กว่าที่เชษจะยอมให้เจนออกจากคอนโดได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เขาก็หาข้อตำหนิได้ตลอด
เสื้อกล้ามแบบสปอร์ตเกิร์ลที่เธอใส่ตอนแรก ถูกเขาส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“เปิดไปทั้งตัวแบบนี้ เธอจะออกไปเดินหรือแจกเบอร์ให้คนทั้งถนน?”
เมื่อเธอเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ปิดมิดชิดด้านหน้า แต่ด้านหลังกลับผ่าลึกตั้งแต่ต้นคอถึงเอว เชษก็ทำหน้าไม่พอใจอีก
“ใครคิดล่ะ เสื้อแบบนี้...เธออยากโชว์รอยที่ฉันดูดให้คนอื่นดูรึไง?”
“ไอ้บ้านี่! ใครให้นายทำจนเป็นรอยแดงกันล่ะ” เจนค้อนควับใส่เขา พลางเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
สุดท้าย หลังจากเถียงกันอยู่นาน เขาก็หยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์จากตู้เสื้อผ้าให้เธอใส่ พร้อมกับบังคับให้เธอใส่คู่กับกางเกงขาสั้น
“โอเค แบบนี้ไม่โป๊ละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ขณะมองเธอที่ยืนทำหน้ามุ่ย
แต่ถึงจะเป็นเสื้อโอเวอร์ไซส์ ตอนนี้มันกลับดูเหมือนเสื้อพอดีตัว เพราะหน้าอกของเธอที่ใหญ่จนทำให้เนื้อผ้าตึง
“แค่นี้ก็ยังจะเด่น...” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอทับอีกชั้น
เจนมองเขาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นี่นาย ไหนบอกหิวไง?”
เชษยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อเห็นเธออยู่ในชุดที่เขาเลือกเอง
“ก็นี่ไง ชุดนี้โอเคละ”
เจนได้แต่บ่นพึมพำตามนิสัย พลางเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเผลอเหลือบมองเชษที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เสื้อยืดธรรมดาของพี่ชายที่เธอหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้า ดูไม่มีอะไรพิเศษและไม่ได้แพงมาก แต่พออยู่บนตัวเขากลับดูราวกับเป็นเสื้อแบรนด์หรูราคาแพงเสียอย่างนั้น
เธอมองเขาอย่างเผลอใจ ใบหน้าหล่อเหลาที่มาพร้อมกับท่าทางมั่นใจ และบุคลิกที่ดูดีในทุกมุม ทำให้เธอต้องยอมรับในใจอย่างเสียไม่ได้—ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหน ก็คงหลงเสน่ห์ของเขาไม่ยาก
คำพูดที่เขาเคยพูดไว้ลอยๆ ยังวนเวียนในความคิดของเธอ
‘ผู้หญิงเป็นคนเข้าหาฉันเอง จะให้ฉันปฏิเสธก็ดูใจร้ายไปหน่อยมั้ย?’
เจนเม้มปากแน่น พยายามดึงตัวเองกลับมาจากความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น พลางกระชับกระเป๋าในมือแน่นแล้วเดินตรงไปที่ประตู
“พร้อมแล้ว ไปดิ” เธอเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความเขิน ก่อนจะเปิดประตูออกไป โดยมีเชษเดินตามมาติดๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ร้านที่เชษพาเจนมาอยู่ในมุมสงบของเมือง โดดเด่นด้วยอาคารกระจกทรงโมเดิร์นที่ตั้งอยู่กลางสวนสีเขียว ต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมทั่วบริเวณ สร้างร่มเงาที่เย็นสบาย ทางเดินหินอ่อนนำเข้าสู่ร้านประดับด้วยแสงไฟสีส้มอบอุ่น ขณะเดินเข้าไปด้วยกัน เสียงบ่นพึมพำของเจนก็ยังดังไม่หยุด
“จะกินข้าวแค่มื้อเดียว ทำไมต้องขับรถมาไกลขนาดนี้? แถวคอนโดก็มีร้านดีๆ เยอะแยะ”
เชษยักไหล่ ทำหน้าสบายๆ
“เธอกินแต่ร้านใกล้คอนโดตลอด ไม่เบื่อมั่งรึไง? เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิ”
“นายตั้งใจใช้ฉันเป็นข้ออ้างล่ะสิ?” เจนสวนทันที
เชษหัวเราะเบาๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“เปล่าซะหน่อย”
“น่าหมั่นไส้จริงๆ!” เจนพึมพำพร้อมกอดอกแน่น เดินตามเขาเข้าไปด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดใจ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้สดก็ลอยอบอวล พื้นไม้ขัดมันสะท้อนแสงไฟจากโคมดีไซน์เก๋บนเพดาน ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสที่เปิดมุมมองให้เห็นสวนด้านนอก โต๊ะไม้เนื้อดีจัดวางอย่างลงตัว ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้เล็กๆ แต่ละโต๊ะมีระยะห่างที่พอเหมาะ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบ มีเสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลออยู่ในพื้นหลัง เสริมความผ่อนคลายจนแทบลืมความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
เจนที่กำลังทำหน้าหงุดหงิด พอเดินเข้ามากลับหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างประทับใจโดยไม่รู้ตัว
“ร้านนี้... สวยดีนะ” เธอหลุดปากพูดออกมา พลางมองกระจกที่สะท้อนสวนด้านนอก
เชษยิ้มมุมปาก “หยุดบ่นแล้วเหรอ?”
เจนสะบัดหน้ากลับมามองเขา ยังคงพยายามรักษาท่าที
“ก็แค่ร้านสวยเท่านั้นล่ะ”
พนักงานพาทั้งคู่ไปยังโต๊ะริมกระจกใสที่มองเห็นสวนด้านนอกได้อย่างเต็มตา เจนหย่อนตัวลงนั่งอย่างเงียบๆ พลางกวาดตามองไปรอบๆ
“เอาล่ะ... ถือว่านายเลือกมาถูกใจฉันก็แล้วกัน” เธอพูดเบาๆ
เชษยักไหล่
“งั้นก็ดี ถือเป็นรางวัลสำหรับฉัน ที่ทนฟังเธอบ่นมาตลอดทางละกัน” พูดจบเขาก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ
เจนถลึงตาใส่ แต่ก็หยิบเมนูขึ้นมาเปิดอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเมนูของร้านเต็มไปด้วยอาหารฟิวชั่นที่มีทั้งความแปลกใหม่และน่าสนใจ ตั้งแต่ ‘พาสต้าเส้นหมึกดำผัดซอสซีฟู้ด’ ไปจนถึง ‘ข้าวอบใบเตยกับไก่ย่างซอสสะเต๊ะ’
“ฉันเอาพาสต้าเส้นหมึกดำผัดซอสซีฟู้ด” เจนบอกพนักงานก่อนจะวางเมนูลง
“ข้าวอบใบเตยกับไก่ย่างซอสสะเต๊ะ กับน้ำมะนาวโซดา” เชษสั่งตาม
“ของฉันขอเป็นน้ำผึ้งมะนาวโซดาค่ะ” เจนกลอกตาก่อนจะสั่ง พนักงานพยักหน้าและเดินจากไป
บรรยากาศระหว่างรออาหารเงียบลงเล็กน้อย แต่เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ และแสงไฟอบอุ่นในร้านกลับทำให้ความเงียบนี้ไม่อึดอัดนัก
“เธอชอบบรรยากาศแบบนี้เหรอ?” เชษถามขึ้น
เจนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา
“ก็...ไม่เลว”
“งั้นวันหลังฉันพาเธอไปที่อื่นดีมั้ย?” เชษพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“คิดดูก่อนละกัน” เจนตอบพร้อมกลอกตา แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย
ไม่นานนัก อาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของซอสซีฟู้ดและไก่ย่างลอยมาจนทำให้ท้องร้อง
“ของเธอดูน่ากินดีนะ” เชษพูดพลางมองพาสต้าในจานของเจน
“ไม่ต้องเลย นายกินของนายไปสิ” เจนพูดพร้อมยกส้อมขึ้นชี้หน้าเขา ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า
“ปกติเสาร์-อาทิตย์ เธอทำไร?” เชษชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเจน ขณะที่เธอกำลังม้วนพาสต้าเข้าปาก
“ซ้อมมวย” เธอตอบเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“ห๊ะ? ซ้อมมวย?” เชษเลิกคิ้ว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
“ทำไมไม่ทำอะไรอย่างที่คนอื่นเขาทำกันบ้างล่ะ?”
เจนวางส้อมลงเล็กน้อยก่อนเอียงคอ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัย
“แล้วมันคือแบบไหนอะ?”
เชษถึงกับไปไม่เป็น เพราะผู้หญิงที่เขาเคยเจอส่วนใหญ่ ถ้าไม่ชวนเขาไปช้อปปิ้ง ก็มักจะลากเขาไปดูหนัง กินข้าว หรือฟังเพลง
“ก็...” เชษพยายามนึก
“ไปช้อปปิ้ง ดูหนัง เที่ยว เล่นอะไรพวกนี้น่ะ”
“หืม...” เจนทำเสียงในลำคอ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยเหมือนกำลังขำ
“พวกนั้นส่วนมาก ถ้าฉันไม่ได้โดดเรียน ฉันก็ไปหลังเลิกเรียนอะ”
เธอยิ้มมุมปากอย่างขบขัน เมื่อนึกถึงบรรดาเพื่อนๆ ที่มักชวนเธอโดดเรียนไปเที่ยว
“เธอนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ...” เขาพึมพำเบาๆ พลางยกยิ้มมุมปากบางๆ
“แล้วนายล่ะ พาผู้หญิงมาที่นี่กี่คนแล้ว?” เจนถามขึ้นลอยๆ
เชษชะงักเล็กน้อย ก่อนยิ้มมุมปาก
“ทำไม? อยากรู้เหรอว่า ฉันพาใครมาบ้าง?”
“เปล่า... แค่คิดว่ามันดูเป็นสไตล์นายดี” เจนพูดพลางมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ
“เธอคนแรก” เชษตอบเรียบๆ
“เหอะ! ฉันไม่เชื่อหรอก” เจนสวนทันที น้ำเสียงฟังชัดว่าไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
เชษยักไหล่ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าไม่เชื่อ ก็ถามพนักงานสิ ว่าฉันเคยมาที่นี่กับใครรึเปล่า”
เจนชะงัก เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะม้วนพาสต้าในจานต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างเถอะ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้น มุมปากของเธอกลับยกยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ท่าทีเล็กน้อยแค่นั้น ไม่รอดสายตาคมของเชษ เขามองเธออย่างพอใจ รอยยิ้มมุมปากของเขาบ่งบอกชัดว่า เขาดูออกว่าเจนกำลังแอบหึง
“ยิ้มอะไร?” เจนถามเสียงห้วน
“เปล่า แค่รู้สึกว่าเธอน่ารักดี” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เจนถึงกับกลอกตา พลางบ่นพึมพำเบาๆ
“น่าหมั่นไส้จริงๆ!”
หลังจากทานข้าวเสร็จ เชษขับรถพาเจนมายังร้านเครปเย็นที่ตั้งอยู่ริมสวนสาธารณะเล็กๆ ใจกลางเมือง ร้านนี้เป็นร้านขนมชื่อดังที่คนในละแวกนั้น มักแวะเวียนมานั่งชิลกันในช่วงเย็น
ตัวร้านเป็นบูธเล็กๆ ตกแต่งด้วยสีขาวและน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีเคาน์เตอร์กระจกที่จัดวางวัตถุดิบสดใหม่อย่างผลไม้หลากสี ครีมสด และช็อกโกแลตละลายที่หอมหวานจนชวนให้น้ำลายสอ
รอบๆ ร้านมีโต๊ะเล็กๆ จัดไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสริมด้วยแสงไฟประดับดวงเล็กที่ส่องสว่างอย่างนุ่มนวล บรรยากาศเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่เล่นกันในสวนสาธารณะใกล้เคียง ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับช่วงเวลานี้
“นายพามาร้านนี้ทำไม?” เจนถามขณะก้าวลงจากรถ มองร้านเล็กๆ ด้วยความสงสัย
“พาเธอมากินของหวานไง” เชษตอบเรียบๆ พร้อมเดินนำไปยังร้าน
“ไม่ถามก่อนเหรอว่า ฉันชอบรึเปล่า?”
เชษหันมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้าเธอไม่ชอบ เดี๋ยวฉันกินเอง”
เจนส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ
“นายนี่...ดูมั่นใจ มั่นหน้าเกินไปนะ”
เชษและเจนนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะเล็กใต้ต้นไม้ เจนเปิดเมนูในมืออย่างลังเล ก่อนเลือกเครปเย็นสอดไส้กล้วย ช็อกโกแลต และวิปครีม ส่วนเชษสั่งเครปไส้สตรอว์เบอร์รี ครีมสด และซอสบลูเบอร์รี
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกินเครปเย็นแบบนี้เลยนะ” เจนพูดขณะใช้ส้อมตัดเครปคำแรก
“จริงเหรอ? ฉันนึกว่าเธอเคยกินแล้วซะอีก” เชษพูดขณะกัดเครปของตัวเอง
“ฉันไม่ค่อยกินของหวานเท่าไหร่” เจนยิ้มเล็กน้อย ขณะตักเครปเข้าปาก
“ถึงเธอไม่กินของหวาน ตัวเธอก็หวานอยู่ละ” เชษพูดขึ้น พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ จนเจนต้องเหลือบตามอง
ยังไม่ทันที่เธอจะโต้กลับ เชษก็ยื่นมือมารั้งท้ายทอยของเจนเบาๆ ดึงตัวเธอเข้ามาใกล้จนดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“นี่นายจะ—” คำพูดยังไม่ทันหลุดจากปาก ริมฝีปากของเชษก็ประกบลงบนปากบางของเธอทันที
จูบร้อนแรงแต่แฝงความหวาน เขาสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของเธอ ลิ้มรสเครปเย็นที่ยังหลงเหลืออยู่ในปากของเธออย่างเชื่องช้า เจนได้แต่หลับตาแน่น พยายามตั้งสติ แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
“อื้ม...หวานกว่าเครปอีก” เชษพูดพลางยิ้มมุมปาก เมื่อถอนจูบออก ใบหน้าของเขายังคงใกล้เธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
เจนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าแดงจัด เธอใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบไหล่เขาไม่ยั้ง
“เชษ! นายมันบ้า!”
เชษหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ มือหนายกขึ้นลูบต้นคอเบาๆ พร้อมมองใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ
“ก็เธอไม่กินของหวานนี่”
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์!” เจนพูดเสียงขุ่น แต่กลับยิ่งทำให้เชษยิ้มกว้างกว่าเดิม
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน