Short
กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง

กลับมาเกิดใหม่ ฉันสะบัดสามีทิ้ง

By:  มะเขือเทศเขียวCompleted
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
10Chapters
3views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

กลับมาเกิดใหม่ ฉันตัดสินใจใส่ชื่อของน้องสาวลงในใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ครั้งนี้ฉันช่วยลู่ฮ่าวเซวียนให้สมปรารถนา ชาตินี้ฉันเอาชุดเจ้าสาวให้น้องสาวสวม และเอาแหวนแต่งงานให้น้องสาวใส่ก่อนเขาก้าวหนึ่ง ฉันเร่งให้การเจอกันทุกครั้งของเขากับน้องสาวเร็วขึ้น เขาพาน้องสาวไปเมืองหลวง ฉันลงใต้ไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เพียงเพราะชาติก่อนฉันอายุเกินห้าสิบปี เขากับลูกชายยังคงคุกเข่าขอฉันหย่า ช่วยสนองให้พรหมลิขิตสุดท้ายของเขากับน้องสาวสำเร็จ กลับมาเกิดใหม่อีกชาติ ฉันแค่อยากกางปีกโบยบินไปให้สูงไม่สนเรื่องความรัก

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“เธอเขียนชื่อเสร็จก็เอาให้ฉันแล้วกัน”

ลู่ฮ่าวเซวียนเคาะโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์

ฉันจ้องมองใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ปลายนิ้วลูบขอบกระดาษหยาบเบา ๆ ความคิดล่องลอย

ชาติก่อนฉันเขียนชื่อตัวเองลงไปอย่างจริงจังราวกับได้รับพระบัญชามา หลังจากนั้นก็ลากลู่ฮ่าวเซวียนไปซื้อลูกอมมงคลด้วยความดีอกดีใจ

สุดท้ายถูกเขาด่าสาดเสียเทเสียใส่หน้าโครม ๆ ยกหนึ่ง เพราะเขารีบกลับไปต้มน้ำตาลทรายแดงให้สวี่ฮุ่ยที่กำลังมีประจำเดือน

ฉันตอบรับลวก ๆ “รู้แล้ว ๆ”

เงยหน้าชำเลืองมองสีหน้ากระวนกระวายของเขา ไหนจะมือที่เอาแต่มองนาฬิกาข้อมือบ่อย ๆ ข้างนั้น

วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นท่อนแขนที่เส้นขอบชัดเจน

ฉันจำได้ว่า สวี่ฮุ่ยชอบที่เขาแต่งตัวแบบนี้ที่สุด บอกว่าแบบนี้เขาดูทั้งสะอาดและทั้งสดชื่น

“นายมีธุระก็รีบไปทำก่อนเถอะ”

ฉันฝืนกดความขมขื่นที่ผุดขึ้นมาในใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นสบาย ๆ “เดี๋ยวฉันเขียนเสร็จจะไปส่งด้วยตัวเอง”

เขาโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ น้ำเสียงเองก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน

“เธอวางใจ ในเมื่อเราจะแต่งงานกันแล้ว ฉันจะรับผิดชอบเธอแน่นอน”

“แต่ต่อไปเธออย่าหึงฮุ่ยฮุ่ยอีก ขืนคนอื่นรู้เข้า จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของฮุ่ยฮุ่ย”

ฉันเงียบไม่พูดอะไร ชาติก่อนฉันอธิบายไปนับครั้งไม่ถ้วน

แต่ในสายตาเขา ฉันเป็นแค่พี่สาวที่ทั้งขี้อิจฉาและทั้งใจแคบ

รับน้องสาวที่ทั้งอ่อนโยนมีเมตตาของตัวเองไม่ได้

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ทว่าหมุนตัวเดินออกไปอย่างลุกลี้ลุกลนเลย

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามทำให้หัวใจที่เต้นผิดปกติกลับสู่สภาวะเดิม ทว่าในหัวอดไม่ได้ที่จะวาบแต่ละอย่างในชาติก่อนขึ้นมา

คืนแต่งงานเขาอ้างว่าต้องดูแลน้องสาวที่ป่วยเลยไม่ได้กลับมาทั้งคืน ติดตามกองทัพเขาก็พาไปแค่สวี่ฮุ่ย บอกว่าสวี่ฮุ่ยยังไม่เคยไปเมืองหลวง

กระทั่งวันที่ลูกของเราคลอด ลู่ฮ่าวเซวียนก็ไม่ว่างมา มีแต่ใจปลอบสวี่ฮุ่ยที่หย่าร้าง

กระทั่งก่อนตายอีก ลูกชายยังโน้มน้าวอย่างยากลำบากข้างหูว่า

“แม่ แม่หย่ากับพ่อเถอะครับ ไม่ว่าตรงไหนแม่ก็สู้น้าไม่ได้เลย”

“พ่อต้องลำบากคบกับแม่มานานหลายปีขนาดนี้ แม่ปล่อยมือเถอะครับ”

ฉันเห็นสามีแสนเย็นชาอยู่ข้าง ๆ บนเตียงผู้ป่วย เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

เงียบยอมรับความคิดของเขาไปโดยปริยายคล้ายกับตายทั้งอย่างนี้

ฉันออกแรงกัดริมฝีปากเอาไว้ กระทั่งลิ้มลองถึงรสคาวเลือดสายหนึ่งจึงค่อย ๆ ปล่อย

ไม่ ชาตินี้ ฉันไม่มีทางทำพลาดซ้ำรอยเดิมอีก

ฉันหยิบปากกาขึ้นมา แล้วค่อย ๆ เขียนชื่อสองพยางค์ลงไปในคอลัมน์ใบยื่นคำร้อง : สวี่ฮุ่ย

ลู่ฮ่าวเซวียน ในเมื่อคุณรักเธอขนาดนี้ งั้นก็สนองให้คุณสมปรารถนาแล้วกัน

ฉันส่งใบคำร้องที่เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ หยิบทะเบียนสมรสมาแล้วก็หมุนตัวออกไปจากสำนักงานเขต

ฉันไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังมีความสบายอกสบายใจที่พูดไม่ได้อย่างหนึ่ง

ชาติก่อนหลังพ่อแม่ของฉันกับสวี่ฮุ่ยตายในหน้าที่ก็ถูกตระกูลลู่รับเลี้ยง

สวี่ฮุ่ยปากหวานรู้จักเอาอกเอาใจคนอื่น พูดโน้มน้าวจนท่านผู้อาวุโสตระกูลลู่ทั้งสองทำดีด้วยยิ่งกว่าลูกสาวแท้ ๆ อีก

นายหญิงตระกูลลู่ยิ่งคิดแผนการไว้นานแล้ว อยากจะให้สวี่ฮุ่ยแต่งงานกับลู่ฮ่าวเซวียน

แต่สวี่ฮุ่ยแค่พูดว่า “ฉันไม่อยากแย่งกับพี่” ประโยคเดียว ก็ทำให้ลู่ฮ่าวเซวียนเต็มใจแต่งงานกับฉันแล้ว
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
10 Chapters
บทที่ 1
“เธอเขียนชื่อเสร็จก็เอาให้ฉันแล้วกัน”ลู่ฮ่าวเซวียนเคาะโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ฉันจ้องมองใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส ปลายนิ้วลูบขอบกระดาษหยาบเบา ๆ ความคิดล่องลอยชาติก่อนฉันเขียนชื่อตัวเองลงไปอย่างจริงจังราวกับได้รับพระบัญชามา หลังจากนั้นก็ลากลู่ฮ่าวเซวียนไปซื้อลูกอมมงคลด้วยความดีอกดีใจสุดท้ายถูกเขาด่าสาดเสียเทเสียใส่หน้าโครม ๆ ยกหนึ่ง เพราะเขารีบกลับไปต้มน้ำตาลทรายแดงให้สวี่ฮุ่ยที่กำลังมีประจำเดือนฉันตอบรับลวก ๆ “รู้แล้ว ๆ”เงยหน้าชำเลืองมองสีหน้ากระวนกระวายของเขา ไหนจะมือที่เอาแต่มองนาฬิกาข้อมือบ่อย ๆ ข้างนั้นวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอก เผยให้เห็นท่อนแขนที่เส้นขอบชัดเจนฉันจำได้ว่า สวี่ฮุ่ยชอบที่เขาแต่งตัวแบบนี้ที่สุด บอกว่าแบบนี้เขาดูทั้งสะอาดและทั้งสดชื่น“นายมีธุระก็รีบไปทำก่อนเถอะ”ฉันฝืนกดความขมขื่นที่ผุดขึ้นมาในใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นสบาย ๆ “เดี๋ยวฉันเขียนเสร็จจะไปส่งด้วยตัวเอง”เขาโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ น้ำเสียงเองก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน“เธอวางใจ ในเมื่อเราจะแต่งงานกันแล้ว ฉันจะรับผิดชอบเธอแน่นอน”“แต่ต่อไปเธออย่าหึง
Read more
บทที่ 2
อันที่จริงก็แค่อยากเกาะลู่ฮ่าวเซวียน ถึงยังไงลู่ฮ่าวเซวียนในตอนนั้นเป็นแค่ผู้บังคับกองร้อย เธออยากรอคนที่ดีกว่าฉันไปมหาวิทยาลัย ถามเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้แน่ชัด และยังมีปัญหาค่ากินที่ต้องจ่ายเป็นต้น ถึงกลับไปอย่างวางใจกลับมาถึงบ้านพักของลู่ฮ่าวเซวียน เพิ่งก้าวเข้าประตูก็ได้ยินสวี่ฮุ่ยออดอ้อน“พี่เซวียน พี่หนีกลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันไม่อยู่เป็นเพื่อนพี่สวี่หร่าน เขาจะโกรธหรือเปล่า”“อยู่เป็นเพื่อนเขาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น”“แต่ทุกครั้งที่เธอประจำเดือนมาจะปวด ฉันไม่วางใจให้เธออยู่บ้านคนเดียว”สวี่ฮุ่ยฉีกยิ้มอย่างมีความสุข พลันพูดขึ้นอย่างแสร้งทำเป็นเศร้าซึมอีกครั้ง“หลังพี่เซวียนกับพี่สวี่หร่านแต่งงานกันจะยังทำดีกับฉันหรือเปล่า?”“แน่นอนอยู่แล้ว” น้ำเสียงของลู่ฮ่าวเซวียนแน่วแน่ “ไม่ทำดีกับเธอแล้วจะทำดีกับใคร?”“ถ้าพี่สาวเธอทำไม่ดีกับเธอ ฉันก็จะหย่ากับเขา!”ฉันกำหมัดแน่น ถึงอดกลั้นความขมขื่นที่เปี่ยมหัวใจเอาไว้ได้ที่แท้แม้จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินสามีของตัวเองเย็นชากับตัวเองแบบนี้ ฉันก็ยังเสียใจอยู่ดีฉันปรับอารมณ์เรียบร้อยแล้ว ก็เดิน
Read more
บทที่ 3
ลู่ฮ่าวเซวียนที่อ่อนโยนแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นมานานมากแล้ว“ไม่ต้องละ ฉันกินข้างนอกมาแล้ว”“เป็นไปได้ยังไง?”“เธอตัดใจใช้เงินไม่ได้มาตลอดไม่ใช่เหรอ?”คำพูดของเขาทิ่มแทงให้ฉันเจ็บปวดก่อนหน้านี้ฉันตัดใจใช้เงินไม่ได้ กินอยู่อย่างประหยัด ใช้เงินที่ทำงานหามาได้ส่วนใหญ่ไปกับเขา ซื้อของให้เขาตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนที่ต้องใช้เงินมีเยอะ เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องคิดอย่างรอบคอบฉันเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงราบเรียบ“ฉันจำได้ว่าสองสามวันก่อน ฉันให้เงินนายไปซื้อของที่ใช้สำหรับการแต่งงานสองร้อยห้าสิบบาท”“เหมือนว่านายก็ยังไม่ได้ซื้อ งั้นนายคืนให้ฉันเถอะ”การกระทำของเขาชะงักไป พลันรีบอธิบายอย่างอิหลักอิเหลื่อ“เงินนั่น...ฉันซื้อรองเท้าหนังให้ฮุ่ยฮุ่ยไปแล้ว”ฉันอดไม่ได้ที่จะเบะปาก น่าเบื่อจริง ๆ เป็นแบบนี้อีกแล้ว“งั้นถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันก็จะปิดประตูนอนแล้วนะ”“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินให้เธอ”ในน้ำเสียงเขาแฝงความเดือดดาลอยู่เล็กน้อย “เราเป็นผัวเมียกัน เธอถึงขั้นต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลยเหรอ?”ฉันอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงฮึ “เพราะงั้นใช้เงินที่ฉันเก็บหอมรอมริบอย่างยากลำ
Read more
บทที่ 4
“พวกนายไปกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันมีธุระ”ลู่ฮ่าวเซวียนขมวดคิ้ว “ธุระอะไรยังสำคัญกว่าถ่ายพรีเวดดิงอีก?”“ไปถ่ายรูปก่อน จะซื้ออะไรฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”น้ำเสียงเขาแข็งกร้าว ทำท่าทางไม่ให้ปฏิเสธสวี่ฮุ่ยออดอ้อน “นั่นน่ะสิ พี่คงไม่ได้ไม่อยากไปเพราะฉันหรอกนะ?”ฉันไม่อยากโต้เถียงมากมาย จึงพยักหน้าตอบตกลงว่าจะไปพอเช้าตรู่ ก็ได้ยินลู่ฮ่าวเซวียนกำลังปลุกให้สวี่ฮุ่ยตื่นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอยู่ในห้องของเธอตัวเลขสีแดงสดบนปฏิทินเตือนฉัน ยังเหลืออีกสี่วันอีกสี่วันฉันก็จะสลัดชีวิตแบบนี้ออกไปได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วจนถึงตอนที่ฉันใกล้จะทนไม่ไหว พวกเขาถึงออกมาจากห้องด้วยท่าทีอ้อยอิ่งลู่ฮ่าวเซวียนตักน้ำร้อนอย่างเอาใจใส่ แล้วเอาไปให้สวี่ฮุ่ยล้างหน้าด้วยตัวเองฉันในก่อนหน้านี้ตาบอดจริง ๆ ถึงกะบคิดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ว่าขอแค่แต่งงานกับเขา เขาก็จะทำแบบนี้กับฉันฉันกำลังใจลอย ลู่ฮ่าวเซวียนก็เดินมาตรงหน้าฉันอย่างเก้อเขิน ในมือถือแหวนวงหนึ่ง“พี่สะใภ้โจวบอกว่า ตอนนี้แต่งงานนิยมใส่แหวนแต่งงานกัน ฉันเลยซื้อมาให้เธอวงหนึ่ง”ฉันไม่รับ ชาติก่อนฉันไม่มีแม้แต่แหวนนี่ด้วยซ้ำเมื่อสวี่ฮุ่ยเห็น ก็รีบเบะปาก
Read more
บทที่ 5
บางทีอาจจะสังเกตเห็นแล้ว และบางทีอาจไม่ได้สนใจเลยฉันหัวเราะอย่างน่าเวทนา ความลังเลสุดท้ายในหัวใจสลายหายไปโดยสมบูรณ์ที่แท้ นี่ก็คือสิ่งที่เขาบอกว่า ‘หลังจากนี้ฉันจะทำดีกับเธอ’คนขับรถพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาล ผ่านการตรวจออกมา โชคดีที่อาการบาดเจ็บภายนอกและอวัยวะภายในเคลื่อนเล็กน้อยฉันนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทั่วทั้งตัวมีแต่ความเจ็บปวด ทว่าในใจกลับราบเรียบดึกมากแล้ว ฮ่าวเซวียนเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเหนื่อยล้าเมื่อเขาเห็นว่าฉันฟื้นแล้ว บนใบหน้าก็วาบความลนลานขึ้นมาเล็กน้อย“หรานหร่าน เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”ฉันมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้ตอบกลับอะไรเขาถูมือ พลางอธิบายอย่างกระวนกระวาย“ฮุ่ยฮุ่ยเขากลัวมากเกินไปหน่อย ฉันอยู่ข้างเขาตลอด เพราะงั้น...”ภายใต้สายตาของฉัน เขาเงียบไปด้วยความกระดากอาย“หรานหร่าน เธอฟังที่ฉันพูดนะ ตอนนั้นสถานการณ์มันกะทันหันเกินไป ฮุ่ยฮุ่ยอยู่ใกล้ฉัน ตามสัญชาตญาณฉันเลย...”เขาชะงักไป คล้ายกับกำลังจัดระเบียบคำพูด “ฉันไม่รู้ว่าเธอจะถูกชน”ฉันพูดขึ้นตัดบทเขา “นายจะไปเมืองหลวงเมื่อไหร่?”เขาตอบกลับอย่างระมัดระวัง “ไปพรุ่งนี้แล้ว”“รู้แล้ว ฉันอยา
Read more
บทที่ 6
เห็นได้ชัดว่าอากาศของเมืองเซินชื้นทว่าอบอุ่น ฉันยืนสับสนอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเซินเล็กน้อยเดินอยู่ในวิทยาเขต ไม่คิดเลยว่าจะมีความรู้สึกได้รับชีวิตใหม่อย่างหนึ่งตอนกลางวัน ฉันนั่งอยู่ในห้องเรียน ฟังการบรรยายอย่างตั้งใจ ซึมซับส่วนที่เป็นความรู้ตอนกลางคืน ฉันทำงานพาร์ตไทม์ในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน เหนื่อยจนปวดเอวปวดหลังไปหมดทว่าความเหนื่อยล้าพรรค์นี้ กลับทำให้ฉันรู้สึกถึงความแน่วแน่ผ่านไปหนึ่งเดือน ฉันค่อย ๆ ชินกับชีวิตที่ยุ่งแต่เปี่ยมไปด้วยความหมายทว่าเห็นลู่ฮ่าวเซวียนอยู่ใต้ตึกหอพัก“สวี่หร่าน! ทำไมเธอถึงทำแบบนี้?”“ทำไมถึงเขียนชื่อของฮุ่ยฮุ่ยในใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส? ทำไมไม่ไปเมืองหลวง?!”ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่เข้าใจฉันมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันไม่ต้องการสามีที่ในใจมีแต่คนอื่น”“น่ารังเกียจที่สุด รับไม่ได้จริง ๆ!”เขามองฉันอย่างไม่กล้าเชื่อ “ทำไมเธอถึงพูดจาแบบนี้ ก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่แบบนี้เลย”ฉันเบือนหน้าไป มวลท้องไปหมด ความรู้สึกคลื่นไส้เอ่อขึ้นมาสายหนึ่งฉันไม่อยากมองเขาอีก ไม่อยากแม้แต่วินาทีเดียว“ลู่ฮ่าวเซวียน ตอนนี้ฉันแ
Read more
บทที่ 7
อธิการบดีมองฉัน แล้วสลับไปมองลู่ฮ่าวเซวียน ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นมาว่า“คุณลู่ ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นอะไรกับนักศึกษาสวี่หร่าน งั้นคุณก็ทำเรื่องลาออกให้เธอไม่ได้”ในตอนนี้เองฉันถึงถอนหายใจทีหนึ่งลู่ฮ่าวเซวียนยังอยากพูดอะไรอีก ทว่าถูกอธิการบดีพูดตัดบท“คุณลู่ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว”“เชิญคุณออกไปเถอะครับ ผมยังมีงานต้องจัดการ”วันต่อมา ลู่ฮ่าวเซวียนยังคงตามหลอกตามหลอนเหมือนผีฉันถูกเขาตามตื๊อจนทนกับการรบกวนไม่ไหว ประสิทธิภาพการเรียนก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยสิ่งที่ทำให้ฉันยิ่งปวดหัวก็คือ สวี่ฮุ่ยก็มาด้วย“พี่เซวียน ขอร้องพี่ละ เรากลับไปหย่ากันเถอะ!”“ฉันไม่อยากทำแบบนี้ ฉันไม่อยากแย่งสามีของพี่สาว”“ฉัน...ฉันมันเป็นคนชั่ว...”เธอดึงชายเสื้อของลู่ฮ่าวเซวียน ร้องไห้ตัวสั่นลู่ฮ่าวเซวียนโอบเธอไว้ในอ้อมอกอย่างปวดใจ พร้อมตบหลังเธอเบา ๆ“ฮุ่ยฮุ่ยเชื่อฟังนะ ไม่ต้องร้องไห้นะ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ”“เราจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ดีเอง ทำให้เธอต้องลำบากแล้ว...”สวี่ฮุ่ยร้องไห้จนน่าสงสาร แสร้งจะคุกเข่าให้ฉัน“พี่ขอโทษนะ พี่อย่าโกรธพี่เซวียนเลยนะ ฉันรู้ว่าเป็นเพราะเข้าใจพี่เซวีย
Read more
บทที่ 8
ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็เลี้ยงดูฉันมา ฉันจะใจจืดใจดำเกินไปไม่ได้คิดแล้วคิดอีก ฉันก็ยังซื้อตั๋วรถ หิ้วของขวัญถุงเล็กถุงน้อยกลับเมืองซานอยู่ดีเพิ่งเข้าประตูใหญ่บ้านตระกูลลู่มา ก็ได้ยินเสียงก่นด่าเล็กแหลมเสียงหนึ่ง“ลู่ฮ่าวเซวียน นี่พี่หมายความว่ายังไง?”“ฉันขอบอกพี่เลยนะ ฉันอุ้มท้องลูกของพี่อยู่ ไม่ได้มาเพื่อถูกรังแกนะ!”ฉันอึ้งไป เห็นเพียงสวี่ฮุ่ยท้องใหญ่มาก กำลังด่าลู่ฮ่าวเซวียนสาดเสียเทเสียสีหน้าของลู่ฮ่าวเซวียนคล้ำดำเขียว ทว่าไม่กล้าโต้กลับ ได้แต่ปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ฮุ่ยฮุ่ย เธอใจเย็นหน่อยนะ หมอบอกแล้วว่าตอนนี้เธอจะโมโหมากเกินไปไม่ได้ มันไม่ดีต่อเด็ก”“ฉันก็แค่ต้องการเสื้อโค้ตตัวนั้น พี่รีบไปซื้อมาสิ!”“ฮุ่ยฮุ่ย ครั้งหน้าฉันจะซื้อให้เธอโอเคไหม เบี้ยเลี้ยงเดือนนี้ใช้หมดแล้ว”ลู่ฮ่าวเซวียนประคองสวี่ฮุ่ยนั่งลงอย่างระมัดระวัง“โทษที่พี่ไร้ประโยชน์ จนถึงตอนนี้ยังเป็นแค่ผู้บังคับกองร้อย พี่คงไม่ได้ส่งเงินให้พี่สวี่หร่านใช้หรอกนะ”สีหน้าของลู่ฮ่าวเซวียนเปลี่ยน “ฮุ่ยฮุ่ย เธออย่าพูดจาซี้ซั้วนะ ฉันกับเขาตัดขาดกันไปนานแล้ว”“ตัดขาดกันงั้นเหรอ? พี่เห็นฉันโง่เหรอ? พี่เขียนจดหมายใ
Read more
บทที่ 9
“ถ้านายอยากชดเชยจริง ๆ งั้นก็ใช้ชีวิตกับสวี่ฮุ่ยให้ดี ๆ”“อย่ามารบกวนฉันอีก แบบนี้จะดีกับเราทั้งสองพี่น้องมากกว่า”แววตาเขาหม่นหมอง ในน้ำเสียงแฝงความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “แต่ฉันมักจะรู้สึกว่า เมียของฉันควรเป็นเธอ”ในที่สุดความอดทนของฉันก็หมดลง จึงออกคำสั่งไล่แขกเลย“ลู่ฮ่าวเซวียน นายควรไปได้แล้ว นี่ไม่ใช่คำพูดที่นายควรจะพูด และไม่ใช่ที่ที่นายควรมาด้วย”เขาลุกขึ้นอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของฉันพร้อมฝีเท้าหนักอึ้งฉันมองแผ่นหลังของเขา ในใจไร้ซึ่งความแปรปรวนใด ๆไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็โลเลระหว่างผู้หญิงสองคน ต้องการทุกคนอย่างไม่รู้จักพอฉันเริ่มครุ่นคิด ในเมื่อลู่ฮ่าวเซวียนกับสวี่ฮุ่ยอาศัยอยู่ที่นี่แล้วฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่ออีกบ้านตระกูลลู่ เดิมทีก็ไม่ใช่บ้านของฉันอยู่แล้วเช้าตรู่วันต่อมา ฉันเก็บกระเป๋าสัมภาระเสร็จ ก็ไปเคาะประตูห้องของนายหญิงตระกูลลู่ฉันยัดบัตรธนาคารใบหนึ่งใส่มือของเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า“น้าคะ หลายปีมานี้ขอบคุณการดูแลของพวกน้าด้วยนะคะ”“ในบัตรเป็นเงินที่หนูเก็บออมเอาไว้ในหลายปีนี้ ถือว่าตอบแทนบุญคุณเลี
Read more
บทที่ 10
ห้องรับแขกไม่ใหญ่ แต่สะอาดและเป็นระเบียบมาก เครื่องนอนที่อยู่บนเตียงก็มีกลิ่นแดดคละคลุ้งออกมา“เธอพักก่อนสักเดี๋ยวเถอะ อีกไม่นานเกี๊ยวก็เสร็จแล้ว” กู้อี้เฉินวางกระเป๋าสัมภาระลง แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนฉันพยักหน้า ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงมองเกล็ดหิมะที่โปรยปรายนอกหน้าต่าง ในใจรู้สึกถึงความสงบและปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่งบางที นี่ก็คือความรู้สึกของบ้านละมั้งตอนกลางคืน เราล้อมวงนั่งข้างโต๊ะกินข้าวกินเกี๊ยวร้อน ๆคุณย่ากู้คีบอาหารให้ฉันไม่หยุด“หรานหร่านจ้ะ ต่อไปเธอก็มาเที่ยวเล่นบ่อย ๆ นะ บ้านย่าต้อนรับเธอทุกเมื่อ”ฉันฉีกยิ้มพร้อมพยักหน้า ในใจอบอุ่นกินข้าวเสร็จ กู้อี้เฉินก็เสนอว่าจะพาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ ๆสวนสาธารณะในฤดูหนาวคนน้อยมาก มีเพียงคู่รักสองสามคู่มาพลอดรักกัน ดื่มด่ำความเงียบสงบที่ยากจะหาได้นี้เราเดินเลียบไปตามข้างทะเลสาบช้า ๆ ไม่มีใครพูดอะไรเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาเบา ๆ ตกมาบนตัวเราคล้ายกับผ้าโปร่งเบาบาง ๆ ชั้นหนึ่ง“ขอบคุณนะ อี้เฉิน” ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ขอบคุณอะไรฉันเหรอ?”“ขอบคุณที่รุ่นพี่รับเลี้ยงฉัน ให้ที่หลบภัยแสนอบอ
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status