ขาป้อมสั้นเดินเข้ามาในซอยแคบย่านดินแดง สองข้างทางเป็นแฟลตสูงห้าชั้นรายรอบเหมาะสำหรับชาวบ้านหรือคนทั่วไปที่ไม่ค่อยมีเงินมากนักและแน่นอนว่าคุณภาพและสภาพแวดล้อมย่อมย่ำแย่ไม่เหมือนคอนโดฯ หรือบ้านเดี่ยวที่มันดีกว่านี้
ช้องนางมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกตัวเองแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ คนเมานอนกลิ้งอยู่ตามพื้นถนนนึกอยากจะฉี่ตรงไหนก็ฉี่ เด็กเล็กอายุสิบกว่าขวบตั้งแก๊งเป็นอันตพาลลอกเลียนแบบมาจากวัยรุ่นแถวนั้น วันดีคืนดีก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันของผัวเมีย บางคู่ถึงกับลงไม้ลงมือทุบตีจนกู้ภัยต้องมารับตัวส่งโรงพยาบาลก็มี
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอกตัวเองว่าเรียนจบเมื่อไร เธอจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เพร้ง! โครม!
เสียงอึกทึกดังขึ้นพร้อมเสียงด่าชุดใหญ่ไม่นานก็มีวัยรุ่นวิ่งสวนออกมาด้วยความเร็ว เธอจำได้ดีว่าเป็นใครจึงร้องถาม
“ภัทรจะไปไหน เกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มวัยสิบแปดไม่ยอมตอบวิ่งหน้าตั้งออกไปครั้นจะวิ่งตามก็ได้ยินเสียงของป้ากำลังร้องไห้คร่ำครวญจนเธอต้องวิ่งกลับไปยังห้องตัวเอง
“ป้าวี เกิดอะไรขึ้น ทำไมห้องเละเทะได้ขนาดนี้”
เสื้อผ้าในตู้ถูกลื้อกระจัดกระจายเต็มพื้น เก้าอี้ล้มระเกะระกะข้าวของเกลื่อนห้อง ร่างผอมนั่งชันเข่าก้มหน้าร้องไห้ มีเพียงกระป๋องขนมคุกกี้สีแดงเปิดทิ้งไว้ ด้านในเหลือแค่เศษเหรียญไม่กี่บาทก็เท่านั้น
ช้องนางเห็นแบบนั้นแล้วก็ไม่ถามหาสาเหตุต่อ พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รภัทรคงมาขโมยเงินจากป้าอีกเหมือนเคย เธอเคยเตือนแล้วว่าอย่าเก็บเงินสดไว้กับตัวแต่ท่านก็ไม่เชื่อ เมื่อก่อนเธอก็เคยโดนรภัทรขโมยเงินออกบ่อยแต่พักหลังเธอฝากเข้าธนาคารและฝากถอนผ่าน
แอปพลิเคชั่นแทน จึงตัดปัญหาส่วนนี้ไปได้บ้าง
“เงินทุนขายของฉัน มันเอาไปหมดเลย ไอ้ลูกเวร!”
ระวีตะโกนออกมาด้วยคับแค้นใจต่อให้โมโหแค่ไหนหล่อนก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากนั่งฟูมฟายเพราะถึงอย่างไรแล้วรภัทรก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียว
“ฉันไม่มีเงินลงทุนขายของพรุ่งนี้ แกพอจะมีไหม” ระวีเอ่ยถามช้องนางซึ่งกำลังนั่งเก็บกวาดห้องอยู่ เธอถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่มีค่ะ”
“อะไรวะ ทำงานทุกวันทำไมถึงไม่มี” หันมาตวาดด้วยความไม่พอใจ
“จะให้หนูมีได้ยังไงล่ะป้า ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้อง ไหนจะเงินไปเรียนก็มีแต่หนูจ่าย” วางผ้าในมือลงตะกร้าจ้องมองคนเป็นป้าด้วยสายตาตัดพ้อ
เงินในบัญชีเธอมีอยู่บ้างแต่ไม่ได้ให้เพราะเก็บไว้จ่ายค่าเทอม ไหนจะค่าเดินทาง รายงานต่าง ๆ อีกล่ะ หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตเหลือเกิน แล้วพาลคิดถึงพ่อกับแม่ทำไมใจร้ายทิ้งเธอไว้แบบนี้
“เออๆ ไม่มีก็ไม่มี ทำเป็นทวง” ระวีตวัดสายตาดุให้แล้วลุกเดินออกจากห้องไป ช้องนางห่อไหล่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
ปากกาลูกลื่นหมุนไปมาบนนิ้วป้อมจนไม่ได้ยินเสียงอาจารย์สอนเสียด้วยซ้ำตั้งแต่ย่างกายเข้ามานั่งในห้องเรียนช้องนางก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย
“ช้อง ช้องนาง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นและดังขึ้นอีกเมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง
“ฮะ” หันไปหาต้นเสียง คนนั้นก็ยังเป็นณาราเหมือนเคย
“แกเป็นอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้ดูเหม่อลอยบ่อย ๆ นะ”
“เปล่าหรอก ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”บอกปัดแล้วถามต่อเพื่อเลี่ยงการซักถามจากเพื่อนรัก
“อาจารย์อนุทินเรียกแกตั้งนานแล้ว” ณาราพยักเพยิดไปยังโต๊ะมุมห้อง ซึ่งมีอาจารย์สูงวัยประจำวิชากฎหมายพิจารณาความอาญานั่งอยู่
ร่างอ้วนท้วนลุกขึ้นไปพอดีกับสายตาคมของเตย์มีเงยจากหน้าจอมือถือซึ่งจำได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเมื่อวานชายหนุ่มย่นคิวแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอเรียนอยู่ชั้นปีเดียวกัน
ปลายเท้าเตย์ะสะกิดคณินสองสามครั้งจนเขาต้องหยุดเล่นเกมหันมาหาเพื่อนแทน “มีอะไรครับคุณเพื่อนสะกิดอยู่ได้ กูตายในเกมเลยเนี่ย”
“เออ ช่างมันก่อน ตอบคำถามกูก่อน”
“ตอบอะไร กูยังไม่เห็นมึงถามอะไรเลย”
“กูกำลังจะถาม” ว่าพลางชี้นิ้วไปยังหน้าห้องเรียนจนคณินมองตามปลายนิ้ว “ผู้หญิงอ้วนๆ นั้นเป็นใครวะ เธอเรียนห้องเราเหรอ”
“อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้จักจีเนียสประจำห้อง” เตย์มีส่ายหน้ารัว
เพราะปกติเขาไม่ค่อยได้สนใจเรื่องเรียนอยู่แล้วแต่ที่จำใจเรียนคณะนี้ก็เพราะถูกพ่อบังคับ
“เธอชื่อช้องนาง เด็กเรียนดีของห้อง กูไม่แปลกใจหรอกที่มึงไม่รู้จัก วันๆ ขลุกอยู่แต่กับสาวสวยๆ รูปร่างแบบนั้นมึงคงไม่ชายตาแล”
คณินหัวเราะร่วนเตย์มีได้แต่ไหวไหล่ “ก็จริง”
คนมันหล่อช่วยไม่ได้ เสียงคิกคักจากด้านหลังเรียกสายตาจากช้องนางก่อนจะหันกลับไปฟังหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเหมือนเดิม
กระป๋องเล็ก ๆ ถูกยื่นให้เธอก่อนอาจารย์สูงวัยจะลุกขึ้นประกาศเสียงดังฟังชัดเกี่ยวกับรายงานชิ้นใหม่จนนักศึกษาในห้องต่างร้องโอดโอยออกมาเพราะรายงานชิ้นเก่าเพิ่งส่งไปเมื่อสองวันที่แล้ววันนี้ก็มาสั่งอันใหม่ แต่มันก็ไม่สามารถทัดทานอาจารย์อาวุโสประจำคณะได้
ช้องนางรีบจ่ายค่ารถสาวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องแจ้งความภาพที่เห็นคือคนเป็นป้าทุบหลังลูกชายพรางกร่นด่าไปด้วย ความเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาปกคลุมหัวใจอีกครั้ง เธออยากหนีความวุ่นวายไปให้ไกล ๆ ทว่าก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เหลือแค่ป้าระวีเป็นญาติเพียงคนเดียว“เลิกเสียงดัง หรือโวยวายได้แล้วค่ะป้า เกรงใจคนอื่นบ้าง” ช้องนางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ ดวงตากลมจ้องมองลูกพี่ลูกน้องด้วยสายตา คาดโทษที่มันมักสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน“ยัยช้อง”“พี่ช้อง”ทั้งคู่อุทานเรียกชื่อพร้อมกันเหมือนมองเห็นนางฟ้ามาโปรดแต่กับอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนบ่วงกรรมคล้องคอเสียมากกว่า เธอผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเดินไปย่อตัวนั่งเก้าอี้ว่างด้านข้างพร้อมยกมือไหว้คุณตำรวจ“ฉันเป็นลูกพี่ ลูกน้องของคนนี้ค่ะ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยล้าถามโดยไม่หันไปมองหน้าสองแม่ลูกเสียด้วยซ้ำ“หนูขอทราบข้อกล่าวหาของนายรภัทรหน่อยได้ไหมคะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยับปากจะแจ้งรายละเอียดแล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อระวีพูดจาท้าทายอวดเก่งว่าหลานตัวเองเรียนกฎหมายมาจนช้องนางรู้สึกหมดความอดทน“พอได้แล้วป้าวี! ช้องเรียนกฎหมายมาก็จริงไม่ได้เอามาเบ่งใส่ใ
“พวกมึง ตำรวจมา!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วก็วิ่งแซงหน้าไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเองแล้วเร่งเครื่องออกไปตามด้วยขบวนเด็กแว๊นหลายคันขับตามกัน มีเพียงแค่รภัทรเท่านั้นที่ชักช้าเพราะรถสตาร์ทไม่ติดจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวกลับไปยังโรงพักชาวบ้านย่านนั้นโทรเข้ามาร้องเรียนว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมาตั้งแก๊งแข่งรถกันเกือบทุกวันสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านและผู้สัญจรไปมา จนบางครั้งเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัสก็มี วันนี้ทางการจึงได้วางแผนล้อมจับอย่างรัดกุมรภัทรถึงกับหน้าเสียเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าได้แต่นั่งซึมอยู่ต่อหน้าตำรวจเวรประจำวัน ขายาวสั่นพับๆแล้วบอกเบอร์โทรผู้ปกครองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตายด้วยมือแม่... ก็ตายด้วยมือพี่ช้องแน่ ๆ“หนุ่มหล่อกลุ่มนั้นมาอีกแล้วแก ฉันขอไปดูแลนะ” เด็กนั่งดริ้งสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความระริกระรี้ส่วนคนอื่น ๆ ก็ขอติดตามไปด้วยเพราะถึงอย่างไรโต๊ะนั้นก็มีผู้ชายหลายคน“จะว่าไปก็เป็นเด็กเอ๊าะ ๆทั้งนั้นเลย” ยกมือลูบปากอยากกินเด็กแล้วต่างพากันหัวเราะคึกครื้นช้องนางเดินกลับมาได้ยินได้พอดีแต่ยิ้มอ่อน ๆแล้วส่ายหัว เธอเห็นกลุ่มของเตย์มีและคณินเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าร้านแล้วแหละแต่แ
แสงแดดจ้าสาดผ่านกระจกใสเข้ามากระทบใบหน้าเนียนใส ทว่าคนหลับลึกกลับไม่รู้ตัว เตย์มีเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้มือยกป้องแดดร่างอ้วนเอนหลังพงกับแท่นบัลลังก์จำลอง มือข้างหนึ่งยังคงถือชีตสรุปย่อของมาตรากฎหมาย สองขาป้อมเหยียดตรงในท่านั่ง กระโปรงทรงพีชเลิกขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อยชายหนุ่มจึงถือวิสาสะดึงลงให้เมื่อช่วงกลางวันเผอิญเดินผ่านณาราแล้วไม่เห็นเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋จึงเอ่ยถามว่าไปไหน เขาจึงรู้ว่าเธอมาแอบหลับอยู่ที่นี่เองลมหายใจของคนหลับผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่นานศีรษะก็เอนมาพิงไหล่ ชายหนุ่มจึงขยับท่านั่งให้สมดุลเพื่อที่เธอจะได้หนุนหัวไหล่ได้อย่างสะดวก...ไม่นานเตย์มีก็หลับตามไปอีกคนติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดเสียงนาฬิกาปลุกจากสมาร์ตโฟนเครื่องสวยดังเข้ามาในโซนประสาท ช้องนางอยากจะหยุดเวลาพักผ่อนเอาไว้สักสองวันเสียจริงทว่าก็ทำไม่ได้ใบหน้าซุกเข้ากับอะไรบางอย่างจะว่าแข็งก็ไม่แข็งจะว่านุ่มก็ไม่นุ่มแต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เธอหลับสบายตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตากลมค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วปรับโฟกัสสายตาตัวเองให้เข้ากับแสดงที่ส่องเข้ามาคราแรกเมื่อลืมตาตื่นมือของเธอถูกกุมไว้จากเรียวนิ้วของมือใครก็ไม
เช้าของวันใหม่เตย์มีตื่นตั้งแต่ไก่โห่โดยที่ป้าอุ่นไม่ได้เข้ามาปลุกเลย ทำเอาแม่บ้านสูงวัยประจำบ้านถึงกับงงงวยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนเดินไปหยิกแขนคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก“โอ้ย...เจ็บ” สะดุ้งโหยงสะบัดแขนเราๆ “หยิกผมทำไมป้าอุ่น”“คุณหนูเจ็บ?”“อ้าว ก็เจ็บนะสิโดนหยิกแรงขนาดนี้”“แสดงว่าป้าไม่ได้ฝันไปค่ะ” ป้าอุ่นยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อยืนยันอีกครั้ง“ฝันอะไรครับ ผมงงไปหมดแล้ว”“เอ้า ก็วันนี้คุณหนูตื่นเอง ป้าไม่ได้ขึ้นไปปลุกแถมยังตื่นเช้าผิดปกติ ลงมาพร้อมชุดนักศึกษา” หล่อนส่ายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อว่าลูกชายไม่เอาถ่านของบ้านท่านผู้พิพากษาจะตื่นเช้าได้“โธ่ ป้าอุ่น คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนไปบ้าง ไม่คุยด้วยล่ะ ไปดีกว่า”“ไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ” ร้องถามตามหลังคนที่วิ่งเหยาะๆ ไปยังรถคู่ใจ “ไม่ครับ กลัวไม่ทัน”คาบเรียนเช้าวันศุกร์เริ่มเก้าโมงทว่าเตย์มีขับรถมาจอดก่อนถึงป้ายรถเมล์ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อดักรอใครบางคน มือจับคันเกียร์รถเขยิบไปยังตัว P เพื่อตั้งท่ารอพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขาเห็นหลังของคนตัวกลมขึ้นรถเมล์ไปแล้ว อุตส่าห์มาดักรอเพื่อจะรับไปด้วยกันแค่พริบตาเดียวคาดกันเสียอย่างนั้นไ
อาจารย์ผู้หญิงวัยสามสิบกว่าปีเริ่มอธิบายวิชากฎหมายแรงงานซึ่งเป็นวิชาหลักของช่วงชั้นสุดท้ายของนักศึกษาปีสี่“สิทธิของลูกจ้างกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด สามารถเรียกร้องอะไรได้บ้างคะ”อาจารย์สาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งนักศึกษาแทบทุกคนเลือกหลบสายตายกเว้นช้องนางซึ่งเธอตั้งใจฟังมาตั้งแต่เริ่มสอนแต่อาจารย์ก็ไม่เลือกถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอตอบได้จึงมองเลยไปด้านหลังสุดซึ่งเห็นเตย์มีนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียวขาสวยก้าวไปด้านหลังสุดแล้วใช้ปากกาเมจิกเคาะไปยังโต๊ะสองสามครั้งจนนักศึกษาหน้าหล่องัวเงียเงยหน้าขึ้น“มีอะไรครับเหรอครับอาจารย์”“ที่ฉันสอนไปเมื่อครู่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม” อาจารย์สาวเริ่มเสียงดังขึ้นเพื่อนทั้งห้องจึงหันหลังไปมอง คำถามของอาจารย์เมื่อครู่เขาหูแว่วได้ยินเหมือนในฝัน“ก็คงงั้นครับ สอนน่าเบื่อขนาดนี้ผมเลยง่วงนอน” เขาไหว่ไหล่ยกมือป้องปากหาว อาจารย์ประจำวิชาได้แต่ถอนหายใจออกมาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นถึงลูกชายผู้พิพากษาสูงสุดศาลฎีกา“ไม่แปลกใจหรอกที่ท่านกมลหนักใจและเป็นกังวลกับลูกชายคนเดียว”เตย์มีเห็นแววตาดูถูกของอาจารย์แล้วเธอก็ผละออกจากตรงนั้นเดินไปถึงกลางห้องฝีจึง
“คุณหนู คุณหนูตื่นเถอะค่ะ” ป้าอุ่นหญิงมีอายุวัยห้าสิบกว่าปีรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาปลุกลูกชายคนเดียวของบ้านด้วยความร้อนใจ เมื่อยังเห็นเตย์มีนอนนิ่งจึงเปลี่ยนเป็นดึงผ้าห่มออกแล้วเขย่าตัวอย่างแรงให้ตื่นขึ้นมาก่อนจะเกิดสงคราม“มีอะไรป้าอุ่น ทำไมถึงปลุกผมแต่เช้า” ร่างกำยำลุกขึ้นแบบงัวเงยดวงตายังไม่ทันลืมขึ้นเสียด้วยซ้ำ“เช้าอะไรคะ มันจะบ่ายแล้วค่ะ ตอนนี้คุณท่านกลับมาจากขึ้นบัลลังก์ศาลแล้วค่ะ ถามใหญ่เลยว่าคุณหนูไปเรียนหรือยัง” ตาสว่างโร่ขึ้นมาทันที บ่ายนี้มีเรียนอีกต่างหาก ไปสายมีหวังท่านได้ยึดบัตรเครดิตเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน อาจารย์ในคณะก็มักจะโทรมาฟ้องพ่ออยู่บ่อยครั้งร่างสูงกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมสำหรับไปเรียน ความโชคดีของคุณหนูประจำตระกูล ‘เชาวกรกุล’ คือไม่ต้องซักผ้า รีดผ้าเองแค่เปิดตู้เสื้อผ้าทุกอย่างก็ถูกจัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว“ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก มันกี่โมงแล้ว” เสียงทุ้มกังวาลดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าลูกชายไม่เอาถ่านเดินย่องลงบันไดมา คิดหรือว่าเขาจะไม่เห็นเตย์มีสะดุ้งเล็กน้อยหันมายิ้มฟันขาวให้กับคนเป็นพ่อ “