ทันทีที่เนยเดินออกมา แพรที่รออยู่หน้าออฟฟิศรีบถามขึ้นทันที
“เป็นไงบ้างเนย?”
“ก็...ไม่มีอะไรนี่” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยักไหล่เล็กน้อยพร้อมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ไม่มีอะไร? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่เหมยจะปล่อยเธอมาแบบไม่มีอะไร” แพรเดินตามเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“ทุกคนรู้ว่าพี่เหมยดุเหมือนสิงโต แกปล่อยเธอมาได้ยังไงเนี่ย?” แพรพูดด้วยสีหน้างุนงง เพราะพี่เหมยเป็นที่รู้จักในเรื่องความดุและการลงโทษพนักงานอย่างเคร่งครัด
“คงเพราะ...ฉันดวงดีมั้ง” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางวางเอกสารบนโต๊ะและจัดของให้เข้าที่
“เธอเนี่ยนะ ดวงดี?” แพรย้อนถามเสียงสูง พร้อมจ้องหน้าเนยเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เอาเป็นว่าฉันทำงานสำเร็จ ลูกค้าสมัครบัตรเครดิตกับฉัน นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่พี่เหมยไม่ลงโทษฉันล่ะมั้ง” เนยพูดสั้นๆ ตัดบทอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าแพรคงไม่หยุดถามหากเธอไม่ตอบให้ชัดเจน
“พูดถึงเรื่องงาน ฉันได้ยินมาว่าผู้จัดการแบงก์สาขาเยาวราชยอมสมัครบัตรกับเธอแล้วจริงไหม?” แพรถามอย่างสงสัย
“ใช่ ทำไมเหรอ?” เนยหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาเตรียมแต่งหน้า
“ไม่อยากเชื่อเลย! เขาบอกเองว่าไม่เคยสนใจสมัครบัตรเครดิตกับบริษัทไหน แล้วทำไมถึงยอมทำกับเธอ?” แพรเอียงคอมองเนยด้วยความสงสัย
“ก็เพราะ...นางสาวอมลวัทน์คนนี้น่ะสิ ที่ทำให้เขาตัดสินใจได้” เนยตอบพร้อมลากเสียงยาว ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะหยิบตลับแป้งขึ้นมาตบตรงสันจมูกที่มันเล็กน้อย
“อ้อ...เข้าใจล่ะ เธอก็สมกับชื่ออมลวัทน์จริงๆ เลยนะ ยัยเนย” แพรยิ้มขำพลางพิจารณาใบหน้าหวานของเนย ผมยาวตรงสีไฮไลท์แดงโค้ก ยิ่งทำให้ใบหน้าเนยดูเปล่งประกาย ชุดเกาะอกสีแดงที่ซ่อนอยู่ใต้สูทสีดำรัดรูปเข้าคู่กับกางเกงขาม้าทำให้เธอดูสง่าและทันสมัยอย่างมาก
แพรยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่า เนยดูอ่อนเยาว์เกินกว่าอายุ 25 ปี หากเนยแต่งตัวแบบลำลอง ก็คงเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปี 2 หรือปี 3 เลยทีเดียว
“มองอะไรยะ ยัยแพร?” เนยตวัดสายตาคมมองเพื่อนสาวที่จ้องเธอนานเกินไป
“เปล่า ก็แค่คิดว่าเธอสวยดีเหมือนกันนะ” แพรตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้เนยตาเหลือก เมื่อได้ยินจากเพื่อนสาวที่ดูห้าวอย่างแพร ผู้ซึ่งมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทอมด้วยผมซอยสั้นสีทอง
“เฮ้ย! พูดแบบนี้คนอื่นก็คิดว่าฉันกับเธอมีอะไรกันสิ!” เนยกระซิบเสียงเข้มพลางตีแขนแพรเบาๆ พร้อมส่งยิ้มกลบเกลื่อนให้เพื่อนร่วมงานรอบข้าง
“อ้าว นี่เธอไม่รู้เหรอว่ามีคนลือเรื่องเธอกับฉันไปไกลแล้ว ฮ่าๆๆ” แพรหัวเราะเสียงดัง ราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องขบขัน ทำให้เนยหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะ ปล่อยให้คนพูดไปเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก” เนยยักไหล่ไม่แยแส เพราะเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องซุบซิบในบริษัทอยู่แล้ว
“แล้วเธอไม่มีนัดลูกค้าเหรอ?” เนยเปลี่ยนเรื่อง ถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“มีสิ แต่ของฉันนัดช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เลยฟรี” แพรตอบพลางนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“งั้นเหรอ แต่ฉันต้องทำรายงานสรุปยอดบัตรเครดิตส่งพี่เหมยก่อน” เนยบ่นเล็กน้อย เพราะเป็นงานที่เธอไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่
“งั้นก็ตามสบายย่ะ” แพรเอ่ยพลางหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ สายตาของพี่เหมยที่มองมาจากอีกฝั่งทำให้แพรทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะหันมากระซิบกับเนย
“ดูหน้าพี่เหมยสิ ยังกับกินรังแตนมาเลย ฮ่าๆ” แพรหัวเราะเบาๆ ขณะที่เนยหัวเราะตาม พร้อมหยิบเอกสารขึ้นมาเตรียมจัดการรายงานยอดบัตรเครดิต
“อ้อ จริงสิ! ฉันลืมบอกเธอไปเลยเนย!” แพรพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พลางหันไปบอกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมีเรื่องน่าสนใจ
“อะไรล่ะ?” เนยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่เธอกำลังจัดเรียงอยู่
“แผนก IT น่ะ มีคนเข้าใหม่!” แพรพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังดูกระตือรือร้นมากขึ้น
“คนใหม่? แล้วยังไงล่ะ?” เนยขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางจับได้ถึงความตื่นเต้นที่ปนความดีใจในน้ำเสียงของเพื่อน
“ก็...เขาเป็นผู้ชาย แถมหล่อมากกกก!” แพรลากเสียงยาวเน้นย้ำความหล่อออกมาอย่างชัดเจน
เนยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางตอบกลับเสียงสูง
“หืม? บริษัทเรามีคนหล่อด้วยเหรอ?”
“โธ่! ยัยเนย” แพรทำหน้ามุ่ย ย่นจมูกใส่เนยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ในบริษัทก็มีคนหล่อนะ แต่สเปคเธอมันคงจะสูงเกินไปน่ะสิ”
เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักไหล่
“ฉันไม่เคยคิดจะสนใจใครในบริษัทเดียวกันหรอก คบกันไปก็มีแต่จะเป็นขี้ปากให้พวกชอบนินทา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก
แพรพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็จริงของเธอ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
การที่เนยหลีกเลี่ยงการมีความสัมพันธ์ในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบริษัทที่พวกเธอทำงานนั้นมีพนักงานประมาณร้อยกว่าคน และเมื่อมีคนเริ่มสนใจหรือคบหากัน ข่าวก็จะแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเรื่องเล็กๆ ก็ถูกขยายใหญ่โตเกินจริงจากพวกที่ชอบใส่ไข่ และแน่นอนว่าเนยไม่อยากตกเป็นเป้าของพวกขี้นินทา
เนยจำได้ว่า เลขาของผู้ช่วยสายธุรกิจที่ชื่อดังเป็นผู้หญิงอวบขาวน่ารัก ใครเห็นก็ต้องชอบ แต่เธอกลับมีพฤติกรรมชอบสนิทสนมกับผู้ชายแทบทุกคน โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เนยเคยเตือนด้วยความหวังดีหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีผลอะไร หญิงสาวเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมของเธอ จนในที่สุดเนยก็เลิกเตือน เพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับเธอ
ถึงแม้จะไม่อยากรับรู้ แต่เรื่องของเลขาคนนั้นกลับถูกนำมาเล่าให้เนยฟังอยู่เรื่อยๆ จากคนรอบข้าง ซึ่งมักจะเล่ากันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นเรื่องบันเทิงในชีวิตประจำวัน นั่นทำให้เนยเบื่อหน่ายและระวังตัวเองมากขึ้น เธอไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเธอเกินกว่าที่เธอตั้งขอบเขตไว้
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล