LOGIN
จันทร์หอม แก้วการุณย์ เหงื่อไหลซึม จากการจัดบ้าน และทำความสะอาดห้องของเธอ บ้านหลังน้อยหลังนี้ เธอจากไปตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย
10 ปีเต็ม ๆ ที่เธอจากบ้าน จากครอบครัวไป เพราะความจนคำเดียวทำให้เธอต้องไปดิ้นรนใช้ชีวิตในกรุงเทพ ฯ ทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี และได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคงแห่งหนึ่ง การงานกำลังก้าวหน้า แต่อนิจจา พ่อของเธอ เนื่องจากตรากตรำทำงานหนักทำให้ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ปีกว่าก็มาจากไป ทิ้งแม่กับน้องไว้ ทำให้เธอต้องลาออกจากงานเพื่อกลับมาดูแลแม่ซึ่งก็ชรามากแล้ว "เฮ้อ เสร็จซะที " จันทร์หอมรำพึงกับตัวเองพลางใช้หลังมือเช็ดหน้าผาก และเตรียมลงจากบ้านเพื่อเตรียมตัวไปวัด วันนี้ครบร้อยวันที่พ่อจากไป แม่กับเธอและน้อง จึงเตรียมอาหารคาวหวานไปถวายพระในตอนเช้า เนื่องจากวัดอยู่ใกล้บ้านเธอกับแม่จึงเดินไป พอถึงวัด วันนี้เป็นวันพระพอดี จึงทำให้คนที่วัดเยอะเป็นพิเศษ ส่วนน้องชาย เนื่องจากเป็นคนหน่วยก้านดี มีฝีมือในทางศิลปะ หลวงตาเจ้าอาวาสจึงมักจะเรียกตัวไว้ใช้สอย วันนี้ก็เช่นกันเพราะเป็นวันพระทำให้ต้องมีพิธีรีตองมากจึงให้"ตุ๊ต๊ะ" หรือน้องชายของเธอมาช่วยจัดเตรียมพิธี เมื่อถวายอาหารพระรับศีล รับพรเสร็จแล้วเธอกับแม่ก็เก็บของกลับบ้าน เธอกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสี่เดือนแล้ว จะว่าชินก็ชิน จะว่าไม่คุ้นก็ไม่เกินไป เพราะวิถีชีวิตที่บ้านของเรานั้น ช่างเรียบง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะล้าสมัยไปซะเลย เนื่องจากเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าถึงแล้ว มีอินเตอร์เน็ตให้เล่นโซเชียล และติดต่อกับเพื่อนฝูงที่กรุงเทพฯ ได้ ไม่ลำบากอะไร แต่... ที่เธอไม่ชินเลยก็คือ..สายตา ของผู้คนในหมู่บ้าน และข่าวลือเกี่ยวกับตัวเธอ อาจจะเพราะ ไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และประกอบกับการศึกษา การเจอะเจอผู้คนที่หลากหลาย เผชิญกับเล่ห์เหลี่ยมของคนรอบข้าง ทำให้ปัจจัยเหล่านั้นหล่อหล่อหลอมให้บุคลิกของจันทร์หอมแตกต่างจากสาวบ้าน ๆทั่วไป ดูผิวพรรณก็แตกต่างอาจจะเพราะรู้จักใช้เครื่องสำอางค์ และโลชั่นบำรุงผิว อีกอย่างลักษณะการพูดจาของเธอก็ดูฉะฉานท่าทางฉลาดทันคน ตรงนี้แหละที่ทำให้ผู้คนมองว่าเธอแก่แดด และก้าวร้าว แต่เธอก็หาได้สนใจไม่ ด้วยเพราะการแต่งตัวที่ทันสมัย ใส่ยีนส์ และเสื้อผ้าตามแฟชั่น จึงเกิดเสียงกระซิบกระซาบ วิพากย์วิจารณ์ว่าเธอใจแตก เหลวแหลก และโดนผู้ชายทิ้ง จึงกลับมาอยูบ้าน เฮ้อ!! นี่แหละหนอปากคน ยาวกว่าปากกา "แม่ หนูว่าจะไปสมัครงานที่ อบต. เห็น ตุ๊ต๊ะ บอกว่าตำแหน่งธุรการว่างอยู่ ถึงจะเป็นอัตราจ้างก็ยังดี แม่ว่ายังไงจ๊ะ"เธอปรึกษาหารือกับแม่ "ก็แล้วแต่อิหล่า แม่ว่าก็ดีเหมือนกัน" แม่ตอบเธอมา "ถ้าได้จริง ๆก็ดี หนูก็ยังได้ไปขายของช่วยแม่ที่#คลองถม ด้วย" เพราะที่ทำการ อบต.ของหมู่บ้านเธออยู่ในบริเวณลานเอนกประสงค์ของหมู่บ้านจะมีตลาดนัดคลองถมทุกวันอังคารและวันศุกร์ แม่ของเธอจะเอาผักที่ปลูกเอง ไปขายมีรายได้อย่างดีเลยแหละ นอกนั้นก็ยังมีพวก หอม กระเทียม พริกแห้ง พริกป่น ข้าวคั่ว เป็นต้นสามเดือนต่อมา จันทร์หอมท้องได้เดือนกว่าแล้ว เธอแพ้ท้องหนักมากจนไปทำงานไม่ไหว ผู้กองขุนเขาจึงให้เธอออกจากงานมาอยู่บ้าน ตอนแรกจันทร์หอมไม่ยอม แต่ท่านนายก อบต.ก็เห็นด้วยเธอจึงต้องยอม "ไม่ต้องกลัวพี่จะเลี้ยงไม่ไหวหรอกนะน้อง"ผู้กองขุนเขาพูดกับเธออย่างอารมณ์ดีพร้อมกับขยี้หัวเธอไปด้วย เมื่อเห็นเธอทำหน้ากังวล เพราะไม่ได้ไปทำงาน"ถึงเงินเดือนพี่จะน้อย แต่สมบัติพ่อพี่ก็พอมีอยู่"ผู้กองหนุ่มไม่ได้พูดเกินจริง เพราะท่านนายก อบต.มีที่นาให้คนเช่าหลายร้อยไร่ แล้วก็มีกิจการบ้านเช่าที่อยู่ในตัวเมืองด้วย "ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยค่ะ จันทร์ไม่ได้กลัวว่าคุณจะเลี้ยงไม่ไหว แต่จันทร์ไม่อยากอยู่เฉย ๆ หากเกิดวันใดคุณเบื่อจันทร์กับลูกขึ้นมาแล้วไล่เราไป อย่างน้อยถ้ามีงานทำเราสองคนแม่ลูกก็จะได้ไม่อดตายไงคะ""โธ่..จันทร์หอม ไปเอาความคิดมาจากไหน ไม่มีทางที่ฉันจะเบื่อเธอกับลูก อย่าคิดแบบนี้อีกนะ"เมื่อเขาพูดจบเธอก็โผเข้าไปซุกในอ้อมกอดเขา ซุกซบใบหน้ากับอกแกร่ง "คุณพูดจริงนะ""ยิ่งกว่าจริง ด้วยเกียรติของชายชาติทหาร"ท่านนายก อบต.มองภาพนั้นอย่างมีความสุข หันไปทาง ป้านภา ที่กำลังจะตามสองหนุ่มสาวไปทานข
และแล้วก็มาถึงวันแต่งงานระหว่างผู้กองขุนเขาและจันทร์หอม งานแต่งถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง ขบวนขันหมากจะยกมาในเวลาเก้านาฬิกาตรง ซึ่งขบวนจะตั้งอยู่ที่บ้านญาติผู้ใหญ่ของจันทร์หอมที่ถัดไปจากบ้านเธอประมาณสามร้อยเมตร เมื่อได้ฤกษ์แล้วขบวนขันหมากก็เคลื่อนขบวนมา นำโดยท่านนายก อบต.ที่ถือพานสินสอด ตามด้วยผู้กองขุนเขาเจ้าบ่าว และแน่นอนเพื่อนเจ้าบ่าวก็คือผู้กองแทนไท นอกจากนั้นก็มีบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ถือของที่เป็นมงคลต่าง ๆ อาทิเช่น ต้นกล้วย ต้นอ้อย พานดอกไม้ เทียนแพ เป็นต้นเมื่อมาถึงหน้าบ้านเจ้าสาวแล้วก็ต้องมีการกั้นประตูเงินประตูทอง โดยด่านแรกก็คือ ต้อม กับ แทน ถือเข็มขัดเงินกั้นไว้ ท่านนายก อบต.จึงควักแบงค์สีเทาให้คนละใบ ต้อมกับแทนก็ยอมให้ผ่านแต่โดยดี ด่านที่สองเป็นญาติผู้น้องของจันทร์หอมสองคนถือเข็มขัดทองกั้นไว้ ท่านนายก อบต.ก็ควักแบงค์สีเทาออกมาสองใบส่งให้คนละใบ ประตูก็รีบให้ผ่านโดยไว ก่อนจะข้ามธรณีประตูบ้านเข้าไปตุ๊ต๊ะก็มาล้างเท้าให้พี่เขย เป็นอันเสร็จกระบวนการแห่ขันหมาก จันทร์หอมเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวคือวริษาก็นั่งรออยู่ที่พาขวัญแล้ว โดยมีหมอทำขวัญคนเดิมที่เคยทำพิธีสู่ขวัญให้ผู้กองขุนเขา
"คุณพูดจริง เหรอคะ ผู้กอง"จันทร์หอมพึมพำเหมือนคนละเมอ ผู้กองขุนเขาพยักหน้าพร้อมกับโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วก็แนบหน้าผากของเขาไว้กับหน้าผากของเธอด้วย"แต่วันนั้นจันทร์เห็นคุณกับคุณชะบาไปด้วยกัน แล้วก่อนหน้านี้คุณชะบาก็มาหาจันทร์ มาขอคุณคืน""แล้วเธอว่าไงล่ะ จันทร์หอม""ก็..บอกให้เธอไปคุยกับคุณเอง""อืม..เธอก็เลยเข้าใจผิดคิดว่า.. ฉันกับชะบาจะกลับมาคืนดีกันงั้นสิ"พูดจบผู้กองขุนเขาก็จูงมือเธอไปนั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน "สงสัยต้องคุยกันอีกยาว"ผู้กองขุนเขาพึมพำ เมื่อทั้งสองนั่งลงที่ม้าหินอ่อนแล้ว ผู้กองขุนเขาก็จับมือจันทร์หอมมากุมไว้ "เรื่องวันนั้น ที่ชะบาไปกับฉันก็เนื่องมาจากฉันรู้จากไอ้แทนไทว่า(แทนไทรู้มาจากวริษาอีกที) ชะบามาหาเธอ ฉันก็คิดว่า คงต้องจัดการอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ชะบามาก่อกวน หรือพูดอะไรให้เธอเข้าใจผิด หรือไม่สบายใจ จนไปกินเหล้าเมาเหมือนวันนั้นอีก แต่เราไม่ได้ไปตามลำพังนะ ไอ้แทนไทมันก็ไปด้วย ไม่เชื่อถามมันดูก็ได้"ผู้กองหนุ่มอธิบายเสียยืดยาวแล้วก็หาพยานบุคคลมายืนยันด้วย"หรือที่เธอปวดหัวไมเกรนเป็นเพราะคิดมากเรื่องนี้เหรอจันทร์หอม ฉันขอโทษนะ ความจริงฉันน่าจะรีบ
เมื่อมาถึงห้องนอนของจันทร์หอมผู้กองขุนเขาก็โยนเธอลงบนเตียง แล้วก็โน้มตัวเองลงมานอนทาบทับเธอไว้ นอกจากตัวเขาจะทับเธอแล้ว มือข้างหนึ่งของเขายังรวบแขนทั้งสองของเธอไว้เหนือหัวด้วย ส่วนอีกข้างเขายันกับที่นอนไว้เพื่อผ่อนแรงไม่ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาที่ตัวของเธอ จันทร์หอมพยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ ถึงเขาจะไม่ทิ้งแรงทั้งหมดทับมาที่เธอก็ตาม แต่ถ้าเทียบขนาดตัวกันแล้ว จันทร์หอมก็คือลูกแกะน้อยในอุ้งมือราชสีห์นั่นเอง เมื่อเห็นว่าสู้แรงเขาไม่ได้จันทร์หอมก็คิดที่จะเจรจา"ดะ เดี๋ยวค่ะ ผู้กอง คุณจะทำอะไรน่ะ""จะทำอะไร ถามได้ จะทำอะไรน่ะเหรอก็จัดการเธอน่ะสิ จะตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉัน""ฮึ้ย..ไม่นะ คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะผู้กอง""ทำไมจะทำไม่ได้"พูดพร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอของเธอ "ฮื้อ..มันก็ไม่ดี ไม่งามน่ะสิ คุณจะยกเลิกการแต่งงานอยู่แล้ว เพราะฉนั้นคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้"จันทร์หอมพูดพร้อมกับพยายามดิ้นรนเผื่อจะหลุดจากปราการของผู้กองตัวใหญ่ออกมาได้"อ้อ..แสดงว่าถ้า ฉันไม่ยกเลิกงานแต่งก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหมล่ะ"พูดจบก็หอมแก้มเธอข้างซ้ายแล้วก็ข้างขวา "อีกอย่างฉันก็ไม่เคยพูดว่าจะยกเลิกงานแต่ง มี
"สวัสดีครับ"ผู้กองขุนเขากล่าวทักทายป้าจำปา เขามาหาจันทร์หอมที่บ้านในช่วงค่ำ ๆ"อ้าวคุณผู้กอง ไหว้พระเถอจ้ะ ทานข้าวทานปลามาหรือยัง""เรียบร้อยแล้วครับ จันทร์หอมล่ะครับป้า""หลับไปแล้วล่ะ เห็นบ่นว่าปวดหัว ป้าให้ทานยาแล้วก็นอนเลย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แล้วนี่คุณผู้กองกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ดูคล้ำ ๆ ไปนะ พ่อคุณ""ผมกลับมาถึงเมื่อเช้านี่เอง พอจัดการอะไร ๆ เสร็จก็รีบมาหาจันทร์หอมเลย ถ้ายังงั้นผมกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมาใหม่ สวัสดีครับ"ขุนเขาพูดพร้อมกับยกมือไหว้ป้าจำปาแล้วก็ขอตัวกลับเลย 'พอทำให้ถูกต้อง เข้าตามตรอกออกตามประตูนี่มันยากแฮะ 'พึมพำกับตัวเองแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่เขาปีนเข้าห้องของจันทร์หอม นึกแล้วก็ให้รู้สึกร้อนรุ่มแปลก ๆ ผู้กองหน้านิ่งจึงรีบเพิ่มความเร็วของรถเพื่อให้ถึงบ้านตัวเองเร็ว ๆ"อยากเจอเธอจัง นี่ถ้าไม่ติดว่าจะต้องรอฤกษ์ รอยามในวันแต่งงานนะ พรุ่งนี้จะพาเธอมาอยู่ด้วยกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย" .............จันทร์หอมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ใช่แล้วไมเกรนเล่นงานเธอนั่นเอง อาการปวดหัวไมเกรนนี้เธอไม่พบเจอกับมันนานแล้วตั
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว จันทร์หอมก็ล้มตัวลงนอน มือก่ายหน้าผากนึกถึงคำพูดของชะบา"คืนเขาให้ฉันเถอะนะจันทร์หอม"แล้วก็นึกถึงคำพูดของวริษา"หนอย ! ถ้าเป็นแฟนเก่าอีตาลุงแทนไทโผล่มาแบบนี้นะ หนูจะจัดการให้น่วมเลย"เธอจะทำยังไงดีน้า...ถ้าหากเธอแน่ใจว่าความรู้สึกของขุนเขาที่มีต่อเธอมันคือความรัก ไม่ใช่การแสดงความรับผิดชอบ รับรองเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าใหนมาทำแบบชะบาแน่ แต่นี่ทั้งสองรักกัน คนที่ควรจะหลีกทางมันก็คือเธอ "แทนว่านะพี่ แทนที่เราจะมานั่งวิเคราะห์ หรือคิดไปเอง ทำไมเราไม่ถามคุณผู้กองขุนเขาให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยล่ะพี่"หรือจะทำอย่างที่แทนบอก เธอนึกถึงคำแนะนำของแทน จันทร์หอมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดไลน์ผู้กองขุนเขา จ้องอยู่นาน จนหน้าจอดับไป จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่ได้ส่งข้อความใด ๆ "เฮ้อ"จันทร์หอมถอนหายใจออกมา พร้อมกับนึกถึงกลอนของ ท่านกวีสี่แผ่นดิน "ไม่เมาเหล้า แล้วเรายัง เมายังรักสุดจะหัก ห้ามจิต คิดไฉนถึงเมาเหล้า เช้าสาย ก็หายไปแต่เมาใจ นี้ประจำ ทุกค่ำคืน" สุนทรภู่ตอนนี้เธอก็คงจะเหมือนคนเมา เมาใจ ..........."หนูจันท







