ร่างสูงลุกยืนเต็มความสูงถอดเสื้อแล้วถอดกางเกงออก เปิดเผยสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ข้างในโดยไม่อายสักนิด ท่อนแข็งแรงกำลังชูชันเต็มที่ ขนาดของมันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว
คนตัวเล็กที่เห็นก็รีบขยับหนี ทว่าเขากลับกระชากข้อเท้าเธอกลับมาใต้ร่างเขาอีกครั้ง ศรัณย์หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเพื่อหยิบถุงยางที่เก็บไว้ใช้งาน เขาใช้ฟันคมฉีกออกในครั้งเดียวและใส่มันเข้ากับแก่นกายขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว แยมส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตายิ่งไหลอาบแก้มมากกว่าเดิม มือหนาจอแก่นกายไปยังกลีบเนื้องาม เขาถูไถมันสองสามครั้งก่อนจะกระแทกเข้า ทว่ามันกลับเข้าไปไม่ได้ “ยังไม่เปิดซิงอีกหรอ”ศรัณย์แปลกใจเล็กน้อย เพราะมันแคบเกินไป หากกระแทกเข้าไปในครั้งเดียวเกรงว่าเธอจะรับไม่ไหว ชายหนุ่มส่งนิ้วเข้าไปด้านใน ขยับเข้าออกให้ภายในปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาอีกครั้ง ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปให้มันขยายออกทีละน้อย แยมบิดร่างไปมา เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างรุกล้ำเข้ามาภายใน ถึงจะไม่เจ็บมาก แต่เธอกลับรู้สึกรังเกียจมัน เมื่อเห็นว่ามีน้ำเหลวออก เขาจึงจ่อแก่นกายเข้าไปอีกครั้ง ค่อยดันเข้าไป ทว่าหญิงสาวกลับส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา และเธอก็ยังดิ้นไปมาอยู่ใต้ร่าง ศรัณย์เองก็ทนไม่ไหว จึงตรึงข้อมือเธอขึ้นอีกครั้งแล้วกระแทกเข้าไป เลือดสีแดงไหลออกมาชโลมท่อนเอ็นที่เข้าไปได้แค่ส่วนหัว เขาดึงเศษกระโปรงที่ฉีกขาดไปเมื่อครู่กลับมารองบั้นท้ายงอนงาม ไม่ให้เลือดเปื้อนโซฟา ก่อนจะกระแทกเข้าไปเต็มแรงอีกครั้งจนมันสุดถึงเนื้อผนังด้านใน หยาดเลือดหยดลงบนกระโปรงสีดำพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย แพขนตามงามเปื้อนจนมองไม่เห็นนัยน์ตาสีดำ ช่องคับแคบตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นจนยากจะขยับ เขาดึงแท่งร้อนออกมาและถอดถุงอย่างโยนทิ้ง จากนั้นก็ยัดแก่นกายขนาดใหญ่กระแทกเข้าไปใหม่จนเกิดเสียงเนื้อกระทบดังชัดเจน นัยน์ตาคมเข้มเต็มไปด้วยความปรารถนา แม้เขาจะมองเห็นคราบน้ำตาเปื้อนแก้มก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมา ร่างกำยำค่อยๆขยับเอวสองสามครั้ง ให้ด้านในตอบรับแก่นกายของเขามากกว่านี้ สองมือขยับลงมาควบคุมเอวคอด อัดกระแทกสะโพกเข้าไปเต็มแรงอยู่หลายครั้ง จนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ถึงได้จับเรียวขาทั้งสองแยกออกจากกันจนสุด เอวสอบเริ่มกระแทกเป็นจังหวะหนักหน่วง พลางมองช่วงล่างที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ช่องคับแคบเริ่มจะตอดรัดถี่ๆ ความเสี่ยวซ่านเริ่มเข้ามาควบคุม จนชายหนุ่มต้องครางเสียงในลำคอ ร่างเล็กโยกโคลนไปตามจังหวะหนักหน่วงของชายหนุ่ม จนศรีษะเล็กกระแทกเข้ากับโซฟา หญิงสาวขยับมือที่ถูกมัดไว้ด้วยเข็มขัด มันรัดแน่นจนเป็นรอยแดง ดวงหน้างามกลับมาเปื้อนน้ำตาอีกครั้ง ร่างกายรู้สึกปวดราวไปทั้งร่าง ท้องน้อยก็หน่วงจนเจียนตาย พร้อมกับหอบหายใจแรงขึ้น ทุกแรงตอกอัดทำให้เธอสั่นสะท้าน แยมบิดเร้าร่างกายไปมาด้วยความทรมาน ทว่าสำหรับเขาเหมือนยังถึงจุดหมายที่ปรารถนา ร่างสูงโน้มตัวลงมาอีกครั้ง ฝั่งใบหน้าลงบนอกอวบอิ่มขณะที่เอวสอบยังคงกระแทกกระทั้นเข้าไปไม่หยุด ลิ้นหนาตวัดเลียยอดถัน อีกมือก็บีบเคล้นจนเป็นรอย สลับกัดไปมาทิ้งร่องรอยไว้มากมาย ใบหน้าคมคายขยับขึ้นมาฝั่งลงบนลำคอ เสียงครางของเขาดังอยู่ใกล้ใบหู หญิงสาวส่งเสียงร้องราวกับทนไม่ไหว ในปากของเธอถูกชั้นในยัดปิดไว้ “ทนหน่อยน่ะ ฉันยังไม่…”เขาพึมพำด้วยเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหมือนกำลังทรมาน แต่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้ สะโพกหนาเริ่มกระแทกเข้ามารุนแรงขึ้นพร้อมกับโอบร่างเธอไวแน่น เสียงเนื้อหนังกระทบกันจนเป็นเสียงลามก แต่ละครั้งที่เขาตอกอัดเข้ามาเธอก็จุกจนร้องไม่ออก หยาดเหงื่อเริ่มผุดตามแผ่นหลังของเขา กล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งแรงยังคงต้องการความปรารถนา ข้างในกายสาสทรมาน แต่ไม่สามารถหยุดเขาได้ รับรู้ได้ถึงความแสบร้อนข้างในเหมือนมันกำลังจะฉีกขาด “อ๊าสส” เสียงครางหนาหูเปล่งออกมาสุดเสียง พร้อมกับตอกอัดท่อนแข็งขืดครั้งสุดท้ายเข้ามาจนสุดพร้อมกับสิ่งอุ่นร้อนไหลทะลักอยู่ข้างใน ศรัณย์ขยับตัวออก เม็ดเหงื่อผุดออกมาเต็มกรอบหน้าของเขา ทรงผมหล่นลงมาปรกตาจนเสยกลับขึ้นไป มือแกร่งกดลงมาบนท้องน้อย จนหญิงสาวส่งเสียงร้อง เขาอัดสะโพกอีกสองสามครั้งแล้วดึงแก่นกายออกมา เสียงหญิงหอบหายใจอย่างหนัก ราวกับว่ามันได้สิ้นสุดแล้ว นัยน์ตาคมมองช่องคับแคบที่เปื้อนเลือดปะปนกับน้ำขาวขุ่น หัวเห็ดแดงก่ำยังคงชูชันอยู่เช่นเดิม แยมส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเสียงอู้อี้ในลำคอ ทว่าเขาคว้าแขนเล็กขึ้นมาและพลิกร่างเธอคว่ำไปกับโซฟา ประคองบั้นท้ายงอนงามขึ้นมาเหมือนหมา ราวกับว่าเขาจะทรมานเธอจนกว่าเขาจะพอใจ ท่อนเอ็นกระแทกเข้าไปอีกรอบจนสุด พร้อมกับมือหนาบีบเคล้นยอดอกสีชมพู มืออีกข้างรั่งผมของเธอไว้เต็มมือ ก่อนจะเริ่มจะหวะรักอีกครั้ง การกระทำของเขาโหดร้ายอย่างกับเธอเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา ทุกจังหวะที่มอบให้เธอยังคงฝั่งลึกเข้าไปถึงด้านใน ฝันคมฝั่งลงบนไหล่เล็กราวกับจะกลืนกินตัวเธอเข้าไปด้วย แยมส่งเสียงร้อน เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บตรงไหล่ซ้าย ร่างกายชาไปหมด จนแทบจะสับสนขณะที่เบื้องล่างยังคงถูกทารุณ แท่งร้อนที่อัดกระแทกเข้ามาแต่ละครั้งยังคงทำให้เธอจุกไปทั้วท้องน้อย ความเจ็บปวดและทรมานยังไม่ทันหาย เขากลับกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่ยั้ง ภายในห้องโถงเงียบสงัดมาก จนได้ยินเสียงลามกอีกครั้งเต็มสองหู เรี่ยวแรงของเขามากมายจนเธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่ หากว่าเขาไม่รั้งท้ายทอยไว้ เธอคงทรุดลงไปลงไปกับโซฟา ร่างสูงเคลื่อนไหวไม่หยุด จังหวะที่หนักแน่นและต่อเนื่องทำให้ร่างเธอสั่นสะท้านอยู่ใต้ตัวเขา เธอส่งเสียงร้องจนแทบขาดใจ แต่เขากลับยิ่งเร่งเร้ามากขึ้น แววตาคมราวกับหมาป่าเต็มไปด้วยความหิวกระหาย ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ป่าเถื่อนมากขึ้นแสงแดดยามเย็นทอแสงอ่อนลง ท้องฟ้าสีส้มสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์เป็นแสงสุดท้ายก่อนจะตกดิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น บ่งบอกถึงอาหารมื้อเย็นที่แม่บ้านนำขึ้นมาแม่บ้านเห็นเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เป็นเสื้อที่หนาขึ้น สาวน้อยคงจะเช็ดตัวด้วยตัวเองแล้ว แยมทานอาหารเย็นจนหมดจึงให้แม่บ้านนำกลับลงไป สิ้นเสียงปิดประตู คนตัวเล็กจึงลงจากเตียงไปยังประตู เปิดปิดประตูแน่นหน้าลงล็อคเรียบร้อย สาวน้อยหมันตัวกลับมาปิดไฟ ปิดผ้าม่านจนมืดสนิททั้งห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนก่อนเข้าสู่หวงนิทราที่ไหลลึก ราวกับเหนื่อยล้ามามากพอแล้วศรัณย์เดินมาหน้าห้องของน้องสาว เขายื่นออกไปผลักประตู ทว่ามันกลับล็อคไว้ ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเธอป่วยอยู่หรอกเหรอ หากเป็นอะไรขึ้นมาคนอื่นจะรู้ได้ยังไงร่างสูงเดินลงไปหาแม่บ้าน เขาขอกุญแจสำรองของห้องแยมกลับมา อ้างว่าเธอป่วยจะเขาไปดูอาการ ชายหนุ่มกลับขึ้นมา เขาใช้กุญแจใส่เข้าไปแล้ว แต่เลือกที่จะดึงกลับมาเก็บไว้ แล้วเดินกลับห้องตัวเองไป หากว่าเป็นอะไรไปมันก็เรื่องเธอไม่เกี่ยวกับเขา ก่อนหน้านี้ที่ให้ยาไปก็ถือว่าเขาใจดีมากพอแล้วศรัณย์นึกเหตุการณ์เมื่อค
“ฮ่าห์” เสียงแหบพร่าดังลอดไรฟัน เขากัดกรามแน่น ราวกับกำลังทรมานคนใต้ร่าง จังหวะรักเริ่มทวีคูณเมื่อมัดตอดรัดแน่นขึ้นมือใหญ่กลับมาตรึงเอวเธอไว้แน่น บังคับให้รองรับแรงกระแทกทุกครั้งที่เขาสอดลึกเข้ามา ความหน่วงร้อนในกายทำให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่อาจผลักไสออกไปได้ น้ำขาวขุ่นก่อนหน้าที่ปลดปล่อยเข้าไปทะลักออกมา บ้านท้ายกลายเป็นสีแดงเพราะรับแรงกระแทกของเขาหญิงสาวน้ำตาร่วงล่นลงบนโซฟาเปียกชื้น ได้แต่ภาวนาให้เขาปล่อยเธอไปสักที “เปลี่ยนที่กันเถอะ”หลังจากเขาปล่อยน้ำรักออกมาอีกครั้งถึงเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มปล่อยเรียวขาเล็กทั้งสองลง จากนั้นก็อุ้มร่างเธอขึ้นโดยที่ช่วงล่างยังสอดใส่อยู่ไม่ปล่อย มือแก่งโอบแผ่นหลังบางไว้แน่น อีกข้างเก็บเสื้อผ้าที่ตกหล่นติดมือไปด้วย เขาโอบอุ้มเธอไปชั้น ทุกสัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งเดียวจังหวะเดินยังคงทำให้หญิงสาวเสี่ยวซ่าน ช่วงล่างค่อยขยับเบียดเข้ามาข้างในทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบันได แยมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาเพื่อระบายความเจ็บศรัณย์อุ้มมาที่ห้องของเธอเอง เขาผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว โยนเสื้อผ้าในมือถือ ก่อนจับบั้นท้ายเล็กตอกอัดเข้าไ
ร่างสูงลุกยืนเต็มความสูงถอดเสื้อแล้วถอดกางเกงออก เปิดเผยสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ข้างในโดยไม่อายสักนิด ท่อนแข็งแรงกำลังชูชันเต็มที่ ขนาดของมันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวคนตัวเล็กที่เห็นก็รีบขยับหนี ทว่าเขากลับกระชากข้อเท้าเธอกลับมาใต้ร่างเขาอีกครั้ง ศรัณย์หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเพื่อหยิบถุงยางที่เก็บไว้ใช้งาน เขาใช้ฟันคมฉีกออกในครั้งเดียวและใส่มันเข้ากับแก่นกายขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว แยมส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตายิ่งไหลอาบแก้มมากกว่าเดิมมือหนาจอแก่นกายไปยังกลีบเนื้องาม เขาถูไถมันสองสามครั้งก่อนจะกระแทกเข้า ทว่ามันกลับเข้าไปไม่ได้ “ยังไม่เปิดซิงอีกหรอ”ศรัณย์แปลกใจเล็กน้อย เพราะมันแคบเกินไป หากกระแทกเข้าไปในครั้งเดียวเกรงว่าเธอจะรับไม่ไหวชายหนุ่มส่งนิ้วเข้าไปด้านใน ขยับเข้าออกให้ภายในปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาอีกครั้ง ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปให้มันขยายออกทีละน้อยแยมบิดร่างไปมา เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างรุกล้ำเข้ามาภายใน ถึงจะไม่เจ็บมาก แต่เธอกลับรู้สึกรังเกียจมันเมื่อเห็นว่ามีน้ำเหลวออก เขาจึงจ่อแก่นกายเข้าไปอีกครั้ง ค่อยดันเข้าไป ทว่าหญิงสาวกลับส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา และเธอก็ยัง
หญิงสาวลุกพรวดวิ่งออกไปจากห้อง สองมือกอดกระเป๋าในอกแน่น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะใบหน้าจนร่างกายเย็นชื้นไปทั้งร่าง หยาดน้ำตาสีใสไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน ภายในอกรู้สึกหน่วงจนอธิบายไม่ได้ เหมือนเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่เสมอ แยมเดินตามฟุตบาธไปเงียบๆเพียงลำพัง “ขึ้นรถ” รถหรูคันสีดำขับไล่หลังเธอมา คนข้างในลดกระจกรถลงและพยายามบอกให้สาวน้อยขึ้นรถ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งสาวกลับไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย เธอยังคงเดินต่อไปพร้อมยกมือปาดน้ำตาอยู่หลายครั้ง แยมเลือกที่นั่งแท็กซี่กลับไป โดยไม่สนใจรถหรูที่คอยขับตามมาอยู่ด้านหลัง เมื่อถึงบ้าน ร่างบางจึงรีบสาวเท้าเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้ทันว่าเขากำลังวิ่งตามมาข้างหลัง เขาไม่มีทางจะเข้ามาเอ่ยปากขอโทษแน่นอน “บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง” “เทำไมต้องทำให้แยมรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าคนอื่นด้วย เลิกยุ่งกับแยมสักที เราต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด คืดว่าการดูถูกคนอื่นมันทำให้ตัว
“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก
ตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป 14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว