GST สตูดิโอ
"คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวที่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ แผนกเสื้อผ้าของเราก็ต้องทำงานหนักอีกเช่นเคย เอาล่ะ แผนผังคร่าวๆก็ได้รับกันไปหมดแล้วนะ เริ่มประชุมได้"
"นี่หลิน ครั้งนี้งานยักษ์เลยนะแก ดูรายชื่อศิลปินแต่ละคน ตัวพ่อทั้งนั้น"
นิรมลหรือจีนแผนกดูแลเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายกระซิบบ่นกับเพื่อนสาวคนสนิทของเธออย่างรู้สึกขนลุกเมื่อพลิกไปดูรายชื่อศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงานนี้
"มืออาชีพเสียอย่าง แค่ทำตามหน้าที่ก็พอ อ๊ะ พี่วายุ!!"
เสียงของนิลินทร์ ดีไซเนอร์สาวมือหนึ่งของบริษัทอุทานขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สร้างความตกใจให้คนทั้งทีมที่กำลังประชุมกันอยู่ ทัพเทพ หัวหน้าและผู้ดูแลโปรเจคครั้งนี้ก็ตกใจจนต้องหันมาถามเธอเช่นกัน
"หลิน...มีอะไรจะเพิ่มงั้นเหรอ พี่ยังไม่ได้คุยถึงเรื่องเสื้อผ้าเลย ยังอยู่ที่ฉากบนเวทีและการเล่นไปแอลอีดีอยู่เลย"
"เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะพี่ทัพ ต่อได้เลยค่ะขอโทษที"
"แก..เป็นอะไรตะโกนซะดังเลย ดูทีม B จ้องเราตาเขม็งแล้ว"
จีนหมายถึงพรพิมล หรือแนน หัวหน้าฝ่ายออกแบบให้ทีม B ซึ่งดูแลเรื่องฉากและการแต่งหน้า พวกเขาจะเรียกทีมของนิลินทร์ซึ่งดูแลเรื่องเสื้อผ้า เครื่องประดับ และ รองเท้าคือทีม A
"แกดูนี่สิ พี่วายุ คนนี้นี่...สามีทิพย์คนแรกของฉันตั้งแต่สมัยมัธยมคอซองเลยนะจะบอกให้"
"เหอะ เหอะๆ จ้าแม่คนเก่ง แกรอวันที่ได้พบตัวจริงของเขาก่อนก็แล้วกัน"
"ทำไม แกเคยเจอเขาเหรอ"
"ฉันทำงานที่นี่มาก่อนแก แต่ก็ไม่เคยพบเขาหรอก แต่ว่าชื่อเสียงความเรื่องมากของเขา ขึ้นชื่อมากกว่าคนดังอีก ครั้งนี้ไม่รู้คิดยังไงถึงได้กลับมาขึ้นเวทีได้ รู้ป่ะว่าแม้แต่คุณพิภพยังแอบเซอร์ไพรส์เลย ไม่คิดว่าเขาจะมา"
"เอาละทีม A มีขอเสนอแนะอะไรบ้าง"
"อืม เริ่มแรกวันเปิดตัวเลยคงเป็นแบบนี้ค่ะ วางเอาไว้คร่าวๆเพราะทุกคนคือศิลปินในยุคช่วงเวลาเก้าศูนย์ แต่การจะผสมผสานชุดเสื้อผ้าให้เราคิดไปถึงช่วงเวลานั้นอาจจะไม่ง่ายนัก แต่เราก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเป็นเก้าศูนย์เอาไว้ จะทำให้เหมือนกับว่าทุกคนได้ย้อนเวลาไปในวันวาน วันที่เคยยืนรอเพื่อเบียดเข้ามาดูศิลปินที่ชื่นชอบ"
"อืม เข้าท่าดี ทีม B ว่ายังไง"
"ศิลปินเองก็เกิดในยุคนั้น แต่จะให้ย้อนกลับไปแต่งหน้าทำผมย้อนไปยุคนั้นคิดว่าคงจะล้าหลังและไม่น่าสนใจเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นการผสมผสานได้ดี เอาแบบนี้เถอะค่ะ ทีม A ออกแบบเสื้อผ้ามาก่อนแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องการแต่งหน้ากัน"
นิลินทร์ยกนิ้วให้พรพิมลว่าเยี่ยมมาก อีกฝ่ายก็กะพริบตากลับมาให้ แม้ว่าทั้งคู่จะดูเหมือนไม่ค่อยถูกกัน เวลาทำงานมักขัดแย้งกันในที่ประชุมอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วพวกเธอจะทะเลาะกันรุนแรงแค่เรื่องงานและเมื่อทะเลาะกันจบก็จะไม่พูดถึงเรื่องเดิมๆอีก
"โอเค ตกลงตามนี้ ฝ่ายเวที แสง สี เสียง สถานที่ไม่มีปัญหา เรื่องนี้จะมาประชุมกันอีกทีอีกสองสัปดาห์ อ้อ หลิน อีกสามวันศิลปินจะทยอยมาวัดตัวตัดชุด แต่ว่า...."
"คะ พี่ทัพ มีปัญหาอะไรคะ"
"เรื่องนี้เอาไว้คุยกันหลังประชุมก็แล้วกัน เอาล่ะ เรื่องต่อไป...."
การประชุมดำเนินต่อไปอีกราวๆเกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อประชุมที่แสนยาวนานจบลง ทัพเทพก็ยอมปล่อยทีมงานออกมา แต่ละคนใบหน้าอ่อนล้าเพราะงานที่ได้รับมอบหมายมานั้นช่างหนักหนาเอาการ
"พี่ทัพ มีอะไรเพิ่มเติมงั้นเหรอคะ"
"คือว่าหลิน ทางทีมงานลงความเห็นว่าเรื่องการเตรียมชุดเสื้อผ้าเป็นเรื่องที่จุกจิกและยุ่งยากมากที่สุด ดังนั้นเลยคิดว่า ตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่เตรียมงานคอนเสิร์ตนี้ ให้ทีม A ทั้งหมดย้ายมาพักที่ตึกของบริษัทนี่พร้อมกับศิลปินน่ะ"
"ย้ายมาน่ะไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่ดูเหมือนพี่จะดูหนักใจนะคะ"
"คือว่า ศิลปินแต่ละคน หลินก็รู้นะ ความเรื่องมากแต่ละคนไม่เหมือนกันครั้งนี้คุณพิภพอยากให้ศิลปินทุกคนใส่ชุดที่เราออกแบบให้เหมือนกันจะได้เป็นธีมเดียวกันทั้งหมด แต่ว่า มีปัญหาอยู่สองสามคนที่...."
"พอเข้าใจได้ค่ะ หลินจะลองคุยกับพวกเขาดูก่อนจะดีไซน์ชุด มีใครบ้างคะ"
"โอวี่ดูจะคุยง่ายที่สุด แต่ช่วงนี้เขารับงานละคร ดังนั้นเรื่องยุ่งยากคือเขาไม่ค่อยอยู่กับที่"
"จดเอาไว้ที เดี๋ยวเราค่อยไปแบ่งงานกัน"
"ค่ะพี่หลิน"
"อีกคนก็โอปอ คนนี้ก็อยู่ไม่ติดที่มีอีเว้นท์รับงานพิธีกรเกือบทุกวัน แต่ยังดีที่ยังวนเวียนแถวกรุงเทพ"
"ได้ค่ะ ไก่จดเอาไว้นะ"
"ที่มีปัญหามากๆมีอยู่สองคน ซึ่งคงต้องรอเขาย้ายมาอยู่ที่พักก่อนถึงจะจัดการได้ โอปอกับวายุ"
"โอวี่ฉันจัดการเองแก ไม่ยาก แกก็รับพี่วายุไปก็แล้วกัน"
"จีน แกรู้จักพี่โอวี่เหรอ"
"ไม่ได้รู้จัก แต่ก็เหมือนแกไง"
"หืม อะไรที่เหมือนฉัน"
"ก็สามีทิพย์คนแรกยังไงล่ะ"
จีนกระซิบเพื่อนสาวคนสนิทเพื่อให้ได้ยินกันสองคน
"พี่ทัพคะ แล้วพี่วายุนี่ ...เขาเรื่องมากขนาดไหนคะ"
"เต็มสิบไม่หักเลยล่ะ กว่าเขาจะรับขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ง่ายเลยนะจะบอกให้ ทีมงานไปเชิญตั้งสองรอบ สุดท้ายต้องใช้โอวี่กับโอปอ สองพี่ใหญ่ไปชวนถึงได้ยอมมา"
"ก็พวกเขาเคยออกอัลบั้มด้วยกันเมื่อ...สิบ สิบห้าปีที่แล้ว..."
"พอเหอะ ยิ่งนับย้อนก็ยิ่งรู้สึกแก่ว่ะ เอาเป็นว่า..เรื่องเสื้อผ้าพี่แจ้งพวกศิลปินไปบ้างแล้ว ที่เหลือก็แค่โทรไปนัดและคุยคอนเซ็ปคร่าวๆก่อนแล้วเอามาทำการบ้านแล้วค่อยมาออกแบบกันอีกที"
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา"
"อย่าพึ่งมั่นใจไป พี่ว่าเรื่องยุ่งยากพึ่งจะเริ่มต่างหาก"
""ยังมีอะไรอีกคะ""
"พวกเธอลืมศิลปินหญิงที่มากเรื่องอีกสองคนในทีมน่ะสิ คนอื่นไม่น่าห่วงเพราะเขาโตพอ วุฒิภาวะมากพอคุยงานแต่ว่า.."
"ยัยจินนี่ กับอลิซ"
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้