หญิงสาวลุกพรวดวิ่งออกไปจากห้อง สองมือกอดกระเป๋าในอกแน่น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะใบหน้าจนร่างกายเย็นชื้นไปทั้งร่าง
หยาดน้ำตาสีใสไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน ภายในอกรู้สึกหน่วงจนอธิบายไม่ได้ เหมือนเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่เสมอ แยมเดินตามฟุตบาธไปเงียบๆเพียงลำพัง “ขึ้นรถ” รถหรูคันสีดำขับไล่หลังเธอมา คนข้างในลดกระจกรถลงและพยายามบอกให้สาวน้อยขึ้นรถ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งสาวกลับไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย เธอยังคงเดินต่อไปพร้อมยกมือปาดน้ำตาอยู่หลายครั้ง แยมเลือกที่นั่งแท็กซี่กลับไป โดยไม่สนใจรถหรูที่คอยขับตามมาอยู่ด้านหลัง เมื่อถึงบ้าน ร่างบางจึงรีบสาวเท้าเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้ทันว่าเขากำลังวิ่งตามมาข้างหลัง เขาไม่มีทางจะเข้ามาเอ่ยปากขอโทษแน่นอน “บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง” “เทำไมต้องทำให้แยมรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าคนอื่นด้วย เลิกยุ่งกับแยมสักที เราต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด คืดว่าการดูถูกคนอื่นมันทำให้ตัวเองดูสูงส่งกว่าเหรอ”หญิงสาวระเบิดคำพูดมากมายที่อัดอั้นอยู่ในอกออกมา “ยอมรับในสิ่งที่คนอื่นพูดไม่ได้เหรอ” “แล้วทำไมต้องยอมรับด้วย มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดสักหน่อย” “ไม่จริงเหรอ”เขาเลิกคิ้วถาม ราวกับครุ่นคิด แต่กลับแสยะยิ้มออกมา “ฉันนี้แหละจะซื้อเธอ” “พูดจา กรุณาให้เกียรติคนอื่นด้วย แม่ไม่เคยสอนเหรอหรือไม่มี” “หุบปาก”เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง เมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ทำให้เขาสติแตก ดวงตาดุดันราวกับจะฆ่าคนตวัดมองสาวน้อยตรงหน้า เธอไม่มีสิทธิ์จะมาพูดถึงแม่ของเขาได้ซ้ำ ที่ครอบครัวของเขาต้องแตกแยกและแม่ต้องตรอมใจตาย ก็เพราะแม่เธอที่ทำตัวไฝ่สูง ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเขายังรักกันดี แต่เมื่อแม่เธอเขามา ครอบครัวของเขาก็พังทลาย ศรัณย์ลากเธอมายังโซฟากลางห้องโถง ผลักร่างอรชรลงไปตัดกับโซฟา แม้แยมดิ้นรนถอยห่างจากเขา แต่เขากลับยิ่งกดร่างเธอลงไป เข็มขัดหนังถูกดึงออกมาพันธนาการข้อมือทั้งสองที่กำลังผลักไสเขา ศรัณย์รัดแน่นจนเธอแทบจะดิ้นไม่ได้ “ปล่อยน่ะ”ใบหน้าหวานขมวดคิ้วบึ้งตึงใส่เขาอย่างไม่พอใจ “ไม่อยากได้เงินเหรอ จะได้เอาไปซื้อกระโปรงตัวใหม่ไง”ชายหนุ่มกดข้อมือที่ถูกมัดไว้เหนือศรีษะ ก่อนจะพูดจาเหน็บแนมใส่เธอไม่หยุด มือหนาวางลงบนหน้าอกอวบอิ่มที่ถูกปกปิดอยู่ภายใต้เสื้อสีขาว แยมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ทำแบบนี้ไม่ได้น่ะ เราเป็นพี่น้อง”สาวน้อยพยายามพูดเตือนสติอีกฝ่าย ให้เขาคิดมากกว่านี้ “ใครเป็นพี่เธอไม่ทราบ ฉันเป็นลูกคนเดียว”ศรัณย์พูดหนักแน่น โดยไม่สนใจเสียงห้ามปราบของหญิงสาวแม้แต่น้อย เขาแกะกระดุมเสื้อเธอที่ละเม็ดอย่างใจเย็น นัยน์ตาขลับดำมองผิวขาวเนียนที่เผยให้เห็นทีละน้อย “ถ้าปล่อยแยมไปตอนนี่ แยมจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น จะคิดแค่ว่าพี่เมา”แยมพูดขึ้นอีกประโยค เพื่อเขาขยับตัวลงไป “ฉันอาจจะเมาจริงๆนั้นแหละ” มือใหญ่แหวกชุดชั้นในออกไป เผยให้เห็นสองเต้าเต่งตึงโผล่ออกมา เขาเคล้นคลึงทั้งสองเต้าสลับไปมาจนสนุกมือราวกับของเล่น “หยุดน่ะ”แยมตวาดเสียงใส่อย่างเหลืออด เขาหยอกล้อจนเกินขอบเขตไปแล้ว “ช่วยด้วย”ทว่าเธอยังส่งเสียงร้องเรียกให้คนได้ยิน สายตาลุ่มลึกเหลือบมองดวงหน้าเล็กที่น้ำตาคลอเบ้า ทว่ามือของเขากลับขยับขึ้นมาบีบยอดถันสีชมพูจนหญิงสาวต้องกัดปาก “ไม่มีใครโผล่มาหรอก เก็บเสียงไว้ครางดีกว่า” ศรัณย์ขยับมือลงมาฉีกกระโปรงคับแคบนั้นถึง ชั้นในลูกไม้สีดำก็ถูกกระชากออกให้พ้นทาง “หยุดน่ะ”แยมเย็นวาบไปทั่วแผนหลัง เมื่อเบื้องล่างไร้สิ่งบดบัง เธอพยายามถอยหนี แต่แรงของเขากดทับตัวเธอไว้แน่น “อย่าทำเป็นซื่อหน่อยเลย เดี๋ยวพี่คนนี้จะพาเธอขึ้นสวรรค์ เสร็จจากนี้ฉันจะซื้อกระโปรงให้เธอใหม่สักร้อยตัว” “เลิกพูดจาทุเรสๆสักที”แยมกลั้นน้ำตาไม่ไหวจนมันไหลอาบแก้ม ชายหนุ่มมองหยาดน้ำตาเหล่านั้นโดยไม่รู้สึกอะไร เขาไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำมันผิดเหรอ ศรัณย์โน้มตัวลงมาใกล้ กลิ่นอายอันตรายแผ่ซ่านไปรอบกายของเขา ความหวาดกลัวเล่นพล่านอยู่ในอก ยังไม่ทันจะเบื้อนหน้าหนี มือหยาบกลับบีบคางให้เงยหน้า ริมฝีปากหนาประกบลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว ค่อยๆกัดกินริมฝีปากบางสีชมพูราวกับของหวาน เรียวลิ้นสากรุกล้ำเข้ามาอย่างอุกอาจ ลมหายใจของเธอเริ่มจะติดขัดเพราะเขาช่วงชิงมันไป เขาตวัดเลียทุกส่วนในโพรงปากราวกับน้ำหวานรสเลิส กลืนกลิ่นมันไปอย่างละเมียดละไม หญิงสาวใต้ร่างทนไม่ไหวจนกัดลิ้นเขาเข้าให้ ชายหนุ่มผละออกจากเรียวปากเล็ก เขาสัมผัสได้ถึงรสชาติคาวในปากจึงเช็ดดูว่าเป็นเลือด ทว่าเขากลับยกยิ้มโดยไม่โกรธสักนิด เขาบีบปลายคางเธออีกครั้ง ให้เผยอริมฝีปากออกก่อนจะกดชั้นในของเธอเข้ามาปิดปาก แยมส่ายหน้าปฏิเสธแต่เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ศรัณย์ขยับตัวมา แยกสองขาเล็กออกจากกัน ก่อนจะฝั่งใบหน้าลงไปตรงกลางความเป็นสาว ลิ้นสากควานเลียอย่างมูมมาม ตวัดเลียจนสาวน้อยดิ้นพล่านด้วยความเสี่ยว จนน้ำหล่อลื่นไหลออกมา เขาก็ยังจะกลื่นมันลงไปราวกับเป็นน้ำหวาน แยมส่งเสียงร้องที่ฟังแทบจะไม่ได้ศัพท์ออกมา ลิ้นหนารุกล้ำเข้าไปถึงภายใน ดื่มด่ำจนความกระหายหมดไปถึงได้ผละออก เขามองกายสาวที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำลายของเขาแสงแดดยามเย็นทอแสงอ่อนลง ท้องฟ้าสีส้มสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์เป็นแสงสุดท้ายก่อนจะตกดิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น บ่งบอกถึงอาหารมื้อเย็นที่แม่บ้านนำขึ้นมาแม่บ้านเห็นเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เป็นเสื้อที่หนาขึ้น สาวน้อยคงจะเช็ดตัวด้วยตัวเองแล้ว แยมทานอาหารเย็นจนหมดจึงให้แม่บ้านนำกลับลงไป สิ้นเสียงปิดประตู คนตัวเล็กจึงลงจากเตียงไปยังประตู เปิดปิดประตูแน่นหน้าลงล็อคเรียบร้อย สาวน้อยหมันตัวกลับมาปิดไฟ ปิดผ้าม่านจนมืดสนิททั้งห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนก่อนเข้าสู่หวงนิทราที่ไหลลึก ราวกับเหนื่อยล้ามามากพอแล้วศรัณย์เดินมาหน้าห้องของน้องสาว เขายื่นออกไปผลักประตู ทว่ามันกลับล็อคไว้ ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเธอป่วยอยู่หรอกเหรอ หากเป็นอะไรขึ้นมาคนอื่นจะรู้ได้ยังไงร่างสูงเดินลงไปหาแม่บ้าน เขาขอกุญแจสำรองของห้องแยมกลับมา อ้างว่าเธอป่วยจะเขาไปดูอาการ ชายหนุ่มกลับขึ้นมา เขาใช้กุญแจใส่เข้าไปแล้ว แต่เลือกที่จะดึงกลับมาเก็บไว้ แล้วเดินกลับห้องตัวเองไป หากว่าเป็นอะไรไปมันก็เรื่องเธอไม่เกี่ยวกับเขา ก่อนหน้านี้ที่ให้ยาไปก็ถือว่าเขาใจดีมากพอแล้วศรัณย์นึกเหตุการณ์เมื่อค
“ฮ่าห์” เสียงแหบพร่าดังลอดไรฟัน เขากัดกรามแน่น ราวกับกำลังทรมานคนใต้ร่าง จังหวะรักเริ่มทวีคูณเมื่อมัดตอดรัดแน่นขึ้นมือใหญ่กลับมาตรึงเอวเธอไว้แน่น บังคับให้รองรับแรงกระแทกทุกครั้งที่เขาสอดลึกเข้ามา ความหน่วงร้อนในกายทำให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่อาจผลักไสออกไปได้ น้ำขาวขุ่นก่อนหน้าที่ปลดปล่อยเข้าไปทะลักออกมา บ้านท้ายกลายเป็นสีแดงเพราะรับแรงกระแทกของเขาหญิงสาวน้ำตาร่วงล่นลงบนโซฟาเปียกชื้น ได้แต่ภาวนาให้เขาปล่อยเธอไปสักที “เปลี่ยนที่กันเถอะ”หลังจากเขาปล่อยน้ำรักออกมาอีกครั้งถึงเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มปล่อยเรียวขาเล็กทั้งสองลง จากนั้นก็อุ้มร่างเธอขึ้นโดยที่ช่วงล่างยังสอดใส่อยู่ไม่ปล่อย มือแก่งโอบแผ่นหลังบางไว้แน่น อีกข้างเก็บเสื้อผ้าที่ตกหล่นติดมือไปด้วย เขาโอบอุ้มเธอไปชั้น ทุกสัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งเดียวจังหวะเดินยังคงทำให้หญิงสาวเสี่ยวซ่าน ช่วงล่างค่อยขยับเบียดเข้ามาข้างในทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบันได แยมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาเพื่อระบายความเจ็บศรัณย์อุ้มมาที่ห้องของเธอเอง เขาผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว โยนเสื้อผ้าในมือถือ ก่อนจับบั้นท้ายเล็กตอกอัดเข้าไ
ร่างสูงลุกยืนเต็มความสูงถอดเสื้อแล้วถอดกางเกงออก เปิดเผยสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ข้างในโดยไม่อายสักนิด ท่อนแข็งแรงกำลังชูชันเต็มที่ ขนาดของมันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวคนตัวเล็กที่เห็นก็รีบขยับหนี ทว่าเขากลับกระชากข้อเท้าเธอกลับมาใต้ร่างเขาอีกครั้ง ศรัณย์หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเพื่อหยิบถุงยางที่เก็บไว้ใช้งาน เขาใช้ฟันคมฉีกออกในครั้งเดียวและใส่มันเข้ากับแก่นกายขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว แยมส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตายิ่งไหลอาบแก้มมากกว่าเดิมมือหนาจอแก่นกายไปยังกลีบเนื้องาม เขาถูไถมันสองสามครั้งก่อนจะกระแทกเข้า ทว่ามันกลับเข้าไปไม่ได้ “ยังไม่เปิดซิงอีกหรอ”ศรัณย์แปลกใจเล็กน้อย เพราะมันแคบเกินไป หากกระแทกเข้าไปในครั้งเดียวเกรงว่าเธอจะรับไม่ไหวชายหนุ่มส่งนิ้วเข้าไปด้านใน ขยับเข้าออกให้ภายในปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาอีกครั้ง ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปให้มันขยายออกทีละน้อยแยมบิดร่างไปมา เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างรุกล้ำเข้ามาภายใน ถึงจะไม่เจ็บมาก แต่เธอกลับรู้สึกรังเกียจมันเมื่อเห็นว่ามีน้ำเหลวออก เขาจึงจ่อแก่นกายเข้าไปอีกครั้ง ค่อยดันเข้าไป ทว่าหญิงสาวกลับส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา และเธอก็ยัง
หญิงสาวลุกพรวดวิ่งออกไปจากห้อง สองมือกอดกระเป๋าในอกแน่น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะใบหน้าจนร่างกายเย็นชื้นไปทั้งร่าง หยาดน้ำตาสีใสไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน ภายในอกรู้สึกหน่วงจนอธิบายไม่ได้ เหมือนเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่เสมอ แยมเดินตามฟุตบาธไปเงียบๆเพียงลำพัง “ขึ้นรถ” รถหรูคันสีดำขับไล่หลังเธอมา คนข้างในลดกระจกรถลงและพยายามบอกให้สาวน้อยขึ้นรถ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งสาวกลับไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย เธอยังคงเดินต่อไปพร้อมยกมือปาดน้ำตาอยู่หลายครั้ง แยมเลือกที่นั่งแท็กซี่กลับไป โดยไม่สนใจรถหรูที่คอยขับตามมาอยู่ด้านหลัง เมื่อถึงบ้าน ร่างบางจึงรีบสาวเท้าเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้ทันว่าเขากำลังวิ่งตามมาข้างหลัง เขาไม่มีทางจะเข้ามาเอ่ยปากขอโทษแน่นอน “บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง” “เทำไมต้องทำให้แยมรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าคนอื่นด้วย เลิกยุ่งกับแยมสักที เราต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด คืดว่าการดูถูกคนอื่นมันทำให้ตัว
“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก
ตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป 14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว