วันจันทร์
“พี่หลินแบบที่ส่งไปทีม B ส่งกลับมาแล้ววางอยู่บนโต๊ะค่ะ”
“พี่หลินคะ ตัวอย่างเสื้อยืดกับโปโลมาถึงแล้วนะคะ วางอยู่ที่โต๊ะนะคะ”
“ขอบใจนะหยก บีวันนี้จีนเข้าบริษัทหรือเปล่า”
“เห็นบอกว่าจะเข้าช่วงเช้าค่ะ เพราะช่วงบ่ายจะย้ายของมาที่ตึกนะคะ”
“อ้อ โอเค งั้นช่วงบ่ายพี่จะแวะไปดูหน่อย วันนี้มีอะไรด่วนไหม”
“ไม่น่ามีแล้วนะคะ อ้อ อีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มประชุมแล้วนะคะ”
“ได้ไม่มีปัญหา แค่พบปะศิลปินน่ะ ไปด้วยกันสิ”
""ค่าา""
ห้องประชุม
“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ที่พบหน้าพบตากันครบเป็นวันแรก ผมจะขอแนะนำทีมงานให้รู้จักนะครับ”
ทัพเทพแนะนำทีมงานเริ่มจากทีม A ของหลินไปเรื่อยๆจนถึงทีม B ของแนน จนถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคน
“หวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะประสบความสำเร็จนะครับ”
“พี่ทัพคะ ทำไมทีมงานมีแต่ผู้หญิงละคะ ไม่เห็นมีผู้ชายในทีมออกแบบเลย”
“อ้อ ทีม AB ของเราเป็นทีมงานที่มืออาชีพมากครับ หากจะมีก็มีสาวสองพอได้ไหมครับ ฮ่าๆ แต่งานพวกเรารับรองว่าถูกใจน้องอลิซแน่นอนครับ”
“ขอให้เป็นแบบนั้นค่ะ”
ศิลปินหลายคนหันไปมองหน้าอลิซพร้อมกับส่ายหน้าให้กับเธอ เป็นนิสัยที่ไม่ยอมเปลี่ยนเลยจริงๆ ศิลปินชายหลายๆคนกำลังคุยกันอย่างออกรสหลังจากประชุมเสร็จ แนนกับหลินเองก็กำลังทะเลาะกันอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องซ้อมใหญ่
“ไม่ได้ แนวมันออกเป็นทะเลแต่จะไปแต่งหน้าโทนนั้นได้ยังไงมันไม่เข้ากันกับฉากมันจะโดดเกินไป”
“ก็ไปปรับสีชุดสิ ดูสิสีนี้เลือกมาได้ยังไง มันไม่ได้เข้ากับตัวศิลปินเลย”
“ก็เขาเลือกเอง แต่เราปรับโทนการแต่งหน้าได้นี่นา จะให้ร่างแบบชุดตอนนี้น่าจะไม่ทันนะ แต่ถ้าปรับโทนการแต่งหน้าอาจจะง่ายกว่า”
“เฮ้ย นั่นเขาคุยงานกันหรือทะเลาะกันวะ เสียงดังเหมือนจะตบกันเลย”
อลิซเห็นว่าได้โอกาสจึงเดินเข้าไปเพื่อแสดงตัวเป็นนางเอกแสนดีห้ามสงครามทันที
“เดี๋ยวก่อนนะคะ มีอะไรค่อยๆคุยกันนะคะ ไม่เห็นต้องทะเลาะกันใหญ่โตเลยค่ะ”
หลินหันไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเธอ เธอจำหน้าอลิซไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ในเรื่องงานเธอก็ไม่อนุญาตให้ใครมาก้าวก่าย
“คุณเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเรื่องสเตรทและดีไซเนอร์”
อลิซหันขวับไปมองแนนอย่างหาเรื่องทันทีเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนั้น
"นี่ เธอเป็นใครใหญ่มาจากไหน ก็แค่ทีมงานคนหนึ่ง ฉันเป็นศิลปินแนวหน้า พวกเธอมีหน้าที่ทำงานไม่ใช่มายืนทะเลาะกันอยู่ที่นี่
“นี่คุณผู้หญิง เราไม่ได้เถียงกันแต่กำลังคุยกันอยู่ คุณเอาตาข้างไหนมองว่าเรากำลังทะเลาะกัน”
หลินตอบอลิซกลับไปพร้อมกับกอดอกมองเธอซึ่งตัวอลิซนั้นเล็กแต่เตี้ยกว่าเธอมากแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะส่งสายตาหาเรื่องกลับไปจนแยมต้องเดินเข้ามาลากเธอกลับ
“ขอโทษทีนะคะ น้องยังไม่ชินน่ะหลิน”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่แยม”
“โอ้โห ไม่ธรรมดาเลยแฮะ ตอกยัยอลิซนั่นหน้าหงายเลย เจ๋งว่ะ เธอเป็นดีไซเนอร์เหรอ”
“อืม เห็นว่างั้นนะ ชื่อหลิน”
โอวี่และโอปอหันมามองหน้าวายุที่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเล่นของหลินพร้อมกับหันไปมองพิรุธของเขาทันที
“ว๊าว พ่อคุณชายน้ำแข็ง ในที่สุดก็สนใจผู้หญิงแล้วงั้นเหรอ ไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย”
“พักอยู่ห้องข้างๆกันน่ะ”
“ห๊า อย่าบอกว่า…”
วายุหันไปปิดปากโอวี่เอาไว้ทันก่อนที่เขาจะตะโกนออกไปเพราะตอนนี้อลิซเริ่มหันมามองพวกเขาแล้ว
“จะแหกปากหาอะไรวะ เงียบๆเลย ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก”
“แล้ว…มันยังไง”
“เอาอีกแล้วๆ อลิซหาเรื่องอีกแล้วว่ะ”
พวกเขามองไปที่อลิซที่ชี้หน้าด่าหลินอยู่
“นี่แกบอกว่าฉันเป็นต้นเหตุเรื่องนี้งั้นเหรอ”
“คุณอลิซคะ ฉันยังไม่ได้เริ่มพูดอะไรเลยนะคะ นี่มันเป็นเรื่องของทีมงานที่จะคุยกัน คุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“อ๊ะ เดี๋ยวนะๆๆ หลินนี่แกอย่าบอกนะว่า ไอ้ที่อยากให้เปลี่ยนโทนแต่งหน้าให้เพราะเรื่องเยอะเรื่องแบบของชุด คือ…”
หลินไม่ได้ตอบแนน แต่แค่ถอนหายใจและหันไปทางอื่นจนไปสบตากับสามหนุ่มที่ยืนมองเข้า หลินรู้สึกแย่ที่พวกเขามาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ และไม่ทันระวังจนมือของอลิซนั้นฟาดมาที่หน้าเธออย่างแรง
“เพี๊ยะ!!”
""เฮ้ย!!…เร็วเข้า""
โอวี่และโอปอตกใจมากเมื่อเห็นว่าอลิซลงมือตบดีไซเนอร์สาวที่ไม่ทันตั้งตัว แนนดึงอลิซออกมาพร้อมจะเงื้อมือตบคืนแต่หลินดึงเอาไว้
“อย่า!! แนน!! ใจเย็น”
“ห้ามทำไม ตบแม่X เลยอีเต่าบกนี่ เดี๋ยวเหอะ”
“เข้ามาสิอีบ้า ก็แค่งานง่ายๆแต่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมารับงานนี้ แย่มากเลยที่ทีมงานหยาบคายแบบนี้”
“หยาบคายงั้นเหรอ เธอเอาอะไรมาพูดน่ะอลิซ ก็เห็นๆอยู่ว่าเธอไปตบเขาก่อน”
“พี่แยมก็พวกมัน…มัน…”
อลิซไม่พูดแต่หันไปมองที่วายุที่เดินเข้ามา
“คุณหลิน ผมอยากคุยกับคุณเรื่องชุดหน่อย ผมว่าผมจะเปลี่ยนสีชุดให้เข้ากับธีมเวทีอีกหน่อย”
“พี่วายุคะ อลิซ…”
“คุณหลิน ไปเถอะ”
หลินเดินตามวายุและโอปอไปทันที พวกเขาพาเธอเดินไปยังห้องประชุมเล็กพร้อมกับทีมดีไซเนอร์ที่มาพร้อมกล่องยาและพลาสเตอร์
“เอาวางไว้นั่นแหละหยก ขอบใจนะ กลับไปทำงานต่อเถอะ”
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะพี่โอวี่ ขอบคุณค่ะ”
“นี่ๆ เอาพลาสเตอร์กันน้ำนี่ดีกว่าใสด้วยจะได้มองไม่เห็นรอย”
“ขอบคุณค่ะคุณโอปอ”
“หลิน!! แกเป็นไงบ้าง หยกบอกว่า….เอ่อ ขอโทษค่ะ”
“จีน ไม่เป็นไรหรอก แค่เข้าใจผิดกันน่ะ”
“กะแล้วเชียวว่ามียัยคนนี้คอนนี้ต้องไม่ราบรื่นแน่…อุ่ย..ขอโทษค่ะทุกคน”
""ไม่เป็นไรครับ""
โอปอกับวายุพูดขึ้นมาพร้อมกัน แต่จีนไม่ยอมสบตากับโอวี่เลยจนหลินสังเกต ไหนจีนเคยบอกว่าชื่นชอบโอวี่มากอย่างไรล่ะ แต่โอวี่ท่าทางอยากจะคุยกับจีนมากกว่าที่เธอคิด
“เอ่อ แกไม่เป็นไรแล้วก็ งั้นฉันจะรีบไปดูที่ห้องซ้อมก่อนนะ เสร็จแล้วก็ตามมานะ”
“เอ่อ คุณจีน ผม…”
“ไปก่อนนะหลิน ไปนะคะทุกคน”
แม้แต่วายุและโอปอก็มองออกว่าโอวี่มีท่าทีแปลกๆกับจีนที่พึ่งรีบร้อนออกไปจนเก็บอาการไม่อยู่ เขาเดินออกจากห้องทันที หลินยกกระจกในกระเป๋าขึ้นมาส่องดู หน้าเธอแดงไปหน่อยและริมฝีปากมีเลือดออกนิดหน่อย
“มานี่ ผมติดพลาสเตอร์ให้เอง”
วายุเดินมาใกล้ๆเธอเมื่อหลินหยิบพลาสเตอร์ออกมาเพื่อจะติดที่มุมปาก โอปอเห็นว่าอยู่ไปก็คงไม่ดีแน่เขาจึงรีบเดินออกมาอีกคน
“เอ่อ ไปก่อนละนะ ไปหาน้ำกินก่อน คอแห้งๆ”
วายุเดินเอาพลาสเตอร์มาจะแปะให้หลิน แต่เธอขยับหนีเล็กน้อยเพราะเกรงว่าจะมีคนมาเห็นเข้า
“หลินทำเองก็ได้ค่ะ”
“ส่งกระจกยังลำบากเลย มาเถอะ นิดเดียวเองไม่เจ็บหรอก”
มันไม่ได้เจ็บ แต่หัวใจมันจะกระโดดแล้วต่างหาก ใกล้ขนาดนี้ หลินแทบไม่กล้าหายใจเมื่อมือนั้นเริ่มติด พลาสเตอร์ให้เธอที่มุมปาก วายุมองไปที่ริมฝีปากนั้น เขาไม่คิดว่าอลิซจะลงมือเร็วแบบนี้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม
“ขอโทษแทนอลิซด้วย เธอยังเด็กน่ะ วู่วามไปหน่อยเลยทำให้คุณบาดเจ็บ”
หลินหันไปเก็บกล่องยาด้วยมือสั่นๆ นี่เขากำลังแก้ตัวให้เธออยู่ เข้าใจแล้ว ที่จริงข่าวของพวกเขาคือเรื่องจริงนี่เอง
“ขอบคุณมากนะคะ เรื่องนี้หลินไม่ถือสาหรอกค่ะ แต่ครั้งหน้าคิดว่าพวกคุณคงแยกแยะได้ระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว จะได้ไม่ต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน คุณกำลังพูดอะไร เรื่องงานเรื่องส่วนตัวอะไร”
“คุณน่าจะรู้ดี…”
“พี่วายุอยู่นี่เองเหรอคะ ทำไมมาอยู่กับ…”
“อลิซ มาพอดี ขอโทษคุณหลินซะ”
“ทำไมอลิซต้องขอโทษด้วย”
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้