ร้านประจำที่ว่าก็คือร้านเบเกอรีกึ่งคาเฟ่ร้านดังร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ตกแต่งไว้ให้ลูกค้าเข้ามาถ่ายรูปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้ำเหนือผู้ชอบกินของหวานและรักการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ
“ร้านประจำของเราไง” ริมฝีปากหยักคลี่ขยาย มองน้องชายคนเดียวด้วยความเอ็นดู
“ดีเลย” ว่าแล้วก็ตบไปที่หน้าท้องแบนๆ ของตัวเอง และนั่งลงรัดเข็มขัดนิรภัยเตรียมพร้อม โดยเจ้าตัวไม่รู้ว่าครั้งนี้ คือการเอาใจเพื่อหวังผลของพี่ชาย...
เมื่อถึงร้านประจำ พายุมองหาโต๊ะที่แยกเป็นส่วนตัวเล็กน้อย เมื่อได้ที่นั่งเหมาะ น้ำเหนือก็เป็นคนจัดการสั่งขนมหวานให้ตัวเองและพี่ชาย ระหว่างที่รอพนักงานมาเสิร์ฟ น้ำเหนือก็หยิบมือถือออกมากดดู ครั้นเมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็มีเสียงข้อความไลน์เด้งรัวๆ เข้ามาจนทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชำเลืองดู และอดเย้าแหย่ไม่ได้
“รัวมาแบบนี้แฟนชัวร์”
“เพื่อนครับ คนนี้แหละที่ผมจะแนะนำให้พี่รู้จัก” น้ำเหนือมีประกายตาจริงจังเมื่อเอ่ยถึงเพื่อนคนสำคัญ
“ผู้ชาย”
“ครับ เพื่อนคนแรกที่เข้ามหา’ลัยวันแรก ต่างคนต่างไม่มีเพื่อนเลยคลิกหากันง่าย ตอนนี้เตชินติดผมเป็นตังเมเลยครับ” ขณะที่เอ่ยถึงเพื่อนใบหน้าน้องชายดูสดใสมาก
“คงจะติดจริง นี่ยังไม่ถึงบ้าน ก็ทักมาเหมือนกลัวเพื่อนหาย” พายุกระเซ้าด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ครับ นี่เพื่อนในคณะก็จะตั้งกลุ่มคู่จิ้นให้ด้วย เพราะความติดหนึบของนายเตชินเลยครับ”
สายตาคมเข้มหันกลับจ้องมองใบหน้าหล่อของน้องชายที่ไม่เหมือนตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะน้ำเหนือได้แม่ทั้งรูปหน้า และรูปร่าง ที่สำคัญปากนิดจมูกหน่อย ติดไปค่อนข้างหวาน ซึ่งสมัยตอนเด็กๆ คนภายนอกมักมองว่าน้ำเหนือเป็นเด็กผู้หญิง
พายุดึงสายตากลับจากใบหน้าน้องชาย เมื่อพนักงานนำขนมที่สั่งไว้เข้ามาเสิร์ฟ พอพนักงานเดินห่างไปแล้วพายุก็ยื่นหน้าเข้ามาหาคนที่กำลังตักขนมเข้าปาก
“ถามหน่อย...”
น้ำเหนือชะงักก่อนจะวางช้อนลงแล้วจ้องหน้าเขาอย่างจะจับพิรุธ
“ถามอะไรครับ” น้ำเหนือกระซิบถามกลับ เหมือนกลัวคนนอกได้ยิน
“ว่าแต่...น้องเขามีแฟนยัง”
ในขณะที่ถาม หัวใจของพายุก็เต้นแรง หน้าร้อนเหมือนคนจับไข้ขึ้นมาทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกใจใครสักคน และเมื่อถูกใจก็แค่เข้าหา แต่กับเด็กคนนี้ทำไมเขาถึงมีความรู้สึกแปลกออกไป
ท่าทางที่ดูเป็นมิตร บวกกับรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย น่ามองเสียจนเขาอยากจะก้าวข้ามคำว่าเพื่อนของน้องชายเลยเชียวล่ะ
ตากลมใสเหลือบมามองเขาแล้วถามเสียงเบา “เห็นเหรอครับ”
พายุเพียงพยักหน้าด้วยมาดของเสือนักล่า
“แปลว่าพี่พายุแอบมองนานแล้ว แต่ไม่ยอมออกมา เอ๊ะ มันชักจะยังไงๆ นะเนี่ย” น้ำเหนือยกยิ้มนัยน์ตาพราว
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เสียงทุ้มปรามใส่น้องชาย ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“อย่าบอกนะ ว่าสนใจเพื่อนของน้ำเหนือ...เจ้าชู้อย่างพี่ ชิ ฝันไปเหอะ” คนเป็นน้องชายพูดก่อนจะเบ้ปากใส่
“อย่ามาใส่ความ จะกินไม่กิน...”
พายุไม่อยากพูดอะไรให้เข้าตัวอีก จึงเปลี่ยนเรื่อง
“กินครับกิน” น้ำเหนือบอกแล้วรีบตักขนมหวานเข้าปาก แต่ก็ยังไม่วายคอยชำเลืองมองมาจนเขาต้องถลึงตาใส่...
ปัจจุบัน
กรามหนาบดเข้าหากันจนเกิดเสียง ด้วยความโกรธแค้นแน่นในอก ลมหายใจกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงโทสะ เลือดในกายสูบฉีดเหมือนคนกำลังตื่นระทึก หลงอยู่ในป่าใหญ่ไร้เข็มทิศนำทาง
หัวใจเต้นแรงและรัวเร็วจนตะวันคิดว่าหากปล่อยให้อารมณ์พุ่งขึ้นอยู่อย่างนี้ เขาคงต้องช็อกตายเสียก่อน คิดได้ดังนั้นตะวันจึงผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ จนเกือบเป็นปกติและสบถออกมาแทน
“เวรเอ๊ย เพื่อน เขาทำกันขนาดนี้เลยหรือวะ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดสบถลั่น
“จัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ผมจะไปลากคอมันมาเค้นถามให้ได้”
“คุณตะวันจะทำอะไรกับสองพี่น้องนั่นหรือครับ พอจะบอกผมได้ไหม” พงศ์ถามสีหน้าตื่นๆ
“ไม่เอาให้ถึงตายหรอก หรือจะให้ตายตกตามกันไปดี”
น้ำเสียงของตะวันนั้นแข็งกร้าว นัยน์ตาฉายชัดถึงความเคียดแค้นคนที่ตนเองกำลังกล่าวถึง
คนใกล้ตัวที่ยืนฟังอยู่นั้นหน้าถอดสี หากเป็นดั่งคำที่ชายหนุ่มพูด ความยุ่งยากคงตามมา...
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู