หลังกินราเมงเสร็จ ริคุได้เดินไปส่งกระต่ายที่ห้องพัก ก่อนจะเดินกลับยิมพร้อมฮานะ เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังกระทบพื้นถนนเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบของยามค่ำคืน อากาศเย็นลงเล็กน้อยหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
“พี่ริคุ พี่รู้ไหมว่ากระต่ายชอบพี่น่ะ” ฮานะเปรยขึ้นมาทำลายความเงียบ เธอตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อเตือนรุ่นพี่ที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายแท้ ๆ คนนี้ รุ่นพี่ผู้มีจิตใจดีงาม บางทีก็ดีจนเกินไปจนไม่รู้จักปฏิเสธคน เธออดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ว่าวันหนึ่งริคุจะพลาดท่าเพราะความใจดีของเขาเอง “รู้สิ ทำไมเหรอ” ริคุตอบกลับฮานะด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พี่รู้แล้วยังจะไปไหนมาไหนกับกระต่ายอีกเหรอคะ! อย่าบอกนะว่าพี่ชอบกระต่าย!!” ฮานะทำหน้าเหลือเชื่อ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความตกใจ เธอพูดต่อโดยไม่ทิ้งช่องว่างให้ริคุได้ปฏิเสธ “พี่รู้ไหมว่ากระต่ายไม่ใช่คนแบบที่พี่คิดหรอกนะ... แต่เอาเถอะ ถ้าพี่ชอบฮานะก็จะไม่ขัดขวางหรอก” “เดี๋ยวก่อน! ไปกันใหญ่แล้ว!” ริคุที่หาช่องว่างได้ก็รีบปฏิเสธเสียงหลง “พี่ไม่ได้บอกว่าชอบกระต่ายสักหน่อย” “พี่ไม่ชอบแล้วไปไหนมาไหนกับกระต่ายทำไม แถมยังดูเอาใจด้วย!” ฮานะกล่าวเตือนพี่ชายของเธอเสียงเข้ม “พี่รู้ไหมว่าการทำแบบนี้มันยิ่งทำให้กระต่ายเข้าใจผิดนะ” ริคุถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะชวนฮานะนั่งลงตรงม้านั่งริมทางที่ปกคลุมด้วยความมืดสลัวจากแสงไฟข้างถนน “ฮานะ... พี่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ” เขาเริ่มต้นเรื่องราวในวัยเด็กให้เธอฟัง ในตอนเด็กเขาเป็นเด็กที่ตัวเล็กกว่าใครเพื่อน โดนเด็กโตที่โรงเรียนรังแกเป็นประจำ กลับบ้านทีไรก็มีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด ผิวหนังที่เคยบอบบางในวัยเยาว์ยังคงจดจำความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ดี จนวันหนึ่งขณะที่เขากำลังโดนรุ่นพี่กลุ่มใหญ่ไถเงิน บุญชู ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ค่ายมวยในตอนนั้น เดินผ่านมาพอดีและเข้ามาช่วยเขาไว้ได้ หลังจากนั้นบุญชูก็ชวนเขาเข้ามาซ้อมมวยที่ค่าย เพื่อใช้ป้องกันตัว และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางนักมวยของเขา ส่วนกระต่ายเป็นหลานสาวของบุญชู เธอถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก บุญชูจึงนำมาเลี้ยงดู กระต่ายกับริคุจึงรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ ริคุมองกระต่ายเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งมาโดยตลอด จึงมักจะยอมตามใจเธออยู่เสมอ อีกทั้งบุญชูก็ยังได้ฝากฝังให้ริคุช่วยดูแลหลานสาวของเขา เขาจึงไม่อยากปฏิเสธเวลากระต่ายชวนไปไหนมาไหน ฮานะนั่งฟังเรื่องราวของริคุจนจบ เธอเข้าใจเหตุผลที่เขาเป็นคนแบบนี้ได้ดี แต่กระนั้นก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ “ถึงพี่จะทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าวันหนึ่งพี่มีคนที่พี่ชอบจริง ๆ พี่ไม่กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดบ้างเหรอคะ” ฮานะเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง แฝงความกังวลในแววตา เธอมองจ้องเข้าไปในดวงตาของริคุเพื่อย้ำเตือนให้เขารับรู้ถึงผลที่อาจตามมา “พี่จะไม่ทำให้เขาเข้าใจผิดแน่นอน” ริคุตอบกลับอย่างมั่นใจ คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในใจเขา แต่ก็แปลกที่ในจังหวะที่เขากำลังกล่าวตอบฮานะ ใบหน้าของหญิงสาวที่เขาพบเจอในคืนฝนตกกลับปรากฏขึ้นมาในความคิดอย่างไม่ตั้งใจ ภาพนั้นชัดเจนจนเขารู้สึกประหลาดใจในตัวเอง เมื่อกลับถึงบ้านในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบา ๆ เป็นเพื่อน ริคุเปิดอินสตาแกรมขึ้นมาบนมือถือ มือของเขากดเข้าค้นหาอินสตาแกรมของไก่โต้งโดยอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อเข้าไปดูเขาก็พบกับความผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากไก่โต้งไม่ได้โพสต์อะไรใหม่ ๆ เลย ไม่มีแม้แต่รูปเมื่อกลางวันที่ร้านอาหาร ‘ลองเข้าแท็กของเพื่อนเธอจากรูปเมื่อวานแล้วกัน’ ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขานึกถึงรูปหมู่ที่ไก่โต้งถ่าย และนั่นนำพาให้นิ้วเรียวของเขากดเข้าไปในอินสตาแกรมของดาริกา เขาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมสายตาถึงยังคงตามหาเธอ... บางทีอาจเป็นเพราะ แววตาและท่าทางที่เธอมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ด้วยความสงสัยใคร่รู้และรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ทำให้โลกของเขาซึ่งเคยมีแต่การฝึกซ้อมและวินัย ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างประหลาด อินสตาแกรมของดาริกาไม่ทำให้ริคุผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเปิดเป็นบัญชีสาธารณะ และดูเหมือนเธอจะเป็นคนประเภทที่เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลงบนโซเชียลมีเดีย ‘ถ้าเพื่อนของเธอเปิดเผยได้ครึ่งหนึ่ง ฉันคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้’ ริคุคิดในใจพลางไล่ดูรูปภาพมากมายตามนิสัยคนช่างโพสต์ของดาริกา แต่สายตาของเขากลับมุ่งมั่น เฟ้นหาและหยุดลงเฉพาะรูปที่มีพิรุณาอยู่ด้วยเท่านั้น ‘ชื่อฝนเหรอ’ เขากระซิบเบา ๆ กับตัวเอง อดรู้สึกประหลาดใจในความบังเอิญไม่ได้ ที่วันแรกที่เขาเจอเธอก็เป็นวันฝนตก และชื่อเธอก็ยังมีความหมายเกี่ยวกับฝนอีกด้วย เขาเลื่อนดูรูปพิรุณาไปเรื่อย ๆ ราวกับจะพยายามทำความรู้จักเธอผ่านภาพเหล่านั้น ทุกรอยยิ้มที่สดใส ท่าทางโกรธที่น่ารักเมื่อโดนดาริกาแกล้ง หรือแม้แต่รูปร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะหมาของเพื่อนตาย ทุกภาพสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติของเธอ ความรู้สึกที่อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ท่วมท้นขึ้นมาในใจริคุ แต่แล้วความจริงก็ดึงเขากลับสู่โลกของหน้าที่และความรับผิดชอบ เขายังไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มต้นทำความรู้จักเธออย่างไรในโลกแห่งความจริง อากาศยามบ่ายวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว อบอวลไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคลและเสียงเท้ากระทบพื้น ภายในค่ายมวย เสียงเตะเป้าดัง "ปัก! ปัก!" สลับกับเสียงลมหายใจหนัก ๆ และเสียงฮึดฮัดของเหล่านักมวยที่กำลังฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น เหงื่อของริคุไหลเป็นทางยาวอาบแผ่นหลังและไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาชกและเตะเป้าที่บุญชูถือให้อย่างคล่องแคล่วและหนักหน่วง แม้จะเป็นบรรยากาศเดิม ๆ ที่คุ้นเคย แต่ริคุไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย เขารักการฝึกมวยไทยเป็นชีวิตจิตใจ และหลงใหลในศิลปะการต่อสู้แขนงนี้อย่างแท้จริง “ริคุ! มาซ้อมก่อนเวลาอีกแล้วนะ” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ของไมเคิล ลูกครึ่งผมทอง หน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน ที่กำลังอยู่ในกางเกงมวยสีเข้ม รีบตรงดิ่งเข้ามาหาริคุทันทีที่เห็น “อ้าวไมค์ ทำไมถึงรีบกลับมาล่ะ นายได้หยุดอีกสองอาทิตย์นี่นา” ริคุพักการซ้อมเพื่อคุยกับไมเคิล “พอดีเขาจะให้ฉันชกแทนนักมวยที่ได้รับบาดเจ็บน่ะ เลยต้องรีบกลับมาซ้อม” “ไฟต์ไหนเหรอ” “ไฟต์เดียวกับนายไง โชคดีเลย จะได้ไปพร้อมกัน ไม่งั้นตอนซ้อมที่ไทยฉันคงจะเหงามาก ๆ” ไมเคิลบอก ไมเคิล เป็นนักมวยลูกครึ่งญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย ที่มาฝึกที่ยิมเดียวกับริคุ ด้วยความที่อายุไล่เลี่ยกัน และต้องเดินสายแข่งด้วยกันบ่อย ๆ ทั้งคู่เลยสนิทกันโดยปริยาย จริง ๆ เขาเพิ่งมีไฟต์ต่อยไป จึงได้พักยาว นี่คงเป็นเหตุจำเป็นจริง ๆ เขาถึงโดนเรียกกลับมาจากการพักร้อนแบบนี้ หลังจากการฝึกซ้อมอันหนักหน่วง ริคุและไมเคิลก็นั่งพักกินข้าวด้วยกันในโรงอาหารของยิม เสียงพูดคุยจอแจรอบข้างและกลิ่นอาหารที่ลอยคละคลุ้ง ไม่ได้ดึงความสนใจของไมเคิลไปจากเพื่อนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย “ริคุ นายมีความรักรึเปล่า” ไมเคิลจู่โจมถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ริคุเงยหน้ามองเพื่อนด้วย แววตาฉงน “ไม่ต้องทำหน้างงว่าฉันรู้ได้ยังไง! ก็ปกตินายเคยสนใจมือถือที่ไหนกัน! แต่นี่อะไร! ตั้งแต่นั่งกินข้าวเนี่ย นายหยิบมือถือขึ้นมาดูสามครั้งแล้วนะ” ไมเคิลขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ริคุ พยายามจะชะโงกดูหน้าจอโทรศัพท์ แต่ริคุก็คว่ำหน้าจอลงอย่างรวดเร็ว “อย่าเสียมารยาทน่า” ริคุตำหนิ “อะไรกัน! ฉันไม่อยู่ไม่กี่วันนายมีความรักแล้วเหรอเนี่ย! ต่อไปฉันคงโดดเดี่ยวเดียวดายแล้วสินะ หมาป่าผู้โดดเดี่ยวตัวนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ” ไมเคิลแกล้งทำเสียงหงอย พลางเอาหัวซบไหล่หยอกล้อริคุด้วยท่าทางโอเวอร์เกินจริง ริคุผลักหัวของไมเคิลออกไปเบา ๆ “อย่ามาดราม่าเลย! ก่อนจะบอกตัวเองโสดไปจัดการบรรดาผู้หญิงที่นายไปหว่านเสน่ห์ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ” ไมเคิลไม่สนใจคำพูดของริคุ ยังคงเซ้าซี้ต่อด้วยความสงสัย ก็เพื่อนคนนี้ของเขาไม่เคยมีความรักนี่นา ไม่ว่าบรรดาสาวสวยฮอตแค่ไหนจะเข้ามาหา เพื่อนเขาก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิด ตอนนี้เพื่อนมีความรักก็ย่อมอยากรู้เป็นธรรมดา “ริคุ! ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร! น่ารักใช่ไหมล่ะ! แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ” ริคุกระเถิบตัวหนีไมเคิลอีกครั้ง แต่ก็รู้ดีว่าถ้าไม่ตอบออกไป เพื่อนเขาคนนี้คงจะเซ้าซี้ไปทั้งวันแน่ ๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เคยเจอหน้าค่ายมวยที่ไทยน่ะ ตอนนี้เธอมาซื้อคอร์สเรียนที่นั่น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก แค่เห็นว่าน่ารักดี” “ไม่มีอะไร ก็ทำให้มันมีอะไรสิโว้ย! ทำไมไม่ลองทักเธอไปล่ะ” ไมเคิลแนะนำริคุ เหมือนกับว่าการจีบใครสักคนเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ “ไม่ได้หรอกน่า! ไม่รู้จักกัน ขืนทักไปสุ่มสี่สุ่มห้าเขาจะหาว่าไร้มารยาทเอาได้” ริคุส่ายหัวไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น “โอ๊ย พ่อหนุ่ม! นายอายุยังไม่ถึง 25 นะ! คนวัยเราเขาก็จีบกันแบบนี้แหละ ทำตัวเป็นตาแก่ไปได้! ไม่กล้าแบบนี้ระวังจะโดนคนอื่นตัดหน้านะ... เอ๊ะ! หรือว่าเธอจะมีแฟนอยู่แล้วนะ?” ไมเคิลพยายามยุให้ริคุทักไปจีบสาวนิรนามที่ริคุไม่ยอมแนะนำให้เขารู้จัก พร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เพื่อนเพื่อสังเกตปฏิกิริยา เมื่อริคุได้ยินคำเตือนของไมเคิลว่าพิรุณาอาจมีแฟนแล้ว ทำไมในท้องเขาถึงได้รู้สึกปั่นป่วนอย่างประหลาดเช่นนี้นะ? จิตใจของเขาเศร้าหมองลงอย่างรวดเร็ว ราวกับมีเมฆดำมาบดบังแสงอาทิตย์ เขาไม่รอช้า ลุกหนีไปจากโต๊ะกินข้าวทันที ทิ้งไมเคิลให้นั่งมองตามหลังด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอากาศยามบ่ายคล้อยวันนี้เย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ช่วยคลายความร้อนอบอ้าวที่สะสมมาตลอดวัน พิรุณาเดินทอดน่องไปตามทางเดินในค่ายมวย แวะทักทายคนรู้จักที่เธอมักพบเจอก่อนกลับคอนโดเสมอ หลังจากมาเรียนที่นี่ได้สักพัก เธอก็เริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกับคนในค่ายมวยมากขึ้น เธอพบว่าผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนจริงใจ ใจดี และมีน้ำใจ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างทางก่อนกลับคอนโด ช่วยให้เธอคลายความตึงเครียดจากการทำงานมาทั้งวันได้ไม่น้อย“พี่ฝน! มาพอดีเลย! หัวหน้าค่ายกำลังเช็กจำนวนคนที่จะไปดูมวยที่สนามวันศุกร์นี้พอดีเลยครับ พี่กับพี่ดาวไปไหม” จูเนียร์ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดวงตาเป็นประกายพิรุณายืนใช้ความคิดชั่วครู่ เธอไม่เคยดูมวยจริงจังมาก่อนเลยในชีวิต ให้เรียนน่ะพอได้ แต่ถ้าต้องไปดูคนชกกันแบบจริงจัง ยอมรับว่าเธอรู้สึกกลัวลึก ๆ ในใจ ภาพนักมวยแลกหมัดกันอย่างดุเดือดผุดขึ้นมาในความคิด“ไปเถอะนะพี่! เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไง” ไก่โต้งชวนสำทับ พลางส่งสายตาอ้อนวอน พิรุณาสบตากับน้องทั้งสองที่ดูจะตั้งใจชวนเธอเหลือเกิน ด้วยความเกรงใจและไม่อยากทำให้น้อง ๆ ผิดหวัง เธอจึงพยักหน้าตกลงไปในที่สุด แม้ในใจจะยังรู้สึกประหวั่นเ
หลังกินราเมงเสร็จ ริคุได้เดินไปส่งกระต่ายที่ห้องพัก ก่อนจะเดินกลับยิมพร้อมฮานะ เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังกระทบพื้นถนนเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบของยามค่ำคืน อากาศเย็นลงเล็กน้อยหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว“พี่ริคุ พี่รู้ไหมว่ากระต่ายชอบพี่น่ะ” ฮานะเปรยขึ้นมาทำลายความเงียบ เธอตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อเตือนรุ่นพี่ที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายแท้ ๆ คนนี้ รุ่นพี่ผู้มีจิตใจดีงาม บางทีก็ดีจนเกินไปจนไม่รู้จักปฏิเสธคน เธออดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ ว่าวันหนึ่งริคุจะพลาดท่าเพราะความใจดีของเขาเอง“รู้สิ ทำไมเหรอ” ริคุตอบกลับฮานะด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“พี่รู้แล้วยังจะไปไหนมาไหนกับกระต่ายอีกเหรอคะ! อย่าบอกนะว่าพี่ชอบกระต่าย!!” ฮานะทำหน้าเหลือเชื่อ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความตกใจ เธอพูดต่อโดยไม่ทิ้งช่องว่างให้ริคุได้ปฏิเสธ “พี่รู้ไหมว่ากระต่ายไม่ใช่คนแบบที่พี่คิดหรอกนะ... แต่เอาเถอะ ถ้าพี่ชอบฮานะก็จะไม่ขัดขวางหรอก”“เดี๋ยวก่อน! ไปกันใหญ่แล้ว!” ริคุที่หาช่องว่างได้ก็รีบปฏิเสธเสียงหลง “พี่ไม่ได้บอกว่าชอบกระต่ายสักหน่อย”“พี่ไม่ชอบแล้วไปไหนมาไหนกับกระต่ายทำไม แถมยังดูเอาใจด้วย!” ฮานะกล่าวเตือนพี่ชายของเธอเสียงเข้ม “พี่รู้ไหมว
พิรุณาเดินกลับมาถึงห้องคอนโดอย่างหมดแรง วันนี้ที่ทำงานมีปัญหานิดหน่อยทำให้เธอต้องอยู่ค่ำ สิ่งแรกที่เธอทำเมื่อมาถึงห้องไม่ใช่การทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม ๆ อย่างที่ใจอยาก แต่เป็นการตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายทันที เธอไม่ชอบความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากเหงื่อไคลหลังเผชิญมลภาวะจากข้างนอก เมื่อร่างกายสดชื่นขึ้นจากสายน้ำที่ไหลผ่าน เธอจึงเดินออกมาในชุดลำลองสบาย ๆเธอคว้าแผ่นโบรชัวร์บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง เธอเป็นแบบนี้เสมอ ก่อนนอนจะต้องอ่านอะไรบางอย่างติดเป็นนิสัย ‘ไหน ๆ ก็จะต้องไปเรียนแล้ว อ่านดูหน่อยก็ดี’ เธอคิดในใจแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสาดส่องลงบนแผ่นกระดาษเงาวับ “คอร์สสำหรับผู้สนใจเรียนรู้ทักษะมวยไทยเบื้องต้น ช่วยป้องกันตัว พร้อมกับลดน้ำหนัก พิเศษวันนี้ ซื้อ 1 แถม 1…” เธออ่านข้อความนั้นช้า ๆ ในใจพลางขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามันช่างไม่น่าดึงดูดเอาเสียเลย แถมรูปยิมที่อยู่บนโบรชัวร์ก็ดูไม่ทันสมัย เทียบกับพวกฟิตเนสดังที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ไม่ได้แม้แต่น้อย‘แบบนี้จะมีคนสมัครไหมหนอ หรือจะมีแค่เธอกับยัยดาวที่หลงสมัครเป็นกลุ่มแรกกันนะ?’ พิรุณาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ความกังวลเล็ก ๆ ผุดขึ้
ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัว ราวกับจะรู้ว่าใกล้เวลาเลิกงาน ‘ไม่ทันอีกแล้วสินะ’ พิรุณาพึมพำกับตัวเอง พลางมองเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมานอกหน้าต่างวันนี้คงต้องทำงานรอฝนหยุดอีกตามเคย เธอถอนหายใจพลางเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งปิดไป“กริ๊ง กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์โต๊ะทำงานของใครสักคนดังขึ้น แต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมรับสาย พิรุณาเลยตัดสินใจดึงสายมาที่โต๊ะตัวเอง “สวัสดีค่ะ แผนกค้นคว้าทางวิชาการค่ะ ไม่ทราบเรียนสายใครคะ”“ยัยฝน ชั้นเอง ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” เสียงที่คุ้นเคยของดาริกา หรือดาว ลอยมาตามสาย“ยัยดาว โทรเข้าที่ทำงานทำไม ไม่โทรเข้ามือถือล่ะ”“โทรแล้ว แต่แกไม่รับ” พิรุณาเหลือบมองโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็พบว่ามีมิสคอลจากดาวหลายสาย เธอแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้คงทะเลาะกับแฟนตามเคยณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากคุยกับดาวเธอก็ได้ปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพราะทนการออดอ้อนของเพื่อนไม่ไหว“แกคิดดูสิ เขาไม่แคร์ชั้นเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มาง้อ แล้วรู้ไหม ชั้นไปถามเพื่อนที่ทำงานเขา เพื่อนเขาบอก เขามีคนใหม่แล้วเป็นเด็กฝึกงาน ใช่สิ พวกเรามันแก่แล้ว!!!” ดาริการะบายเสียงดังลั่น