Masuk“ฮ่าห์” เสียงแหบพร่าดังลอดไรฟัน เขากัดกรามแน่น ราวกับกำลังทรมานคนใต้ร่าง จังหวะรักเริ่มทวีคูณเมื่อมัดตอดรัดแน่นขึ้น
มือใหญ่กลับมาตรึงเอวเธอไว้แน่น บังคับให้รองรับแรงกระแทกทุกครั้งที่เขาสอดลึกเข้ามา ความหน่วงร้อนในกายทำให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่อาจผลักไสออกไปได้ น้ำขาวขุ่นก่อนหน้าที่ปลดปล่อยเข้าไปทะลักออกมา บ้านท้ายกลายเป็นสีแดงเพราะรับแรงกระแทกของเขา หญิงสาวน้ำตาร่วงล่นลงบนโซฟาเปียกชื้น ได้แต่ภาวนาให้เขาปล่อยเธอไปสักที “เปลี่ยนที่กันเถอะ” หลังจากเขาปล่อยน้ำรักออกมาอีกครั้งถึงเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มปล่อยเรียวขาเล็กทั้งสองลง จากนั้นก็อุ้มร่างเธอขึ้นโดยที่ช่วงล่างยังสอดใส่อยู่ไม่ปล่อย มือแก่งโอบแผ่นหลังบางไว้แน่น อีกข้างเก็บเสื้อผ้าที่ตกหล่นติดมือไปด้วย เขาโอบอุ้มเธอไปชั้น ทุกสัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งเดียว จังหวะเดินยังคงทำให้หญิงสาวเสี่ยวซ่าน ช่วงล่างค่อยขยับเบียดเข้ามาข้างในทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบันได แยมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาเพื่อระบายความเจ็บ ศรัณย์อุ้มมาที่ห้องของเธอเอง เขาผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว โยนเสื้อผ้าในมือถือ ก่อนจับบั้นท้ายเล็กตอกอัดเข้าไปเต็มแรง หญิงสาวซบศรีษะลงบนไหล่แกร่ง จวบจนเขาวางลงบนเตียงนุ่ม เธอจึงรู้สึกผ่อนคล้ายอยู่บ้าง ทว่าขาทั้งสองถูกดันไปจนเกือบชิดศีรษะ เบียดแน่นกับหัวเตียงจนหายใจแทบไม่ทั่วท้อง ความอึดอัดกับแรงกดที่โถมใส่ทำให้เธอไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย ราวกับถูกตรึงให้อยู่ในท่วงท่าที่เปราะบางที่สุด ขณะที่เงาร่างหนาของเขาคร่อมทับอยู่ด้านบน ทุกการเคลื่อนไหวกระแทกกระทั้นอย่างป่าเถื่อน ไม่มีช่องว่างแม้สักวินาทีเดียว เสียงหอบกระชั้นดังปะปนกับเสียงสั่นสะเทือนของหัวเตียงบรรยากาศอบอวลไปด้วยแรงดิบ เธอเหมือนถูกกลืนกินทั้งร่างกายและลมหายใจ ทุกสัมผัสที่กระแทกลงมาทำให้สติพร่าเลือน เหลือเพียงคราบน้ำตา เปลือกตาบางขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมตาตื่น ความปวดร้าวเล่นพล่านไปทุกสัดส่วนทันที เตียงนอนขนาดคิงไซส์มีเพียงแยมที่นอนอยู่ ทว่าผู้ชายสารเลวคนนั้นกลับหายไปแล้ว แยมมองร่างกายของตัวเองที่สวมเสื้อผ้าไว้เรียบร้อย ทั้งที่เมื่อคืนเรือนร่างของเธอไร้สิ่งปกปิดจากชายหนุ่ม เธอรู้สึกปวดหน่วงตรงท้องน้อย จึงได้แต่นอนเฉยๆ เสียงลูกบิดประตูทำให้คนตัวเล็กขมวดคิ้ว เสียงฝีเท้าเดินหนักๆมายังเตียงนอน ศรัณย์โยนถุงยาลงบนเตียง “กินซะ” “ออกไป”แยมเอ่ยไล่ โดยไม่สนใจชายหนุ่มแม้แต่น้อย “อย่างลืมที่สั่ง เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่รับผิดชอบ”เขาพูดจาเหน็บแนมก่อนจะออกไป คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอเกลียดเขาเข้าไส้ ศรัณย์กลับออกมาจากห้อง เขาเห็นแม่บ้านกำลังเดินมาทางห้องของแยมจึงได้ถามออกไป “มีอะไร” “จะเรียกหนูแยมลงไปทานข้าวค่ะ” “เธอไม่สบาย” “เป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ” ศรัณย์ปรายตามองแม่บ้านด้วยแววตาเย็นเยียบ ราวกับว่าเธอถามมากเกินไป แม่บ้านจึงรีบหลุบสายตาลวต่ำทันที “ไม่มี แค่โดนฝนไม่กี่วันก็หาย”เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองไป แม่บ้านหันกลับไปเคาะประตูห้อง เรียกแยมให้ลงไปทานข้าวเช้า วันนี้ไม่มีใครลงมาทานอาหารเช้าเลย คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงก็ไม่อยู่ในบ้านจึงเงียบเหงากันมาก คนในห้องรีบคว้าถุงยาซ้อนไว้ใต้ผ้าห่ม เธอดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดต้นคอขาวเล็กน้อย ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา “คุณศรัณย์บอกว่าหนูแยมไม่สบาย ให้ป้ายกอาหารเช้าขึ้นมาให้ไหม จะได้ไม่ต้องลงไป” “ขอบคุณค่ะ”คนตัวเล็กยิ้มเจือนตอบรับ เมื่อแม่บ้านออกไปเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก สาวน้อยน้ำตาร่วงลงทันทีประตูเปิดลง เธอร้องไห้จนตัวสั่นแต่กลับไม่กล้าส่งเสียง ปากของเขาพูดออกมามีแต่คำดูถูกเธอ แต่กลับแตะต้องตัวเธออย่างไม่รังเกียจด้วยซ้ำ ความบริสุทธิ์ที่เธอเก็บไว้อย่างดีกลับถูกเขาช่วงชิงและย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดี หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้าใจ เธอต้องทำยังไง จะเผชิญหน้ากับแม่ของตัวเองยังไง และไหนจะคนที่เหยียดหยามเธออีก ต้องมาตื่นมาเจอหน้าเขาซ้ำเธอยิ่งเจ็บใจ หลังจากทานข้าวเช้าแล้ว แยมหยิบถุงยาขึ้นมาดู ข้างในมียาคุมฉุกเฉินยาแก้ปวดและยาลดไข้ เธอกินพร้อมกันเข้าไปทั้งสามเม็ด แล้วทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ต้องไปเรียน หญิงสาวนอนหลับไปจนกระทั่งมื้อเที่ยง แม่บ้านจึงเข้าปลุกให้เธอลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาอีกครั้ง แม่บ้านเห็นเธออาการไม่ค่อยดีจึงอยากจะเช็ดตัวให้ ทว่าแยมรีบปฏิเสธ บอกว่าเธอทำเองได้ อีกอย่างเธอโตแล้ว ไม่ค่อยเหมาะ เขาคงเป็นจะคนบอกแม่บ้านว่าเธอป่วย ตอนเช้าหลังจากเขาออกไปไม่นาน แม่บ้านก็เข้ามาทันที แยมรอให้ถึงมื้อเย็น แล้วเธอจะล็อคประตูห้องให้แน่นหนา คนตัวเล็กลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอแตะหน้าผากที่กำลังร้อนของเอง หยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขึ้นมาซับน้ำเจากอ้างล้างหน้า โดยไม่สนใจว่าน้ำจะเย็นหรือไม่ มือเล็กค่อยๆถอดกระดุมชุดนอนตัวเองออก บนไหล่ของเธอมีรอยฟันอยู่ ยิ่งแกะดุมลงไปยิ่งเผยให้เห็นรอยแดงมากมายราวกับภาพอุจาดตาที่ไม่อยากจะมอง แยมยืนไม่ไหวเพราะปวดขาจากการกระทำทารุณเมื่อคืน จึงนั่งลงบนพื้นเย็นๆในห้องอาบน้ำ ยิ่งเธอขยับก็ยิ่งปวดช่วงล่างมากขึ้น หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ จึงถอดกางเกงนอนขาสั้นออก ค่อยๆมองร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้อย่างรังเกียจ เธอมองใจกลางความเป็นสาว จึงกัดฟันด้วยความโกรธ มันบวมแดงจนแทบจะแตะไม่ได้ ปากบอกรังเกียจ แถมยังดูถูกเธออยู่หลายครั้ง แต่กลับแตะต้องเธอราวกับสัตว์ป่าที่ไม่เคยกินเนื้อ แยมเช็ดตัวด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังฝืนทำด้วยตัวเอง หยิบเสื้อผ้าตัวเดิมขึ้นมาสวมแล้วกลับออกไปนอนบนเตียงอย่างเดิม“ผมถ่ายให้ครับ”แม่ของแยมชะงักไปนิด ก่อนจะยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์ให้เขาอย่างไม่คิดมากแยมยืนนิ่ง ตัวเกร็งเล็กน้อยเหมือนทำตัวไม่ถูก เพราะชุดว่ายน้ำและเพราะสายตาของเขาที่มองมาอย่างอ่านไม่ออก ศรัณย์รับมือถือด้วยสีหน้าเรียบสนิท ไม่มีแม้รอยยิ้ม เขากดถ่ายรัว ๆ แทบไม่ให้เวลาเธอเปลี่ยนท่าเพียงไม่กี่วินาที เขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้แม่เธอเหมือนไม่คิดอะไรแยมรับมาดูด้วยความเกรงใจ พร้อมพึมพำเบา ๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ…”แต่พอเห็นรูปในเครื่อง เธอก็แข็งค้างไปทันที ไม่ใช่ภาพสวย ๆ บนเรือ ไม่ใช่ภาพเธอกับวิวทะเล แต่เป็นภาพข้อเท้าเธอทั้งดุ้น ซ้ำยังถ่ายมุมเดิมติดพื้นเรือเต็ม ๆแยมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอึ้ง ๆในขณะที่ศรัณย์เพียงยักคิ้วใส่เธอ เหมือนคนที่รู้ตัวดีว่าแกล้ง และตั้งใจแกล้ง นี่มัน ก่อกวนกันชัด ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าเจตนาอะไร!“เป็นไงลูก พี่เขาถ่ายให้สวยไหม”แม่เอ่ยถาม เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งอยู่บนเรือ “สวยค่ะ สวยมากเลย”แยมตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แล้วเก็บโทรศัพท์กลับไป ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาสวมชายหนุ่มเองก็กำลังสวมชุดชูชีพอยู่ท้ายเรือ เขาใส่คล้องแคล้ว
ทว่าภาพที่เห็นกลับทำให้เธอใบหน้าร้อนผ่าวจนอาการหน้าชาเมื่อครู่หายวับไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเปลื้องผ้าจนร่างเปลือยเปล่า แวกว่ายอยู่ในสระน้ำตรงระเบียงห้อง แม้ว่าระเบียงห้องของเขาจะไม่เปิดไฟ แต่แสงสะท้อนออกมาจาห้องเธอทำให้เห็นภาพชัดเจน“ซ่า”ร่างสูงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับเสยผมที่เปียกชุ่มกลับขึ้นไป แผงอกกำยำมีหยาดน้ำไหลผ่านทั่วทั้งตัว กล้ามอกเป็นมัดชัดเจนราวกับถูกแกะสลักด้วยปลายมีด เส้นเลือดที่ท่อนแขนปูนขึ้นตามจังหวะ ไล่จากลำคอแกร่งลงไปถึงเอวสอบ ทุกจังหวะที่เขาขยับ หน้าท้องหกลูกนั้นก็ขยับตามเหมือนจะยั่วสายตาให้ละไปไหนไม่ถูกสายตาคมคายตวัดมองเสียงเปิดประตู สาวน้อยยื่นนิ่งราวกับรูปปั้น พร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้าง ผิวแก้มของเธอร้อนผ่าวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก็รีบหันหลังไป“ถ้าอยากอาบด้วยกัน ก็แค่ถอดชุดแล้วกระโดดลงมา”“ไอ้บ้า”แยมสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรีบกลับเข้าห้องไปแล้วปิดประตูเสียงดังแยมลงมาชั้นล่างในช่วงเที่ยง แต่ในบ้านเงียบมาก เหมือนว่าแม่กับพ่อจะออกไปข้างนอก เธอเข้าไปในห้องครัวหาน้ำดื่ม ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถดังอยู่ข้างนอกคุณแ
เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจว่า ทำไมความเงียบถึงหนักแน่นขนาดนั้น เขาเปิดประตู ลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง ก่อนเปิดประตูให้เธอโดยไม่พูดอะไรเธอทำท่าจะเถียง แต่พอเห็นเขาแค่ยืนพิงประตูรถ สูบบุหรี่อีกมวนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้าวลงมาเอง“ขอบใจ”แยมพูดด้วยน้ำเสียงขอไปที ก่อนจะรีบเดินเข้าวิลล่าไป วิลล่าสองชั้นตั้งเด่นอยู่ริมทะเลราวกับถูกวางไว้อย่างตั้งใจให้รับลมและแสงตะวันทุกทิศทาง ตัวอาคารเป็นโทนขาวครีมสะอาดตา ผสมกระจกบานใหญ่ หากเป็นช่วงกลางวันคงเห็นแสงสะท้อนจากน้ำทะเล“มาแล้วเหรอ”คุณแม่เดินเข้าในห้องโถง เห็นลูกสาวยืนมองการตกแต่งภายในวิลล่า เธอลากกระเป๋ามาด้วยหนึ่งใบไม่ใหญ่มาก“จะกินข้าวเลยไหม”คุณแม่พูดพลางมองซ้ายมองขวา เพราะเห็นว่ามาด้วยกันสองคน แต่เห็นแยมเข้ามาคนเดียว“แยมขอเอาของไปเก็บก่อน”ชั้นล่างเป็นโถงโล่ง เพดานสูงโปร่ง กลิ่นลมทะเลพัดเข้ามาผ่านประตูกระจกบานยาวที่เปิดออกสู่ลานพักผ่อนด้านหน้า พื้นปูด้วยไม้สีอบอุ่นตัดกับผนังสีอ่อน ให้ความรู้สึกสงบเหมือนรีสอร์ตส่วนตัว มีโซฟาหนังสีทขาววางติดหน้าต่าง มองเห็นวิวทะเลแบบไร้สิ่
วันศุกร์ช่วงเย็นแยมกลับมาที่ห้องคนเดียว เพื่อจัดกระเป๋าอีกครั้ง ดูให้แน่ใจว่าได้ลืมเอาอะไรใส่กระเป๋า ประมาณหกโมงนัดเจอแม่ที่บ้านใหญ่และไปพร้อมกัน หลายวันก่อนที่ศรัณย์อาสาเลี้ยงอาหารพวกเธอ หลังจากวันนั้นก็แทบจะไม่เห็นเขาแม้แต่เงา สาวน้อยยังรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่หายที่เขาจะไปด้วย แทบจะนึกบรรยากาศแสนอึดอัดบนโต๊ะอาหารออก และท่าทางไม่แยแสของเขาแยมเปลี่ยนจากชุดเดรสกระโปรงสีแดงลายดอกไม้สีขาว สวมทับด้วยคาร์ดิแกนสีดำ เธอปล่อยผมยาวมีติดกิ๊ฟเล็กน้อยไม่ให้ผมปลิวลงมาปรกหน้า แล้วลากกระเป๋าลากใบเล็กออกไปจากห้องเธอล็อคประตูห้องให้เรียบร้อย แต่กลับแอบมองห้องตรงข้ามที่ปิดประตูสนิด เขาไม่ไปหรอกเหรอ หรืออาจจะไปแล้ว แยมหันกลับมาแล้วทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเบะปากแล้วรีบลงลิฟต์ไป ถ้าหากว่าเขาไม่ไปจริงๆก็ดีนะสิรางบางเดินออกมาหน้าคอนโด ชุดเดรสของเธอกระโปรงไม่ยาวมาก ชายผ้าลอยอยู่เหนือเข่า เธอตั้งท่าจะเรียกรถผ่านแอป จึงหยิบมือถือจึ้นมาไถหน้าจอแยมตื่นตระหนก จู่ๆก็โดดดีดหน้าผากอย่างไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจ “รีบขึ้นรถ”สาวน้อยกำลังงุงงง ทว่าร่างสูงประม
“ดึกแล้วน่ะ ทำไมไม่สั่งมาล่ะ”“ออกไปดีกว่า ไปกินที่ร้านกัน”พีชลากแยมออกมาจากห้อง ทั้งสองเดินควงแขนกันในโถงทางเดิน จนมาถึงล็อบบีของคอนโด “พี่…สวัสดีค่ะ”พีชรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นเป็นพี่ชายของเพื่อน ศรัณย์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทว่าสายตากลับเหลือบมองคนที่เดินมาที่หลัง เธอใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาว มัดผมไม่สูงมากและปล่อยมา ดูไม่ค่อยเรียบร้อยแต่กลับมีเสน่ห์ ผิดกับเพื่อนของเธอที่ใส่เสื้อครอปสั้นจนเห็นหน้าท้องแบนราว แต่เขากลับไม่สนใจสักนิด“จะไปไหนกันเหรอ”“ไปหาอะไรกัน จะไปด้วยกันไหมค่ะ”ระหว่างนั่งรถ แยมแอบหยิกพีชที่ต้นแขนเบาๆ ด้วยความโกรธ ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปกระซิบใกล้หู “แกชวนเขามาทำไม”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะชวนจริง แค่พูดไปตามมารยาท ใครจะคิดว่าเขาจะอาสาเลี้ยงข้าว”พีชกระซิบตอบอย่างไม่มีทางเลือก ใครจะคิดว่าเขาจะตามมาศรัณย์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาขับรถนุ่มนวลไม่เร่งรีบและความเร็วระดับปกติ รถคันหรูสีขาวจอดลงหน้าภัตตาคารระดับมิชลินสามดาว มีพนักออกมาต้อนรับดิบดี และพวกเธอก็ได้นั่งห้องวีไอพี โดยที่ไม่ต้องออกเงินเอง พนักงานนำ
บรรยากาศในรถเงียบสงัด ขณะที่พีชยังคงยิ้มแย้มอยู่โดยไม่คิดอะไรมาก รถคันหรูสีขาวแล่นไปด้วยความเร็ว แยมคิดว่าอีกเดี๋ยว เขาคงจะทิ้งพวกเธอไว้หน้ามหาลัย ไกลออกไปแปดร้อยเมตร ทว่าไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เขาเลี้ยวเข้าไปส่งถึงหน้าคณะเสียด้วยซ้ำ เหมือนว่าเขาจะลำเอียงชัดเจน ทีกับเธอให้เดินลงไปเอง แถมยังจอดไกลไปอีก “ขอบคุณค่ะ”พีชเอ่ยขอบคุณก่อนลงจากรถ ส่วนแยมก็เดินลงไปเงียบๆ ขณะที่ดวงตาคมเข้มแอบมองเธอผ่านกระจก “ทำหน้าเหมือนตูดลิงเชียว นั้นพีชายแกน่ะ”เมื่อรถคันสีขาวเลี้ยวออกไป พีชจึงบ่นเพื่อนข้างกาย “ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆสักหน่อย”แยมเองก็ตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย เหมือนว่าเธอจะบอกเพื่อนไปหลายครั้งแล้ว ทั้งสองมาทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร ระหว่างรอเลโอ “พี่ชายแกอายุเท่าไร” “ไม่รู้” “หล่อขนาดนั้น มีแฟนต้องสวยแน่ๆ” “ไม่รู้สิ” “ไม่รู้ก็ไม่รู้” “นี่ เมื่อคืนก่อนแกคงไม่ไปค้างกับเพื่อนของเลโอใช่ไหม” “เปล่า เขาแค่ไปส่งฉันที่บ้าน เผลอบอกที่อยู่ผิดน่ะ”แยมอ้างไปเรื่อย เธอไม่กล้าเล่าความจริงออกมา กลัวเพื่อ







