Share

เพื่อนนอกสายตา...(2)

“เอาล่ะ เพื่อความเท่าเทียมในห้องมีอยู่หกสิบคนจะมีเลข1-15 ซ้ำกันอยู่ 4 หมายเลข นั่นเท่ากับว่าเราจะได้เพื่อนทำรายงานร่วมกันกลุ่มละ 4 คน 15 กลุ่ม แล้วแต่ดวงนะ”

ได้ฟังดังนั้นเพื่อนร่วมห้องต่างพากันยกมือท่วมหัว ขอให้ตัวเองได้อยู่ร่วมทีมกับช้องนางเพราะทั้งห้องเธอเรียนเก่งที่สุดแล้ว โดยเฉพาะ

ณาราเธอถึงกับยกมือขึ้นสวดมนต์ ช้องนางจึงคิดว่าเธอจะเลือกจับเป็นคนสุดท้ายเลยเริ่มต้นเดินถือกระป๋องจากหน้าห้องไปจนสุดหลังห้องจนมาหยุดอยู่ที่สองหนุ่มซึ่งเป็นสองคนสุดท้ายพอดี

เตย์มีจ้องหน้าอวบอิ่มไม่วางตาแต่ก็ไม่ยอมจับฉลากสักทีแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้หญิงสาวจนใบหน้าแทบชิดกัน ช้องนางจึงเลือกถอยหลังออกเล็กน้อย “เจอกันอีกแล้วนะ”

เขายิ้มทักทาย ช้องนางย่นคิ้วเข้าหากันเธอกับเขาก็เดินสวนกันอยู่ทุกวันทำไมต้องมาทักทายเหมือนคนเพิ่งเคยเห็นหน้ากันด้วย แล้วก็นึกได้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงสวยคงไม่ได้อยู่ในสายตาเขาอยู่แล้ว

“จะจับก็รีบจับ เรายกกระป๋องนานแล้ว มันเมื่อย”

“เมื่อยแขนเพราะยกนานหรือหนักแขนตัวเองกันแน่” ชายหนุ่มเอ่ยแซวเล่นแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเห็นสีหน้าเฮไม่เล่นด้วยแถมยังบึ้งตึงอีกต่างหาก

“ตลกเหรอ เราไม่ตลกนะ แบบนี้ถือว่าเป็นการบูลลี่คนอื่น”

“เราไม่ได้ตั้งใจเอาเป็นว่าขอโทษนะ” ถึงแม้จะรับรู้ว่าคำขอโทษนั้นไม่จริงใจแต่เธอก็พยักหน้ารับเพื่อตัดความรำคาญ

เมื่อเห็นว่าพ่อคาสโนว่าตัวพ่อล้วงมือจับฉลากแล้วช้องนางก็เดินกลับไปเลยโดยไม่สนใจว่าเขาจะได้หมายเลขอะไร

“7” ช้องนางคลี่กระดาษแผ่นน้อยออกแล้วยื่นไปให้เพื่อนดู ณารารับมาดูแล้วยกมือขึ้นท่วมหัวอีกครั้ง

“จะเปิดก็รีบเปิดมัวแต่สวดมนต์อยู่นั้น”เธอขำพรืดกับท่าทางของเพื่อน นิ้วมือเรียวค่อย ๆคลี่กระดาษออกแล้วหรี่ตามองก่อนจะส่งเสียงกรี๊ดจะดังขึ้นมาเรียกสายตาเพื่อนได้ทั้งห้อง

7 แก ฉันจับได้หมายเลขเจ็ด ฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกับแก” ณารา

ยกมือโอบคอเพื่อนรักด้วยความดีใจจนออกนอกหน้า

“เราก็ได้เจ็ด”

“เราก็เหมือนกัน”

ช้องนางกับณาราผละออกจากกันแล้วเงยหน้ามองที่มาของเสียง ก่อนจะหน้าเหวอด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งดีใจเพราะได้หนุ่มหล่อทั้งสองมาอยู่ด้วยแต่สำหรับช้องนางแล้วพวกเขาเป็นตัวภาระเสียมากกว่า

เพื่อนๆ ในห้องต่างอิจฉาทั้งกลุ่มมีทั้งคนหล่อและคนฉลาดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน “เขียนชื่อนามสกุลให้ด้วยนะ เราจะเอาไปให้อาจารย์”

“เธอไม่รู้จักชื่อเราเหรอ” คณินเดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ด้านหน้าทำตากรุ่มกริ่มใส่ณาราจนเจ้าตัวเขินแก้มแดงตัวบิดแทบตกเก้าอี้ดีที่ช้องนางสะกิดให้มีสติหน่อย แล้วตอบคำถามเมื่อครู่

“ไม่สำคัญพอที่จะต้องใส่ใจขนาดนั้นก็เลยไม่จำเพราะฉะนั้นรบกวนเขียนชื่อให้เราหน่อย” ใช้ดวงตามองไปยังปากกาและแผ่นกระดาษเหมือนเดิมคล้ายเป็นคำสั่ง

เตย์มีหัวเราะผ่านลำคอแล้วก้มลงเขียนชื่อตัวเองกับเพื่อนลง ในเมื่อสาวอ้วนตรงหน้าเรียนเก่งเขาก็ต้องทำดีด้วยสิ จะสร้างศัตรูเพิ่มทำไม

แรงสั่นสะเทือนจากสายเรียกเข้าในกระเป๋าทำให้เตย์มีรู้ว่ามีคนโทรมา พอล้วงขึ้นมาดูเห็นเป็นใครโทรมาก็ถึงกับฉีกยิ้มแล้วรีบกดรับสายทันที

“ว่าไงคะ น้องดาว ว่างค่ะ ไม่ยุ่ง” เสียงอ่อนเสียงหวานทำเอาช้องนางขนลุกซู่ เมื่อวานน้องพริ วันนี้น้องดาวพรุ่งนี้สงสัยเป็นน้อง

อุกกาบาตร

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป” เผลอคว้าข้อมืออย่างไม่ตั้งใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรับโทรศัพท์แล้วทำท่าจะเดินออกไป ชายหนุ่มหันมามองด้วยสีหน้าเป็นคำถามว่ามีอะไรอีกหรือเปล่า

“วันศุกร์ ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย สี่โมงเย็นเราต้องไปเลือกทำหัวข้อรายงานด้วยกัน นายก็ด้วย” หันไปหาคณิน ทั้งคู่พยักหน้ารับปากงึกๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป

“แกว่าพวกเขาสองคนจะมาตามนัดไหม”

“ไม่อ่า” พูดพรางเก็บอุปกรณ์การเรียนลองกระเป๋า

“ทำไมคิดงั้นอ่า” ตาเล็กเลิกขึ้นถามหาเหตุผลจากเพื่อน

“มองไม่ออกก็ตาบอดล่ะ สองคนนั้นโดดเรียนบ่อยจะตาย อีกอย่างยิ่งมีฉันเป็นเพื่อนในกลุ่มทำรายงานด้วยแล้วเหมือนเก็บทองคำได้เลย”

“เออวะ ก็จริง...แล้วนั่นแกจะไปไหน” กำลังคิดตามหันมาอีกทีช้องนางเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จแล้ว

“ไปทำงานไง คาบบ่ายเรียนเสร็จแล้ว” ยกนาฬิกาบนข้อมือให้เพื่อนดูเวลา “เออ อย่าลืมเอารายชื่อกลุ่มเราไปส่งอาจารย์ด้วยนะ”

ยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นตาแล้วก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปด้วยความเร่งรีบ งานเสริมคือเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าทำตั้งแต่หกโมงจนถึงตีสอง แม้รูปร่างไม่เอื้ออำนวย หุ่นไม่ได้มาตรฐานของเด็กเสิร์ฟในร้านเหล้าทั่วไปก็ตาม

ทว่าเธอกลับโชคดีเหลือเกินที่เจ้าของร้านเอ็นดู เห็นว่าเธอหาเงินส่งตัวเองเรียนจึงใจดีรับเธอเอาไว้ทำงานด้วย

“อ้าว มาแล้วเหรอช้อง วันนี้มาช้านะเนี่ย” พี่โต้งเพื่อนร่วมงานร้องทักหญิงสาวรีบวิ่งไปเอามืออุดปากบอกว่าอย่าเสียงดัง

“พี่โต้ง อย่าเสียงดังสิ” ว่าพลางหันมองซ้ายมองขวากลัวเจ้าของร้านมาเห็นว่าเธอมาทำงานสายแม้จะไม่เคยว่าเพราะเข้าใจว่าเธอมีเรียนด้วยแต่เธอก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี

“เอามือออกเลย เค็มฉิบหาย ไม่ต้องกลัวหรอกวันนี้ไม่เข้าร้านเห็นว่าหมาที่บ้านป่วย” ยกมือเช็ดปากยืนยันว่ามือช้องนางเค็มจริงๆ

“ถือว่ารอดไป นี่ขนาดเผื่อเวลาตั้งสองชั่วโมงแล้วนะ” ช้องนางบ่นอุบแล้วรีบเอากระเป๋าไปเก็บ เปลี่ยนเป็นยูนิฟอร์มชองทางร้านแล้วออกมาจัดเตรียมของหน้าร้านช่วยคนอื่น

เวลาล่วงเลยมาจนสามทุ่มจึงมีกลุ่มผู้ชายหลายคนเดินเข้ามา เด็กนั่งดริ้งวิ่งเข้าไปต้อนรับ ต่างตื่นเต้นกับความหล่อของหนึ่งนั้นและเขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเตย์มีกับคณิน ช้องนางพ่นลมหายออกมาไม่รู้ว่าโลกมันกลมหรือผีผลักกันแน่ถึงบังเอิญอะไรขนาดนั้น

“ได้ช้อง เดี๋ยวเอาเตย์กีล่าไปเสิร์ฟโต๊ะ13 ด้วยนะ” เธอมองไปยังโต๊ะนั้นแล้วหันมาบอกพี่โต้งทันที “ไม่อ่า พี่ให้คนอื่นไปเสิร์ฟเถอะ ช้องไม่อยากไปโต๊ะนั้น”

“ถ้าเองไม่ไป ไม่มีใครไปแล้วนะ คนอื่นติดลูกค้า” สุดท้ายไม่มีทางเลือกเธอจึงจำใจยกไปเสิร์ฟ

“อ้าว ช้องนาง เธอทำงานร้านนี้เหรอ” คณินร้องทักทายจนเพื่อนชายในกลุ่มหันมองหญิงอ้วนเป็นตาเดียวรวมทั้งเตย์มี

“ค่ะ” ตอบแบบสุภาพเพราะสถานะตอนนี้เธอเป็นพนักงานกับลูกค้า แต่มิวายยังคงถูกกวนประสาทจากเพื่อนร่วมโต๊ะของพวกเขา

“เพื่อนมึงเหรอ คิดยังไงถึงมาทำงานแบบนี้” คำว่าแบบนี้ เหมือนดูถูกอยู่ในทีแม้จะโกรธแค่ไหนช้องนางก็เลือกเก็บอารมณ์ขุนมัวไว้ในใจทว่าสีหน้ากลับไม่เป็นใจมันแสดงออกมาอย่างชัดเจน

“งานแบบนี้ ทำไมเหรอคะ” ในเมื่อหัวเราะกันไม่หยุดหย่อนหญิงสาวจึงฉีกยิ้มให้แล้วกัดฟันถาม

เตย์มีเห็นรอยยิ้มกว้างแต่แววตาดุดันเหมือนพร้อมกระโจนเข้าขย้ำเพื่อนตัวเองจึงเป็นฝ่ายพูดเตือนสติว่าให้พอได้แล้ว

“ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะช้อง มันไม่ได้ตั้งใจ” เธอพยักหน้ารับจากนั้นช้องนางก็ไม่กลับไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นอีกเลย

ดวงตาคมจับจ้องไปยังร่างอ้วนตลอดเวลาพรางจิบเหล้าในมือไปด้วย ผู้หญิงทุกคนไม่เคยปฏิเสธเขาหรือเมินเฉยได้ขนาดนี้แต่กับช้องนางเธอกลับมองข้ามเขาเห็นเป็นอากาศธาตุเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเขาหรือเธอกันแน่ที่เป็นเพื่อนนอกสายตาทั้งที่เรียนห้องเพียงกันมาตั้งสี่ปี

“ผู้ชายหล่อ ๆ โต๊ะสิบสามเขามองช้องไม่วางตาเลยนะ” เด็กนั่งดริ้งคนหนึ่งเดินมาสะกิดแล้วเพยิดหน้าไปยังโต๊ะนั้น หญิงสาวชำเลืองมองเล็กน้อยก็จริงอย่างว่าแล้วครู่หนึ่งกลุ่มนั้นก็สุมหัวกันก่อนทั้งโต๊ะจะหันมามองเธอเป็นตาเดียว

ดวงตากลมหลบสายแล้วหันมองไปทางอื่นเธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ คงนินทาเธออีกเหมือนเคยไม่อย่างนั้นคงไม่มองมาทางนี้กันทั้งหมด

เพราะแบบนี้ไงเธอถึงไม่กล้าเปิดใจคบใครเพราะกลัวสายตาเวลาที่คนอื่นมองมา และกลัวโดนหลอกให้รักแล้วทิ้งไปมันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น สู้เธออยู่คนเดียวเสียยังจะดีกว่า...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   ต้นเหตุความเย็นชา(2)

    ช้องนางรีบจ่ายค่ารถสาวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องแจ้งความภาพที่เห็นคือคนเป็นป้าทุบหลังลูกชายพรางกร่นด่าไปด้วย ความเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาปกคลุมหัวใจอีกครั้ง เธออยากหนีความวุ่นวายไปให้ไกล ๆ ทว่าก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เหลือแค่ป้าระวีเป็นญาติเพียงคนเดียว“เลิกเสียงดัง หรือโวยวายได้แล้วค่ะป้า เกรงใจคนอื่นบ้าง” ช้องนางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ ดวงตากลมจ้องมองลูกพี่ลูกน้องด้วยสายตา คาดโทษที่มันมักสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน“ยัยช้อง”“พี่ช้อง”ทั้งคู่อุทานเรียกชื่อพร้อมกันเหมือนมองเห็นนางฟ้ามาโปรดแต่กับอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนบ่วงกรรมคล้องคอเสียมากกว่า เธอผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเดินไปย่อตัวนั่งเก้าอี้ว่างด้านข้างพร้อมยกมือไหว้คุณตำรวจ“ฉันเป็นลูกพี่ ลูกน้องของคนนี้ค่ะ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยล้าถามโดยไม่หันไปมองหน้าสองแม่ลูกเสียด้วยซ้ำ“หนูขอทราบข้อกล่าวหาของนายรภัทรหน่อยได้ไหมคะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยับปากจะแจ้งรายละเอียดแล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อระวีพูดจาท้าทายอวดเก่งว่าหลานตัวเองเรียนกฎหมายมาจนช้องนางรู้สึกหมดความอดทน“พอได้แล้วป้าวี! ช้องเรียนกฎหมายมาก็จริงไม่ได้เอามาเบ่งใส่ใ

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   ต้นเหตุความเย็นชา(1)

    “พวกมึง ตำรวจมา!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วก็วิ่งแซงหน้าไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเองแล้วเร่งเครื่องออกไปตามด้วยขบวนเด็กแว๊นหลายคันขับตามกัน มีเพียงแค่รภัทรเท่านั้นที่ชักช้าเพราะรถสตาร์ทไม่ติดจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวกลับไปยังโรงพักชาวบ้านย่านนั้นโทรเข้ามาร้องเรียนว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมาตั้งแก๊งแข่งรถกันเกือบทุกวันสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านและผู้สัญจรไปมา จนบางครั้งเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัสก็มี วันนี้ทางการจึงได้วางแผนล้อมจับอย่างรัดกุมรภัทรถึงกับหน้าเสียเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าได้แต่นั่งซึมอยู่ต่อหน้าตำรวจเวรประจำวัน ขายาวสั่นพับๆแล้วบอกเบอร์โทรผู้ปกครองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตายด้วยมือแม่... ก็ตายด้วยมือพี่ช้องแน่ ๆ“หนุ่มหล่อกลุ่มนั้นมาอีกแล้วแก ฉันขอไปดูแลนะ” เด็กนั่งดริ้งสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความระริกระรี้ส่วนคนอื่น ๆ ก็ขอติดตามไปด้วยเพราะถึงอย่างไรโต๊ะนั้นก็มีผู้ชายหลายคน“จะว่าไปก็เป็นเด็กเอ๊าะ ๆทั้งนั้นเลย” ยกมือลูบปากอยากกินเด็กแล้วต่างพากันหัวเราะคึกครื้นช้องนางเดินกลับมาได้ยินได้พอดีแต่ยิ้มอ่อน ๆแล้วส่ายหัว เธอเห็นกลุ่มของเตย์มีและคณินเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าร้านแล้วแหละแต่แ

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   น้ำหยดลงหิน(2)

    แสงแดดจ้าสาดผ่านกระจกใสเข้ามากระทบใบหน้าเนียนใส ทว่าคนหลับลึกกลับไม่รู้ตัว เตย์มีเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้มือยกป้องแดดร่างอ้วนเอนหลังพงกับแท่นบัลลังก์จำลอง มือข้างหนึ่งยังคงถือชีตสรุปย่อของมาตรากฎหมาย สองขาป้อมเหยียดตรงในท่านั่ง กระโปรงทรงพีชเลิกขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อยชายหนุ่มจึงถือวิสาสะดึงลงให้เมื่อช่วงกลางวันเผอิญเดินผ่านณาราแล้วไม่เห็นเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋จึงเอ่ยถามว่าไปไหน เขาจึงรู้ว่าเธอมาแอบหลับอยู่ที่นี่เองลมหายใจของคนหลับผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่นานศีรษะก็เอนมาพิงไหล่ ชายหนุ่มจึงขยับท่านั่งให้สมดุลเพื่อที่เธอจะได้หนุนหัวไหล่ได้อย่างสะดวก...ไม่นานเตย์มีก็หลับตามไปอีกคนติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดเสียงนาฬิกาปลุกจากสมาร์ตโฟนเครื่องสวยดังเข้ามาในโซนประสาท ช้องนางอยากจะหยุดเวลาพักผ่อนเอาไว้สักสองวันเสียจริงทว่าก็ทำไม่ได้ใบหน้าซุกเข้ากับอะไรบางอย่างจะว่าแข็งก็ไม่แข็งจะว่านุ่มก็ไม่นุ่มแต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เธอหลับสบายตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตากลมค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วปรับโฟกัสสายตาตัวเองให้เข้ากับแสดงที่ส่องเข้ามาคราแรกเมื่อลืมตาตื่นมือของเธอถูกกุมไว้จากเรียวนิ้วของมือใครก็ไม

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   น้ำหยดลงหิน(1)

    เช้าของวันใหม่เตย์มีตื่นตั้งแต่ไก่โห่โดยที่ป้าอุ่นไม่ได้เข้ามาปลุกเลย ทำเอาแม่บ้านสูงวัยประจำบ้านถึงกับงงงวยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนเดินไปหยิกแขนคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก“โอ้ย...เจ็บ” สะดุ้งโหยงสะบัดแขนเราๆ “หยิกผมทำไมป้าอุ่น”“คุณหนูเจ็บ?”“อ้าว ก็เจ็บนะสิโดนหยิกแรงขนาดนี้”“แสดงว่าป้าไม่ได้ฝันไปค่ะ” ป้าอุ่นยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อยืนยันอีกครั้ง“ฝันอะไรครับ ผมงงไปหมดแล้ว”“เอ้า ก็วันนี้คุณหนูตื่นเอง ป้าไม่ได้ขึ้นไปปลุกแถมยังตื่นเช้าผิดปกติ ลงมาพร้อมชุดนักศึกษา” หล่อนส่ายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อว่าลูกชายไม่เอาถ่านของบ้านท่านผู้พิพากษาจะตื่นเช้าได้“โธ่ ป้าอุ่น คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนไปบ้าง ไม่คุยด้วยล่ะ ไปดีกว่า”“ไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ” ร้องถามตามหลังคนที่วิ่งเหยาะๆ ไปยังรถคู่ใจ “ไม่ครับ กลัวไม่ทัน”คาบเรียนเช้าวันศุกร์เริ่มเก้าโมงทว่าเตย์มีขับรถมาจอดก่อนถึงป้ายรถเมล์ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อดักรอใครบางคน มือจับคันเกียร์รถเขยิบไปยังตัว P เพื่อตั้งท่ารอพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขาเห็นหลังของคนตัวกลมขึ้นรถเมล์ไปแล้ว อุตส่าห์มาดักรอเพื่อจะรับไปด้วยกันแค่พริบตาเดียวคาดกันเสียอย่างนั้นไ

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   ใกล้เข้าไปทีละนิด(2)

    อาจารย์ผู้หญิงวัยสามสิบกว่าปีเริ่มอธิบายวิชากฎหมายแรงงานซึ่งเป็นวิชาหลักของช่วงชั้นสุดท้ายของนักศึกษาปีสี่“สิทธิของลูกจ้างกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด สามารถเรียกร้องอะไรได้บ้างคะ”อาจารย์สาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งนักศึกษาแทบทุกคนเลือกหลบสายตายกเว้นช้องนางซึ่งเธอตั้งใจฟังมาตั้งแต่เริ่มสอนแต่อาจารย์ก็ไม่เลือกถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอตอบได้จึงมองเลยไปด้านหลังสุดซึ่งเห็นเตย์มีนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียวขาสวยก้าวไปด้านหลังสุดแล้วใช้ปากกาเมจิกเคาะไปยังโต๊ะสองสามครั้งจนนักศึกษาหน้าหล่องัวเงียเงยหน้าขึ้น“มีอะไรครับเหรอครับอาจารย์”“ที่ฉันสอนไปเมื่อครู่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม” อาจารย์สาวเริ่มเสียงดังขึ้นเพื่อนทั้งห้องจึงหันหลังไปมอง คำถามของอาจารย์เมื่อครู่เขาหูแว่วได้ยินเหมือนในฝัน“ก็คงงั้นครับ สอนน่าเบื่อขนาดนี้ผมเลยง่วงนอน” เขาไหว่ไหล่ยกมือป้องปากหาว อาจารย์ประจำวิชาได้แต่ถอนหายใจออกมาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นถึงลูกชายผู้พิพากษาสูงสุดศาลฎีกา“ไม่แปลกใจหรอกที่ท่านกมลหนักใจและเป็นกังวลกับลูกชายคนเดียว”เตย์มีเห็นแววตาดูถูกของอาจารย์แล้วเธอก็ผละออกจากตรงนั้นเดินไปถึงกลางห้องฝีจึง

  • รักหมดใจยัยตัวอ้วน   ใกล้เข้าไปทีละนิด(1)

    “คุณหนู คุณหนูตื่นเถอะค่ะ” ป้าอุ่นหญิงมีอายุวัยห้าสิบกว่าปีรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาปลุกลูกชายคนเดียวของบ้านด้วยความร้อนใจ เมื่อยังเห็นเตย์มีนอนนิ่งจึงเปลี่ยนเป็นดึงผ้าห่มออกแล้วเขย่าตัวอย่างแรงให้ตื่นขึ้นมาก่อนจะเกิดสงคราม“มีอะไรป้าอุ่น ทำไมถึงปลุกผมแต่เช้า” ร่างกำยำลุกขึ้นแบบงัวเงยดวงตายังไม่ทันลืมขึ้นเสียด้วยซ้ำ“เช้าอะไรคะ มันจะบ่ายแล้วค่ะ ตอนนี้คุณท่านกลับมาจากขึ้นบัลลังก์ศาลแล้วค่ะ ถามใหญ่เลยว่าคุณหนูไปเรียนหรือยัง” ตาสว่างโร่ขึ้นมาทันที บ่ายนี้มีเรียนอีกต่างหาก ไปสายมีหวังท่านได้ยึดบัตรเครดิตเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน อาจารย์ในคณะก็มักจะโทรมาฟ้องพ่ออยู่บ่อยครั้งร่างสูงกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมสำหรับไปเรียน ความโชคดีของคุณหนูประจำตระกูล ‘เชาวกรกุล’ คือไม่ต้องซักผ้า รีดผ้าเองแค่เปิดตู้เสื้อผ้าทุกอย่างก็ถูกจัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว“ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก มันกี่โมงแล้ว” เสียงทุ้มกังวาลดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าลูกชายไม่เอาถ่านเดินย่องลงบันไดมา คิดหรือว่าเขาจะไม่เห็นเตย์มีสะดุ้งเล็กน้อยหันมายิ้มฟันขาวให้กับคนเป็นพ่อ “

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status