หลังรับรู้ความจริง เหมยรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก โลกที่เคยสดใสและปลอดภัยในไร่ชาพรหมเทพพลันมืดมนลง เธอไม่คิดเลยว่าการมีอยู่ของเธอจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้
“คุณอาชา... เหมยไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว ปนกังวลอยู่ดีๆเธอก็ตกเป็นเป้านิ่งให้กับธงและแฟนเก่าของอาชา “เหมยไม่คิดว่าพี่ธงเขาจะเป็นคนที่มีด้านลบขนาดนี้ ขอโทษนะคะที่มันอาจจะเป็นเพราะเหมยทำให้กลายเป็นตัวภาระและทำให้คุณเดือดร้อน” อาชากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายหลบหนีอีกแล้ว “ไม่ คุณเหมยต้องรับรู้เรื่องนี้” อาชาพูดเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นความเดือดร้อน คุณเหมยเป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้องที่สุด เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปบ้านพักตากอากาศริมทะเลของผมดีกว่าไปพักผ่อนสมองกันสักพักก่อนที่หนูน้อยลิลลี่จะเปิดเทอมดีไหมครับ”อาชาถามเหมยด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นเพราะเขามีแผนการบางอย่างเอาไว้ในใจ เหมยเงยหน้าขึ้นมองอาชาด้วยสายตาที่สับสนและกังวลใจแต่เธอรู้ว่าอาชาเป็นผู้ชายที่เธอเลือกและรักไปแล้วเธอจะเชื่อใจเขาอย่างสุดหัวใจ "ก็ดีเหมือนกันค่ะ เหมยว่าก่อนเราไปพักผ่อนก่อนที่ยายหนูลิลลี่ของเราจะเปิดเทอม" เหมยหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนเพราะเธอเองก็รู้สึกว่าปัญหาเริ่มมารุมเร้าทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนเริ่มอะไรเลย อาชาลูบผมเหมยเบา ๆ อย่างปลอบโยน “มันไม่ใช่ความผิดของใครครับ มันเป็นเพราะความอิจฉาและความเห็นแก่ตัวของพวกเขาต่างหาก” ในขณะเดียวกัน ที่โรงแรมเดิม ดารินได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เธอขอให้ช่วยสืบเรื่องเมฆินทร์ “แก! ฉันได้ข้อมูลมาแล้วนะ” เพื่อนสาวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมฆินทร์เนี่ยเป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูล วรการ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมหาวิทยาลับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยนะแม้จะใหญ่น้อยกว่าแฟนเก่าของแกหน่อยก็เถอะ แถมยังมีสายสัมพันธ์ลับ ๆ กับนักธุรกิจต่างชาติมากมายด้วย” ดารินเบิกตากว้างด้วยความตกใจและดีใจ เธอไม่คิดว่าเมฆินทร์จะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เธอเริ่มมองเห็นแสงสว่างในแผนการของเธออีกครั้ง “ดีมาก!” ดารินพูดเสียงดัง “แก! เตรียมข้อมูลของเมฆินทร์มาให้ฉันทั้งหมด ฉันจะทำให้ผู้ชายคนนี้ตกหลุมรักฉันให้ได้” เพื่อนสาวหัวเราะอย่างร่าเริง “แล้วแกไม่กลัวอาชาอีกแล้วเหรอ” “ฉันไม่กลัวแล้ว” ดารินตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เพราะถ้าฉันได้เมฆินทร์มาอยู่ในกำมือ อาชาก็เป็นแค่ของเล่นที่ฉันจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้” ดารินวางสายไปแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมากตัวสำคัญบนกระดานที่กำลังจะพลิกเกมได้ในไม่ช้า ส่วนธงขับรถมาที่ไร่ชาด้วยความมุ่งมั่น ด้วยสภาพที่เมามายวันนี้เป็นวันหยุดของเขา เขาเดินเข้าไปในไร่อย่างไม่เกรงกลัว แล้วเจอกับอาชาที่ยืนอยู่กับเหมยพอดี “อาชา! เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ธงพูดเสียงดัง อาชาก้าวออกมาข้างหน้า แล้วส่งเหมยให้ไปอยู่ข้างหลัง “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก”อาชายืนมองใช้ลิ้นดุลกระพุ้งแก้มด้วยท่าทีหงุดหงิดเต็มทนกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด ธงไม่ยอมแพ้ เขามองเลยไปที่เหมยที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังอาชา “น้องเหมย! ไม่คิดจะกลับไปกับพี่หน่อยเหรอ เราเคยมีความสุขกันแค่ไหน น้องลืมไปแล้วเหรอ”ธงที่พูดย้อนไปถึงอดีตที่ไม่น่าจำตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยถ้าเปรียบเสมือนความทรงจำก็คงเป็นยุคดึกดำบรรพ์ไปแล้ว อาชาหันมามองเหมยอย่างเป็นกังวล เขากลัวว่าเหมยจะรู้สึกแย่กับธงที่มักจะหยิบเอาอดีตที่ไม่มีความทรงจำอะไรดีๆให้จำเลยมาใส่ใจ เหมยเดินออกมาจากด้านหลังอาชา เธอเดินเข้าไปหาธงด้วยสายตาที่แน่วแน่ “พี่ธงคะ...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วค่ะและเรื่องอดีตอะไรก็ตามแต่มันผ่านมาจนไม่รู้เป็นกี่ปีแล้วพี่เลิกพูดสักทีเราไม่เคยเป็นอะไรกันด้วยซ้ำ” เหมยหันไปตอบอย่างหนักแน่นเพราะเธอเริ่มรู้สึกรังเกียจธงตั้งแต่ครั้งที่เจอวันงานคืนสู่เหย้ายิ่งเห็นธงยืนสภาพเมามายเมาแอ๋แบบนี้ยิ่งทำให้เธอคิดถูกที่ไม่ได้คบกับธงในวันนั้น คำพูดของเหมยเหมือนเป็นมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของธง ธงมองเหมยด้วยความเจ็บปวดและไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด "น้องเหมยก็พูดได้สิตอนนี้มีผู้ชายที่รวยอยู่ตรงหน้ามึงจำไว้นะไอ้อาชาอีผู้หญิงคนนี้มันต้องการมึงเพราะว่าเงิน!"ธงขี้เมาจนไม่ได้สติก็ใช้คำพูดที่ไม่ได้สติเช่นกันในการกล่าวหาและใส่ร้ายเหมยอย่างหน้าด้านๆ "พี่ธงพี่พูดว่าอะไรของพี่เนี่ยพี่เมาแล้วพี่ก็ไปให้พ้นเถอะ" เหมยรู้สึกโมโหขึ้นมาเหมือนกัน ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าไร่ชา เมฆินทร์ก้าวลงจากรถพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย เขามองธงด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเพราะได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากทงทุกข์ถ้อยคำกำลังดูถูกเหมยผู้หญิงที่เขาเองก็ชอบไม่ต่างกัน “คุณธงครับ ผมว่าคุณควรกลับไปได้แล้วนะครับ” เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยียวน “อย่าเอาอดีตมาทำลายอนาคตเลยแล้วอีกอย่างคุณเหมยเขาก็ไม่ได้เลือกคุณอยู่แล้วคนอย่างคุณน่ะมันกระจอก”เมฆินทร์ที่เดินมาพร้อมกับถังลี่บอดี้การ์ดคู่ใจที่เขาอดทนยืนฟังตั้งนานรู้สึกอยากจะลากธงมากระทืบให้จมตีนแทนอาชาที่ใจเย็นมากๆ ธงหันมามองเมฆินทร์ด้วยความโกรธแค้น “แกเป็นใครวะ”ธงที่เมาจนมองหน้าของเมฆินทร์ไม่ชัด เมฆินทร์ยิ้ม “ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่ที่สำคัญคือ...ผมรู้ว่าคุณคือใคร” สงครามระหว่างสามชายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ณ ที่ไร่ชาพรหมเทพแห่งนี้ แล้วเหมยจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร คำพูดของเมฆินทร์สร้างความสับสนและโกรธแค้นให้ธงเป็นอย่างมาก ธงพุ่งเข้าไปหมายจะชกเมฆินทร์ แต่เมฆินทร์หลบได้พร้อมกับหัวเราะเยาะ “อย่าร้อนรนไปหน่อยเลยคุณธง ถ้าคุณทำแบบนี้แล้วใครจะเชื่อว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ” เมฆินทร์พูดอย่างใจเย็น ธงหยุดชะงัก เขามองเหมยที่กำลังยืนอยู่ข้างอาชา แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจ ธงคิดว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะผู้ชายสอง คนนี้ได้ด้วยตัวต่อตัวไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหน้าที่การงานหรือว่าทรัพย์สินคนอย่างธงก็แพ้ขาดลอยตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข็ง “น้องเหมย...น้องไม่คิดถึงช่วงเวลาที่เราเคยมีความสุขกันบ้างเลยเหรอ” ธงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เหมยส่ายหน้าเบา ๆ “ความสุขเหล่านั้นมันเป็นแค่ภาพลวงตาค่ะและเราแทบจะไม่เคยใช้เวลาอะไรด้วยกันเลยมันก็แค่คำหลอกลวงที่พี่ใช้เหมยเป็นตัวตลกในการพนันเท่านั้นเองแล้วเรื่องมันก็ผ่านมาเนิ่นนานจนเหมือนจำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ” ธงหันไปมองหน้าอาชาด้วยความโกรธแค้น “ไอ้อาชา! แกทำอะไรกับเหมย” อาชาเดินเข้ามาใกล้ธง “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เหมยเลือกที่จะอยู่กับฉันเอง” เมฆินทร์รีบเดินเข้ามาแทรก “ผมว่าเรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่านะครับ” ธงมองเมฆินทร์อย่างไม่เข้าใจ “ธุรกิจอะไร" เมฆินทร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เรื่องที่เราจะร่วมมือกันไงครับ” ธงงงงันไปทันที เขามองหน้าเมฆินทร์ด้วยความสับสน “แก...แกพูดอะไร” ธงถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก เมฆินทร์หัวเราะ “ผมก็แค่ล้อเล่นน่ะครับ แต่ถ้าคุณธงอยากจะคุยเรื่องธุรกิจจริง ๆ ผมก็ยินดีนะครับเห็นว่าไปซุ่มแอบทำธุรกิจบันเทิงอยู่เงียบๆ” ธงกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าเมฆินทร์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้ “แก!” ธงชี้หน้าเมฆินทร์ “ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้แกแน่!” ธงเดินกลับไปที่รถของเขาด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วเขาไม่รู้ว่าเรื่องธุรกิจเล็กๆของเขากับเพื่อนมาถึงหูเมฆินทร์ได้ยังไง หลังจากที่ธงไปแล้ว เหมยก็หันมามองหน้าอาชาด้วยความกังวล “คุณอาชา...คุณว่าเขาจะทำอะไรต่อไปคะ” อาชาสวมกอดเหมยอย่างอบอุ่น “ไม่ต้องเป็นห่วงนะเหมย ฉันจะปกป้องเธอเอง” เมฆินทร์เดินเข้ามาหาทั้งสองคน “ผมว่าพวกคุณควรระวังตัวไว้หน่อยนะครับ” เหมยหันไปมองหน้าเมฆินทร์ “ทำไมคะ” “ผมได้ยินมาว่าดารินกำลังจะกลับมา” เมฆินทร์ตอบ “เธอไม่ได้มาคนเดียวหรอกครับ แต่เธอจะมาพร้อมกับแผนการที่ร้ายกาจกว่าเดิม” เหมยตกใจมาก เธอไม่คิดว่าเรื่องจะวุ่นวายมาถึงขนาดนี้ได้ “คุณเมฆินทร์...” เหมยเรียกเขา “ขอบคุณนะคะ” เมฆินทร์ยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่อยากจะปกป้องคนที่ผมรักเท่านั้นเอง” คำพูดของเมฆินทร์ทำให้อาชาหันมามองเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว เมฆินทร์รู้ดีว่าคำพูดของเขาอาจจะทำให้อาชาไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือเหมยหลังจากที่ธงกับดารินต้องเผชิญกับพายุข่าวฉาวที่โหมกระหน่ำไม่หยุด อาชาก็เริ่มแผนการขั้นต่อไปอย่างเงียบเชียบและแยบยลยิ่งกว่าเดิม เขารู้ดีว่าการทำลายชื่อเสียงเป็นเพียงแค่การสร้างรอยร้าว แต่การทำให้คนล่มจมอย่างแท้จริงคือการทำลายรากฐานทางการเงินและอำนาจอาชานั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา วงหน้าคมคายฉายแววครุ่นคิดลึกซึ้ง ขณะที่นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ เป็นจังหวะบนโต๊ะไม้เนื้อดี ข่าวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบริษัทของธงและชีวิตของดารินถูกรายงานเข้ามาเป็นระยะธงไม่เพียงแต่ต้องวุ่นวายกับการแก้ข่าวเรื่องการทุจริตที่ไม่มีมูลความจริง แต่เขายังต้องรับมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เริ่มถอนตัวเพราะไม่มั่นใจในตัวเขา ดารินเองก็ไม่ต่างกัน จากที่เคยเป็นสาวสังคมผู้ทรงอิทธิพล บัดนี้เธอกลับกลายเป็นคนไร้ตัวตนในวงการ เพราะไม่มีใครกล้าคบหาและทำธุรกิจด้วย อาชาเห็นว่าคนทั้งสองเริ่มอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด และนี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะลงมืออาชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของ 'เสือ' อีกครั้ง เสียงปลายสายรีบรับทันทีเพราะรู้ดีว่านายของเขามีเรื่องสำคัญจะสั่งการ"เสือ...เตรียมคนให้พร้อม" อาชาสั่งด้วยน้ำเสียงรา
หลังจากที่อาชารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้จากโรงแรมที่ธงและดารินไปเริงสวาทกันเขายกยื้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในเมื่อคนทั้งสองหญิงผยองลำพองใจว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกคนในกระดานนี้ อาชาจะสั่งสอนคนอย่างธงที่ริอาจทำร้ายผู้หญิงของเขา และยังอาจเอื้อมที่จะแตะต้องเหมย วิธีนี้จะว่าเขาโหดร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอย่างธงไม่รู้จักประมาณตนไอ้เสือเอกสารหลักฐานทั้งหมดมึงเก็บไว้ให้ดีเพราะดูแล้วกูจะได้ใช้ในวิชานี้อาชาหันมาสั่งเสียงเข้มปกติเขาไม่ค่อยอยากจะทำร้ายใครก่อนแต่คนอย่างไอ้ธงหนักกว่าคนอย่างเมฆินทร์เป็นร้อยเท่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองก็ยังคิดปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงได้ลงคอครับนาย เสือกล่าวรับแล้วโค้งคำนับเดินออกไปนอกห้องอาชากำลังจมดิ่งกับความคิดที่จะจัดการกับธงอย่างไรดีเพื่อกำจัดทั้งธงและดารินไปให้พ้นทางแบบสูญสิ้นไม่มีพี่ให้ได้เดินต่อเมื่อเสียงฝีเท้าของเสือลับไปพร้อมกับเอกสารในมือ อาชาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานกว้างที่เผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำคืน แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่แสงสีเหล่านั้นภาพของเหมยที่เคยยิ้มแย้ม สดใส และใบหน้าที่เศร้าสร้อยเมื่อ
หลังจากที่อาชารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้จากโรงแรมที่ธงและดารินไปเริงสวาทกันเขายกยื้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ในเมื่อคนทั้งสองหญิงผยองลำพองใจว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกคนในกระดานนี้ อาชาจะสั่งสอนคนอย่างธงที่ริอาจทำร้ายผู้หญิงของเขา และยังอาจเอื้อมที่จะแตะต้องเหมย วิธีนี้จะว่าเขาโหดร้ายก็ไม่ได้ ในเมื่อคนอย่างธงไม่รู้จักประมาณตนไอ้เสือเอกสารหลักฐานทั้งหมดมึงเก็บไว้ให้ดีเพราะดูแล้วกูจะได้ใช้ในวิชานี้อาชาหันมาสั่งเสียงเข้มปกติเขาไม่ค่อยอยากจะทำร้ายใครก่อนแต่คนอย่างไอ้ธงหนักกว่าคนอย่างเมฆินทร์เป็นร้อยเท่าแม้กระทั่งผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองก็ยังคิดปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงได้ลงคอครับนาย เสือกล่าวรับแล้วโค้งคำนับเดินออกไปนอกห้องอาชากำลังจมดิ่งกับความคิดที่จะจัดการกับธงอย่างไรดีเพื่อกำจัดทั้งธงและดารินไปให้พ้นทางแบบสูญสิ้นไม่มีพี่ให้ได้เดินต่อเมื่อเสียงฝีเท้าของเสือลับไปพร้อมกับเอกสารในมือ อาชาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานกว้างที่เผยให้เห็นวิวเมืองยามค่ำคืน แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่แสงสีเหล่านั้นภาพของเหมยท
หลังรับรู้ความจริง เหมยรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก โลกที่เคยสดใสและปลอดภัยในไร่ชาพรหมเทพพลันมืดมนลง เธอไม่คิดเลยว่าการมีอยู่ของเธอจะทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ “คุณอาชา... เหมยไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว ปนกังวลอยู่ดีๆเธอก็ตกเป็นเป้านิ่งให้กับธงและแฟนเก่าของอาชา “เหมยไม่คิดว่าพี่ธงเขาจะเป็นคนที่มีด้านลบขนาดนี้ ขอโทษนะคะที่มันอาจจะเป็นเพราะเหมยทำให้กลายเป็นตัวภาระและทำให้คุณเดือดร้อน” อาชากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายหลบหนีอีกแล้ว “ไม่ คุณเหมยต้องรับรู้เรื่องนี้” อาชาพูดเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นความเดือดร้อน คุณเหมยเป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้องที่สุด เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปบ้านพักตากอากาศริมทะเลของผมดีกว่าไปพักผ่อนสมองกันสักพักก่อนที่หนูน้อยลิลลี่จะเปิดเทอมดีไหมครับ”อาชาถามเหมยด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นเพราะเขามีแผนการบางอย่างเอาไว้ในใจ เหมยเงยหน้าขึ้นมองอาชาด้วยสายตาที่สับสนและกังวลใจแต่เธอรู้ว่าอาชาเป็นผู้ชายที่เธอเลือกและรักไปแล้วเธอจะเชื่อใจเขาอย่างสุดหัวใจ "ก็ดีเหมือนกันค่ะ เหมยว่าก่อนเราไปพักผ่อนก่อนที่ยายหนูลิล
ทางด้านธงและดารินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าดารินจะแพ้อย่างราบคาบเมื่อเจออาชาเล่นไม้แข็ง ให้บอดี้การ์ดลากเธอออกจากไร่ชาพรหมเทพอย่างไม่ใยดี แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ดารินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาอีก ขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ที่โรงแรมเดิม ธงที่รู้สึกถึงแรงแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งวิ่งเข้าใกล้เหมยมากเท่าไหร่ เหมยก็ยิ่งวิ่งออกห่างเขามากเท่านั้น ธงรู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีและโดนหยามหน้า "ดารินครับ ทำไมคุณถึงได้ทำพลาดขนาดนั้น คุณไม่เคยรู้เลยเหรอว่าไอ้อาชามีหลานสาว" ธงที่นอนอยู่บนตักของดารินก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ "แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะคะ ว่าอีเด็กเปรตนั่นจะเป็นหลานสาวของอาชา" ดารินก็รู้สึกโมโหไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาล้มละลายเพียงเพราะเด็กคนเดียว "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับดาไหนจะมีไอ้เมฆินทร์อีกคนนึงที่มาตามป้วนเปี้ยนจีบเหมย" ธงก็ยังคงอยากเอาชนะอาชาและเมฆินทร์อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเหมยและอาชาได้ก้าวหน้าเกินกว่าที่เขาจะแตะถึง "เหลือแต่คุณแล้วค่ะที่ต้องเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เอาให้ทั้งสองคนมันแตกหัก ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันยิ่งดี แล้ว
เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ “ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่