาง เหมยลี่อิงเองก็ไม่ได้สนิทสนมนางเท่าไร

 

ไร้ความผูกพัน ไร้ความห่วงหา

 

บางทีนี่อาจเป็นสัญชาตญาณ

 

เพราะเป็นสถานที่ที่มีเพียงทายาทตระกูลเซียวจะเข้าถึงได้ดังนั้นเหล่าแม่นมข้ารับใช้จึงไม่อาจเข้ามาด้านในได้

 

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ไกลอุทัยที่แผดแสงแรงกล้า เงาลูกมนุษย์สามคนดุจลูกหมาน้อยซุกซนสามตัวค่อยๆ ย่ำเท้าเลยจากที่คุมขังผู้กระทำผิดไปยังสถานที่ที่เป็นบริเวรต้องห้าม

หากลูกหมาตัวที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามตัวไม่หูไวบังเอิญได้ยินอะไรเสียก่อนจึงหยุดอีกสองคนไว้

 

“ช้าก่อน!”

 

“อะไร” เซียวสือรุ่ยกระซิบถามอย่างกังวลใจ เขาไม่เคยเข้ามาย่ามกลางวัน ไม่รู้จะถูกจับได้หรือไม่

 

เซียวอวิ๋นหังก็มองรอบกายอย่างระแวดระวัง

 

“ข้าเหมือนได้ยินเสียงพี่ใหญ่”

 

“พี่ใหญ่จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อ้ะ-” เด็กชายชุดเขียวเถียงก่อนจะชะงักเสียงเอียงหูฟัง

 

“เป็นเสียงพี่ใหญ่จริงๆ ไม่สิ เจ้าเพิ่งออกจากเรือนวันแรก แล้วรู้จักเสียงพี่ใหญ่ได้อย่างไร พวกเจ้าแอบพบกันลับหลังข้าหรือไม่?!”

 

“ชู่ว!” เหมยลี่อิงไม่สนฟังเสียงตัดพ้อน้อยใจของอีกฝ่าย นางใช้นิ้วชี้เล็กๆ จุปากเป็นสัญญาณบอกให้พี่ชายคนรองหุบปากเสีย แล้วเงียงหูฟังต่อไป

 

เสียงเด็กชายยังไม่แตกหนุ่มแต่มั่นคงหนักแน่นดังก้อง

 

“ท่านป้า ท่านจะเป็นเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร ควรรู้ว่าท่านปู่และผู้อาวุโสใหญ่ให้โอกาสท่านมากหลายครั้ง”

 

“เหอะ! ให้โอกาสข้า? ด้วยการทำลายชื่อเสียงข้า ยัดเยียดลูกสาวของยัยบ้านั่นให้ข้าน่ะหรือ?”

 

“ปีนั้นไม่มีใครทำลายชื่อเสียงท่านนอกจากตัวท่านเอง อีกอย่างท่านควรกล่าวให้ดีกว่านี้น้องหญิงใหญ่แม้ไม่ใช่สายเลือดท่านก็เป็นหลานสาวท่าน ลูกสาวแท้ๆ ของน้องสาวฝาแฝดที่ท่านทำลาย”

 

“ลูกสาว! หลานสาว! น้องสาว! ไฉนไม่ถามว่าข้าอยากนับญาติกับพวกมันหรือไม่ ข้าไม่มีน้องสาวหรือหลานสาวอะไรทั้งนั้น!”

 

“ไม่ว่าท่านป้าจะปฏิเสธอย่างไร ก็ปฏิเสธความจริงและสายเลือดไม่ได้”

 

เสียงหญิงสาวเริ่มกรีดร้องตามด้วยเสียงปาข้าวของและบ้าคลั่งไป “สายเลือดอะไร ข้าคือคุณใหญ่! เซียวฟางหรูมันก็แค่นางบ้าใบ้! ข้าเซียวฟางหรงคือคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลเซียว!”

 

“หากท่านยังใคร่ควรไม่ได้ ท่านปู่คงได้แต่ให้ท่านไตร่ตรองอยู่ที่นี่ตลอดไปท่านป้า”

 

เซียวฟางหรู

 

ที่แท้มารดาของนางก็มีนามว่าเซียวฟางหรู

 

เหมยลี่อิงท่องนามของมารดาผู้ให้กำเนิดเงียบๆ ในใจ

 

เรื่องที่นางไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของเซียวฟางหรง ตัวนางแน่ใจมานานแล้ว

 

แต่เพียงไม่ทราบว่ามารดาตนใคร นางเคยคิดว่านางอย่างไรก็เป็นสายเลือดของท่านตา มีเพียงท่านตาเท่านั้นที่ดีกับนาง ผู้อื่นก็หาสำคัญไม่

 

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด

 

เมื่อได้ยินนาม เซียวฟางหรู ที่ทั้งสองชีวิตนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนความอ่อนไหวก็บังเกิดในใจ

 

 

สิ่งนี้คือสายใยแม่ลูกหรือไม่?

 

หรือเป็นความโหยหาลึกๆ ในใจในสิ่งที่ไม่เคยได้รับ?

 

เหมยลี่อิงไม่ทราบว่าในใจมีรสชาติอย่างไร ได้แต่ทวนชื่อเซียวฟางหรูซ้ำไปซ้ำมา

 

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เซียวสือรุ่ยมองนางด้วยความกังวลใจ

 

ความลับเรื่องชาติกำเนิดน้องหญิงใหญ่ช่างน่าตกใจนัก ไหนจะฝาแฝดของท่านป้าที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนอีก แต่ไม่อย่างไรนางก็คือน้องสาวของเขา

 

เรื่องราวเหล่านี้ตัวเขาที่เป็นคนนอกยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ ตัวนางเองก็นิ่งงันไปคงก็สะเทือนใจกระมัง

 

อันที่จริงสีหน้าเหมยลี่อิงยามคิดถึงเรื่องนี้ราบเรียบยิ่ง แม้แต่แววตาก็ดุจบ่อน้ำใสไร้ซึ่งระลอกคลื่นไหวแม้แต่น้อย นางยอมรับว่าตนหวั่นไหวใจแต่สำหรับนางที่ได้รับโอกาสในชีวิตใหม่ผ่านการผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในชีวิตมาแล้วหลายครา

 

นี่ไม่นับเป็นอะไรเลยจริง

 

เด็กหญิงยิ้มหวานอย่างไม่คิดอะไรให้พี่รองและเซียวอวิ๋นหังที่ห่วงกังวล แล้วพาพวกเขาออกไปจากตรงนั้น

 

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   บันไดหินทดสอบจิตสำนึก

    บันไดศิลาดำทอดยาวเป็นวงเวียนจรดฟ้า กลางนภาสีครามสว่างเจิดจ้า ฟ้าเหนือศีรษะเป็นหมู่เมฆและดวงตะวัน หันหน้าลงมาเพียงเงาลานหินสีดำและผู้คุ้มสอบที่สีหน้าเย็นชา“ผู้เข้าสอบซ่งหลิงหลิงตกรอบ” ฟ่งปิงเยว่ประกาศ ศิษย์สายนอกสวมเครื่องแบบสีเขียวมรกตดิ้นเงินขึ้นไปรับตัวเด็กหญิงที่ไร้เรี่ยวแรงลงมาด้วยความเร็วแทบเป็นภาพติดตานี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแม้แต่ศิษย์สายนอกของสำนักแพทย์เขาปุบผาก็ยังมีพลังจิตสำนึกในระดับน่าตระหนกผู้รอบการทดสอบเห็นดังนั้นก็พยายามรุดหน้าต่อไป เพราะขอเพียงพวกหยุดช้าเพียงยี่สิบลมหายใจ สายตาอันแหลมคมของผู้คุมสอบก็จะจับจ้องไปยังพวกเขาในทันใด หากมีวี่แววว่าเจ้าจะไปต่อไม่ไหว สุ้มเสียงไร้น้ำใจไมตรีก็ประกาศว่าเจ้าตกรอบทันทีเด็กชายที่อยู่ข้างคนที่เพิ่งประกาศตกรอบไปถึงกับเสียวสันหลังวาบ ขนหัวลุกชี้ชัน กัดฟันเดินต่อแทบไม่คิดชีวิตเสียงสายลมกระพือพัดชายผ้าดุจท้องฟ้าคำรามหวีดวิวอยู่ข้างหู เหมยลี่อิงยังคงก้าวขึ้นบันไดดำอย่างใจเย็น สีดำทะมึนใต้ฟ้าเท้าราวกับมีชีวิตชีวายื่นมือออกมาดึงรั้งขายิ่งกว่าตะกั่วหนัก ช่างเป็นจิตสำนึกนึกอันทรงพลังอะไรเช่นนี้ขั้นที่ห้าสิบ เด็กหญิงยังเดินรุดหน้าด้วยท่าทาง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   การทดสอบเข้าสำนักด่านแรก

    “เหอะ หากข้าไม่ขอโทษแล้วอย่างไร พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้” สวี่อวี้หลันยังคงเย่อหยิ่ง เรื่องอันใดต้องให้นางไปขอโทษคนไม่หัวนอนปลายเท้าจินเกอพ่นลมหายใจคราหนึ่ง เดินผ่านนางเข้าห้องไปเลือกเตียงที่อยู่หัวมุม“พวกเราก็จะได้รู้เช่นเห็นชาติสันดานเจ้ากระมัง”“เจ้า !!”“อวี้หลัน!! เจ้าพอได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน”สุดท้ายแล้วกลับเป็นสวี่ฟางเฟยที่เกลี้ยกล่อมน้องสาวอย่างอดทนพลางขอโทษสหายร่วมห้องแทน คนอื่นๆ ไม่พูดอะไร แม้แต่หลินรั่วอีก็ไม่รับคำขอโทษนั้น มีเพียงเหมยลี่อิงที่มองพวกนางสองพี่น้องอย่างมีความหมายสวี่ฟางเฟยได้แต่ยิ้มเจื่อน นางเองก็อับจนปัญญากระทั่งเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนมาถึงบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างพวกเขาถึงได้ผ่อนคลายลงรุ่งสางอาทิตยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า รัตติกาลกำลังจะจางหาย แสงรำไรเพียงมองเห็นปลายฝ่ามือได้รางๆ ปรางแก้มสีชมพูอิ่มนิ่มนวลคลอเคลียเกศางาม อารามสาวน้อยกอดจิ้งจอกสีขาวขนฟูหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อคืนนางวางค่ายกลป้องกันไว้รอบเตียง จึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจจินเกอที่นอนอยู่เตียงข้างกันพลันลืมตาโผล่ เอื้อมมือคว้ามีดพกในอกเสื้อทันใด ประตูไม้ในเรือนนอนพวกนางเปิดออกโดยไร้ผ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สหายร่วมห้องสอบ

    แสงตะวันพลบค่ำอัสดงสีส้มนวลสว่างฉาบย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นผ้าไหมทองเข้มผืนหนึ่ง เหมยลี่อิงไม่ได้มีเวลาในรำพึงในใจนานนัก รองเท้าปักเดินก้าวตามขบวนคุ้มกันเข้าสู้สำนักในที่สุดพวกนางเดินตามสันเขาชมเมฆา ม่านหมอกเมฆหนาทึบลอยเอื่อยอ้อยอิ่ง กิ่งพัดใบไม่ไหวตามสายลมดังเคล้า เหล่าภมรปราณเริงร่าชมแนวผกาทอดทิวเขา ราวเหล่าภูติกระซิบสำเนียงแห่งพงไพร หัวใจที่เต้นกระหน่ำของเด็กหญิงก็ค่อยๆ เบาลง “เจ้าเป็นอะไรไป” จิงซิงเฉินถามเมื่อเห็นนางเหม่อลอย เหมยลี่อิงส่ายหน้าหยิบองหญิงจิ้งจอกหน่อยสีขาวฟูออกมาจากถุงเลี้ยงสัตว์ โม่เสวี่ยงัวเงียอยู่ในอ้อมแขนนางพลางหาวหวาดแม้แต่ตายังไม่ลืม “นั่นสัตว์สัญญาของเจ้าหรือ สายเลือดไม่เลวเลย แต่เจ้าต้องระวังการทดสอบไม่อนุญาติให้ใช้สัตว์ปราณช่วยเหลือเจ้าสามารฝากไว้ที่โถงสำนักระหว่างการสอบได้” ศิษย์หญิงที่เป็นผู้นำขบวนมากล่าวกับนางเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบเฉยผู้ไม่สนิทย่อมฟังไม่ออกถึงความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ชาติที่แล้วนางคบหากับศิษย์พี่หญิงจางผิงจูมาหลายปีไหนเลยจะไม่ออก เหมยลี่อิงคลี่ยิ้มจนตาปิด เด็กหญิงนัยน์ตาดอกท้อใสกระจ่าง เรื่องหน้าจิ้มลิ้มม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   นางมาถึงแล้ว

    เสียงกระบี่ฟาดฟันไล่ล่า คลื่นพลังปราณประทุเดือดพล่านทำลายป่าไม้ล้มระเนระนาด เหมยลี่อิงกับจิงซิงเฉินเห็นผู้ถูกไล่ล่าก็ม่านตาหดแคบ เป็นหลงเทียนสือผู้นั้นที่เคยมีปากเสียงกันที่โรงเตี๊ยมตงฟู ยามนี้ที่เด็กชายที่จมูกชี้ฟ้าสง่างามยิ่งผยองกลับไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีของเขาในยามนี้ล้วนขาดวิ่นเนื้อตัวเต็มไปตัวบาดแผลฉกรร บางตำแหน่งลึกแทบเห็นกระดูก หากไม่ได้ผู้คุ้มกันทั้งสองสละชีวิตรั้งศัตรูไว้ตัวเขาก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เด็กผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าหนีการไล่ล่ามา เมื่อพวกจิงซิงเฉินในแววตาก็ปรากฎแววโล่งใจ แคว้นหลงกับแคว้นจินอยู่ข้างเคียงกัน ราชวงศ์ของพวกเขาล้วนมีความสัมพันธ์อันดี ถึงขึ้นมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันมาหลายรุ่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จิงซิงเฉินไม่อาจปล่อยให้เขาตายโดยไม่ช่วยเหลือ หลงเทียนสือแม้หยิ่งผยองแต่ไม่ใช่ตัวโง่งม เพียงประสานมือคาราวะพวกเขานัยต์ทอแววอับอายอยู่บ้าง “บุญคุณครั้งนี้ข้าจะทดแทนภายหลังอย่างแน่นอน” จิงซิงเฉินลังเลเล็กน้อยหากมีเพียงเขาคนเดียวย่อมลงมือช่วยเหลืออีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร แต่ยามนี้เพื่อนร่วม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อ้ายฉินฮวา

    ปัง ! กระแทกผนังจนแตกกระจาย ผนังไม่กลับเป็นเพียงรอยขีดข่วน ผู้คุ้มกันทั้งลายออกมาคุ้มกันคุณหนูคุณชายของพวกเขาไว้ตรงกลางป้องกันการโดนลูกหลง เหมยลี่อิงอดพำพึมไม่ได้ “ช่างเป็นพนังไม้ที่แข็งแกร่งสมคำโอ่จริงๆ” “อาศัยสวะเช่นเจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้า ช่างไม่รู้จักคำว่า ‘ตาย’สะกดอย่างไร” ดรุณีนางหนึ่งหน้าตาสระสวยสะพายกระบี่เล่มใหญ่ ระเบิดพลังสวะของหนิงม่ายออกมาเต็มที่ พวกเหมยลี่อิงมีผู้คุ้มกัยปิดป้องย่อมไม่เป็นไร เหล่าเสี่ยวเอ้อร์ล้วนหลับไปยังค่ายกลหลังร้านอย่างรู้หน้าที่ มีเพียงรู้ค้าบ้างคนพลังฝีมือต่ำอยู่บ้างทุกลูกหลงกันไปหอมปากหอมคอ ไม่มีใครเข้าไปห้าม ประการแรกเพราะยอกข้าวของในร้านแล้วไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย นับว่าหญิงสาวนางนั้นควบคุมตนเองได้ดีอยู่บ้าง ประการที่สองผู้ใดจะอยากหาเรื่องใส่ตัวด้วยการแส่เรื่องของผู้อื่น หญิงสาวนางนั้นร่างกายไม่กำยำแต่สังขารแข็งแกร่งยิ่ง ปราบอันธพาลรานถิ่นที่กล่าววาจาแทะโลมนางด้วยหมัดหลุนๆ อีกหมัดตามด้วยอีกหมัด เสียงถูกชกอย่างรุนแรงปานนี้ อันธพาลผู้นั้นโดนอัดไม่กี่ทีก็หลงเหลือเพียงลมหายใจรวยริน ถู

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   จิงซิงเฉิน

    “ข้าจ่ายไปสองจิงสือระดับสามเมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาให้ เช่นนั้นมิสู้ให้ข้าสี่จิงสือระดับสามเถอะ”หลงเทียนสือแม้มาจากแคว้นไหนแต่ไม่ใช่ตระกูลยอดยุทธไม่มีเหมืองหินผลึกปราณ เขาไหนเลยจะมีจิงสือมากมายปานนั้น ขณะกำลังจะทักท้วงมองเห็นรูปโฉมของคนที่ออกมาจากประตูเสียงก็พลันขากห้วงไป“นี่เจ้ากะจะปล้นชิงกันหร--”“ข้าจ่ายให้เขาราคานี่จริงๆ เมื่อท่านเสนอเพิ่มราคาก็สมควรใจกว้างกว่านี้สักหน่อย”เหมยลี่อิงงามยามนี้สวมผ้าคลุมเพียงครึ่งหน้า เห็นคิวโก่งเรียวดุจใบหลิว แพขนตาเงาหนาดุจม่านฝน นัยต์ตาดอกท้อสวยหวานราวลูกกวางทั้งเย้ายวนทั้งดูไร้เดียงสา เพียงเท่านี้ก็เผยรูปลักษณ์ปานหยาดฟ้ามาดินของนางจนผู้มองอดไม่ได้จะสูดลมหายใจลึกกับการงานห้องนั้นนางหาได้มีปัญหาอันใด เพียงเหมยลี่อิงไม่ชมชอบพฤติการณ์ของคนผู้นี้ฝ่ายหลงเทียนสือผู้ถูกสบประมาท ตัวเขามาจากราชวงศ์แคว้นใหญ่แคว้นหนึ่ง แต่ไหนแต่ไหนก็ไม่เคยไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เด็กหญิงนางนี้กลับกล้าขัดใจเขา แม้เด็กหญิงผู้นั้นจะเป็นสาวงาม แต่ตัวเขาเป็นลูกผู้ชายกลับถูกผู้อื่นหยามว่าใจไม่กว้างพอ เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็กทั้งสองรวามถึงผู้คุ้มกันฝ่ายพวกเขาจ้องมองกันด้วยความเป็นป

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status