ห้องแต่งตัวที่ต่อจากห้องนอนใหญ่ เมื่อก่อนเคยแบ่งครึ่งจัดเป็นระเบียบ แยกสีเสื้อผ้าแยกเสื้อและกางเกง รีดเรียบทุกตัวถุงเท้าจับเข้าคู่กันเอาไว้ให้หยิบใช้สะดวก จากที่เคยแยกเป็นสองฝั่งตอนนี้เหลือพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่งกับเสื้อผ้าของเขา
โต๊ะทำงานของเธอถูกลากออกไปแล้ว พร้อมกับคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอตัวใหญ่ เหลือพื้นที่ในห้องกว้างขึ้นอีกเยอะ มองดูแล้วโล่งตาขึ้นไปอีก
เธอเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ เขียนตั้งแต่สมัยคุณป้าเสียชีวิตใหม่ ๆ จนตอนนี้ก็ยังยึดอาชีพนี้หลังเรียนจบ และไม่เคยพึ่งพาเงินมรดกของคุณป้ารวมทั้งเงินของเขาด้วย ยกเว้นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับในคอนโดที่ใช้ร่วมกัน เธอใช้บัตรเครดิตของเขารูดทุกครั้งโดยไม่คิดอะไร
มือของเธอที่มีบัตรเครดิตสีดำที่เขาเคยให้หลังได้คบกันเป็นแฟนครั้งแรก ผ่านมาหลายปีมันก็ยังใช้ไปไม่กี่บาทด้วยซ้ำ ดีที่เป็นคนรอบคอบจดไว้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจะคืนให้เขาจนหมด
ยกเว้นความรักที่ยังคืนให้ไม่ไหว
มือเรียวสวยวางบัตรเครดิตลงที่โต๊ะหัวเตียงในห้องเขา จัดการทำความสะอาดให้เขาเรียบร้อยแล้ว และเดินออกไป
ร่างที่หมดเรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้นกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องปล่อยให้น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาเรื่อย ๆ จนหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่รู้เรื่องอะไร
วันถัดมาตื่นขึ้นในห้องที่ไม่ใช่ห้องที่เคยนอนร่วมกับเขาเป็นครั้งแรก เธอไม่ชินสักนิดเตียงนอนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนเหม่อมองไปไม่เห็นร่างที่นอนบนเตียงเดียวกันพลันความเหงาเริ่มกัดกินใจ
ภาพตะวันที่แสนสดใสบัดนี้ไม่ฉายแสงมาถึงดาวพลูโตดวงน้อยดวงนี้อีกแล้ว เธอถูกตัดออกจากใจเขา แต่เขาไม่เคยออกจากใจเธอเลย ได้แต่คิดว่ามันยังเร็วเกินไปเธอคงไม่ชินและให้เวลาเยียวยาจิตใจ
หลังจากอาบน้ำล้างหน้าและกินยาแก้ปวดหัวแล้ว จึงเข้ามาทำความสะอาดในบ้านให้เรียบร้อย เธอล้างจานที่กินเหลือไว้เมื่อคืน เปิดห้องที่คิดว่าเขาคงกลับมาแต่กลับพบว่าด้านในมีแค่ห้องที่ว่างเปล่าไม่แพ้หัวใจแสนว่างเปล่า ปราศจากเธอในชีวิตของเขาด้วย
“ยังหวังได้อีกเหรอดาว” เธอพูดกับตัวเองและปิดห้องของเขาไปเช่นเดิม กลับเข้าไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานแต่กลับทำงานไม่ได้ น้ำตามันไหลอีกแล้ว ความคิดถึงมันทรมานอย่างนี้เองเหรอ
เธอนั่งมองหน้าจอที่กำลังเขียนนิยายเรื่องใหม่ แต่ทว่าในหัวว่างเปล่าจนต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เป็น...
รักรอวันจางของดาวพลูโต...
เสียงต๊อกแต๊กของแป้นพิมพ์คู่ใจดังขึ้นอีกครั้ง และเนื้อหาถูกเปลี่ยนจากนิยายรักหวานซึ้งกินใจ เป็นนิยายชีวิตดรามาในทันที...
เวลาเที่ยงคืนเธอได้ยินเสียงเปิดประตูและคนเดินเข้ามาในห้อง หัวใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง แค่ได้ยินเสียงและรู้ว่ามีเขาอยู่ใกล้ ๆ เธอก็มีความสุขแล้ว รอยยิ้มที่เหือดแห้งของผกายดาวผลิแย้มออก จากนั้นเดินไปหน้ากระจกตบแป้งแต่งหน้าทาปากกลบเกลื่อนร่องรอยความเสียใจ และกำลังคิดว่าจะออกไปทำอะไรดี เพราะสถานะตอนนี้เขาให้ไว้แค่ คนเคยคุ้น จึงทำได้แค่ดูอยู่ห่าง ๆ พลันเหลือบไปเห็นแก้วน้ำใบหนึ่งที่วางตั้งไว้ มันไม่เหลือน้ำแล้ว จึงคิดว่าออกไปเอาน้ำก็แล้วกัน
เสียงเปิดประตูของเธอดังออกมา พร้อมกับเขาเดินสวนกลับเข้าห้อง ในใจดาวดวงน้อยดวงนี้ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
‘ขนาดเห็นหน้าเขาก็ไม่อยากเห็นงั้นเหรอ’
!_!
ใจร้ายไปแล้ว!
ร่างสวยเดินหงอยเหงาไปกดน้ำในครัว จนเต็มแก้วแล้วเดินเข้าห้องนอนไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ และจดจำเอาไว้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ จึงทำได้แค่อยู่เงียบ ๆ ในที่ของตนเองมองเขาอยู่ห่าง ๆ แอบมองรถของเขาขับออกไปทำงานทุกวัน คอยเกาะผนังราวกับตุ๊กแกยามเขาอยู่ในห้อง แต่ไม่เคยพูดคุยกันตั้งแต่วันนั้น...
วันอาทิตย์เป็นวันที่ผกายดาวมาเยี่ยมคุณแม่เพลินฤดี และคุณพ่อชิงพลบ ซึ่งเป็นบิดามารดาของเขา เธอยังทำอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน
เพราะรู้ว่าคุณแม่จะเหงาเวลาลูกชายและคุณพ่อออกไปทำงาน ดังนั้นเธอจึงมาอ่านหนังสือให้คุณแม่ฟังเพราะสายตาคุณแม่ยาวอ่านหนังสือได้ไม่เหมือนเก่าแล้ว “สวัสดีค่ะแม่เพลิน อยู่คนเดียวเหรอคะ” ผกายดาวทักทายเช่นเดิม ต่อให้ลูกชายของคุณแม่จะจบสถานะคนรักกันไปแล้ว แต่สำหรับคุณเพลินฤดีเป็นผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักมากอีกคนหนึ่ง ดังนั้นไม่เกี่ยวกับที่เธอเลิกกับเขา
“คุณพ่อเขาไปตีกอล์ฟ ส่วนพี่ภาพนอนอยู่ข้างบน” คำว่าพี่ภาพนอนอยู่ข้างบนทำให้เธอหัวใจถูกบีบรัดจนแน่นหน้าอกอีกแล้ว ‘เขากลับห้องเฉพาะแต่งตัวไปทำงาน แต่กลับมานอนบ้าน เขาตั้งใจหลบหน้าเธอสินะ’
ผกายดาวยิ้มเจื่อน ก่อนหยิบผลไม้ที่ซื้อมาฝากคุณเพลินฤดีออกมานั่งปอกเหมือนทุกครั้งที่มาหา
“วันนี้มีแคนตาลูป ฝรั่ง และสับปะรด ดาวปอกให้นะคะ” ก่อนอ่านหนังสือที่สวนหลังบ้านเธอต้องทำของว่างให้คุณเพลินฤดีได้ทานขณะฟังเธออ่านหนังสือ
“ดาวมีปัญหากันเหรอลูก” เพลินฤดีถามว่าที่ลูกสะใภ้ที่แพลนแต่งงานกันเอาไว้แล้ว เหลือเพียงกำหนดวันเท่านั้น
น้ำตาของผกายดาวรินรดหลังมือ เธอก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้ามาตอบ มันตีบตันในลำคอ ความหวังอยากสร้างครอบครัวกับเขามันจบลงแล้ว
“ภาพบอกว่าเลิกกันแล้ว”
เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา พูดไม่ออกว่าปัญหามาจากอะไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำทำพลาดตรงไหน เธอดูแลเขาดีมาก อยากเห็นเขาแข็งแรง ทำอาหารอร่อย ๆ อยากเห็นเขายิ้ม แต่เขาไม่อยากเห็นเธอ
เพลินฤดีกอดสาวน้อยน่ารัก ที่วันนี้ยังน่ารักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง เธอค่อนข้างตกใจว่าอยู่ ๆ ลูกชายคนเดียวของเธอบอกว่าเลิกกับแฟนสาวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอีก
“ไม่ต้องปอกแล้ว ให้เด็กทำ ไปนั่งคุยกับแม่เถอะ” เพลินฤดีเห็นใจผกายดาวมาก เธอไม่ได้รังเกียจสาวน้อยตรงหน้าที่ไม่มีญาติมิตร ไม่ได้เป็นคนดังในสังคม แต่เด็กคนนี้เก่งมาก เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าหนังสือนิยายที่อ่านอยู่ทุกวันส่วนใหญ่เป็นนามปากกาของว่าที่ลูกสะใภ้
ถ้อยคำสละสลวย บอกเล่าเรื่องราวออกมาได้น่าติดตามสอดแทรกข้อคิดและธรรมชาติของคนในสังคม ทำให้เธอเป็นแฟนคลับของลูกสะใภ้ และขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองแม่ลูก
“ทะเลาะกันเหรอลูก” เพลินฤดีรอให้ผกายดาวสงบลงก่อนจะถามถึงเรื่องราวบาดหมางกัน
“ไม่ได้ทะเลาะค่ะ พี่ภาพเขารู้สึกว่าอิ่มตัวจนไม่รู้สึกรักดาวในฐานะคนรักแล้ว เขาเบื่อ เขาไม่อยากแต่งงานกับดาวอีกแล้วค่ะ”
ตอนแรกคิดว่าห่างกันเล็กน้อยจะทำให้เรามีพื้นที่ทบทวนกันและกัน แต่เมื่อห่างกันแล้วเธอเหมือนถูกเขาเหวี่ยงออกจากวงโคจรไปอย่างสิ้นเชิง
“โถ...ไม่เป็นไรนะ เขาไม่รักแล้วแม่ยังรักหนูเหมือนเดิมนะ หนูดาวยังเป็นลูกสาวแม่ไม่เปลี่ยน ต่อให้คนอื่นเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม” เพลินฤดีเข้าใจ ความรักที่ฉาบฉวยวันหนึ่งย่อมต้องจืดจางลงไป รักมากกว่าย่อมเจ็บกว่า
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ แต่หนูคงค่อย ๆ ห่างไปเองนะคะ เพราะตั้งแต่วันที่คุยกันเขาไม่อยากเห็นแม้แต่เงา วันนี้เดี๋ยวต้องกลับก่อนเพราะหากพี่เขาลงมาเจอจะหงุดหงิด”
“โถ...ลูกเอ้ย!” เพลินฤดีสงสารผกายดาวจนร้องไห้ออกมา นึกอยากตีเจ้าลูกชายนัก ไม่รักน้องแล้วยังทำน้องเสียใจอีก คอยดูเถอะวันหนึ่งมันต้องกินข้าวคลุกน้ำตา
ทุกคำที่ผกายดาวพูด เขายืนอยู่หลังห้องชั้นสองได้ยินทุกคำ ในใจรู้สึกเจ็บนิด ๆ แต่ว่าความรู้สึกของเขามันสั่งได้ที่ไหนกัน
คนมันไม่รักคือไม่รัก...