MasukBrew up 6
หลังจากเมื่อวานผมกลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอน เพราะตอนเช้าต้องรีบตื่นมาใช้คอมพิวเตอร์ของเดรคจัดหน้าเอกสารก่อนส่งงานอาจารย์ พอเปิดคอมฯ ได้มือเจ้ากรรมก็กดเข้าเฟซบุ๊กก่อนชาวบ้านเลยด้วยความเคยชิน พอเข้ามาก็เลยเปิดดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ สักหน่อย การแจ้งเตือนมากมายเพราะผมถูกแท็กในรูปต่าง ๆ ของลูกค้าที่ห้องนั่งเล่น อะห้องนั่งเล่นนี่ไม่ได้หมายถึงห้องที่บ้านนะ ผมหมายถึงร้าน living room ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันเรียกห้องนั่งเล่น ผมเปิดไปที่รายการเพิ่มเพื่อนเพื่อกดยอมรับลูกค้าที่ขอเป็นเพื่อน เลื่อนลงไปอีกเกือบสิบคนมือก็กดคลิกเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนที่มาขอเป็นเพื่อน
"พี่ครามหรอวะ" ผมพึมพำคนเดียวตอนที่มองรูปโปรไฟล์ของคนผมสีน้ำเงินคราม ยืนสูบบุหรี่หันข้างอยู่น่าจะเป็นหน้าต่างของคอนโดที่ไหนสักที่
"ไอ้ยิน มึงตื่นมาทำไรแต่เช้าวะ"
"ตรวจรายงานแล็ป ละมึงตื่นมาทำอะไรแต่เช้าวะ"
"กูตื่นมาฉี่"
"งั้นมึงมาพอดี มาดูนี่ดิใช่พี่ครามปะ"
"ใช่" มองโปรไฟล์แค่แวบเดี๋ยวเดรคก็หันมาตอบผมหน้าตาย ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไป นี่มันตอบจริงหรือละเมอวะ ดูงัวเงียจนผมงงแต่พอมั่นใจว่าใช่พี่ครามจริงผมก็ชั่งใจอยู่สักครู่ ก่อนจะกดยืนยันรับพี่ครามเป็นเพื่อน พร้อม ๆ กับกดออกแล้วเปลี่ยนไปตรวจงานให้เสร็จ ทำงานเสร็จผมก็สั่งพิมพ์งานแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนเช้า วันนี้ผมมีเรียนแค่สี่ชั่วโมงเลยรีบกลับมานอนต่อรอเวลาไปทำงานตอนเย็น เดรคบอกว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ร้านจะปิดสามวัน และผมคิดว่าคงขาดรายได้ไปอีกหลายบาทเลย แต่เดรคบอกว่าพี่ครามจ่ายเงินรายวันให้เหมือนเดิมถ้าใครไปทริปล่องแพด้วยกัน ได้ยินแบบนั้นผมก็รีบเคลียร์งานทุกอย่างโดยเร็ว
"ยังไม่ไปทำงานหรือไง" เดรคถามผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา มันเพิ่งจะเลิกเรียนกลับมาส่วนผมเลิกนานแล้วจนใกล้จะไปทำงานอยู่แล้ว เดรควางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะตรงหน้าผม
"ว่าจะไปแล้วเหมือนกัน มึงกลับมาพอดีนี่แหละ" ผมบอกพร้อมปิดหนังสือเรื่องการหมักที่ยืมมาจากหอสมุดของมหาวิทยาลัย
"เออ เจอกันเมากลับไม่ไหวก็โทรมาเดี๋ยวกูออกไปรับ"
"โอเคกูไปล่ะ" พูดจบผมก็สะพายกระเป๋าเดินออกจากบ้านไป กำลังเดินอยู่ข้างถนนจู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซต์ขับมาจอดข้าง ๆ รถคันนี้ดูคุ้นยังไงไม่รู้แฮะ ผมหันไปมองคนขับที่ซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้ใต้หมวกกันน็อกราคาแพง ผมขยับถอยหลังไปเล็กน้อยเพราะกลัวคนตรงหน้าจะชักปืนขึ้นมายิง เจ้าหนี้ตาแก่นั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้
"กลัวอะไร ขึ้นมา" เจ้าของรถเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกก่อนจะถามผมด้วยเสียงดุ แล้วบังคับให้ผมขึ้นรถไปด้วยพอรู้ว่าใครอยู่ใต้หมวกกันน็อกผมก็หัวเราะ
"ผมนึกว่าพวกทวงหนี้"
"หมวกกันน็อกที่ไหนจะหล่อขนาดนี้" คนขับกวักมือเรียกผมให้ขึ้นรถหลังจากพูดจบ ผมไม่คิดเลยว่าคนอย่างพี่ครามจะกล้าชมตัวเอง
"โห กล้าชมตัวเองนะ"
"หรือไม่หล่อ"
"หล่อครับพี่" ผมพูดพร้อมโดดเกาะไหล่คนตรงหน้าทันทีที่นั่งได้ พี่ครามขับออกไปด้วยความเร็วที่ไม่เหมาะจะเรียกบิ๊กไบค์เลย เขาขับช้าจนผมสงสัยว่าเขาจะซื้อบิ๊กไบค์มาเพื่ออะไรปกติผมเห็นแต่ละคนขับกันเร็วจี๋ราวกับตัวเองเป็นนักแข่ง
"รถพี่ดูคุ้น ๆ นะ เหมือนผมเคยเห็น"
"ใช่"
"ใช่จริง ๆ หรอผมนึกว่าผมจำผิดซะอีก"
"จำว่า?.." พี่ครามถามพร้อมเบารถให้ช้าลงอีก หรือผมควรบอกให้พี่ครามจอดรถ แล้วพากันเข็นรถดีนะถ้าพี่เขาจะขี่ช้าขนาดนี้
"พี่เป็นคนช่วยผมหนีออกมาจากบ้านหรือเปล่า แล้วพาผมมาส่งหน้ามอ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นรถคันนี้"
"อือ"
"อะ จริงหรอฮะ" ผมรีบดึงไหล่พี่ครามให้หันมาหาพร้อมถามด้วยความตกใจปนตื่นเต้นอย่างลืมตัว พี่ครามสะบัดไหล่เล็กน้อยให้ผมรู้สึกว่าถ้าไม่หยุดทำแบบนี้แม้เขาจะขับช้าแต่เราสามารถพากันไปตายได้ พี่ครามนี่เก่งจริง ๆ เขาสามารถคุยกับทุกคนผ่านโทรจิตได้ด้วย เขาแค่ใช้สายตาก็ทำให้เราเข้าใจได้แล้วว่าเขาต้องการพูดอะไร
"ถึงแล้ว" พี่ครามจอดรถที่ลานจอดรถใกล้ห้องน้ำ ผมพยักหน้าแล้วลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปเข้าทางหลังร้าน ซึ่งเป็นห้องพักพนักงาน
วันนี้เป็นวันจันทร์ทำให้ตั้งแต่หัวค่ำยันสี่ทุ่มคนน้อยมาก ๆ ในโซนผมเองก็แทบไม่มีคนเลย ผมเลยต้องเข้าไปช่วยพี่อาร์มให้ห้องกระจกที่มีคนมานั่งคุยงานกัน และดูเหมือนพวกเขาจะรู้จักกับพี่ครามดีด้วย
"ใครอะพี่อาร์ม"
"พวกเพื่อนพี่ครามน่ะ มากันบ่อยเลยเดี๋ยวยินคงรู้จัก ที่สำคัญนะทิปดี ฮ่า ๆ"
"โอเคฮะพี่ แล้ววันหยุดนี้พี่ไปทริปของพี่ครามมั้ย"
"ไปดิ งานไหนจะสบายเท่านี้อีกไม่ต้องทำงานได้ตัง ได้เที่ยวด้วยพี่รอวันพระใหญ่อยู่ตลอดนั่นแหละ"
"ก็จริงเนาะ ผมเกิดมายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย"
"อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็ชิน พี่ครามแกดูดุแต่ใจดีนะ ยิ่งกัปตันนะยิ่งดีมีอะไรบอกได้เลย"
"อาร์ม พี่ขอเมนูค็อกเทลหน่อยน้อง" เพื่อนพี่ครามยกมือเรียกพี่อาร์มที่ยืนคุยกับผมอยู่ หลังจากเพิ่งคุยกันเสร็จ พี่อาร์มพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องกระจก แล้วเดินไปเอาเมนูจากบาร์ค็อกเทลมาให้เพื่อนพี่คราม
"พี่เค เอาอะไรดีครับ"
"อาร์มกินมั้ยน้องพี่" พี่อาร์มดูจะสนิทกับพวกเพื่อนพี่ครามไม่น้อยเลย ดูจากการเรียกกันของทั้งคู่พี่ครามนอกจากนั่งกินเหล้าแล้วก็ไม่เห็นจะพูดอะไรกับใครเลย เขาเป็นเก็บตัว เย็นช้า พูดไม่เก่งหรือขี้เกียจพูดกันแน่วะ ผมข้องใจทุกทีเวลาพี่แกนั่งนิ่ง ๆ
"ได้หมดพี่"
"แล้วไอ้น้องผมสีส้มนั่นอะ" พี่เคอ่านเมนูค็อกเทลแล้วเงยหน้าขึ้นมากวักเรียกผมอีกคน
"ครับพี่"
"กินได้มั้ย" พี่เคชี้ไปที่ค็อกเทล B52 (บีฟิฟตี้ทู) ซึ่งเป็นค็อกเทลที่ขายดีที่สุดในร้านเลย คงเพราะมันสามารถติดไฟได้นี่แหละคนเลยอยากลอง หนึ่งในนั้นก็คงต้องรวมผมเข้าไปด้วย
"B52 มา 2 เซต"
"ครับพี่" พี่อาร์มรับคำแล้วรีบเดินออกไปสั่งค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์ทันที
"ครามไม่เห็นบอกเลยว่ามีเด็กน่าตาดีแบบนี้มาใหม่" พี่ผู้หญิงที่ชุดเดรสสีขาวเปลือยหลังหันไปคุยกับเจ้าของร้าน ซึ่งนั่งจิบเหล้าอย่างสบายอารมณ์อยู่คนเดียวในโต๊ะ
"ต้องบอกด้วยหรอ วันนี้มีคนมาใหม่ด้วยนะเรียกให้มั้ย"
"โห ครามอะ นี่ถ้าอิ๊งค์ไม่เห็นจากแท็กร้านไม่รู้เลยนะเนี่ย"
"เออน่าตาดีจริงด้วยวะไอ้ครามมึงไปพามาจากไหนวะ ปั้นดี ๆ นี่ตัวท็อปแน่เลยวะ" เพื่อนอีกคนในโต๊ะพูดขึ้นมาขณะที่ผมยื่นแก้วที่เพิ่งชงเสร็จให้ พอพี่ผู้ชายคนนี้พูดจบพี่ครามก็หันมามองหน้าผมก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วกลับไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
"ไม่นานมันก็เลิกทำแล้ว"
"ละมึงไปรู้ได้ยังไง ยินจะเลิกทำจริงหรอ" พี่เคถามพี่ครามเสร็จ แล้วก็หันมาถามผมต่อด้วยสีหน้างุนงง
"ผมยังไม่เคยพูดเลยนะครับ" ผมกลับไปแบบงง ๆ ไม่แพ้กันเพราะเรื่องนั้นผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย แล้วอีกอย่างก็ยังไม่คิดจะออกจากงานหรืออะไรเลย
"เออ กูพูดก็เชื่อสิ" คุณเจ้าของร้านหน้าเดียวหันมาเอ็ดผมและเพื่อนตัวเอง ก่อนจะล้วงเอากล่องบางอย่างจากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา
"ครามไปสูบบุหรี่กันมั้ย" พี่อิ๊งค์ลุกขึ้นแล้วหันไปถามพี่ครามที่นั่งแกะหมากฝรั่งอยู่ท้ายโต๊ะ
"ไม่อะ เลิกแล้ว" ทุกคนในโต๊ะรวมถึงผมทำหน้างงกันเป็นแถบ เมื่อวานผมเพิ่งเห็นพี่ครามสูบบุหรี่อยู่ที่ลานจอดรถ ส่วนคนอื่นที่เป็นเพื่อนคงเห็นพี่ครามสูบมานานแล้วเลยตกใจที่จู่ ๆ มาบอกว่าเลิกแล้ว
"อะไรดลใจมึงวะ กูถึงว่าดิเมื่อวานแม่งยืนเลือกหมากฝรั่งอยู่ในร้านสะดวกซื้อ" พี่เคพูดพร้อมยืดแขนไปล้วงกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกของพี่คราม ก่อนจะวางกล่องหมากฝรั่ง 3 กล่องไว้บนโต๊ะ คงไม่ใช่เพราะที่ผมพูดเมื่อวานตอนเจอกันที่หน้าห้องน้ำหรอกนะ บ้าน่า! จะเป็นไปได้ยังไงกัน
"มีคนไม่ชอบ"
"ใครวะ"
"ใครวะ"
"ครามมีแฟนแล้วหรอ"
ในช่วงที่ทุกคนกำลังซักไซ้ไล่เรียงความจากพี่คราม พี่อาร์มก็ถือถาดค็อกเทลเข้ามาพอดิบพอดี เพื่อนผู้ชายของพี่ครามก็หันไปสนใจค็อกเทลแทน มีเพียงพี่อิ๊งค์ที่ดูจะตกใจและติดใจเรื่องของพี่ครามคนเดียว โดยมีผมแอบสอดรู้สอดเห็นอยู่เงียบ ๆ พี่อิ๊งค์ต้องมีความรู้สึกบางอย่างกับพี่ครามแน่ ๆ แต่พอเห็นว่าพี่ครามไม่สนใจจะตอบเธอคนนั้นเลยหันไปสนใจค็อกเทลกับเพื่อน ๆ
"มา ๆ ค็อกเทลคนละชอต" พี่เคพูดจบพี่อาร์มเลยยกแก้วค็อกเทลไปวางตรงหน้าทุกคนพร้อมหลอดคนละหนึ่งอัน รวมถึงผมที่ยืนอยู่ข้างพี่เคด้วยก็ครบคนพอดี ค็อกเทลเซตละ 3 ชอตมีหกคน
พี่อาร์มไล่จุดไฟให้กับค็อกเทลทุกแก้ว พี่เคจึงเริ่มกินก่อนใคร ผมมองพี่อาร์มที่ใช้หลอดจุ่มลงไปแล้วเริ่มดูดพร้อม ๆ กับใช้นิ้วดึงหลอดให้หมุนวนในแก้วชอตขณะที่ดูดไปด้วย พอเห็นพี่อาร์มดูดเสร็จผมก็เริ่มทำเหมือนพี่อาร์มบ้าง จนค็อกเทลหมดแก้วผมก็สำลักออกมาโชคดีที่กลืนค็อกเทลไปแล้วไม่งั้นคงพุ่งใส่หน้าใครสักคนแน่ ๆ
แค่ก แค่ก
"เอา" ขณะที่ผมกำลังสำลักพี่ครามก็ยื่นแก้วเหล้าของตัวเอง ซึ่งไม่มีเหล้าอยู่แล้วเพราะตอนนี้ในแก้วมีแต่น้ำเปล่าที่เพิ่งถูกเทใส่มาตรงหน้าของผม ผมรับมากระดกทีเดียวจนหมดแม้จะไม่มีเหล้าแต่ยังคงได้กลิ่นเหล้าอย่างชัดเจน พอผมเริ่มสำลักเบาลงจึงเอาแก้วเดินไปชงเหล้าแล้วคืนให้พี่คราม จนทุกคนในโต๊ะดูตกใจเอามาก ๆ
"แก้วมึงหรอคราม"
"เออ"
"นั่นดิ ปกติมึงไม่ใช่ของร่วมกับใครนิ"
"ใช่ ตอนปีหนึ่งรุ่นพี่ให้กินน้ำแก้วเดียวกับเพื่อนมึงไม่ทำแต่มันบังคับ มึงยังชกมันจนต้องเคลียร์กันใหญ่เลยไม่ใช่หรอวะ"
"ขนาดกินเหล้าด้วยกัน ครามยังมีแก้วส่วนตัวเลยนี่นา" พี่อิ๊งค์พูดพร้อมชี้ไปที่แก้วเหล้าของพี่ครามที่แตกต่างจากแก้วของคนอื่น และผมเพิ่งสังเกตวันนี้เอง
"เหรอ" พี่ครามพูดแค่นั้นก็ยกแก้วตัวเองขึ้นจิบเหล้าในแก้ว โดยไม่ได้ใส่ใจที่คนอื่นพูดเลยมีเพียงผมที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของพวกเพื่อนพี่คราม
Brew up 16"มีอะไรเหรอครับ" พี่ครามเงยหน้าจากซอกคอก่อนจะมองหน้าผม แล้วถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาที่ดูยังไง ๆ ก็แสดงแน่นอน"ผมต้องกลับไปทำงานนะฮะ ตอนนี้ผมยังเป็นพนักงานอยู่นะหายออกมาแบบนี้เดี๋ยวก็มีคนว่าผมมาจับเจ้าของร้านเหมือนพี่อิ๊งค์หรอก""นั่นสินะ แต่เสียดายจัง" พี่ครามพูดก่อนผละออกจากตัวผมแล้วลุกไปนั่งข้าง ๆ แทนแล้วจึงเอื้อมมือมาช่วยดึงผมลุกจากที่นอน"เสียดายอะไรคนลามก""ก็นาน ๆ เราจะเคลิ้มแบบนี้นี่นา""โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้วไปทำงานดีกว่า" ผมแกล้งโวยวายกลบเกลื่อนความตื่นเต้นและขัดเขินพร้อมกับพาตัวเองรีบออกมาจากห้อง เพื่อไปทำงานของตัวเองต่อแค่หนีออกมานานแบบนี้ก็กลัวคนอื่นว่าจะแย่แล้ว ถ้าถูกคิดว่าออกมาเพื่อทำเรื่องอย่างว่าผมคงไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปไว้ที่ไหนLaiknam's saidวันนี้ผมเลิกงานจากบริษัทช้าเพราะถูกแม่สั่งงานโหดเหมือนโกรธที่ผมเลิกงานเร็ว จึงทำให้เข้าร้านช้ากว่าปกติเวลาเกือบสามทุ่มยินกำลังเริ่มเมา
Brew up 15"รออยู่พอดี" พี่ครามตอบพี่อิ๊งค์แล้วเดินไปรับกุญแจรถมินิคูเปอร์สีครีมมาถือเอาไว้เอง ก่อนจะหันไปมองรถที่จอดอยู่ด้านหลัง"นึกไงจะเปลี่ยนรถ แล้วดันเป็นรถที่ไม่ชอบขับอีก" พี่อิ๊งค์ถามขณะที่ผมและคนอื่น ๆ พากันเดินไปนั่งรอที่ทางเท้า แต่ไม่ไกลมากจึงยังคงได้ยินบทสนทนาของชาวบ้าน และดูเหมือนว่าพวกเราจะสอดรู้สอดเห็นกันเพราะดูตั้งใจฟังกันสุด ๆ เวลาเดียวพวกพี่คนอื่นในร้านก็เริ่มเข้ามา กัปตันที่ดูไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเลยสะกิดพี่อาร์มที่สอดรู้สอดเห็นมาก เพื่อช่วยยกอ่างหมักหมูและเตาย่างขนาดใหญ่ออกมาที่ลานจอดรถ"ไม่ได้เปลี่ยนยังไม่ชอบเหมือนเดิม แต่คนอื่นน่าจะชอบ" พี่อิ๊งค์ทำหน้าสงสัยหลังพี่ครามพูดจบ คนผมสีดำเหลือบน้ำเงินหันกลับมาแล้วตรงมาที่ผมที่กำลังกระดกน้ำแอบฟังอยู่"ให้ผมทำไมอะ" ผมถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงตรงใจเพราะจู่ ๆ ก็จับกุญแจรถยัดใส่มืออีกข้างซึ่งมีฝาขวดอยู่วางเสร็จก็ยิ้มให้"ของขวัญวันเกิดครับ" พอคนสายเปย์เปิดปากพูดผมตกใจจนเกือบสำลักน้ำ เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าซื้อรถราคาเป็นล้
Brew up 14Laiknam's saidช่วงนี้ผมเข้าร้านเร็วเป็นพิเศษเพราะรีบมากินข้าวเย็นที่ร้านกับใครบางคนที่ผมสีชาไทย เดากันถูกใช่ไหมล่ะผมเข้าร้านเร็วจนพนักงานคนอื่นสงสัย แต่ผมไม่ได้ปิดบังอยู่แล้วใจจริงอยากจะประกาศให้คนรู้แต่ถูกเจ้าเด็กหัวส้มห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้มาว่าเกาะผมกิน ถึงผมจะไม่ชอบใจเท่าไรแต่ถ้ายินพอใจแบบนั้นผมก็ไม่อยากจะขัดคิดมากหลังกินข้าวกับหัวสีชาไทยเสร็จผมก็พาตัวเองไปนั่งเกะกะในบาร์ค็อกเทล เพื่อจะได้จับตาดูคนพูดมากที่มักจะทำให้ลูกค้าถูกใจโดยที่ตัวเองไม่ค่อยรู้ตัว อาจจะเพราะด้อยประสบการณ์ด้านนี้ทำให้เจ้าตัวไม่ถูกว่าหน้าตาท่าทาง คำพูดคำจำ และนิสัยช่างพูดเข้าถึงง่ายแบบนั้นจะถูกใจบรรดาลูกค้าที่ชอบผู้ชาย ส่วนใหญ่ผู้ชายและผู้หญิงที่มาเที่ยวที่นี่ก็เพราะเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีทุกคน จนทุกวันนี้ผมนึกว่าร้านตัวเองเป็นบาร์โฮสเพราะไม่มีพนักงานเสิร์ฟหญิงเลยสักตำแหน่ง"พี่คราม ทำไมต้องมานั่งในบาร์ทุกวันด้วยอะพี่" อาร์ต บาร์เทนเดอร์ของร้านถามผมที่นั่งอยู่ริมสุดของบาร์ค็อกเทลถามขึ้น ขณะที
Brew up 13"ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมไม่แต่งกับใครทั้งนั้นแหละ""งั้นพาสิพามาให้แม่ดูเลย""แต่เขายังไม่รับรักผม""งั้นแกก็หมด สิทธิ์แต่งกับคนที่แม่หาให้ซะ" แม่พี่ครามพูดเสียงเข้มก่อนจะหันไปยกเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว ผมได้แต่ยืนเรียงอาหารเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากใด ๆ ออกมาแม้แต่ครึ่งคำ"ผมจะแต่งกับคนที่ผมรักเท่านั้นแหละ แม่ไม่ต้องมาขู่ผมให้ยากเลย" พี่ครามพูดแล้วยกเบียร์ดื่มตามแม่ตัวเองจนหมดแก้ว เหมือนกันจริง ๆ สองคนนี้โมโหแล้วยกหมดแก้ว ทำเอาผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงต่อเลยเพราะคนที่พี่ครามเดาไม่ยากก็คือผม ถ้าแม่พี่ครามรู้เธอจะทำหน้ายังไง จะรู้สึกยังไงที่รู้ว่าลูกตัวเองมาชอบผมที่เป็นผู้ชาย ถึงผมจะมองว่ามันปกติแต่แม่พี่ครามอาจจะไม่คิดแบบนั้นยิ่งเธอมีหน้ามีตาทางสังคม ผมคิดว่าเธอคงรับเรื่องนี้ได้ยากมากแน่ ๆ"ถ้าไม่แต่งแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ลายคราม" ผู้หญิงตรงหน้าพี่ครามยื่นคำขาดแล้วหันมากวักมือเรียกผม พร้อมยื่นแก้วเบียร์แก้วใหญ่มาให้แล้วชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วราวกับต้องการบอกว่
Brew up 12"จะกลับละหรอ ไม่อยู่กินเหล้ากับพวกพี่ต่อไง" พี่อาร์มถามผมที่สแกนนิ้วพร้อมเดินออกจากร้านแล้ว ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วพยักหน้าให้พี่ในร้านก่อนจะหาวโชว์ไปรอบหนึ่ง"พรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้าอะดิพี่""เออ งั้นกลับดี ๆ พรุ่งนี้เจอกัน" พี่อาร์มพยักหน้าแล้วตบไหล่ซ้ายผมเบา ๆ ขณะที่กำลังหมุนตัวด้วยความสโลโมชั่นอยู่นั้น"ยิน ยิน ไอ้เด็กหัวส้มโว้ย" เสียงเรียกดังมาจากในร้าน กระทั่งมีเสียงฝีเท้าตึ้ง ๆ วิ่งมาทางผม"ผมได้ยินตั้งแต่ยินแรกแล้วพี่ มีอะไรเหรอฮะเรียกซะดังเลย" ผมหันกลับไปตอบพี่อีกคนที่วิ่งมาด้วยความหอบ เขาใช้มือค้ำไว้ที่เข่าทั้งสองข้างเพื่อพักเหนื่อย แต่ดูเหมือนทุกคนจะเรียกผมว่าไอ้เด็กหัวส้มกันทั้งนั้นเลยแฮะไม่เว้นแม้แต่พี่คราม"พี่ครามเรียก รออยู่หน้าห้องล็อกเกอร์" พี่ต้องพูดขณะที่กำลังหอบหายใจเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง ทุกคนดูไม่สู้กับอะไรเลยนอกจากเหล้าเบียร์ บางทีกินกันยันเช้าของอีกวันเพราะพวกพี่ไม่มีเรียนแบบผมเลยยันเช้ากันเยอะ แต่ผมมีเรียนเลยโต้รุ่งด้วยไม่ได้ พว
Brew up 11Laiknam' s Saidผมนั่งทำงานอยู่ที่บริษัทจนกระทั่ง 4 โมงเย็นในไลน์กลุ่มร้านมีข้อความของเจ้าเด็กผมส้มเด้งขึ้นมาว่าวันนี้ ผมเลยรีบเลิกงานก่อนเวลาทันที หนึ่งอย่างที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนคือการไลน์หาพนักงานในร้าน ซึ่งตอนนี้ผมกำลังทำอยู่เพียงเพราะผมโทรหาเจ้าเด็กผมส้มนั่นแต่ไม่มีคนรับ ผมทักไลน์หาไอ้เดรคเพื่อนที่ยินไปอยู่ด้วยแต่ไอ้เดรคบอกว่ามันกลับบ้านตอนนี้ยินอยู่คนเดียว และดูเหมือนเจ้าเด็กหัวส้มจอมพูดมากของผมจะป่วยจนมาทำงานไม่ได้เลยแจ้งในไลน์กลุ่ม"เฮ้อ แล้วจะเข้าไปยังไงเนี่ย" แล้วผมก็ทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำอีกอย่างคือการโทรหาไอ้เดรค วันนี้ผมทำเรื่องที่ไม่ใช่ตัวเองมาสามเรื่องแล้วนะ ตั้งแต่เลิกงานก่อนเวลา แอดเพื่อนเด็กในร้าน ตอนนี้ผมยังโทรหาเด็กในร้านอีกด้วย เพราะห่วงเจ้าหัวส้มที่ติดต่อไม่ได้แท้ ๆ"เดรค กูขอรหัสเข้าบ้านหน่อย"(เอาไปทำไมพี่)"กูว่าจะไปดูยินหน่อย โทรไปไม่รับเลยไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า"(พี่เนี่ยนะ)"เออ ก็กูนี่







