พนักงานออฟฟิศสาววัยสามสิบกว่ากำลังแจ๋ว ผู้ไม่เคยมีความรัก ต้องโคจรมาพบกับนักมวยหนุ่มหล่อไฟแรงวัยยังไม่เบญจเพส ความวุ่นวายสุดป่วนจึงบังเกิด!
View Moreในช่วงบ่ายแก่ ๆ ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัว ราวกับจะรู้ว่าใกล้เวลาเลิกงาน ‘ไม่ทันอีกแล้วสินะ’ พิรุณาพึมพำกับตัวเอง พลางมองเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมานอกหน้าต่าง
วันนี้คงต้องทำงานรอฝนหยุดอีกตามเคย เธอถอนหายใจพลางเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งปิดไป “กริ๊ง กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์โต๊ะทำงานของใครสักคนดังขึ้น แต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมรับสาย พิรุณาเลยตัดสินใจดึงสายมาที่โต๊ะตัวเอง “สวัสดีค่ะ แผนกค้นคว้าทางวิชาการค่ะ ไม่ทราบเรียนสายใครคะ” “ยัยฝน ชั้นเอง ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” เสียงที่คุ้นเคยของดาริกา หรือดาว ลอยมาตามสาย “ยัยดาว โทรเข้าที่ทำงานทำไม ไม่โทรเข้ามือถือล่ะ” “โทรแล้ว แต่แกไม่รับ” พิรุณาเหลือบมองโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็พบว่ามีมิสคอลจากดาวหลายสาย เธอแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้คงทะเลาะกับแฟนตามเคย ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากคุยกับดาวเธอก็ได้ปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพราะทนการออดอ้อนของเพื่อนไม่ไหว “แกคิดดูสิ เขาไม่แคร์ชั้นเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาง้อ แล้วรู้ไหม ชั้นไปถามเพื่อนที่ทำงานเขา เพื่อนเขาบอก เขามีคนใหม่แล้วเป็นเด็กฝึกงาน ใช่สิ พวกเรามันแก่แล้ว!!!” ดาริการะบายเสียงดังลั่นร้าน จนลูกค้าโต๊ะข้างๆ ต้องหันมามอง พิรุณาปล่อยให้ดาริการะบายความในใจออกมาจนหมดโดยไม่ได้พูดตอบโต้สักคำ เพราะรู้ดีว่าเดี๋ยวดาริกากับแฟนก็คงจะกลับมาคืนดีกันเหมือนครั้งผ่าน ๆ มา ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันจนร้านใกล้ปิด จึงได้แยกย้ายกันกลับ พิรุณาถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ที่แยกจากดาริกาได้เสียที ในตอนนี้เธอกำลังลังเลว่าจะกลับคอนโดอย่างไรดี เพราะตอนหัวค่ำฝนตก ตอนนี้รถจึงยังติดอยู่ พิรุณายืนคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจที่จะเดินกลับคอนโดของเธอ ระหว่างทางเท้าที่เฉอะแฉะ เธอก็เดินมองดูสองข้างทาง ภาพคุณแม่กางร่มให้ลูกน้อย ภาพแม่ค้าที่ยังคงเข็นรถขายของท่ามกลางสายฝน มันทำให้ใจของเธออุ่นขึ้นมานิดหน่อย และพาลทำให้เธอคิดถึงครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด “ลาก่อนนะครับ เดี๋ยวใกล้วันแข่งผมจะพาเขามาซ้อมที่นี่นะครับ” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูติดสำเนียงแปลก ๆ ดังขึ้น จนปลุกพิรุณาจากภวังค์ เธอกระพริบตาปริบ ๆ หันไปทางต้นเสียง ก็เห็นชายหนุ่มสองคนกำลังโค้งตัวขอบคุณชายอีกคนอยู่ตรงหน้าค่ายมวย ก้มตัวเยอะแบบนี้คงเป็นคนญี่ปุ่นแน่ ๆ ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของพิรุณา พิรุณาหยุดยืนมองโดยอัตโนมัติ เพื่อรอดูหน้าให้ชัด ๆ ว่าใช่แบบที่เธอคิดหรือเปล่า เมื่อชายทั้งสองเงยหน้าขึ้นมาเธอก็รู้ว่าข้อสันนิษฐานเธอถูกต้อง เพราะชายที่ดูเด็กกว่าใส่เสื้อลายธงชาติญี่ปุ่น เมื่อหายคาใจเธอก็ผละจากที่นั่น เพื่อมุ่งหน้าไปยังคอนโด โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังเธอไป “ริคุ เหม่ออะไร?” ชายชาวญี่ปุ่นที่ดูสูงวัยกว่ากล่าวทักขึ้นมา ทำให้เขาต้องละสายตาจากผู้หญิงคนที่เพิ่งเดินจากไป “ไม่มีอะไรครับ” ริคุตอบ เรียว หัวหน้าค่ายมวยญี่ปุ่น ที่เขาสังกัด ก่อนจะเดินตามไปขึ้นรถเพื่อตรงไปยังสนามบิน แต่ระหว่างที่ก้าวเท้าไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง เขามองเห็นเธอเดินมาแต่ไกล ตั้งแต่เธอยังเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ อยู่ริมถนน เธอดูเหมือนจะสนใจทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะแม่ค้า พุ่มไม้ หรือแม้แต่แอ่งน้ำบนพื้น จนกระทั่งเธอเดินเข้ามาใกล้ พอดีกับที่เขาต้องก้มตัวทำความเคารพเจ้าของค่ายที่ไทย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาก็บังเอิญไปหยุดอยู่ที่เธอพอดี เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้สนใจผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะท่าทีสบาย ๆ ไม่ปรุงแต่ง หรือรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเธอเวลาที่เธอเห็นอะไรน่าสนใจรอบตัวก็เป็นได้ ณ ห้องที่คอนโด เมื่อพิรุณากลับมาถึงห้อง เธอก็รีบอาบน้ำด้วยกลัวจะเป็นหวัด เมื่ออาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน เสียงมือถือก็ดังขึ้น “ยัยฝน ฮือ” เสียงดาริกาสะอึกสะอื้นดังออกมาจากโทรศัพท์ “มีอะไร ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูดนะดาว” เธอปลอบเพื่อนด้วยถ้อยคำที่คุ้นเคย “ฝน พี่ภาคย์มาขนของออกจากห้องฉันไปหมดเลย เขาพาคนใหม่มาด้วยนะ ฮือ ชั้นจะทำอย่างไรดี” ดาริกาปล่อยโฮ หลังจากปลอบใจอยู่พักใหญ่ดาริกาก็ยอมวางสายปล่อยให้ฝนได้พักผ่อน ฝนถอนหายใจ ค่ำคืนนั้นเธอพลิกตัวไปมาบนเตียง เธอคิดว่าครั้งนี้แฟนของดาริกาคงจะเลิกขาด เพราะปกติเวลาทะเลาะกันไม่เคยจะขนเสื้อผ้าออกจากห้องไปเลยสักครั้ง “เฮ้อ ชั้นต้องทำหน้าที่เพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของยัยดาวต่อไปอีกนานสินะ” เธอถอนหายใจยาวเหยียด เช้าวันเสาร์ที่สดใส แต่ก็เหมือนไม่ได้สดใสสำหรับพิรุณาเท่าไหร่ เธอถูกดาริกาลากออกมาทำบุญ วัดไหนที่ในเพจรีวิวบอกไปขอพรแล้วแฟนเก่าจะกลับมา ดาริกาก็พาเธอไปหมด “ดาว วันนี้พอก่อนไหม เราเหนื่อยแล้ว แวะหาอะไรกินก่อนดีไหม กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ” พิรุณาโอดครวญกับดาริกา วันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสาม เธอยังไม่ได้แวะหาอะไรกินเลย ดาริกาหันมามองสภาพเพื่อนแล้วจึงหาร้านใกล้คอนโดเพื่อกินข้าว “นี่ดาว ชั้นว่านะเธอก็ตัดใจเสียเถอะ ไอ้ภาคย์มันมีคนใหม่แล้ว มันไม่กลับมาหรอก” เมื่อพิรุณากินอิ่ม เธอก็มีอารมณ์ดึงสติเพื่อน “แกไม่เคยมีความรักก็พูดง่ายสิ คนเรามันตัดใจง่าย ๆ ได้ที่ไหนล่ะ” ดาริกาตัดพ้อเพื่อน แต่มือก็ตักอาหารที่เพื่อนชอบลงบนจานให้ พิรุณาหยิบมือถือเปิดหน้าค้นหาให้ดาริกาดู “ถึงฉันจะไม่เคยมีความรัก แต่ฉันก็ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นย่ะ นี่ไงเขาบอกว่าเมื่อคนเราอกหักควรจะหากิจกรรมแปลกใหม่ทำ หรือไม่ก็หาแฟนใหม่ไปเลย จะช่วยให้ลืมแฟนเก่าได้” “แล้วฉันจะไปหาแฟนใหม่ได้ยังไง เธอดูฉันตอนนี้สิ น้ำหนักขึ้นมาหกกิโล ใครจะมาเอาคนแบบชั้น” ดาริกาพูดอย่างปลงๆ ว่าแล้วก็ปาดน้ำตา ก่อนจะมองหน้าตัวเองในเงาสะท้อนของช้อนอย่างพิจารณา หลังจากกินเสร็จทั้งสองก็เดินกลับคอนโด ระหว่างเดินอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกขึ้นมา “พี่สาวคนสวย สนใจเรียนมวยไหมครับ วันนี้เรามีโปรนะครับ ซื้อคอร์ส 1 แถม 1 เรียนมวยลดความอ้วนดีนะพี่” เด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนวิ่งมายื่นโบรชัวร์ให้แก่ทั้งคู่ “ยังไม่สะดวกค่ะ ตอนนี้เป็นสมาชิกยิมอยู่แล้ว” ดาริกาตอบพลางมองหน้าเด็กหนุ่มและคิดในใจว่าหน้าตาดีมาก ถ้าอยู่ในยิมที่เธอเป็นสมาชิกสาว ๆ คงแย่งคิวจ้างเป็นเทรนเนอร์แน่แน่ พิรุณามองโบรชัวร์แล้วก็คิดว่าหากปล่อยให้ดาริกากลับไปเล่นที่ยิมเดิม เจอบรรยากาศเดิม ๆ คงไม่หายอกหักแน่ ๆ ที่สำคัญยิมนั้นภาคย์ แฟนเก่าดาริกาก็เป็นสมาชิก เดี๋ยวไปเจอกันแล้วลำบากเธอมาปลอบอีก ไหน ๆ จะหาอะไรใหม่ ๆ ทำแล้ว ก็ต้องให้มันแปลกใหม่จริง ๆ สิ เธอเลยเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มทั้งสอง โดยไม่รอช้าให้ดาริกามีโอกาสปฏิเสธ “ชั้นสนใจ ขอทดลองคอร์สนึงก่อนนะ” ว่าแล้วเธอก็ลากแขนเพื่อนของเธอเข้าไปสมัครอากาศยามบ่ายคล้อยวันนี้เย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ช่วยคลายความร้อนอบอ้าวที่สะสมมาตลอดวัน พิรุณาเดินทอดน่องไปตามทางเดินในค่ายมวย แวะทักทายคนรู้จักที่เธอมักพบเจอก่อนกลับคอนโดเสมอ หลังจากมาเรียนที่นี่ได้สักพัก เธอก็เริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกับคนในค่ายมวยมากขึ้น เธอพบว่าผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนจริงใจ ใจดี และมีน้ำใจ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างทางก่อนกลับคอนโด ช่วยให้เธอคลายความตึงเครียดจากการทำงานมาทั้งวันได้ไม่น้อย“พี่ฝน! มาพอดีเลย! หัวหน้าค่ายกำลังเช็กจำนวนคนที่จะไปดูมวยที่สนามวันศุกร์นี้พอดีเลยครับ พี่กับพี่ดาวไปไหม” จูเนียร์ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาเป็นประกายพิรุณายืนใช้ความคิดชั่วครู่ เธอไม่เคยดูมวยจริงจังมาก่อนเลยในชีวิต ให้เรียนน่ะพอได้ แต่ถ้าต้องไปดูคนชกกันแบบจริงจัง ยอมรับว่าเธอรู้สึกกลัวลึก ๆ ในใจ ภาพนักมวยแลกหมัดกันอย่างดุเดือดผุดขึ้นมาในความคิด“ไปเถอะนะพี่! เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไง” ไก่โต้งชวนสำทับ พลางส่งสายตาอ้อนวอน พิรุณาสบตากับน้องทั้งสองที่ดูจะตั้งใจชวนเธอเหลือเกิน ด้วยความเกรงใจและไม่อยากทำให้น้อง ๆ ผิดหวัง เธอจึงพยักหน้าตกลงไปในที่สุด แม้ในใจจะยังรู้สึกประหวั่นเ
หลังกินราเมงเสร็จ ริคุได้เดินไปส่งกระต่ายที่ห้องพัก ก่อนจะเดินกลับยิมพร้อมฮานะ เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังกระทบพื้นถนนเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบของยามค่ำคืน อากาศเย็นลงเล็กน้อยหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว“พี่ริคุ พี่รู้ไหมว่ากระต่ายชอบพี่น่ะ” ฮานะเปรยขึ้นมาทำลายความเงียบ เธอตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อเตือนรุ่นพี่ที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายแท้ ๆ คนนี้ รุ่นพี่ผู้มีจิตใจดีงาม บางทีก็ดีจนเกินไปจนไม่รู้จักปฏิเสธคน เธออดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ว่าวันหนึ่งริคุจะพลาดท่าเพราะความใจดีของเขาเอง“รู้สิ ทำไมเหรอ” ริคุตอบกลับฮานะด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“พี่รู้แล้วยังจะไปไหนมาไหนกับกระต่ายอีกเหรอคะ! อย่าบอกนะว่าพี่ชอบกระต่าย!!” ฮานะทำหน้าเหลือเชื่อ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความตกใจ เธอพูดต่อโดยไม่ทิ้งช่องว่างให้ริคุได้ปฏิเสธ “พี่รู้ไหมว่ากระต่ายไม่ใช่คนแบบที่พี่คิดหรอกนะ... แต่เอาเถอะ ถ้าพี่ชอบฮานะก็จะไม่ขัดขวางหรอก”“เดี๋ยวก่อน! ไปกันใหญ่แล้ว!” ริคุที่หาช่องว่างได้ก็รีบปฏิเสธเสียงหลง “พี่ไม่ได้บอกว่าชอบกระต่ายสักหน่อย”“พี่ไม่ชอบแล้วไปไหนมาไหนกับกระต่ายทำไม แถมยังดูเอาใจด้วย!” ฮานะกล่าวเตือนพี่ชายของเธอเสียงเข้ม “พี่รู้ไหมว
พิรุณาเดินกลับมาถึงห้องคอนโดอย่างหมดแรง วันนี้ที่ทำงานมีปัญหานิดหน่อยทำให้เธอต้องอยู่ค่ำ สิ่งแรกที่เธอทำเมื่อมาถึงห้องไม่ใช่การทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม ๆ อย่างที่ใจอยาก แต่เป็นการตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายทันที เธอไม่ชอบความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากเหงื่อไคลหลังเผชิญมลภาวะจากข้างนอก เมื่อร่างกายสดชื่นขึ้นจากสายน้ำที่ไหลผ่าน เธอจึงเดินออกมาในชุดลำลองสบาย ๆเธอคว้าแผ่นโบรชัวร์บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง เธอเป็นแบบนี้เสมอ ก่อนนอนจะต้องอ่านอะไรบางอย่างติดเป็นนิสัย ‘ไหน ๆ ก็จะต้องไปเรียนแล้ว อ่านดูหน่อยก็ดี’ เธอคิดในใจแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสาดส่องลงบนแผ่นกระดาษเงาวับ “คอร์สสำหรับผู้สนใจเรียนรู้ทักษะมวยไทยเบื้องต้น ช่วยป้องกันตัว พร้อมกับลดน้ำหนัก พิเศษวันนี้ ซื้อ 1 แถม 1…” เธออ่านข้อความนั้นช้า ๆ ในใจพลางขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามันช่างไม่น่าดึงดูดเอาเสียเลย แถมรูปยิมที่อยู่บนโบรชัวร์ก็ดูไม่ทันสมัย เทียบกับพวกฟิตเนสดังที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้แม้แต่น้อย‘แบบนี้จะมีคนสมัครไหมหนอ หรือจะมีแค่เธอกับยัยดาวที่หลงสมัครเป็นกลุ่มแรกกันนะ?’ พิรุณาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ความกังวลเล็ก ๆ ผุดขึ้
ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัว ราวกับจะรู้ว่าใกล้เวลาเลิกงาน ‘ไม่ทันอีกแล้วสินะ’ พิรุณาพึมพำกับตัวเอง พลางมองเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมานอกหน้าต่างวันนี้คงต้องทำงานรอฝนหยุดอีกตามเคย เธอถอนหายใจพลางเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งปิดไป“กริ๊ง กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์โต๊ะทำงานของใครสักคนดังขึ้น แต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมรับสาย พิรุณาเลยตัดสินใจดึงสายมาที่โต๊ะตัวเอง “สวัสดีค่ะ แผนกค้นคว้าทางวิชาการค่ะ ไม่ทราบเรียนสายใครคะ”“ยัยฝน ชั้นเอง ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” เสียงที่คุ้นเคยของดาริกา หรือดาว ลอยมาตามสาย“ยัยดาว โทรเข้าที่ทำงานทำไม ไม่โทรเข้ามือถือล่ะ”“โทรแล้ว แต่แกไม่รับ” พิรุณาเหลือบมองโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็พบว่ามีมิสคอลจากดาวหลายสาย เธอแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้คงทะเลาะกับแฟนตามเคยณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากคุยกับดาวเธอก็ได้ปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพราะทนการออดอ้อนของเพื่อนไม่ไหว“แกคิดดูสิ เขาไม่แคร์ชั้นเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาง้อ แล้วรู้ไหม ชั้นไปถามเพื่อนที่ทำงานเขา เพื่อนเขาบอก เขามีคนใหม่แล้วเป็นเด็กฝึกงาน ใช่สิ พวกเรามันแก่แล้ว!!!” ดาริการะบายเสียงดังลั่น
Comments