จวนเยี่ยนอ๋อง
หลังจากรายงานตัวและรายงานความคืบหน้าแก่เยี่ยนอ๋องแล้ว อู๋หมิงก็กลับเข้าเรือนพักส่วนตัว พบว่าเจาจวิ้นเองก็กำลังเดินเข้าประตูมาเช่นกัน
“ไฉนเพิ่งกลับ มิใช่แยกกับข้านานแล้วหรือ?”
เจาจวิ้นยิ้มกว้าง ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ข้าถูกลอบสังหารอีกแล้ว กว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้ ไม่ง่ายเลย”
อู๋หมิงเดินมานั่งลงที่โต๊ะจิบชา ปรายตามองนิ่ง “ถูกลอบสังหาร! แต่หน้าบานยิ่งกว่าใบพัด?”
คนถูกถามยังคงมีสีหน้ากรุ้มกริ่ม “ก็ใช่น่ะสิ”
อู๋หมิงขมวดคิ้วถาม “จับตัวนักฆ่ามาสอบปากคำ สาวถึงตัวผู้บงการได้หรือไร? ถึงอารมณ์ดีปานนี้”
เจาจวิ้นส่ายหน้าปฏิเสธนึกเสียดายแต่ก็ยังยิ้มอยู่ “จับไม่ได้ หนีไปหมดเลย ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว”
“...” อู๋หมิงหมดคำจะเอ่ย
“ในเมื่อจับคนร้ายไม่ได้ แล้วดีใจอันใดไม่ทราบ”
เจาจวิ้นเดินไปเอนตัวนอนลงบนเตียง กระดิกเท้าเล่าอย่างอารมณ์ดี “ข้าเจอภรรยาของข้าแล้วปะไรเล่า” ยักคิ้วหลิ่วตา ว่าต่ออย่างคุยโวโอ้อวดต่อเนื่อง “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้ากำลังพลาดท่าเสียที เป็นนางที่ตะโกนก้ององอาจแล้วเข้ามาช่วยอย่างไม่คิดชีวิต และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น บุรุษข้างกายนางก็เป็นสตรีปลอมตัว หาใช่คนรักใหม่ ฮ่าๆ”
คนฟังพยักหน้าน้อยๆ “อืม นับเป็นเรื่องดี” รินชาให้ตัวเองพลางถามเรื่อยเปื่อย “หลังจากนั้นเจ้าทำอย่างไร? ได้คุยเปิดใจสะสางปัญหาหรือไม่?”
เจาจวิ้นส่ายหน้าเบาๆ เล่าต่อ “ยังไม่มีโอกาสนั้น ยามนี้ข้ายังต้องปลอมเป็นสตรีเพื่อเข้าใกล้นางได้ก่อน ค่อยๆ เปิดเผยตัวตนแล้วหาทางสร้างความรักขึ้นมาใหม่” ชายหนุ่มรวบกระโปรงพลิกตัวขึ้นนั่งเล่าต่อ สีหน้าจริงจัง “และเพื่อความสะดวกในการไปมาหาสู่ ตอนนี้นางก็มาอยู่ในเรือนส่วนตัวที่ข้าซื้อไว้แล้วด้วย อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
อู๋หมิงยิ่งฟังยิ่งรู้สึกริษยาเนืองๆ เนื่องจากตัวเขาส่งคนไปตามหาไป๋เล่อชิงไม่เว้นวัน ทว่ากลับยังไม่เจอตัว
ข่าวล่าสุดที่เพิ่งได้รับคือนักรบเงาพบสตรีที่มีใบหน้าเหมือนในภาพวาดแล้ว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าใช่หรือไม่ และนางหายไปทางใด จึงต้องตามสืบอย่างลับๆ ต่อไป
คิดพลางล้วงภาพวาดที่เขาวาดเองออกมานั่งมอง ภาพนั้นคือใบหน้าของไป๋เล่อชิง ที่เหมือนจริงอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่ภาพนี้ เจาจวิ้นยังไม่มีโอกาสได้เห็น
ท่ามกลางแสงเทียนเรืองรองในห้อง
อู๋หมิงเพ่งพิศภาพเหมือนของภรรยาเนิ่นนาน ส่วนเจาจวิ้นล้มตัวลงนอนคิดวิธีการมากมายมัดใจภรรยา การสนทนาจึงหยุดลงเพียงเท่านั้น ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งตนจนพ้นราตรี
เจาจวิ้นพบว่าภายในเรือนสดใสขึ้นมาก “ไอ่โย่ ดูดอกไม้พวกนี้เถิด ไฉนเป็นเช่นนี้” ถามพลางกรีดนิ้วชี้ดอกไม้ในสวนอย่างมีจริตสตรีที่แนบเนียนอย่างหาตัวจับได้ยาก การแต่งหน้าทาชาดรวบผมก็เช่นกัน เขาทำได้ดีเสียจนสตรีสองคนจับพิรุธไม่ได้เลย เรื่องนี้แม้แต่ท่านอ๋องกับอู๋หมิงยังตกตะลึงแทบไม่เชื่อมาแล้ว “เจ้ากำลังดูแลดอกไม้ให้ข้าหรือ?”ไป๋เล่อชิงหันมายิ้มสดใส “เจ้าค่ะ พี่สาวอาหนิง”เจาจวิ้นพยักหน้าพึงพอใจ “ดียิ่งนัก ชิงชิงช่างใส่ใจ ข้าทำงานทุกวันไม่มีเวลาเข้ามาดูแลเลย”“ข้าไร้ฝีมือต่อสู้ มิอาจปกป้องพี่สาวได้ แต่จะช่วยดูแลเรือนให้อย่างดีเจ้าค่ะ อ้อ ข้ายังสามารถปลูกผักและทำอาหารได้ด้วย” ไป๋เล่อชิงเอ่ยอย่างขยันขันแข็งคุ้มค่าจ้างเป็นที่สุด อันที่จริง บุตรีสกุลใหญ่แม้อยู่หมู่บ้านห่างไกลเมืองหลวง การปลูกผักทำอาหารนับว่าไม่เหมาะสม ยิ่งไม่ควรทำเป็น แต่ไป๋เล่อชิงที่ถูกพี่หญิงกับฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งเรื่องเงินเบี้ยหวัดและตัดอาหารการกินบ่อยครั้งจำต้องปลูกผักเป็น ทำอาหารได้ หาไม่ คงอดตายไปนานแล้ว“พี่หนิงชอบหรือไม่เจ้าคะ?” ไป๋เล่อชิงแย้มยิ้มถามอย่างประจบเอาใจ อีกฝ่ายคือเจ้านายผู้จ่ายเบี้ยหวัดนี่นาเจาจวิ้นยิ้ม
รุ่งอรุณมาเยือนเจาจวิ้นรีบตื่นแต่เช้าลุกขึ้นแต่งตัวแต้มชาดเป็นสตรีที่งดงามเฉิดฉันแบบไร้ที่ติ ทำเอาอู๋หมิงที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงไป๋เล่อชิงต้องลุกขึ้นมาเช่นกัน“วันนี้ไม่มีภารกิจ ข้าไม่มีนัดหมาย ท่านอ๋องก็มิได้สั่งงานอันใด” อู๋หมิงว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องแต่งตัว”“เพราะว่างปะไร ข้าถึงแต่งตัวเช่นนี้” กล่าวพลางจัดกระโปรงและหน้าอกปลอมให้เข้าที่ “ข้าจะไปเรือนส่วนตัวที่อยู่ด้านหลังเยื้องจวนอ๋อง อาจค้างแรมที่นั่น หากท่านมีสิ่งใดเรียกใช้ก็ให้คนไปตาม”อู๋หมิงพลันเข้าใจ ที่แท้ปลอมตัวไปพบหน้าภรรยาชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเอื่อยเฉื่อยมานั่งที่โต๊ะจิบชา “งานช่วงนี้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าตามสบายกับภรรยาได้เลย” เพราะหัวอกเดียวกันจึงช่วยเปิดทางเต็มที่คนฟังให้รู้สึกขอบคุณยิ่งนัก “รบกวนพี่ใหญ่อู๋แล้ว” ก่อนออกประตูเรือนยังไม่ลืมหันมากำชับ “แต่ข้าคิดว่า ท่านก็ควรหาเวลาให้ตัวเองบ้างนะ อย่างเช่นหาเมียใหม่”ถ้วยชายังไม่ถึงริมฝีปากกลับถูกวางกระแทกดังปึก อู๋หมิงปรายตามองเจาจวิ้นอย่างเงียบงันเย็นชามิเอ่ยวาจา ทว่าสายตากลับคล้ายสาดอาวุธร้ายแรงออกมาดุจห่าฝนเจาจวิ้นเกรงใจอยู่มากแต่ก็ว่าต่
จวนเยี่ยนอ๋องหลังจากรายงานตัวและรายงานความคืบหน้าแก่เยี่ยนอ๋องแล้ว อู๋หมิงก็กลับเข้าเรือนพักส่วนตัว พบว่าเจาจวิ้นเองก็กำลังเดินเข้าประตูมาเช่นกัน“ไฉนเพิ่งกลับ มิใช่แยกกับข้านานแล้วหรือ?”เจาจวิ้นยิ้มกว้าง ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ข้าถูกลอบสังหารอีกแล้ว กว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้ ไม่ง่ายเลย”อู๋หมิงเดินมานั่งลงที่โต๊ะจิบชา ปรายตามองนิ่ง “ถูกลอบสังหาร! แต่หน้าบานยิ่งกว่าใบพัด?”คนถูกถามยังคงมีสีหน้ากรุ้มกริ่ม “ก็ใช่น่ะสิ”อู๋หมิงขมวดคิ้วถาม “จับตัวนักฆ่ามาสอบปากคำ สาวถึงตัวผู้บงการได้หรือไร? ถึงอารมณ์ดีปานนี้”เจาจวิ้นส่ายหน้าปฏิเสธนึกเสียดายแต่ก็ยังยิ้มอยู่ “จับไม่ได้ หนีไปหมดเลย ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว”“...” อู๋หมิงหมดคำจะเอ่ย “ในเมื่อจับคนร้ายไม่ได้ แล้วดีใจอันใดไม่ทราบ”เจาจวิ้นเดินไปเอนตัวนอนลงบนเตียง กระดิกเท้าเล่าอย่างอารมณ์ดี “ข้าเจอภรรยาของข้าแล้วปะไรเล่า” ยักคิ้วหลิ่วตา ว่าต่ออย่างคุยโวโอ้อวดต่อเนื่อง “ท่านไม่รู้ ตอนที่ข้ากำลังพลาดท่าเสียที เป็นนางที่ตะโกนก้ององอาจแล้วเข้ามาช่วยอย่างไม่คิดชีวิต และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น บุรุษข้างกายนางก็เป็นสตรีปลอมตัว หาใช่คนรักใหม่ ฮ่าๆ”คนฟังพยักห
เขาเป็นคนชอบสะสมอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิม พอทะลุมิติมา สิ่งแรกที่ทำก็คือเอาเงินที่มีซื้อเรือนเอาไว้ ตอนนี้จึงมีเรือนนอกจวนของสกุลถึงสามหลังแล้ว แต่เขาเลือกที่นี่เพราะงานก็ต้องทำ เมียก็ต้องง้อ แต่ครั้นจะง้อก็คงต้องใช้เวลา ต้องหาวิธีการอันแยบยล แน่นอนว่ายังมิอาจบอกตัวตนแท้จริงได้ เขารู้จักอาโยวดี ขอเพียงปกปิดเอาไว้ให้แนบเนียนก่อนค่อยๆผูกมิตรไมตรีสร้างสัมพันธ์อันดี เท่านี้ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นและใช่ เขาจะจีบอาโยวในร่างคนใหม่ชื่อหลิวหนิง โดยไม่ให้นางรู้เด็ดขาดว่าเขาคือสามีเก่า ที่ชื่อเจาจวิ้นดังนั้นอันดับแรกก็พามาที่นี่จะได้อยู่ด้วยกันใกล้ๆ สะดวกไปมาหาสู่ตอนเขาออกไปทำงานที่จวนเยี่ยนอ๋องคิดเสร็จก็กระแอม แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ“อะแฮ่ม เอ่อ ข้ามีนามว่าหลิวหนิง เรียกอาหนิงได้ สาวน้อย...” เจาจวิ้นเริ่มปฏิบัติการผูกมิตรกระชับสัมพันธ์ เขาหันไปส่งสายตาใสซื่อกับโจวเจิน “สาวน้อยคนนี้ เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” “ข้ามีนามว่าโจวเจิน เรียกอาโยวได้”หันไปทางอีกคน “เจ้าล่ะ”“ข้า ไป๋เล่อชิงเจ้าค่ะ”ครั้นแนะนำตัวชื่อแซ่กันเสร็จสรรพ เจาจวิ้นก็พาพวกนางไปที่ห้องพักทางเรือนปีกข้าง จากนั้นก็หาอ
โจวเจินไม่รู้ความคิดเขา นางปลอบโยนว่า “พี่สาวไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะปกป้องท่านเอง”แววตาเจาจวิ้นวูบวาบสั่นไหว แม้ใบหน้าเปลี่ยนไปแต่นิสัยนั้น ยังคงเป็นอาโยวของเขาอย่างชัดเจนไม่เปลี่ยน นิสัยของอาโยวเป็นเช่นนี้ ชอบปะทะพร้อมพุ่งชนแต่เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะผู้หญิงอ่อนแอที่ถูกทำร้ายน้ำใสปริ่มๆ ตรงขอบตา เจาจวิ้นดีใจจนน้ำตาไหลจังหวะนั้น พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายใกล้เข้ามา นับว่าโชคดีที่ตรงนี้มีกองตะกร้าผักวางซ้อนกันช่วยกั้นสายตาอยู่พอดี“พวกมันตามมาแล้ว” ไป๋เล่อชิงกระซิบบอก “หนีไปทางใดดี ถนนเมืองหลวงซับซ้อนนัก” โจวเจินหันรีหันขวาง นางยังไม่คุ้นชินกับเส้นทาง ไป๋เล่อชิงก็เช่นกัน สตรีทั้งสองเริ่มตื่นตระหนก“แย่แล้ว จะถูกจับส่งทางการหรือไม่?” ไป๋เล่อชิงนึกกลัวเพราะข้อหาของพวกนางยามนี้ยาวเป็นหางว่าวแล้ว...ท่าทางคล้ายพวกบ้านนอกคอกนาเข้าเมืองเช่นนั้นทำเจาจวิ้นพลันได้สติ รีบลุกขึ้น “พวกเจ้า ตามข้ามา” เรือนซานเหอย่วน[1]ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับอยู่เป็นครอบครัวเล็กๆ ประมาณสามสี่คน “นี่คือเรือนของข้าเอง พวกเจ้าหลบที่นี่ก่อน” “จะดีหรือพี่สาว พวกเราอาจทำท่านเดือดร้อน” ไป๋
ไป๋เล่อชิงว่า “สงสัยพี่สาวคงอยากมีหน้าอกใหญ่จึงทำลวงตาให้แต่งกายออกมางดงามมากกว่าเดิม”“อ้อ จริงด้วย ข้าลืม” โจวเจินเริ่มคล้อยตามและเห็นด้วยนิดๆทว่านางกระชับมือที่กอบกุมท่อนขาของคนบนบ่าสงสัยอีก “แต่ท่อนขาของเขาก็ไม่นุ่มนิ่มเท่าที่ควรนะ”ก่อนที่โจวเจินจะสันนิษฐานไปเรื่อย เจาจวิ้นรีบทำทีสะดุ้ง “อุ๊ยตาย! ข้าตื่นแล้ว รีบเอาข้าลงเร็วเข้า ลงๆ” “โอ๊ะๆ ได้ๆ” โจวเจินพลันลืมเรื่องที่คลางแคลงใจ รีบหยุดฝีเท้าค่อยๆวางแม่นางชุดชมพูลง “พี่สาวเจ็บที่ใดหรือเจ้าคะ?" ไป๋เล่อชิงเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงเจาจวิ้นเงยหน้ามองคนถาม เห็นเป็นคนที่แต่งกายเป็นบุรุษ แต่เอ๊ะ พอมองใกล้ๆ ชัดๆ ถึงกับต้องเพ่งพิศอย่างไม่อาจถอนสายตา พอสังเกตดีๆก็พลันมั่นใจเต็มสิบ ตาโตมีลักยิ้มน่ารักทั้งยังมีหน้าอกใหญ่แต่ตัวเล็กนิดเดียว ฮึ! ที่แท้ก็สตรีปลอมตัว แล้วไป!เจาจวิ้นไม่สนใจสาวน้อยสะสวยหุ่นดีผู้นี้ที่แม้ว่าจะปลอมตัวเป็นผู้ชายก็ยังงามสะพรั่งโดดเด่น เพียงหันมองโจวเจินอย่างบ้าคลั่งจนตาเกือบถลน “พี่สาว ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” ไป๋เล่อชิงถามอีก เบิกตาโตปานนั้น หรือว่ายังตกใจไม่หายเจาจวิ้นพลันนึกขึ้นได้ “ใช่! ข้าตกใจจะแย่ โอ๊ย!