แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์
สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้าง
ในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสาม
สรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว
“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”
แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเอง
บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อชีวิตที่เป็นอยู่ก็ได้...มีเงินมากเกินไปก็คงทุกข์เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้อย่างไรกระมัง
วันถัดมา แพรพิไลก็ยังคงติดตามครองขวัญเช่นเคย แต่วันนี้เธอเปลี่ยนรถที่ใช้ติดตาม และแต่งตัวแต่งหน้าแตกต่างไปจากเมื่อวานเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจำได้ ซึ่งกิจวัตรประจำวันของครองขวัญยังคงเป็นการเข้าร้านเสริมสวย ร้านสปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารหรู แต่ตกกลางคืนเจ้าตัวกลับไปเปลี่ยนชุดที่คฤหาสน์เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงสดเนื้อผ้าพลิ้วไหวยามก้าวเดิน กระโปรงบานทิ้งตัวระดับเข่ามีประกายระยิบระยับล้อกับแสงไฟที่ตกต้องเนื้อผ้า
“ชุดแบบนี้แปลว่าวันนี้จะไปที่คลับเฮราสินะ” เธอพูดพลางหันมองชุดของตัวเองที่แขวนไว้หลังเบาะแล้วได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน ตอนแรกที่เตรียมชุดนี้มาเธอยังกลัวว่ามันจะเว่อร์วังอลังการมากเกินไป แต่พอเห็นชุดของครองขวัญแล้วกลับกลายเป็นว่าชุดของเธอจืดสนิท
“แสดงว่าที่นี่แต่งตัวประชันกันสุดฤทธิ์ ถ้าต้องมาบ่อย ๆ แล้วจะเอาชุดที่ไหนใส่มาล่ะเนี่ย” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด จากนั้นใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในหัว
“อื้ม...เรื่องแบบนี้ต้องให้ลินดาช่วยเสียแล้ว”
ลินดา หรือเรืองฤทธิ์ สาวประเภทสอง เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ซึ่งตอนนี้เปิดร้านให้เช่าชุดคอสเพลย์ รวมไปถึงชุดราตรีและชุดออกงานต่าง ๆ ตอนที่กลับมาจากเมืองนอกใหม่ ๆ เธอเคยไปเยี่ยมเยือนอยู่หลายครั้ง งานศพของบิดาเธอ ลินดาก็มาช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่หลายวัน
แพรพิไลขับรถตามครองขวัญอยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงสถานที่โอ่อ่ากว้างขวางแห่งหนึ่ง เธอเหลือบมองตัวอักษรสีทองที่อยู่ด้านหน้าโดมขนาดใหญ่ ซึ่งทำเลียนแบบสิ่งปลูกสร้างกลางทะเลทรายสมัยอียิปต์โบราณ ตรงประตูทางเข้ามีสฟิงซ์สองตัววางตั้งไว้คนละด้านของประตู
“เฮรา...เทพีเฮรางั้นหรือ ไม่เลวนี่”
หญิงสาวเลือกจอดรถตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถของครองขวัญ รอจนกระทั่งเป้าหมายเข้าไปด้านในแล้วจึงหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นกล้องแอบถ่ายในรูปแบบของปากกากับกุญแจรถ เม็มโมรีสำรอง และโทรศัพท์มือถือสองเครื่องใส่ในกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็ปีนไปเบาะหลัง หยิบที่บังแดดมาติดกระจกรถทั้งสองด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเดินผ่านมาบริเวณนี้จึงลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เตรียมมา ปล่อยผมยาวสยาย เติมลิปสติกสีแดงสด และเขียนอายไลเนอร์เพิ่มอีกนิดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แพรพิไลเดินเชิดหน้าไปที่ประตู ครั้นพอก้าวเข้ามาด้านในแล้วจึงพบว่าบริเวณที่เธอยืนอยู่คือโถงรับรองแขกซึ่งมีนักเที่ยวกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ประปรายบนโซฟาที่จัดไว้เป็นซุ้ม ๆ ถัดออกไปเป็นประตูกระจกบานใหญ่ มีเครื่องสแกนบัตรตั้งอยู่ด้านข้าง เธอเดาว่าคงเอาไว้สแกนบัตรของสมาชิก หากไม่มีบัตรผ่านก็คงไม่สามารถผ่านประตูนี้เข้าไปได้
ร่างโปร่งระหงเดินนวยนาดไปที่เคาน์เตอร์ใกล้ประตู พนักงานต้อนรับสาวหน้าตาสะสวยสองคนคลี่ยิ้มหวานหยดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
แพรพิไลยิ้มตอบกลับไป พยายามวางมาดไฮโซที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ดิฉันอยากเป็นเมมเบอร์ของที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
ทันทีที่เธอพูดจบ พนักงานสาวทั้งสองคนนั้นก็ลุกพรวดแล้วเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พร้อมกับใบสมัครสมาชิก จากนั้นก็กุลีกุจอต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีด้วยการพาเธอไปนั่งที่ชุดรับแขกแล้วเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นฉ่ำให้ เธอเดาว่าพนักงานเหล่านี้ต้องได้เปอร์เซ็นต์จากลูกค้าที่มาสมัครสมาชิกแน่นอน ถึงได้ดูแลเป็นอย่างดีจนแทบจะป้อนเครื่องดื่มเข้าปาก
“รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยนะคะคุณผู้หญิง” หนึ่งในนั้นค้อมศีรษะลงระหว่างที่ขอบัตรประชาชนจากเธอ เห็นแล้วก็ให้รู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไร เพราะเจ้าตัวทำราวกับว่าหากหมอบกราบได้ก็คงทำไปแล้ว
แพรพิไลหยิบปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าเอามาวางบนโต๊ะ ซึ่งความจริงแล้วมันคือกล้องแอบถ่ายที่เธอพกมาด้วย จากนั้นก็หยิบบัตรประชาชนออกมายื่นให้พนักงานคนนั้นไป
และชื่อที่ปรากฏบนบัตรใบนั้นก็คือ เพชรแพรวา ศุภสาสน์!
บัตรประชาชนปลอมที่เธอจ้างกลุ่มเฉพาะกิจจัดทำให้เพื่อใช้ในการทำงาน เธอรู้ดีว่าสถานที่พวกนี้ หรือไม่ว่าที่ไหนก็ตามมักขอบัตรประชาชนของลูกค้าไปทำสำเนาเก็บไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังหรอกว่าบัตรที่เอาไปนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
ระหว่างที่รอพนักงานสาวนำบัตรไปถ่ายสำเนา แพรพิไลก็เลื่อนปากกาไปช้า ๆ เพื่อเก็บภาพบริเวณทางเข้าด้านหน้าเอาไว้ ดวงตาวาววามของหญิงสาวมองไปรอบด้านอย่างสนอกสนใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งประสานสายตากับชายหนุ่มคนหนึ่งเข้า เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟาด้านในสุด สีหน้าดูเคร่งเครียดราวกับโลกจะถล่ม
แพรพิไลลอบประเมินเขาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ผู้ชายคนนี้ดู ๆ ไปแล้วบุคลิกช่างคล้ายคลึงกับสุกำพล สังเกตจากการแต่งตัวและเครื่องประดับที่สวมใส่ก็พอรู้ว่าเขาเงินหนาและมีระดับไม่น้อย แต่ดูอ่อนวัยกว่า หล่อเหลากว่า และที่สำคัญสายตาของเขาที่มองมาก็ดูเจ้าชู้กว่าด้วย
ในตอนที่เธอกำลังจะถอนสายตาออกมา เขากลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมพลางค้อมศีรษะลงและพูดโดยไม่ออกเสียงมาทางเธอ...สวัสดีครับ
แพรพิไลยิ้มตอบและค้อมศีรษะกลับอย่างไว้ตัวนิด ๆ ทว่าภายในใจกลับลอบก่นด่าชายหนุ่มคนนั้น
โถ...ไอ้หน้าหม้อ...
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะจ่ายเป็นบัตรเครดิตรึเปล่าคะ”
เสียงพนักงานอีกคนถามอย่างสุภาพ แพรพิไลพยักหน้าให้พลางหยิบบัตรเดบิตออกมาจากกระเป๋าเพราะเธอไม่มีบัตรเครดิต คิดในใจว่าพรุ่งนี้เธอต้องรีบเอาบิลไปเบิกกับสุกำพลโดยด่วน เพราะค่าเมมเบอร์ที่จ่ายไปคือหนึ่งแสนสองหมื่นบาท และเงินก้อนนี้ก็เป็นก้อนสุดท้ายของเธอแล้ว
“สำหรับสิทธิพิเศษที่คุณผู้หญิงจะได้รับจากคลับเฮราของเราก็คือ ดริงก์ฟรีสามดริงก์ทุกครั้งที่มา รวมถึงออร์เดิร์ฟหนึ่งชุด และสามารถเรียกใช้บริการจากครูสอนลีลาศของเราได้ไม่จำกัดชั่วโมงนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อเอาบัตรใบนั้นไปรูด
แพรพิไลฟังประโยคสุดท้ายที่พนักงานบอกแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เรียกใช้บริการจากครูสอนลีลาศ...สงสัยครูสอนลีลาศต้องเป็นผู้ชายแน่นอน
หลังจากที่รับบัตรเดบิตและบัตรประชาชนคืนมาแล้ว แพรพิไลก็พับใบสมัครเป็นสามทบเพื่อให้สามารถเก็บในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ จากนั้นพนักงานก็นำกล่องกำมะหยี่สีแดงมายื่นให้ ครั้นพอเปิดดูก็เห็นบัตรสมาชิกใบสีทองอยู่ในนั้น
หญิงสาวนำบัตรออกมาจากกล่องแล้วเดินไปสแกนบัตรหน้าประตู ก่อนจะเดินเฉิดฉายเข้าไปด้านใน โดยมีชายหนุ่มที่เธอเพิ่งแอบด่าเมื่อครู่ตามหลังไปห่าง ๆ
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ