ไป๋เล่อชิงทำใจดีสู้เสือ นางผลิรอยยิ้มจิ้มลิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย แลดูน่ารักน่าชังไม่เบา
“ข้าไม่ใส่อะไรแล้วทั้งนั้น เราดื่มเหล้ามงคลกันก่อน ท่านคงเหนื่อยแล้ว จะได้รีบพักผ่อน”
อู๋หมิงดื่มสุรามงคลรวดเดียวหมดจอก ไม่มีหรอกคล้องแขนแสนหวาน
ไป๋เล่อชิงจึงประคองจอกดื่มคนเดียวอย่างเงียบๆ ช่วยมิได้ นางบังอาจผูกมัดเขาจนดิ้นไม่หลุดนี่นา
พอหมดจอกก็เห็นอู๋หมิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงหน้าเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของห้องหอ นางจึงลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้ามาพับให้เรียบร้อยนำไปวางบนชั้นไม้ด้านใน แล้วปลดชุดของตนเองมาพับเก็บด้วยกัน ก่อนตามเขาไปนอนลงบนเตียงเดียวกัน
ช่วยไม่ได้ ไม่มีที่อื่นให้นอนแล้วนี่นา
ครั้นหัวถึงหมอนนางค่อยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ “ท่านคงโกรธเกลียดข้ามากกระมัง?”
อู๋หมิงปรายตามองเจ้าสาวหมาดๆของตนแวบหนึ่ง เป็นเชิงคำถาม “คิดว่าข้าชอบ?”
เห็นเป็นคนนิ่งๆ เงียบขรึมแต่แท้จริงแล้วพอได้พูดกลับทำคนสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ช่างเฉียบคมยิ่งนัก
“ท่านไม่ชอบก็สมควรแล้ว ข้าเป็นคนมอมเหล้า เอ่อ...ขอโทษจริงๆ ขอโทษจากใจ”
ไป๋เล่อชิงสบตาเขาชั่วอึดใจ เสมองไปทางขื่อคานอย่างมิอาจสู้
นางเพิ่งรู้ แววตาเขา น่ากลัวปานนี้
ทว่าท่าทีที่ย้อนแย้งกับบุคลิกรูปลักษณ์ภายนอกกลับทำให้นางอยากรู้จักเขามากขึ้นอย่างน่าประหลาด
เฉิงเอินบอกว่าอู๋หมิงไม่มีหญิงคนรัก อีกทั้งที่เรือนยังมีเพียงมารดาเท่านั้น มิใช่ครอบครัวใหญ่มากปัญหา ทุกสิ่งของเขาตรงใจนางนี่นา ดีกว่าแต่งให้ตาเฒ่าบ้ากามที่บิดาหาให้เป็นร้อยเท่าพันเท่า
เหตุที่รู้เพราะอู๋หมิงเป็นสหายกับพี่ชายของเฉิงเอิน พวกเขาจึงรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี
เฉิงเอินเคยเปรยว่าอู๋หมิงนิสัยใจคอเชื่อถือได้ หากยังไม่มีคู่หมั้นคงบอกที่บ้านว่าขอแต่งกับอู๋หมิงไปแล้ว
นั่นล่ะ แผนชั่วร้ายจึงบังเกิด
นางนัดแนะเฉิงเอินไปกินอาหารที่หออวิ๋นเซียว จงใจให้ตรงกับวันที่พี่ชายเฉิงพาอู๋หมิงมาร่วมสังสรรค์ เฉิงเอินบอกว่าพวกเขามักไปที่นั่นเป็นประจำ
พอพี่ชายเฉิงมาพร้อมอู๋หมิงนางที่อยู่กับเฉิงเอินจึงชักชวนให้รวมกลุ่มกันดื่มกิน แล้วนางก็ได้ดื่มสุรากับเขาอย่างแนบเนียน
วันนั้นคนที่เมาเหล้าคือเฉิงเอินกับอู๋หมิง
เฉิงเอินที่คออ่อนได้พี่ชายที่คอแข็งแบกกลับบ้าน ส่วนอู๋หมิงที่ตัวโตเกินไปจึงต้องเปิดห้องพักในหออวิ๋นเซียว รอให้สร่างเมาก่อนค่อยกลับบ้านเอง
นั่นล่ะ นางที่ทำทีว่ากลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว ก็ย้อนกลับมา และเข้าหาเขาได้สำเร็จ
“อู๋หมิง ข้าขอโทษนะ” ไป๋เล่อชิงเพียรย้ำทำใจกล้าเอียงคอหันไปสบตาเขาอีกครา
“แค่ขอโทษหรือ?” อู๋หมิงถามเสียงขรึม
หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ๆ ต่อไปข้าจะเป็นภรรยาที่ดี ดูแลปรนนิบัติท่านและแม่สามีอย่างเต็มที่”
ปรนนิบัติแค่สามีกับแม่ของเขา มีอันใดยากกัน?
ค่ำคืนยาวนานแต่ราตรีแสนสั้น
ไป๋เล่อชิงเห็นจะเป็นเช่นนั้น เพราะราตรีมงคลนี้ยังคงคืบคลาน มันยาวนานเกินไปแล้วจริงๆ
ท่ามกลางความเงียบของรัตติกาล นางนอนมองขื่อเรือนนานครู่ใหญ่ ข่มตาหลับไม่ลงง่ายๆ
ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ พลิกตัวนอนตะแคง หันไปทางเจ้าบ่าวอย่างผ่าเผย ส่งสายตาสื่อนัยอย่างเถรตรง
หญิงสาวเห็นอู๋หมิงนอนตะแคงเช่นกัน ทว่าเขากลับนอนหันหลังให้นางอย่างเย็นชาเป็นที่สุด
กระนั้นไป๋เล่อชิงกลับไม่ถือสา ทั้งยังเบิกตามองเพียงบ่ากว้าง เอวสอบ
และ...สะโพกแกร่งของเขา
เมื่อบังเอิญมองตรงนี้หญิงสาวพลันกะพริบตาถี่ๆ พวงแก้มแดงก่ำอย่างมิอาจควบคุม
คืนนั้นที่เมามาย เราสองเคยร่วมเตียงกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนมงคลสมควรปล่อยผ่านหรือไร?
แต่งงานแล้วก็ต้องเข้าหอจะได้มีลูกเร็วๆปะไร ชีวิตสตรีก็เช่นนี้ มีสามีคลอดบุตรจึงจะราบรื่นมั่นคง
ไป๋เล่อชิงเป็นสตรีเช่นนี้ ลึกซึ้งแต่ไม่ซับซ้อน อ่อนหวานน่ารักแต่กลับใจกล้าและเถรตรงเป็นอย่างมาก แม้ชอบความสงบเงียบเรียบง่ายแต่กลับชอบความท้าทาย
ความกล้าบ้าบิ่นสายหนึ่งผุดขึ้นเป็นริ้วเป็นสายพร้อมริ้วรอยแดงๆบนแก้มเนียนสองข้างของตน
หญิงสาวทำมือทำไม้คล้ายปูไต่ไปตามฟูกนอน กระทั่งถึงแผ่นหลังใหญ่ของอู๋หมิง นางสะกิดเขาทีหนึ่ง อยากรู้ว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร ชวนหวาดผวาแค่ไหน
“ท่านพี่ คืนนี้ เรา...”
ยังพูดไม่ทันจบกลับเห็นบุรุษพลิกตัวควับพริบตา เขาพลันตลบตัวนางนอนหงายแผ่หลา
โดยมีร่างหนาแน่นของเขาทาบทับอยู่ด้านบน
วาจาเขาส่งผ่านความร้อนกรุ่นประหนึ่งไฟลาม “ได้ เจ้าจงชดใช้ความผิดโดยการมีลูกให้ข้า”
“...!?”
เห็นหรือไม่เล่าว่าอู๋หมิงน่ะฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก แค่นางคิดในใจเขากลับตอบสนองได้รวดเร็ว
วสันต์พร่ำรักพลันเกิดขึ้นอย่างไร้สิ้นสุด
หลังจากนั้นเพียงสามวัน ข่าวหนึ่งก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ข่าวนั้นก็คือองค์ชายหกคิดก่อการกบฏโดยการลักลอบซ่องสุมกำลังนักรบเดนตาย ค้าอาวุธเถื่อน ยักยอกเงินพระคลัง ใส่ร้ายป้ายสีองค์ชายสามทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีหลักฐานแน่นหนาองค์ชายหกถูกยึดทรัพย์ริบบรรดาศักดิ์ถูกปลดจากราชวงศ์กลายเป็นสามัญชน เว่ยซุนเองก็ถูกตัดสินโทษ ฐานสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายหกโดยการยึดทรัพย์และเนรเทศไปใช้แรงงานที่เหมืองถ่านหิน ห้ามกลับเมืองหลวงเมื่อผู้นำตระกูลถูกสำเร็จโทษ คนอื่นในตระกูลย่อมติดร่างแหไปด้วยกัน ทั้งเด็กและคนชราในสกุลเว่ย แม้ไม่ถูกเนรเทศแต่ก็ไม่มีบ้านให้ซุกหัวนอนอีกแล้ว ทุกคนล้วนสิ้นเนื้อประดาตัว จำต้องเร่ร่อนไปตายเอาดาบหน้า เว่ยซินหยูยามนี้จึงมิอาจจ้างคนไปทำร้ายใครได้อีกต่อไปเรือนเยี่ยเฟิงไป๋เล่อชิงนั่งมองสามีตาปริบๆ “ฝีมือท่านพี่?”อู๋หมิงที่กำลังกินอาหารฝีมือภรรยาเพียงตอบรับเสียงอืมในลำคอไป๋เล่อชิงร้องอ้อ เหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ อู๋หมิงลงมือเฉียบขาด ฉลาดหลักแหลมปานนี้เชียว น่ากลัวเกินไปหรือไม่?จังหวะนั้นเจาจวิ้นวิ่งผลุบเข้ามาหลบหลังอู๋หมิง “อาหมิง ช่วยด้วย อาโยวโมโหข้าใหญ่แล้ว”“อันใดอีก?” ชายห
จังหวะนั้น เจาจวิ้นก็สะลึมสะลือได้สติ เขาไอแค่กๆ ร้องหาเสียงแหบแห้ง “อาโยว อย่าทิ้งข้าไป อาโยว”คนถูกเรียกรีบจับมือเขาเอาไว้”“ข้าอยู่นี่ ข้าไม่ไปไหนแล้วทั้งนั้น”“อาโยว อาโยว” เจาจวิ้นคล้ายคนละเมอกึ่งหลับกึ่งตื่นแต่ก็เรียกหาโจวเจินไม่ขาดปากอู๋หมิงจึงว่า “อาโยว เจ้าดูแลอาหนิงแล้วกัน”โจวเจินปาดน้ำตาพลางกดคางหงึกๆ “ท่านไม่บอก ข้าก็จะดูแลเขาเองอยู่แล้วล่ะ ท่านไม่ต้องห่วง”“อืม ดี”ครั้นมองสหายอย่างละเอียดก็พบความจริงหนึ่ง ซึ่งรู้กันเพียงเขากับอีกฝ่าย ความจริงนั้นก็คือมีคำว่า ‘มารยาบุรุษ’ แปะหน้าผากเจาจวิ้นตัวเบ้อเริ่มมุมปากอู๋หมิงกระตุกเล็กน้อยเขารู้ดีว่าหลิวหนิงมิใช่บุรุษอ่อนหัดไร้ฝีมือปานนั้น คงจงใจใช้แผนแสร้งเจ็บตัวเรียกร้องความสนใจมากกว่าชายหนุ่มหันไปพยักหน้าให้ภรรยา “ชิงชิงไปเถอะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะไปตามท่านหมอมาดูพี่หนิงพอดี”อู๋หมิงกระแอม “ไม่ต้อง” ว่าแล้วก็รีบรวบเอวนางพาหายวับไปอีกห้องหนึ่งอย่างเร็ว “อยู่กับข้าห้องนี้ดีกว่า คิดถึงจะแย่”“อ๊ะ ท่านพี่” ร้อนแรงจริงเชียวจวนสกุลเว่ย“เจ้าว่าอย่างไรนะ” เว่ยซินหยูถามเสียงเกรี้ยวกราด “นังหลิวหนิงนั่นเป็นบุรุษรึ?”“ขอรับ”“หมายความว่าข
เว่ยซินหยูเอนกายพิงพนักเก้าอี้ในท่วงท่าสบาย เอ่ยเสียงเรียบเรื่อยต่อเนื่องว่า “ใช่ ไม่ต้องฆ่านังนั่นแล้ว ข้าไม่อยากเสี่ยงถูกเป็นผู้ต้องสงสัยถูกทางการตามล่าข้อหาฆ่าคน ชุดสืบสวนพวกนั้นเก่งกาจนัก หนีไม่พ้นแน่ แต่หากฉุดคร่าย่ำยีสตรีย่อมทำได้”ประกายตาของเว่ยซินหยูสว่างวาบดุจไฟอีกครา “แค่บอกว่าสตรีสมยอม แค่นี้ทางการก็ไม่ตามจับเข้าคุก ส่วนสตรีที่ถูกย่ำยี...หึหึ” ย่อมไม่มีทางกลับมาสู้หน้าผู้คนได้อีกตลอดชีวิต เรียกได้ว่าตายทั้งเป็น หากยังต้องกลับมาอยู่ต่อหน้าสามีมิสู้ฆ่าตัวตายหนีหน้าสามีไปเสียดีกว่า แบบนี้ไยมิใช่ดีกว่าส่งคนไปฆ่านังนั่นจนเสี่ยงถูกสืบสาวถึงสกุลเว่ยหญิงสาวหัวเราะเย็นเยียบอย่างชั่วร้าย“ไปจัดการตามนี้ นังนั่นอยู่ริมชายป่าตะวันตก”“ขอรับ”ชายป่าฝั่งตะวันตกของเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่โจวเจินชอบมากที่สุดกลางป่าพนาไพรที่ร้างผู้คนแห่งนี้มีทะเลสาบมรกตเหมือนเกาะส่วนตัวซึ่งเจาจวิ้นเคยพานางมายลยามนี้หญิงสาวจึงกำลังนั่งเหม่ออยู่บนผาหินชันเหนือธาราสีครามจริงๆ เจาจวิ้นเบิกตากว้างเมื่อเห็นนางอยู่ในระยะสายตาที่ไกลลิบ ทำท่าวิ่งไปหาอย่างลิงโลด ทว่าจู่ๆ กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์ถึงสี่คนกรูเข้ามาล้อม
สองชั่วยามต่อมาเจาจวิ้นสะลึมสะลือฟื้นคืนสติ คนแรกที่มองหาคือโจวเจิน แต่ทว่ากลับเห็นเพียงใบหน้าจิ้มลิ้มของไป๋เล่อชิง“ท่านพี่อาหนิง ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“อือ อาโยวเล่า?”ไป๋เล่อชิงชี้ไปทางประตูเรือน “นางเก็บข้าวของออกไปแล้วเจ้าค่ะ”“ห๊า” ไป๋เล่อชิงกล่าวอีกว่า “ข้าตามไปก็ถูกไล่กลับมา ท่าทางอาโยวโกรธมากทีเดียว ไม่เคยเห็นนางโมโหปานนี้” เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่าพี่อาหนิงจะเป็นสามีเก่าผู้ชั่วช้าของอาโยว เจาจวิ้นปวดหัวจี๊ดขึ้นสมอง รีบผุดลุกขึ้น“อ๊ะ ท่านพี่อาหนิงจะไปไหนหรือเจ้าคะ”“ข้าจะออกไปตามอาโยว ชิงชิงน้อยอยู่รออู๋หมิงที่นี่ ห้ามออกไปที่ใดตามลำพังนะ”จบคำก็ถลันออกไปจากเรือนอย่างไม่เหลียวหลัง ทว่าสักพักพลันวิ่งกลับมา “ลืมถาม ชิงชิงน้อย อาโยวไปทางไหน”“ไปทางฝั่งตะวันตกของเมืองเจ้าค่ะ”“ขอบใจมาก “เจาจวิ้นถลันตัววิ่งหายไปอีกคราครั้งนี้ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่เค่อเดียวจวนสกุลเว่ย เว่ยซินหยูผู้ไม่เคยลดละการเอาชนะหลิวหนิงด้วยวิธีการชั่วร้ายหมายให้อีกฝ่ายหายไปกำลังตบโต๊ะดังปังเอ่ยเสียงดังอย่างโมโห“นักฆ่าไม่รับงานของข้าแล้วเรอะ”บ่าวชายผู้ถึงตอบ “ขอรับ พวกมันบอกว่าคราก่อนเจ็บหนักหลายคนยังไม่พร้อมล
เรือนเยี่ยเฟิงไป๋เล่อชิงนิ่วหน้ามองอู๋หมิง ถามอย่างเป็นห่วง “ท่านพี่จะไปคนเดียวจริงๆ หรือเจ้าคะ?”ชายหนุ่มหันมา “เจ้าหยุดห่วงข้าได้แล้วกระมัง”“คนบ้า ให้ข้าหยุดห่วงท่านได้อย่างไรเล่า ท่านเป็นสามีของข้านะ”หญิงสาวถอนหายใจ นึกกังวลอย่างแท้จริง อู๋หมิงเห็นสีหน้านางก็ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนก่อนหนึ่งที เมื่อกลีบปากร้อนผ่าวจรดลงมาที่ผิวเนียน มอบความอุ่นซ่านไปถึงหัวใจ ไป๋เล่อชิงจึงใจเย็นลงได้ในพริบตาอู๋หมิงก้มหน้ากระซิบเสียงพร่าแต่หนักแน่นว่า“เหตุการณ์คืนนั้นทำให้ข้าตัดสินใจแล้วว่าควรเร่งจัดการให้จบเสียที หาไม่ คนพวกนั้นคงหาทางทำไม่ดีอีก ขนาดให้เจ้าอุตส่าห์ปลอมตัวเป็นแค่สาวใช้ยังไม่รอดแผนร้ายของเว่ยซินหยูมิใช่หรือไร?”“อืม ก็ใช่” ไป๋เล่อชิงก้มหน้าเม้มปากเถียงไม่ได้จังหวะนั้น เจาจวิ้นพลันวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นลน “อาหมิง ช่วยข้าด้วย” เกาะหลังอู๋หมิงแน่นอู๋หมิงเอี้ยวตัวมอง “อะไรของเจ้าอาหนิง” เจาจวิ้นตอบเสียงอู้อี้ตรงแผ่นหลัง “อาโยวน่ะสิ นางรู้แล้วว่าข้าคือสามีเก่าตั้งแต่ชาติก่อน”ไม่น่าไปเผลอต่อกลอนนั้นกับนางเลย ให้ตาย!อู๋หมิงเลิกคิ้วถาม “แล้วอย่างไร?”“ท่านต้องช่วยพูดให้ข้า บอกนางว่าข้ากลับ
ทว่า...นอกจากไม่เห็นภรรยาผู้อื่นโกรธเคืองสามีของตน กลับเห็นอีกฝ่ายแย้มยิ้มเริงร่า ปากก็ว่า“โอ้! ท่านพี่ ที่แท้ท่านก็ชมชอบคนของข้าปานนี้ ไฉนไม่บอกกันดีๆ ข้าไหนเลยจะขัดใจ”อู๋หมิงเองก็เล็งเห็นผล จึงได้ทีรีบผสมโรงอย่างไว จะปล่อยผ่านได้อย่างไร “ข้ากำลังบอกน้องหญิงอยู่นี่ปะไร ขอนางให้ข้าเถอะ ข้าชอบนาง” ว่าพลางรั้งร่างของไป๋เล่อชิงเข้ากอดแนบอกแน่น ต่อหน้าต่อตาธารกำนัล ไป๋เล่อชิงเบิกตากลมโต มองอย่างตกใจ “อะไรกัน”เจาจวิ้นหัวเราะอารมณ์ดี “เช่นนั้น พวกเรากลับเรือนกันดีกว่า ข้าอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องสาวแล้ว” เข้ามาจับมือไป๋เล่อชิงอย่างสนิทสนม “ข้าเองก็เอ็นดูนาง อยากยกฐานะอยู่พอดี”“เยี่ยมเลย เช่นนี้พวกเราไปกันเถอะ” อู๋หมิงยังคงกอดไป๋เล่อชิงไม่ปล่อย อีกมือหนึ่งก็จับเอวเจาจวิ้นพาเดินจากไปด้วยกันอย่างเปรมปรีเฉกบุรุษเจ้าสำราญ เกิดเป็นภาพสามคนสามีภรรยารักใคร่ปรองดองที่สุดในใต้หล้าอย่างไม่ใส่ใจสายตาใครทั้งนั้นและภาพนั้น ทำทุกคนถึงกับอึ้งเว่ยซินหยูยิ่งคาดไม่ถึงวันต่อมา ภาพนั้นก็ยิ่งชัดเจนและเป็นที่โจษจัน เมื่ออู๋หมิงพาสตรีอันเป็นที่รักสองคนไปด้วยกันทุกหนแห่ง สถานที่ที่เขาไปล้วนมีภรรยาทั้งสอ