นิลินทร์ลุกขึ้นด้วยความโมโห สายตานั้นทำเอาวายุหยุดกึกและหันมามองหน้าเธอ หลินเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาด้วยความโกรธ
"เอาไอแพดฉันคืนมา"
"คุณไม่ได้ต้องการถ่ายรูปและนอนกับผมเหรอ"
"นอนกะผีอะสิ!! หลงตัวเองโคตรๆ หล่อมากเลยมั้ง ไอ้...ฉันบอกให้เอาไอแพดฉันมา!!"
"เดี๋ยว นี่คุณมาเคาะห้องผมเพราะผู้จัดการ.."
หลินคว้าน้ำส้มในแก้วที่เขาคงดื่มและวางเอาไว้สาดเข้าไปยังหน้าขาวๆ นั้นทันทีพร้อมกับดึงสมุดที่เขาถืออยู่กลับมาแต่เขากลับไม่ยอมคืนให้เธอง่ายๆจนเธอโมโหและถอยออกมา
"ไอ้คนเฮงซวย เสียดายที่....ฮึ้ย!!"
หลินโกรธจนตัวสั่นพร้อมกับหันหลังกลับไปและเดินออกจากประตูทันทีเพื่อเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เธอสวนกับใครบางคนเป็นหนุ่มหล่ออีกคนที่มองหน้าเธอพร้อมกับสงสัยเพราะห้องที่เธอพึ่งจะเดินออกมานั่น...คือห้องของ....
"วายุ ไม่เลวนี่ นี่นาย...เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้น"
วายุหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่พร้อมกับเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำส้มคั้นครึ่งแก้วที่ถูกสาดมา
"ผมต้องถามพี่มากกว่า นั่นไม่ใช่เด็กที่พี่บอกว่าพ่อจะหามาให้ผมเหรอ"
"โธ่ กว่าจะบอกปัดแล้วปัดอีกใช้เวลาอยู่ตั้งนาน ต้องบอกให้รถพาขับกลับไปส่งเลยนะกว่าจะปลีกตัวมาได้ แทบแย่ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้น ใครอ่ะ สวยมั่นโคตรๆเลยว่ะ ถูกใจป๋าเลยอยู่ห้องข้างๆนี่เองด้วย"
วายุหันมามองหน้าเขาด้วยความตกใจ
"พี่ว่าอะไรนะ ยัยนั่น...อยู่ห้องข้างๆนี่งั้นเหรอ"
"อื้ม ใช่สิ ก็เมื่อกี้นี้เห็นพึ่งเดินกลับเข้าไป พอดีสวนกันหน้าประตูน่ะ"
วายุหลับตาพร้อมกับยกแขนขึ้นมากุมขมับ เขาพลาดไปแล้ว ไม่ว่าเธอเป็นใครตอนนี้เขาก็ได้สร้างศัตรูไปเรียบร้อยแล้ว สายตานั่นยังคงติดตาเขาอยู่เลยและเขาก็นึกขึ้นได้
เขาเอื้อมไปหยิบไอแพดที่ยึดมาจากเธอและกดดู เธอล็อครหัสเอาไว้ แต่รูปหน้าจอนั้นเป็นรูปของเธอซึ่งมันดูน่ารักไม่เบาสำหรับเขา
วายุวางไอแพดลงและคว้าสมุดนั้นมาเปิดดู ด้านในนั้นมีลายเซ็นของเขาที่พึ่งเซ็นไว้ แต่หน้าหลังๆมีแต่แบบร่างชุดของงานคอนเสิร์ตครั้งนี้
"ที่แท้เป็นดีไซน์เนอร์ที่พี่ทัพบอกนี่เอง"
"อะไรนะ ดีไซเนอร์อยู่ชั้นเดียวกับเรางั้นเหรอ ชั้นหนึ่งมีแค่หกห้อง สามห้องก็เป็นศิลปินชายทั้งหมด แล้วไหงมีผู้หญิงอยู่ที่ชั้นนี้ได้ล่ะ"
"อ่ะ ไอแพดเขา ไปสืบให้ผมทีไปสระผมใหม่ก่อนล่ะ"
"เดี๋ยวก่อน อะไรวะเนี่ย มาวันแรกก็ทะเลาะกับคนในทีมงานแล้วเหรอ โอยย...จะรอดไหมเนี่ยคอนเสิร์ตนี้เนี่ย..."
วายุเข้าไปอาบน้ำอีกรอบเพราะความเหนียวของน้ำส้มที่ถูกสาดมาที่หน้าดุจเทพบุตรแวมไพร์ของเขา เธอเป็นใครกันนะถึงได้กล้าสาดน้ำส้มใส่หน้าเขา แต่ดูสายตาเธอในวันนี้คงจะโกรธเขามาก เขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มานานมากแล้ว วายุปล่อยให้น้ำฝักบัวรดไปที่หัวพร้อมกับยิ้มให้กับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ อย่างน้อยก็รู้ว่าเธอเป็นคนในทีมงานการจัดคอนเสิร์ตนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่มักมากที่พ่อเขาส่งมาให้เขาดูตัว
"เอา..นี่ ประวัติและเหตุผลที่เธอคนนั้นบุกเข้ามาหานายและสาดน้ำส้มใส่"
วายุหยิบแฟ้มมาดู เขานึกแปลกใจไม่น้อยว่าพี่ต้อมผู้จัดการของเขานี่เป็นซุปเปอร์แมนหรือเปล่าเหตุใดจึงหาข้อมูลมาได้รวดเร็วแบบนี้
"หัวหน้าดีไซเนอร์ ผู้ดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในคอนเสิร์ตครั้งนี้"
"ใช่ เป็นตัวแม่ในทีมดีไซเนอร์ที่อายุน้อยที่สุดในวงการตอนนี้ด้วย อายุยี่สิบเจ็ด ดูๆแล้วก็ใกล้เคียงกับนายนะ"
"ใกล้เกือบสิบปี หึ ช่างพูดนะ แล้วเธอมาหาผมทำไม"
"เจ้านายเธอส่งมาน่ะสิ คุณทัพเทพไงที่โทรมาคุยกับนายวันก่อน นี่อย่าบอกว่าลืมนะ"
"อืม ผมลืมสนิทเลย"
"นั่นยังไง แล้วไปทำอีท่าไหนเข้าถึงได้ทะเลาะกันขนาดนี้เนี่ย"
"ก็ ผมเข้าใจว่าเธอเป็น..."
สาธิตถึงกับหลับตาด้วยความรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
"เฮ้อ เอาเถอะเรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการเองละกัน"
ห้อง2204
"ติ๊ง ต่อง"
หลินเดินมาส่งที่มอนิเตอร์หน้าห้อง เธอเห็นว่าเป็นผู้ชายที่เดินสวนกับเธอเมื่อครู่นี้ มาพร้อมกับไอแพดและสมุดร่างของเธอ หลินตัดสินใจเปิดประตูออกไป
"สวัสดีครับ ผมชื่อสาธิต เป็นผู้จัดการคุณวายุนะครับ คือว่า ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่คุณวายุเข้าใจผิดคุณไปครับ"
"เข้าใจผิดงั้นเหรอคะ"
"ครับ คือก่อนหน้านี้....พ่อของเขานัดให้ผู้หญิงมาดูตัวกับเขา แต่เขาไม่ยอมผมไปจัดการเรื่องนี้ให้เลยมาช้าน่ะครับ พอคุณ...เอ่อ..."
"นิลินทร์ค่ะ เรียกหลินก็ได้ค่ะ ดีไซเนอร์ทีมงานของ GST ค่ะ"
"อ้อครับคุณหลิน ต้องขอโทษจริงๆนะครับครั้งนี้วายุเข้าใจผิดไปจริงๆ หวังว่า เอ่อ..."
"ไม่เป็นไรค่ะคุณสาธิต หลินก็วู่วามไปจริงๆ คือหลินอยากจะคุยเรื่องคอนเซ็ปชุดที่ใช้ในงานคอนเสิร์ตน่ะค่ะ หากว่าเขาว่าง เอ่อ...หรือคุณสาธิตคุยเรื่องนี้แทนเข้าได้ไหมคะ"
"ผมว่าอีกครึ่งชั่วโมงเราไปพบกันที่ห้องวายุดีกว่านะครับ ...อ้อ ไม่ต้องกลัวครับผมอธิบายให้วายุเข้าใจแล้วครับเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาอีก และก็วายุก็ไม่ได้โกรธคุณหลินหรอกครับ เรื่อง...."
"ออ ได้ค่ะ งั้นขอหลินเตรียมตัวสักครู่นะคะเดี๋ยวหลินจะตามไปค่ะ"
"ได้ครับๆ"
สาธิตกลับไปแล้วเมื่อหลินรับสมุดและไอแพดคืนมาจากเขาพร้อมกับปิดประตู
"ลายเซ็นเหรอนี่ หึ หลงตัวเองใช้ได้เลย แต่ว่า...ลายเซ็นไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยแฮะ"
สิบห้านาทีต่อมา
"ติ๊ง ต่อง"
"มาแล้วๆ วายุ ทำตัวดีๆนะครั้งนี้อย่าเสียมารยาท"
"รู้น่ะ เปิดประตูเถอะ"
"คุณหลินเชิญครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณสาธิต"
"เรียกพี่ต้อมเถอะครับ ต่อไปต้องคุยกันอีกหลายเดือน ฝากตัวด้วยนะครับ"
"ยินดีค่ะพี่ต้อม ฝากตัวด้วยเช่นกันค่ะ"
"เชิญนั่งก่อนครับเดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้"
"ขอบคุณค่ะ"
หลินยังไม่กล้ามองหน้าวายุตรงๆ เธอเลยหันมารูดไอแพดเพื่อเปิดงานเก่าๆออกมาเพื่อเตรียมตัวคุยกับเขา
"ผมขอโทษด้วย เรื่องเมื่อครู่...ผมเข้าใจคุณผิดไป"
หลินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคนข้างๆหันมาคุยกับเธอ เมื่อเธอหันกลับไปมองเขา กลับกลายเป็นว่าหัวใจนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะทันที ก็คนที่เคยชื่นชอบตั้งแต่วัยรุ่นสาวมาอยู่ใกล้ๆและยังพูดขอโทษอีก จะไม่ให้เธอละลายได้อย่างไร
"เอ่อ หลินเองก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่...วู่วามเกินไป"
"ไม่เป็นไร วันนี้คุณมาคุยเรื่องชุดงั้นเหรอ"
"ใช่ค่ะ อยากทราบว่าคอนเซ็ปที่อยากได้ และแนวเสื้อผ้าที่อยากจะใส่เป็นแบบไหนน่ะค่ะ"
อันที่จริงการนั่งคุยงานกับซุปตาร์วายุคนนี้ไม่ได้ยากอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย แล้วเขายังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะความเป็นมืออาชีพที่คุยกันง่ายขึ้น หลินจึงได้ข้อสรุปเร็วขึ้น
"ประมาณนี้เป็นไงบ้างคะ"
"อืม ผมว่าใช้ได้ แต่ผมไม่เอาแบบรัดมากเกินไปมันจะเคลื่อนไหวไม่สมูธ และเราต้องคุมโทนสีชุดด้วย"
"ได้ค่ะ ถ้างั้นรอแป๊บนะคะ แบบนี้ คุมโทนแบบนี้ แต่รูปร่างคุณวายุนับว่าดีมาก ถ้าใส่หลวมเกินไปคงจะดูไม่เหมาะกับรูปร่างเท่าไหร่นะคะ งั้นลองเปลี่ยนเนื้อผ้าที่กระชับและสบายขึ้นน่าจะดีกว่า"
"อืม เข้าใจคิดดีนี่คุณหลิน หัวไวใช้ได้"
"เอาล่ะ น่าจะครบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณวายุ พี่ต้อม งั้นหลินขอตัวก่อน วันจันทร์หน้าพบกันที่บริษัทค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนคุณหลิน"
"คะ...คุณวายุมีอะไรจะเพิ่มเติมเหรอคะ"
"คุณ...ดูแลเรื่องเสื้อผ้า..ของพวกเราทุกคนเลยเหรอ รวมถึง...ผมหมายถึงศิลปินที่จะขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้"
"ใช่ค่ะ หลินเป็นฝ่ายออกแบบนี่คะ ก่อนหน้านี้ไปคุยเรื่องคอนเซ็ปแบบมากับทุกคนแล้วค่ะ เหลือคุณวายุเป็นคนสุดท้าย"
"อ่อ แล้ว...ถ้าผมต้องการให้คุณมาดูแลเครื่องแต่งกายให้ผมคนเดียวล่ะ หรืออย่างน้อย ขอเบอร์ติดต่อคุณเอาไว้หน่อยจะได้สะดวกเวลาจะติดต่องานกัน"
"คะ..เอ่อ เรื่องนี้คุณวายุน่าจะมีพี่ต้อมดูแลให้แล้วนี่คะ"
"ไม่พอหรอก พี่ต้อมไม่รอบคอบพอ ผมว่า..."
"เรื่องนี้หลินตัดสินใจเองไม่ได้หรอกค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ แต่หลินจะพยายามช่วยดูแลในหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่เลยนะคะ รับรองว่าจะให้ออกมาดีที่สุดแน่นอนค่ะ งั้น ขอตัวก่อนนะคะ ส่วนเบอร์ หลินให้นามบัตรที่พี่ต้อมเอาไว้แล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"
หลินเดินออกจากห้องของทั้งคู่ทันทีและรีบเดินกลับ วายุเดินมาที่หน้าประตูพร้อมแง้มดูเธอเดินกลับไปในห้อง เมื่อเห็นว่าประตูห้องเธอปิดแล้วเขาจึงกลับเข้ามา พร้อมกับสายตาผู้จัดการหนุ่มที่ยืนยิ้มให้อยู่หลังประตู
"อย่าบอกนะว่านาย....."
"พี่ว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่กล้าสาดน้ำใส่หน้าผม"
"คุณชายขอรับ เรื่องนี้ไม่ได้ยาก แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น คือว่าคอนเลิร์ตนี้น่ะ มีน้องอลิซร่วมแสดงด้วยนะครับ"
"ว่าอะไรนะ ไหนบอกว่าไม่มาไง"
"ก็พอเธอได้ข่าวว่าคุณมาแสดง เธอก็เปลี่ยนใจมาร่วมทันทีเป็นคนสุดท้าย อ้อ ไม่ใช่สิ จินนี่ต่างหากที่เป็นคนสุดท้ายแค่ยังเดินทางมาไม่ถึงเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น วันถ่ายรูปเพิ่ม ก็จะมีคุณ กับเธอ ต้องไปถ่ายรูปเพิ่มในวันเดียวกัน"
"แล้วคนอื่นล่ะ"
"เขาถ่ายกันไปหมดแล้วสิครับ พวกคุณให้คำตอบช้าที่สุด ก็เลยต้องมาถ่ายย้อนหลังเพื่อทำโปสเตอร์โปรโมทครับผม ส่วนจินนี่ เธอให้สไตล์ลิสต์ถ่ายส่งมาแล้ว"
"ก็ได้ แต่ผมต้องการดีไซเนอร์คนนี้มาช่วยดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ผม ถ้าไม่ได้ คอนเสิร์ตนี้ผมจะไม่ขึ้น ต่อให้รับปากไปแล้วแต่พี่ไม่บอกผมว่าอลิซมาขึ้นด้วย ถ้าผมรู้ก่อนผมคงไม่มา"
"ถ้าไม่มาก็ไม่เจอคุณหลินนะครับคุณชาย"
"เลิกเรียกผมว่าคุณชายเสียที"
"แล้วเรื่องนี้จะให้พี่บอกคุณท่านได้หรือเปล่า"
"ยังไม่ต้อง ไม่ได้...ชอบอะไรเสียหน่อย แค่เอามาเป็นไม้กันหมาอลิซเท่านั้นเอง"
"เหรอออออครับบ"
"หาข้าวให้กินหน่อย ผมหิวแล้ว"
"ครับผม"
หลินหันไปมองคุณพ่อที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ตอนนี้คุณแม่ของวายุเองก็เดินมานั่งข้างๆเธอ“ขอโทษหนูด้วย พ่อของวายุชอบเล่นแบบนี้เสมอ ชอบอำแขกตีหน้าขรึมอยากเป็นพระเอกละคร หนูคงตกใจแย่เลยสิลูก บอกแล้วเห็นไหมว่าอย่าแกล้งหนัก ดูสิถ้าเกิดลูกสะใภ้เตลิดไปอีกก็ไม่ต้องหวังจะได้อุ้มหลานแล้วค่ะคุณพี่”“ไม่ๆๆ ไม่ได้สิ หลินจะมาหนีไม่ได้นะ ก็หลินคุกเข่าขอลูกพ่อแต่งงานกลางคอนเสิร์ตเองนะ ไม่ได้ๆ คุกเข่าแล้วก็ถือว่าเข้าบ้านพ่อมาแล้ว หนีไม่ได้ๆ นี่คุณ จัดการเลยอีกสามเดือนแล้ว พรุ่งนี้ไปขอฤกษ์พระมา เรื่องเตรียมงานก็ให้ไว โรงแรมเอาที่คุณเลือกไว้”“เตรียมไว้หมดแล้ว เหลือแค่พาวายุกับหลินไปดู”“อะไรนะครับแม่ อย่าบอกนะว่าแม่กับพ่อ....”“เออสิวะ รอแกเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน นี่หนูหลินถือว่าเห็นแก่พ่อ ปลายปีหน้ามันช้าเกินไป เอาเป็นปลายปีนี้ก็แล้วกันนะลูกนะ พ่ออยากมีหลาน เพื่อนพ่อมันชอบเอารูปหลานๆมันลงโซเชียล พ่อไม่มีอวดเหมือนพวกมัน พ่ออยากมีโมเม้นท์อวดรูปหลานกับเขาบ้าง นะๆ”“พ่อครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ไปพบแม่ของหลินที่เชียงใหม่เลย”“มันจะไปยากอะไร ก็ยกขบวนไปกันหมดนี่แหละฉันกับแม่แกจะไปด้วย สู่ขอเป็นเรื่องเป็นราวทีเดี
“หลินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะหลินไม่ได้เป็นคนจ่าย”“โธ่ ไม่คิดจะสงสารกันบ้างเลย เรียบร้อยแล้วครับ หล่อหรือยัง”หลินหันมามองวายุที่สวมรองเท้าเสร็จแล้ว เธอหันไปจัดปกเสื้อให้เขาพร้อมกับตบที่ปกเสื้อเบาๆ“หล่อแล้วค่ะ เอ๊ะ รอยนี่??…”หลินหันไปเห็นรอยที่คอของเขา น่าจะเป็นเธอที่ทำเอาไว้เมื่อคืนนี้ วายุจับตัวเธอหันออกจากห้องและพาเดินออกไป“ไม่ต้องดูแล้ว ช่างมันเถอะไม่มีใครสังเกตหรอกน่า”“ได้ยังไงกันคะอายคนอื่นแย่เลย”“แล้วทำไมเมื่อคืนตอนทำไม่อายละครับที่รัก”“พี่วายุ!! ทำไมพูดออกมาแบบนี้ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไม่ได้ๆ รีบๆเลยเดี๋ยวไม่ทัน อย่ามาทำงอนตอนนี้พี่ไม่หลงกลหรอก ไปได้แล้ว ขึ้นรถเลย”หลินเดินขึ้นรถไปพร้อมกับเขา รถหรูขับออกมาจากคอนโดของวายุมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จัดงานหมั้นของอลิซและภัทรงานหมั้น อลิซ & ภัทรงานในวันนี้เต็มไปด้วยญาติทั้งสองฝ่ายของทั้งคู่และยังมีเพื่อนดารา ศิลปินนักร้องหลายๆคนที่มาร่วมงาน ฝั่งเจ้าบ่าวก็มีเพื่อนร่วมงานทั้งพวกนักบินและเพื่อนๆของภัทรมาด้วย“คุณป้าปรานีสวัสดีค่ะ”“หลิน ลูกสาวป้ามาแล้ว เป็นยังไงบ้างลูกไม่เจอกันเลย สบายดีนะ”“สบายดีค่ะ”“เสียดายที่แม่หนูไม่ได้มา
คอนเสิร์ตใหญ่ GSTเหล่าบรรดาแฟนเพลงมารอชมคอนเสิร์ตกันตั้งแต่เวลาก่อนสิบโมงเช้า ซึ่งด้านนอกก็มีทั้งซุ้มร่วมทำกิจกรรมพิเศษและบูธขายสินค้าที่ระลึกซึ่งวันแสดงวันแรกนี้คนมากมายกว่าที่คิด แต่เพราะบัตรที่ขายหมดทุกที่นั่งทุกรอบเป็นที่การันตีว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานของเมืองไทยที่รวมศิลปินมาได้มากมายเช่นนี้“พร้อมนะคะ”“อืม พร้อม แต่…”หลินไม่รอให้เขาขอ เธอปิดห้องแต่งตัวเขาเพื่อการนี้ เธอจูบเขาเนิ่นนาน เมื่อคืนนี้พวกเขาเองก็ผลัดกันบอกรักเกือบทั้งคืนมาแล้วเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาขึ้นแสดงในวันนี้“สู้ๆนะคะที่รักของหลิน”“สู้สุดหัวใจ”วายุจับมือหลินออกไปรอจะขึ้นแสดง พวกเขาจะเริ่มจากเพลงที่ร้องพร้อมกันทั้งหมดในอัลบั้มพิเศษและเพลงพิเศษที่พึ่งแต่งขึ้นเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินทั้งหมดจับมือกันพร้อมกับเดินเข้าไปที่เวทีเพื่อจะเริ่มแสดงเสียงกรี๊ดที่กระหึ่มไปทั้งฮอล์จนแทบระเบิดทำเอาทีมงานทุกคนแทบจะร้องไห้เพราะความปราบปลื้มใจที่แฟนเพลงให้การตอบรับถึงขนาดนี้คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นและเพลงที่บรรจงคัดสรรมาอย่างดีก็ถูกนำมาร้องและทุกคนต่างร้องตามได้ หลินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังเวทีไปด้านหน้า เมื่
หลินมองที่ทั้งคู่ที่พากันเข้าห้องมา“ถ้างั้นไหนๆพี่ต้อมก็พาพี่วายุมาแล้ว หลินก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะคะ หลินจะไปนอนห้องของหลิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“อ้าว หลิน…”สาธิตมองไปที่โต๊ะอาหารที่เธอกำลังเก็บแต่คงเก็บยังไม่เสร็จ เขาถึงกับรู้สึกกลัวแทนวายุเสียแล้วในตอนนี้“งานเข้าแน่ๆ พรุ่งนี้ วายุเอ๊ย เฮ้ย..ตื่นก่อน!! เมียหนีแล้ว”วายุที่แทบจะไม่มีสติอะไรเลยถูกหามเข้าไปนอนในห้อง สาธิตเองก็ถูกจินนี่โทรตามแล้วเหมือนกัน เขาเลยรีบออกจากห้องของวายุไปทันทีวันรุ่งขึ้นวายุรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่เขาจำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไปเลยโดยที่ไม่รู้เรื่อง วันนี้มีซ้อมช่วงบ่าย ถือเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนที่คอนเสิร์ตจริงจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นหลิน ซึ่งเวลานี้เธอน่าจะยังไม่ออกไปทำงาน หรือว่าเธอไม่ได้กลับมากันแน่นะ“หึ ทิ้งกันจนวันสุดท้าย ดีเหลือเกิน”เขาลุกออกมากินน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดกับแก้วและดอกไม้บนโต๊ะที่เหมือนจะถูกเก็บไปไม่หมด เขาเริ่มมองรอบๆ เห็นว่ามีถุงขยะใบใหญ่ที่ผูกปากเอาไว้แต่ยังไม่ได้เอาออกไปทิ้งจึงรีบเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นสเต็กเนื้อสองจานที่ถูกพลาสติ
“แล้วมันต้องมีอะไรด้วยงั้นเหรอ” ไม่สิ หลินนึกในใจ ฉากที่พระเอกขอนางเอกแต่งงานมันต้องมีดอกไม้เตรียมตัว ไปในสถานที่ที่โรแมนติกจุดพลุดูไฟหรืออะไรแบบนั้น ไม่ใช่มาขอเอาตอนป่วยแล้วนั่งกินข้าวต้มแบบนี้ นี่มันอารมณ์ไหนเนี่ย“หลิน….หลิน”“คะ”“พี่อิ่มแล้ว งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ”“เอ่อ .พี่วายุยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเลยค่ะ รอก่อนสัก…สิบห้านาที”“อืม ได้”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก หลินเองก็พยายามจะหาจังหวะพูด แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็เลี่ยงที่จะไม่คุย เขากินยาและเดินเข้าไปนอนเลย หลินที่เก็บกวาดครัวอยู่ด้านนอกเสร็จและไปอาบน้ำ พอออกมาเขาก็หลับสนิทไปแล้วห้าวันก่อนคอนเสิร์ตใหญ่“พี่อลิซ ไหวแน่นะคะ”“ไหวสิๆ หมอให้ยามาแล้ว กันแท้งก็ฉีดมาสองเข็มแล้ว นี่หลิน ว่าแต่พี่วายุทำไมเอาแต่ซ้อมหนักขนาดนั้น นี่ไม่พักเลยนะ”“สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ”“ไม่มีอะไรแน่เหรอ หลิน บอกวายุพอก่อน พี่จะไม่ไหวแล้ว”“พี่จินนี่ ทำไมหอบมาเลยละคะ”“วายุของเธอน่ะสิ เอาแต่ซ้อม บอกว่าพี่ยังเต้นไม่เข้าจังหวะ พี่จะตายอยู่แล้วเนี่ย พี่ต้อม ขอน้ำหน่อยค่ะ”“ครับๆ นี่ครับ เดี๋ยวพี่มานะ ไปดูวายุหน่อย”“นี่พี่ต้อมเขายังจำได้อยู่ใช่ไหมคะ
หลินรีบปิดหน้าจอลงหลังจากส่งเมล์ฉบับสุดท้ายเสร็จและหันมามองหน้าวายุ“เกิดอะไรขึ้นคะ”“คุณภัทรบอกว่าอลิซตกเลือด ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”“แย่แล้ว งั้นรีบไปเถอะค่ะ แต่ว่า….พี่วายุจะไปไหวเหรอคะ”“หลินขับรถก็แล้วกันนะ”“ได้ค่ะ”ทั้งคู่รีบเตรียมของและออกจากที่พักเพื่อไปที่โรงพยาบาลทันที โรงพยาบาล“พี่ภัทร เป็นยังไงบ้างคะ”“ยังไม่ออกมาเลย พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”“มันเกิดอะไรขึ้นครับ”“เห็นบอกว่าล้มระหว่างตอนซ้อมเต้นครับ ผมพึ่งออกมาจากห้องสอนนักบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการของอลิซ เลยรีบมาที่นี่”ไม่นานแนนและโอปอก็วิ่งมาที่หน้าห้องที่พวกเขาอยู่“หลิน พี่วายุมาด้วยเหรอ เป็น…เป็นยังไงบ้างคะคุณภัทร”“ยังไม่ออกมาเลยครับ”“พี่ภัทรใจเย็นๆนะคะ พี่อลิซไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกค่ะ”วายุพาภัทรไปนั่งรอที่หน้าห้อง ทุกคนเองก็ตามมาเช่นกัน ภัทรดูร้อนรนมากเพราะนี่เ่ป็นลูกคนแรกของเขา แม่เขาตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าจะมีหลานคนแรก และดีใจมากที่สุดที่รู้ว่าแม่เด็กคืออลิซ ดาราที่แม่เขาชื่นชอบ ไม่นานคุณหมอก็เดินออกมา“คุณหมอคะ อาการพี่อลิซเป็นยังไงบ้างคะ”“อ้อ ใครคือพ่อของเด็กครับ”“ผมเองครับหมอ ภรรยาและลูกผม..เป็นยังไงบ้