Share

เซียวฟางฟรู เซียวฟาวหรง

last update Dernière mise à jour: 2025-04-19 14:10:43

 

“เขาที่ว่านั่นคือผู้ใดกันเจ้าคะ การเลือกทำกับผู้อื่นเช่นนั้นเพราะความเชื่อที่ไร้ที่มาที่ไปนั่นนั่นคร่ำครึยิ่ง”

 

เหมยลี่อิงยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ นางอยู่ในโลกจำลองมานานรับเอาค่านิยมเรื่องความเท่าเทียมและความขัดแย้งทางเผ่าพันธุ์มามาก ทั้งยังมองว่าอคติของพี่รองของนางนั้นไม่ดีต่อตัวเขาเท่าไรไม่ว่าในอตีดชาติหรือปัจจุบันก็ดี

 

เซียวสือรุ่ยแม้จะซุกซนแขวกขนบ แต่ทระนงถือดียิ่ง แม้เขาจะฉลาดเฉลียวเพียงใดโลกทัศน์ก็ยังแคบนัก สายตาไม่กว่างไกล ผนวกกับความภาคภูมิใจและความเย่อยิ่งแบบเด็กๆ ที่ถูกปลูกฝังมาของชนชั้นสูงทำให้รับสิ่งที่นางพูดไม่ได้

 

เขาได้แต่คิดว่าน้องหญิงถูกขังอยู่ในเรือนมานานเกินไป ไม่มีใครสอนสิ่งเหล่านี้ให้นางจึงถูกพวกมารหลอกลวงเอาได้ ส่วนท่านปู่ตามตามใจน้องยิ่งมากเกินไป

 

เช่นนี้ใช้การไม่ได้

 

ในฐานะพี่ชายที่ดีเขาต้องนำทางมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

 

ทั้งสองถกเถียงกันไปไม่มีใครมองสีหน้า ‘มาร’ ที่อยู่ในบทสนทนา

 

เซียวอวิ๋นหังยามนี้สับสนในใจ ใช่ เขาเองก็เคยได้ยินว่าใครที่อยู่ใกล้เผ่ามารจะโชคร้าย นี่เป็นเหตุผลที่แม้แต่บ่าวไพร่ในตระกูลเซียวก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขา

 

ด้วยสถานะของนางที่เป็นคุณหนูใหญ่ มีเหตุผลใดไฉนต้องกล่าวปกเขาถึงเพียงนี้

 

เซียวอวิ๋นหังรู้สึกฉงนงุนงงพร้อมความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

 

ภาพเด็กสาวตัวเล็กกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ นางยังเล็กนัก แตกต่างจากเขามาก ดูนุ่มนิ่มประหนึ่งก้อนแป้งเหนียวๆ ดุจคล้ายเอามือบีบก็เกรงจะละลายเหลวสะท้อนในแก้วตาสีเทาขุ่นของเด็กชาย

 

ริมฝีปากแดงเล็กๆ หุบๆ อ้าๆ เปล่งเสียงใสราวกระดิ่งแก้วออกมา ดวงตาแวววาวฉ่ำน้ำแดงรื้นเพราะเถียงไม่ได้ดังใจ แก้มยุ่ยกระเพื่อมขึ้นลงไวๆ เหมือนลูกหนูตัวเล็กๆ

 

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดนัก ทั้งอ่อนจาง ไหลเอื่อยเชื่องช้า ประดุจธารน้ำไหล เทียบไม่ได้กลับทะเลทรายอันแห้งแล้งที่ทับถมใจ ความอ่อนโยนละมุนละไมที่สัมผัสเนื้อหนังที่แตกระแห้งไม่สามารถงอกงามในทันใด ทว่ากลับสลักตราตรึงไว้ในจิตก่อนจะพินิจได้

 

“เช่นนั้นหากอยู่กับเขาแล้วไม่โชคร้ายแต่โชคดีเล่าล่ะ”

 

“จะพิสูจน์ได้อย่างไร” เซียวสือรุ่ยรู้สึกว่าเหลวไหล

 

เหมยลี่อิงพลันพลันโพรงออกมา “ข้ารู้นะว่าท่านชอบพาสหายเหล่านั้นแอบมุดกำแพงไปทำสิ่งใดยามค่ำคืน”

 

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร !” เซียวสือรุ่ยเฉไฉ

 

เรื่องนี้เป็นความลับของเขากับบรรดาสหายที่ปกปิดเอาไว้จากพวกผู้ใหญ่

 

ยัยเด็กคนนี้จะรู้ได้อย่างไร

 

ก้อนแป้งเหมยเอ่ยต่อว่า “ท่านมักพาพวกเขาไปทดสอบความกล้าเพราะจริงๆ ได้ยินมาว่าในศาลบรรพชนมีขุมสมบัติของตระกูลซ่อนเอาไว้ทว่าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ !”

 

มือเล็กเด็กชายชุดเขียวรีบปิดปากของก้อนแป้งปากมาก ดวงตากลอกไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายใจ

 

ผู้ใดว่าน้องหญิงใหญ่ไม่เคยย่างกรายออกจากเรือนพัก ไฉนจึงหูสุนัขปากสว่างได้ปานนี้

 

เหมยลี่อิงถลึงตา เซียวสือรุ่ยปล่อยมือออกผ่อนลมหายใจทำท่ากลัดกลุ่มราวผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบอย่างแระณีประนอมเมื่อถูกจับจุดอ่อนได้ “เอาล่ะๆ เป็นข้าพี่รองผู้นี้ด้อยกว่าเจ้า เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”

 

เด็กหญิงยืดอกเกทับอย่างมีชัย “ไหนเลยจะสำคัญว่าข้ารู้ได้อย่างไร สำคัญที่จะพิสูจอย่างไรว่าสหายข้ามิใช่ตัวโชคร้ายต่างหาก”

 

“โอ้ เช่นนั้นจะพิสูจน์อย่างไร ?” เด็กชายยังไว้ด้วยสายตาไม่เชื่อถือ

 

รู้สึกว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้หาได้ของเกี่ยวกันไม่

 

 

“หากพวกเราพาเขาไปแล้วทำให้ท่านเจอวาสนาอันดีงามได้ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์”

 

เซียวสือรุ่ยหัวเราะไม่เกรงใจ “เจ้าคิดว่าโชควาสนาเป็นหัวผักกาดที่หาง่ายงั้นหรือ”

 

เหมยลี่อิงมองไปที่นิมิตของหัวผักกาดระดับฟ้าที่รอนางเก็บเกี่ยวพาลยิ้มเยาะในใจ ก่อนกล่าวยั่วยุ “แล้วท่านกล้าหรือไม่”

 

ตามคาด เซียวสือหุนหันรุ่นตกหลุ่มพรางอย่างไร้ซึ้งความเฉลียวใดๆ “ได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์เถอะ”

 

ฐานก่ออิฐคร่ำคร่าบ่งบอกอายุการใช้งาน อาคารกว้างขวางตระง่านสูงใหญ่ เซียวสือรุ่นแทบทำใจเชื่อไม่ได้ว่าเขาเดินผ่านทหารยามมาสง่าผ่าเผย

 

“พวกเราทำเช่นนี้จะดีหรือ?” คุณชายรองเซียวเริ่มถามอย่างไม่แน่ใจ

 

เหมยลี่อิ่งไหวไหล่ “ข้าเพียงมาเยี่ยมมารดาที่ถูกกักบริเวรใช่หรือไม่? มีอันใดดีไม่ดีกัน ถึงใครรู้ก็ไม่มีเหตุจะว่าอันใด เพียงส่งบ่าวรับใช้ไปบอกท่านตาก็พอแล้ว”

 

 

 

แม้ว่าเซียวจงสิงจะไม่ชอบให้สองแม่ลูกใกล้ชิดกันเท่าไร แต่ก็ไม่ได้กีดกันอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นเซียวฟางหรงมากกว่าที่ไม่มาสุงสิงชิดใกล้ ผู้เฒ่าตระกูลเซียวเพียงระวังหลานสาวจากการถูกทำร้ายโดยนาง เหมยลี่อิงเองก็ไม่ได้สนิทสนมนางเท่าไร

 

ไร้ความผูกพัน ไร้ความห่วงหา

 

บางทีนี่อาจเป็นสัญชาตญาณ

 

เพราะเป็นสถานที่ที่มีเพียงทายาทตระกูลเซียวจะเข้าถึงได้ดังนั้นเหล่าแม่นมข้ารับใช้จึงไม่อาจเข้ามาด้านในได้

 

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ไกลอุทัยที่แผดแสงแรงกล้า เงาลูกมนุษย์สามคนดุจลูกหมาน้อยซุกซนสามตัวค่อยๆ ย่ำเท้าเลยจากที่คุมขังผู้กระทำผิดไปยังสถานที่ที่เป็นบริเวรต้องห้าม

หากลูกหมาตัวที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามตัวไม่หูไวบังเอิญได้ยินอะไรเสียก่อนจึงหยุดอีกสองคนไว้

 

“ช้าก่อน!”

 

“อะไร” เซียวสือรุ่ยกระซิบถามอย่างกังวลใจ เขาไม่เคยเข้ามาย่ามกลางวัน ไม่รู้จะถูกจับได้หรือไม่

 

เซียวอวิ๋นหังก็มองรอบกายอย่างระแวดระวัง

 

“ข้าเหมือนได้ยินเสียงพี่ใหญ่”

 

“พี่ใหญ่จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อ้ะ-” เด็กชายชุดเขียวเถียงก่อนจะชะงักเสียงเอียงหูฟัง

 

“เป็นเสียงพี่ใหญ่จริงๆ ไม่สิ เจ้าเพิ่งออกจากเรือนวันแรก แล้วรู้จักเสียงพี่ใหญ่ได้อย่างไร พวกเจ้าแอบพบกันลับหลังข้าหรือไม่?!”

 

“ชู่ว!” เหมยลี่อิงไม่สนฟังเสียงตัดพ้อน้อยใจของอีกฝ่าย นางใช้นิ้วชี้เล็กๆ จุปากเป็นสัญญาณบอกให้พี่ชายคนรองหุบปากเสีย แล้วเงียงหูฟังต่อไป

 

เสียงเด็กชายยังไม่แตกหนุ่มแต่มั่นคงหนักแน่นดังก้อง

 

“ท่านป้า ท่านจะเป็นเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร ควรรู้ว่าท่านปู่และผู้อาวุโสใหญ่ให้โอกาสท่านมากหลายครั้ง”

 

“เหอะ! ให้โอกาสข้า? ด้วยการทำลายชื่อเสียงข้า ยัดเยียดลูกสาวของยัยบ้านั่นให้ข้าน่ะหรือ?”

 

“ปีนั้นไม่มีใครทำลายชื่อเสียงท่านนอกจากตัวท่านเอง อีกอย่างท่านควรกล่าวให้ดีกว่านี้น้องหญิงใหญ่แม้ไม่ใช่สายเลือดท่านก็เป็นหลานสาวท่าน ลูกสาวแท้ๆ ของน้องสาวฝาแฝดที่ท่านทำลาย”

 

“ลูกสาว! หลานสาว! น้องสาว! ไฉนไม่ถามว่าข้าอยากนับญาติกับพวกมันหรือไม่ ข้าไม่มีน้องสาวหรือหลานสาวอะไรทั้งนั้น!”

 

“ไม่ว่าท่านป้าจะปฏิเสธอย่างไร ก็ปฏิเสธความจริงและสายเลือดไม่ได้”

 

เสียงหญิงสาวเริ่มกรีดร้องตามด้วยเสียงปาข้าวของและบ้าคลั่งไป “สายเลือดอะไร ข้าคือคุณใหญ่! เซียวฟางหรูมันก็แค่นางบ้าใบ้! ข้าเซียวฟางหรงคือคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลเซียว!”

 

“หากท่านยังใคร่ควรไม่ได้ ท่านปู่คงได้แต่ให้ท่านไตร่ตรองอยู่ที่นี่ตลอดไปท่านป้า”

 

เซียวฟางหรู

 

ที่แท้มารดาของนางก็มีนามว่าเซียวฟางหรู

 

เหมยลี่อิงท่องนามของมารดาผู้ให้กำเนิดเงียบๆ ในใจ

 

เรื่องที่นางไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของเซียวฟางหรง ตัวนางแน่ใจมานานแล้ว

 

แต่เพียงไม่ทราบว่ามารดาตนใคร นางเคยคิดว่านางอย่างไรก็เป็นสายเลือดของท่านตา มีเพียงท่านตาเท่านั้นที่ดีกับนาง ผู้อื่นก็หาสำคัญไม่

 

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด

 

เมื่อได้ยินนาม เซียวฟางหรู ที่ทั้งสองชีวิตนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนความอ่อนไหวก็บังเกิดในใจ

 

 

สิ่งนี้คือสายใยแม่ลูกหรือไม่?

 

หรือเป็นความโหยหาลึกๆ ในใจในสิ่งที่ไม่เคยได้รับ?

 

เหมยลี่อิงไม่ทราบว่าในใจมีรสชาติอย่างไร ได้แต่ทวนชื่อเซียวฟางหรูซ้ำไปซ้ำมา

 

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เซียวสือรุ่ยมองนางด้วยความกังวลใจ

 

ความลับเรื่องชาติกำเนิดน้องหญิงใหญ่ช่างน่าตกใจนัก ไหนจะฝาแฝดของท่านป้าที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนอีก แต่ไม่อย่างไรนางก็คือน้องสาวของเขา

 

เรื่องราวเหล่านี้ตัวเขาที่เป็นคนนอกยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ ตัวนางเองก็นิ่งงันไปคงก็สะเทือนใจกระมัง

 

อันที่จริงสีหน้าเหมยลี่อิงยามคิดถึงเรื่องนี้ราบเรียบยิ่ง แม้แต่แววตาก็ดุจบ่อน้ำใสไร้ซึ่งระลอกคลื่นไหวแม้แต่น้อย นางยอมรับว่าตนหวั่นไหวใจแต่สำหรับนางที่ได้รับโอกาสในชีวิตใหม่ผ่านการผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ในชีวิตมาแล้วหลายครา

 

นี่ไม่นับเป็นอะไรเลยจริง

 

เด็กหญิงยิ้มหวานอย่างไม่คิดอะไรให้พี่รองและเซียวอวิ๋นหังที่ห่วงกังวล แล้วพาพวกเขาออกไปจากตรงนั้น

 

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   เรือนเหมยจรุง

    เหมยลี่อิงตื่นขึ้นมาอีกคราก็มองเห็นแต่เพดานไม้ รอบๆ กาย กลิ่นสมุนไพรฉุนกึกพวยพุ่งเข้าสู่โสตประสาทจนสมองนางแทบจะมึนเบลอ- “เจ้าฟื้นแล้วเหรอ” เป็นเสียงแหบห้าวของเด็กสาวนามว่าจินเกอ เหมยลี่อิงหันหน้าไปมองพบว่านางนอนอยู่เตียงข้างๆ กันนี่เอง เหมยลี่อิงค่อยยันตัวขึ้นกล้ามเนื้อทั่วร่างนางเหมือนถูกป่นจนแหลกแหละ แขนที่ค้ำยันกับเตียงเจ็บร้าวจนต้องสูดลมหายใจลึก ใช้เวลาปรับร่างกายสักพักนางจึงค่อยตั้งสติมองไปรอบๆ ได้ ในเรือนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยเตียงมากมายวางเรียงราย บางมีสหายร่วมสอบที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง “ที่นี่คือ ?” “เรือนเหมยจรุง เป็นเรือนพยาบาลผู้ป่วย เจ้าถึงกับสลบไปสามวันเลยนะ นับว่าสุดยอดยิ่งนัก ” เหมยลี่อิงได้ยินดังนั้นก็ทำตัวไม่ถูกหมดสติไปนานขนาดนี้นับว่าดีอย่างไร จินเกอเห็นนางทำสีหน้างงงวยก็อธิบายให้อย่างมีน้ำใจ สุ้มเสียงของนางเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือ “เจ้าฝืนขึ้นไปยังขั้นสูงสุดที่ไม่มีผู้ใดเคยไปถึงมาก่อนตั้งแต่สำนักก่อตั้ง แม้แต่ศิษย์พี่หญิงผู้คุ้มสอบยังถูกลงโทษเพื่อเจ้า เจ้าไม่เรียกว่าสุดยอดได้อย่างไร เจ้าไม่ลองดูว่าเจ้าได้ผลประโยชน์

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   บันไดหินทดสอบจิตสำนึก

    บันไดศิลาดำทอดยาวเป็นวงเวียนจรดฟ้า กลางนภาสีครามสว่างเจิดจ้า ฟ้าเหนือศีรษะเป็นหมู่เมฆและดวงตะวัน หันหน้าลงมาเพียงเงาลานหินสีดำและผู้คุ้มสอบที่สีหน้าเย็นชา“ผู้เข้าสอบซ่งหลิงหลิงตกรอบ” ฟ่งปิงเยว่ประกาศ ศิษย์สายนอกสวมเครื่องแบบสีเขียวมรกตดิ้นเงินขึ้นไปรับตัวเด็กหญิงที่ไร้เรี่ยวแรงลงมาด้วยความเร็วแทบเป็นภาพติดตานี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแม้แต่ศิษย์สายนอกของสำนักแพทย์เขาปุบผาก็ยังมีพลังจิตสำนึกในระดับน่าตระหนกผู้รอบการทดสอบเห็นดังนั้นก็พยายามรุดหน้าต่อไป เพราะขอเพียงพวกหยุดช้าเพียงยี่สิบลมหายใจ สายตาอันแหลมคมของผู้คุมสอบก็จะจับจ้องไปยังพวกเขาในทันใด หากมีวี่แววว่าเจ้าจะไปต่อไม่ไหว สุ้มเสียงไร้น้ำใจไมตรีก็ประกาศว่าเจ้าตกรอบทันทีเด็กชายที่อยู่ข้างคนที่เพิ่งประกาศตกรอบไปถึงกับเสียวสันหลังวาบ ขนหัวลุกชี้ชัน กัดฟันเดินต่อแทบไม่คิดชีวิตเสียงสายลมกระพือพัดชายผ้าดุจท้องฟ้าคำรามหวีดวิวอยู่ข้างหู เหมยลี่อิงยังคงก้าวขึ้นบันไดดำอย่างใจเย็น สีดำทะมึนใต้ฟ้าเท้าราวกับมีชีวิตชีวายื่นมือออกมาดึงรั้งขายิ่งกว่าตะกั่วหนัก ช่างเป็นจิตสำนึกนึกอันทรงพลังอะไรเช่นนี้ขั้นที่ห้าสิบ เด็กหญิงยังเดินรุดหน้าด้วยท่าทาง

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   การทดสอบเข้าสำนักด่านแรก

    “เหอะ หากข้าไม่ขอโทษแล้วอย่างไร พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้” สวี่อวี้หลันยังคงเย่อหยิ่ง เรื่องอันใดต้องให้นางไปขอโทษคนไม่หัวนอนปลายเท้าจินเกอพ่นลมหายใจคราหนึ่ง เดินผ่านนางเข้าห้องไปเลือกเตียงที่อยู่หัวมุม“พวกเราก็จะได้รู้เช่นเห็นชาติสันดานเจ้ากระมัง”“เจ้า !!”“อวี้หลัน!! เจ้าพอได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน”สุดท้ายแล้วกลับเป็นสวี่ฟางเฟยที่เกลี้ยกล่อมน้องสาวอย่างอดทนพลางขอโทษสหายร่วมห้องแทน คนอื่นๆ ไม่พูดอะไร แม้แต่หลินรั่วอีก็ไม่รับคำขอโทษนั้น มีเพียงเหมยลี่อิงที่มองพวกนางสองพี่น้องอย่างมีความหมายสวี่ฟางเฟยได้แต่ยิ้มเจื่อน นางเองก็อับจนปัญญากระทั่งเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนมาถึงบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างพวกเขาถึงได้ผ่อนคลายลงรุ่งสางอาทิตยายังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า รัตติกาลกำลังจะจางหาย แสงรำไรเพียงมองเห็นปลายฝ่ามือได้รางๆ ปรางแก้มสีชมพูอิ่มนิ่มนวลคลอเคลียเกศางาม อารามสาวน้อยกอดจิ้งจอกสีขาวขนฟูหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อคืนนางวางค่ายกลป้องกันไว้รอบเตียง จึงสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจจินเกอที่นอนอยู่เตียงข้างกันพลันลืมตาโผล่ เอื้อมมือคว้ามีดพกในอกเสื้อทันใด ประตูไม้ในเรือนนอนพวกนางเปิดออกโดยไร้ผ

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   สหายร่วมห้องสอบ

    แสงตะวันพลบค่ำอัสดงสีส้มนวลสว่างฉาบย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นผ้าไหมทองเข้มผืนหนึ่ง เหมยลี่อิงไม่ได้มีเวลาในรำพึงในใจนานนัก รองเท้าปักเดินก้าวตามขบวนคุ้มกันเข้าสู้สำนักในที่สุดพวกนางเดินตามสันเขาชมเมฆา ม่านหมอกเมฆหนาทึบลอยเอื่อยอ้อยอิ่ง กิ่งพัดใบไม่ไหวตามสายลมดังเคล้า เหล่าภมรปราณเริงร่าชมแนวผกาทอดทิวเขา ราวเหล่าภูติกระซิบสำเนียงแห่งพงไพร หัวใจที่เต้นกระหน่ำของเด็กหญิงก็ค่อยๆ เบาลง “เจ้าเป็นอะไรไป” จิงซิงเฉินถามเมื่อเห็นนางเหม่อลอย เหมยลี่อิงส่ายหน้าหยิบองหญิงจิ้งจอกหน่อยสีขาวฟูออกมาจากถุงเลี้ยงสัตว์ โม่เสวี่ยงัวเงียอยู่ในอ้อมแขนนางพลางหาวหวาดแม้แต่ตายังไม่ลืม “นั่นสัตว์สัญญาของเจ้าหรือ สายเลือดไม่เลวเลย แต่เจ้าต้องระวังการทดสอบไม่อนุญาติให้ใช้สัตว์ปราณช่วยเหลือเจ้าสามารฝากไว้ที่โถงสำนักระหว่างการสอบได้” ศิษย์หญิงที่เป็นผู้นำขบวนมากล่าวกับนางเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบเฉยผู้ไม่สนิทย่อมฟังไม่ออกถึงความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ชาติที่แล้วนางคบหากับศิษย์พี่หญิงจางผิงจูมาหลายปีไหนเลยจะไม่ออก เหมยลี่อิงคลี่ยิ้มจนตาปิด เด็กหญิงนัยน์ตาดอกท้อใสกระจ่าง เรื่องหน้าจิ้มลิ้มม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   นางมาถึงแล้ว

    เสียงกระบี่ฟาดฟันไล่ล่า คลื่นพลังปราณประทุเดือดพล่านทำลายป่าไม้ล้มระเนระนาด เหมยลี่อิงกับจิงซิงเฉินเห็นผู้ถูกไล่ล่าก็ม่านตาหดแคบ เป็นหลงเทียนสือผู้นั้นที่เคยมีปากเสียงกันที่โรงเตี๊ยมตงฟู ยามนี้ที่เด็กชายที่จมูกชี้ฟ้าสง่างามยิ่งผยองกลับไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสเลยแม้แต่น้อย เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีของเขาในยามนี้ล้วนขาดวิ่นเนื้อตัวเต็มไปตัวบาดแผลฉกรร บางตำแหน่งลึกแทบเห็นกระดูก หากไม่ได้ผู้คุ้มกันทั้งสองสละชีวิตรั้งศัตรูไว้ตัวเขาก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เด็กผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าหนีการไล่ล่ามา เมื่อพวกจิงซิงเฉินในแววตาก็ปรากฎแววโล่งใจ แคว้นหลงกับแคว้นจินอยู่ข้างเคียงกัน ราชวงศ์ของพวกเขาล้วนมีความสัมพันธ์อันดี ถึงขึ้นมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันมาหลายรุ่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จิงซิงเฉินไม่อาจปล่อยให้เขาตายโดยไม่ช่วยเหลือ หลงเทียนสือแม้หยิ่งผยองแต่ไม่ใช่ตัวโง่งม เพียงประสานมือคาราวะพวกเขานัยต์ทอแววอับอายอยู่บ้าง “บุญคุณครั้งนี้ข้าจะทดแทนภายหลังอย่างแน่นอน” จิงซิงเฉินลังเลเล็กน้อยหากมีเพียงเขาคนเดียวย่อมลงมือช่วยเหลืออีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร แต่ยามนี้เพื่อนร่วม

  • ระบบเพิ่มพูนวาสนา บพิธมิสิ้นไร้วาสนาบุปผาตระการ   อ้ายฉินฮวา

    ปัง ! กระแทกผนังจนแตกกระจาย ผนังไม่กลับเป็นเพียงรอยขีดข่วน ผู้คุ้มกันทั้งลายออกมาคุ้มกันคุณหนูคุณชายของพวกเขาไว้ตรงกลางป้องกันการโดนลูกหลง เหมยลี่อิงอดพำพึมไม่ได้ “ช่างเป็นพนังไม้ที่แข็งแกร่งสมคำโอ่จริงๆ” “อาศัยสวะเช่นเจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้า ช่างไม่รู้จักคำว่า ‘ตาย’สะกดอย่างไร” ดรุณีนางหนึ่งหน้าตาสระสวยสะพายกระบี่เล่มใหญ่ ระเบิดพลังสวะของหนิงม่ายออกมาเต็มที่ พวกเหมยลี่อิงมีผู้คุ้มกัยปิดป้องย่อมไม่เป็นไร เหล่าเสี่ยวเอ้อร์ล้วนหลับไปยังค่ายกลหลังร้านอย่างรู้หน้าที่ มีเพียงรู้ค้าบ้างคนพลังฝีมือต่ำอยู่บ้างทุกลูกหลงกันไปหอมปากหอมคอ ไม่มีใครเข้าไปห้าม ประการแรกเพราะยอกข้าวของในร้านแล้วไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย นับว่าหญิงสาวนางนั้นควบคุมตนเองได้ดีอยู่บ้าง ประการที่สองผู้ใดจะอยากหาเรื่องใส่ตัวด้วยการแส่เรื่องของผู้อื่น หญิงสาวนางนั้นร่างกายไม่กำยำแต่สังขารแข็งแกร่งยิ่ง ปราบอันธพาลรานถิ่นที่กล่าววาจาแทะโลมนางด้วยหมัดหลุนๆ อีกหมัดตามด้วยอีกหมัด เสียงถูกชกอย่างรุนแรงปานนี้ อันธพาลผู้นั้นโดนอัดไม่กี่ทีก็หลงเหลือเพียงลมหายใจรวยริน ถู

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status