แสงแดดจ้าสาดผ่านกระจกใสเข้ามากระทบใบหน้าเนียนใส ทว่าคนหลับลึกกลับไม่รู้ตัว เตย์มีเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้มือยกป้องแดดร่างอ้วนเอนหลังพงกับแท่นบัลลังก์จำลอง มือข้างหนึ่งยังคงถือชีตสรุปย่อของมาตรากฎหมาย สองขาป้อมเหยียดตรงในท่านั่ง กระโปรงทรงพีชเลิกขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อยชายหนุ่มจึงถือวิสาสะดึงลงให้
เมื่อช่วงกลางวันเผอิญเดินผ่านณาราแล้วไม่เห็นเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋จึงเอ่ยถามว่าไปไหน เขาจึงรู้ว่าเธอมาแอบหลับอยู่ที่นี่เอง
ลมหายใจของคนหลับผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่นานศีรษะก็เอนมาพิงไหล่ ชายหนุ่มจึงขยับท่านั่งให้สมดุลเพื่อที่เธอจะได้หนุนหัวไหล่ได้อย่างสะดวก
...ไม่นานเตย์มีก็หลับตามไปอีกคน
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงนาฬิกาปลุกจากสมาร์ตโฟนเครื่องสวยดังเข้ามาในโซนประสาท ช้องนางอยากจะหยุดเวลาพักผ่อนเอาไว้สักสองวันเสียจริงทว่าก็ทำไม่ได้
ใบหน้าซุกเข้ากับอะไรบางอย่างจะว่าแข็งก็ไม่แข็งจะว่านุ่มก็ไม่นุ่มแต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เธอหลับสบายตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตากลมค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วปรับโฟกัสสายตาตัวเองให้เข้ากับแสดงที่ส่องเข้ามา
คราแรกเมื่อลืมตาตื่นมือของเธอถูกกุมไว้จากเรียวนิ้วของมือใครก็ไม่รู้ หญิงสาวตั้งสติแล้วขยับศีรษะตัวเองออกจากหัวไหล่ของใครสักคน เมื่อเห็นว่าคนนั้นเป็นใครเธอถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!”
คนตัวโตสะดุ้งตื่นปรือตามองก็เห็นสีหน้าของคนหนุนหัวไหล่ไม่สู้ดีจึงรีบถามว่าเป็นอะไร พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
“เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไร ใครทำอะไรหรือเปล่า”
“ยังจะมาถาม ก็นายไง” ร่างอ้วนลุกขึ้นสำรวจตัวเอง ว่ามีตรงไหนบุบสลายหรือเปล่า กระดุมเสื้อทุกเม็ดยังอยู่ดี
“เราเหรอ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง หัวคิ้วเคลื่อนมาชิดกันว่าไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร
“ก็ใช่นะสิ นายมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วเป็นบ้าอะไรมาจับมือเรา” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โวยวายจนเสียงดังเพราะกลัวคนผ่านไปผ่านมาจะได้ยินแล้วเข้าใจผิดกันไปใหญ่
“มาตอนเที่ยง เราเห็นเธอหลับอยู่เลยไม่อยากปลุกส่วนเรื่องจับมือเราคงนอนละเมอ ไม่ได้ตั้งใจ เอาเป็นว่าเราขอโทษ” ชายหนุ่มทำหน้าทะเล้น
ช้องนางตวัดดวงตามองด้วยความขุนมัวต่อให้อ้าปากต่อว่าไป เขาก็หาข้ออ้าเอาตัวรอดไปได้ทุกที ลื่นกว่าปลาไหลก็คงเป็นพ่อคาสโนว่าเตย์มีนี่แหละ
หญิงสาวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยเห็นว่าใกล้เวลานัดแล้วจึงรวบข้าวของเข้ากระเป๋าก้าวเท้าฉับ ๆ ออกจากห้องไม่เหลียวมองใคร โดยมีเตย์มีเดินตามหลัง ปลายเท้ามุ่งตรงไปยังทิศทางข้างหน้าส่วนสมองก็ครุ่นคิดเรื่องของเตย์มี
...ทำไมช่วงนี้เขามาวุ่นวายกับเธอจัง
ร้านกาแฟชื่อดังตั้งอยู่แถวหน้ามหาลัยนักศึกษาส่วนใหญ่มักจะมารวมกลุ่มกันทำงานหรือไม่ก็เม้ามอยท์ชาวบ้านที่นี่หรือบางคนก็เอางานหรือการบ้านมาทำเพราะมีทั้งไวไฟละไฟให้เสียบโน้ตบุ๊ค
ณารากับคณินมารออยู่ครู่หนึ่งก่อนเวลานัดแล้วโดยก่อนหน้านี้เธอทำตัวแทบไม่ถูกก็เพื่อนร่วมชั้นปีพาสาวมานั่งพอดรักให้ดูจนเป็นฝ่ายเธอต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอายแทน
ช้องนางเปิดประตูร้านเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิดภายในร้านคนค่อนข้างเยอะสาว ๆ ต่างหันไปมองคนหล่อประจำมหาลัยเป็นตาเดียวด้วยความชื่นชม ณาราเองก็แปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมสองคนนี้ถึงเดินมาด้วยกันได้หรือบังเอิญเจอกันกลางทาง
“ทำไมมาด้วยกันได้ ไปไหนกันมาเหรอ” ณาราถามคนทั้งคู่พร้อมมองสลับไปมา ช้องนางขยับปากจะตอบแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ไปนอนด้วยกันมา” ว่าจบก็ย่อตัวนั่งลงโซฟา
คนร่างอ้วนดวงตาเบิกโพล่งกับประโยคเมื่อครู่ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่ตกใจกับประโยคนี้แต่ทั้งร้านหันมามองกันเป็นตาเดียวแล้วหันไปสุมหัวซุบซิบนินทาทันที
“เตย์มี นายพูดให้มันดี ๆหน่อยได้ไหม” หล่อนเสียงแหวใส่เขา
“แล้วเราพูดผิดตรงไหน ก็เราไปนอนด้วยกันมาจริงๆ นี่” ยังคงยักไหล่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจมากขึ้น แม้กระทั้งคณินยังต้องเลิกคิ้วเข้มขึ้นกับคำพูดของมันหรือว่าสเปกของเพื่อนเขาเปลี่ยนไป
“โอ๊ย...นายพูดแบบนี้คนจะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นนะสิ” ช้องนางหันมองซ้ายมองขวาให้เขาเห็นว่าในร้านมีคนอยู่มาก จึงนึกได้ว่าประโยคนั้นมันสองแง่สามง่ามมากเกินไป
“อ้อ โทษที นอนที่หมายถึงนอนหลับในห้องเรียน”
ชายหนุ่มพูดเสียงดังฟังชัดเหมือนต้องการให้ได้ยินกันทั้งร้านแล้วเอนตัวไปกระซิบข้างหูด้วยเสียงละมุน “พอใจแล้วใช่ไหม”
การกระทำแบบนี้ทำเอาใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอกหันขวับไปมองโดยไม่ระวัง ใบหน้าห่างกันแค่คืบปลายจมูกแตะกันเล็กน้อยดวงตาสบประสานเหมือนมีมนต์สะกด
จนกระทั่งมีเสียงกระแอมไอ...ทั้งสองจึงหลุดออกจากภวังค์แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มีพิรุธกันทั้งสองฝ่าย
“เตย์กับช้องจะเอาเครื่องดื่มอะไรไหม”
“เดี๋ยวเราไปสั่งเอง ช้องชอบช็อกโกแลตใช่ไหม” เตย์มีหันกลับไปถาม
ช้องนางพยักหน้ารับเบาๆ อดแปลกใจไม่ได้ว่ารู้ได้อย่างไร เขาหายไปไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมช็อกโกแลตเย็นปั่นแถมด้วยเค้กหน้านิ่มของโปรดเธอ แววตาของเธอส่องประกายแวววับจนชายหนุ่มอดยิ้มตามไม่ได้
“นายรู้ได้ยังไงว่าเราชอบกินอะไร”
“ก็เห็นเธอกินทุกวันเลยคิดว่าคงชอบแหละ” เขายิ้มให้บาง ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องหันไปถามณาราเรื่องหัวข้องานกลุ่ม
ความอ่อนนุ่มเข้าเกาะกุมหัวใจเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความใส่ใจของมันซึมซับลงในอกอย่างนุ่มนวลแต่แล้วก็ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไปเพราะเตย์มีก็คงทำแบบนี้กับทุกคน
“ที่มึงถามกูว่าอะไรที่ได้มายากๆ มันจะมีคุณค่าไหม มึงหมายถึงช้องนางหรือเปล่า” คณินกระแทกไหล่ถามเพื่อนขณะเดินออกจากร้านหลังจากตกลงเรื่องหัวข้อรายงานเสร็จ
“ไม่รู้ดิ ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเท่าไร” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย
“แต่ดูท่าแล้วช้องนางก็ไม่ได้ง่ายนะ คงจะใจแข็งน่าดู” คณินประเมินลักษณะและนิสัยของช้องนาง
“มึงไม่เคยได้ยินเหรอวะ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน กูก็จะหยอดทุกวันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ สักวันก็คงใจอ่อนเองนั่นแหละ” พูดเสร็จก็เดินสืบเท้าไปให้ทันช้องนางพรางตะโกนเรียก
“มีอะไรเหรอหรือว่าเราลืมอะไรในร้าน” ก้มสำรวจข้าวของในกระเป๋าสะพายตัวเอง
“เปล่าหรอก เราว่าจะชวนกลับด้วยกัน ไหน ๆบ้านเราก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่ดี”
“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” ปฏิเสธทันควันโดยไม่ต้องคิดอะไรแล้วก็สะกิดณาราให้เดินต่อ ปล่อยให้คนตัวสูงยืนอึ้งกับการถูกปฏิเสธอีกครั้ง
คณินได้แต่ยืนหัวเราะเพื่อน เป็นไงล่ะ...น้ำหยดลงหินทุกวัน
หินบอกไม่เป็นไร...
ช้องนางรีบจ่ายค่ารถสาวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องแจ้งความภาพที่เห็นคือคนเป็นป้าทุบหลังลูกชายพรางกร่นด่าไปด้วย ความเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาปกคลุมหัวใจอีกครั้ง เธออยากหนีความวุ่นวายไปให้ไกล ๆ ทว่าก็ไม่เคยทำได้สักครั้ง เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เหลือแค่ป้าระวีเป็นญาติเพียงคนเดียว“เลิกเสียงดัง หรือโวยวายได้แล้วค่ะป้า เกรงใจคนอื่นบ้าง” ช้องนางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ ดวงตากลมจ้องมองลูกพี่ลูกน้องด้วยสายตา คาดโทษที่มันมักสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน“ยัยช้อง”“พี่ช้อง”ทั้งคู่อุทานเรียกชื่อพร้อมกันเหมือนมองเห็นนางฟ้ามาโปรดแต่กับอีกฝ่ายรู้สึกเหมือนบ่วงกรรมคล้องคอเสียมากกว่า เธอผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเดินไปย่อตัวนั่งเก้าอี้ว่างด้านข้างพร้อมยกมือไหว้คุณตำรวจ“ฉันเป็นลูกพี่ ลูกน้องของคนนี้ค่ะ” น้ำเสียงเจือความเหนื่อยล้าถามโดยไม่หันไปมองหน้าสองแม่ลูกเสียด้วยซ้ำ“หนูขอทราบข้อกล่าวหาของนายรภัทรหน่อยได้ไหมคะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยับปากจะแจ้งรายละเอียดแล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อระวีพูดจาท้าทายอวดเก่งว่าหลานตัวเองเรียนกฎหมายมาจนช้องนางรู้สึกหมดความอดทน“พอได้แล้วป้าวี! ช้องเรียนกฎหมายมาก็จริงไม่ได้เอามาเบ่งใส่ใ
“พวกมึง ตำรวจมา!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นแล้วก็วิ่งแซงหน้าไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเองแล้วเร่งเครื่องออกไปตามด้วยขบวนเด็กแว๊นหลายคันขับตามกัน มีเพียงแค่รภัทรเท่านั้นที่ชักช้าเพราะรถสตาร์ทไม่ติดจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวกลับไปยังโรงพักชาวบ้านย่านนั้นโทรเข้ามาร้องเรียนว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมาตั้งแก๊งแข่งรถกันเกือบทุกวันสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านและผู้สัญจรไปมา จนบางครั้งเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัสก็มี วันนี้ทางการจึงได้วางแผนล้อมจับอย่างรัดกุมรภัทรถึงกับหน้าเสียเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าได้แต่นั่งซึมอยู่ต่อหน้าตำรวจเวรประจำวัน ขายาวสั่นพับๆแล้วบอกเบอร์โทรผู้ปกครองให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตายด้วยมือแม่... ก็ตายด้วยมือพี่ช้องแน่ ๆ“หนุ่มหล่อกลุ่มนั้นมาอีกแล้วแก ฉันขอไปดูแลนะ” เด็กนั่งดริ้งสาวสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความระริกระรี้ส่วนคนอื่น ๆ ก็ขอติดตามไปด้วยเพราะถึงอย่างไรโต๊ะนั้นก็มีผู้ชายหลายคน“จะว่าไปก็เป็นเด็กเอ๊าะ ๆทั้งนั้นเลย” ยกมือลูบปากอยากกินเด็กแล้วต่างพากันหัวเราะคึกครื้นช้องนางเดินกลับมาได้ยินได้พอดีแต่ยิ้มอ่อน ๆแล้วส่ายหัว เธอเห็นกลุ่มของเตย์มีและคณินเดินเข้ามาตั้งแต่หน้าร้านแล้วแหละแต่แ
แสงแดดจ้าสาดผ่านกระจกใสเข้ามากระทบใบหน้าเนียนใส ทว่าคนหลับลึกกลับไม่รู้ตัว เตย์มีเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้มือยกป้องแดดร่างอ้วนเอนหลังพงกับแท่นบัลลังก์จำลอง มือข้างหนึ่งยังคงถือชีตสรุปย่อของมาตรากฎหมาย สองขาป้อมเหยียดตรงในท่านั่ง กระโปรงทรงพีชเลิกขึ้นเหนือเข่าเล็กน้อยชายหนุ่มจึงถือวิสาสะดึงลงให้เมื่อช่วงกลางวันเผอิญเดินผ่านณาราแล้วไม่เห็นเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋จึงเอ่ยถามว่าไปไหน เขาจึงรู้ว่าเธอมาแอบหลับอยู่ที่นี่เองลมหายใจของคนหลับผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่นานศีรษะก็เอนมาพิงไหล่ ชายหนุ่มจึงขยับท่านั่งให้สมดุลเพื่อที่เธอจะได้หนุนหัวไหล่ได้อย่างสะดวก...ไม่นานเตย์มีก็หลับตามไปอีกคนติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดเสียงนาฬิกาปลุกจากสมาร์ตโฟนเครื่องสวยดังเข้ามาในโซนประสาท ช้องนางอยากจะหยุดเวลาพักผ่อนเอาไว้สักสองวันเสียจริงทว่าก็ทำไม่ได้ใบหน้าซุกเข้ากับอะไรบางอย่างจะว่าแข็งก็ไม่แข็งจะว่านุ่มก็ไม่นุ่มแต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เธอหลับสบายตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา ดวงตากลมค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วปรับโฟกัสสายตาตัวเองให้เข้ากับแสดงที่ส่องเข้ามาคราแรกเมื่อลืมตาตื่นมือของเธอถูกกุมไว้จากเรียวนิ้วของมือใครก็ไม
เช้าของวันใหม่เตย์มีตื่นตั้งแต่ไก่โห่โดยที่ป้าอุ่นไม่ได้เข้ามาปลุกเลย ทำเอาแม่บ้านสูงวัยประจำบ้านถึงกับงงงวยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนเดินไปหยิกแขนคุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก“โอ้ย...เจ็บ” สะดุ้งโหยงสะบัดแขนเราๆ “หยิกผมทำไมป้าอุ่น”“คุณหนูเจ็บ?”“อ้าว ก็เจ็บนะสิโดนหยิกแรงขนาดนี้”“แสดงว่าป้าไม่ได้ฝันไปค่ะ” ป้าอุ่นยกมือตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อยืนยันอีกครั้ง“ฝันอะไรครับ ผมงงไปหมดแล้ว”“เอ้า ก็วันนี้คุณหนูตื่นเอง ป้าไม่ได้ขึ้นไปปลุกแถมยังตื่นเช้าผิดปกติ ลงมาพร้อมชุดนักศึกษา” หล่อนส่ายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อว่าลูกชายไม่เอาถ่านของบ้านท่านผู้พิพากษาจะตื่นเช้าได้“โธ่ ป้าอุ่น คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนไปบ้าง ไม่คุยด้วยล่ะ ไปดีกว่า”“ไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ” ร้องถามตามหลังคนที่วิ่งเหยาะๆ ไปยังรถคู่ใจ “ไม่ครับ กลัวไม่ทัน”คาบเรียนเช้าวันศุกร์เริ่มเก้าโมงทว่าเตย์มีขับรถมาจอดก่อนถึงป้ายรถเมล์ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อดักรอใครบางคน มือจับคันเกียร์รถเขยิบไปยังตัว P เพื่อตั้งท่ารอพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขาเห็นหลังของคนตัวกลมขึ้นรถเมล์ไปแล้ว อุตส่าห์มาดักรอเพื่อจะรับไปด้วยกันแค่พริบตาเดียวคาดกันเสียอย่างนั้นไ
อาจารย์ผู้หญิงวัยสามสิบกว่าปีเริ่มอธิบายวิชากฎหมายแรงงานซึ่งเป็นวิชาหลักของช่วงชั้นสุดท้ายของนักศึกษาปีสี่“สิทธิของลูกจ้างกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด สามารถเรียกร้องอะไรได้บ้างคะ”อาจารย์สาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งนักศึกษาแทบทุกคนเลือกหลบสายตายกเว้นช้องนางซึ่งเธอตั้งใจฟังมาตั้งแต่เริ่มสอนแต่อาจารย์ก็ไม่เลือกถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอตอบได้จึงมองเลยไปด้านหลังสุดซึ่งเห็นเตย์มีนอนฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเรียวขาสวยก้าวไปด้านหลังสุดแล้วใช้ปากกาเมจิกเคาะไปยังโต๊ะสองสามครั้งจนนักศึกษาหน้าหล่องัวเงียเงยหน้าขึ้น“มีอะไรครับเหรอครับอาจารย์”“ที่ฉันสอนไปเมื่อครู่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม” อาจารย์สาวเริ่มเสียงดังขึ้นเพื่อนทั้งห้องจึงหันหลังไปมอง คำถามของอาจารย์เมื่อครู่เขาหูแว่วได้ยินเหมือนในฝัน“ก็คงงั้นครับ สอนน่าเบื่อขนาดนี้ผมเลยง่วงนอน” เขาไหว่ไหล่ยกมือป้องปากหาว อาจารย์ประจำวิชาได้แต่ถอนหายใจออกมาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นถึงลูกชายผู้พิพากษาสูงสุดศาลฎีกา“ไม่แปลกใจหรอกที่ท่านกมลหนักใจและเป็นกังวลกับลูกชายคนเดียว”เตย์มีเห็นแววตาดูถูกของอาจารย์แล้วเธอก็ผละออกจากตรงนั้นเดินไปถึงกลางห้องฝีจึง
“คุณหนู คุณหนูตื่นเถอะค่ะ” ป้าอุ่นหญิงมีอายุวัยห้าสิบกว่าปีรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาปลุกลูกชายคนเดียวของบ้านด้วยความร้อนใจ เมื่อยังเห็นเตย์มีนอนนิ่งจึงเปลี่ยนเป็นดึงผ้าห่มออกแล้วเขย่าตัวอย่างแรงให้ตื่นขึ้นมาก่อนจะเกิดสงคราม“มีอะไรป้าอุ่น ทำไมถึงปลุกผมแต่เช้า” ร่างกำยำลุกขึ้นแบบงัวเงยดวงตายังไม่ทันลืมขึ้นเสียด้วยซ้ำ“เช้าอะไรคะ มันจะบ่ายแล้วค่ะ ตอนนี้คุณท่านกลับมาจากขึ้นบัลลังก์ศาลแล้วค่ะ ถามใหญ่เลยว่าคุณหนูไปเรียนหรือยัง” ตาสว่างโร่ขึ้นมาทันที บ่ายนี้มีเรียนอีกต่างหาก ไปสายมีหวังท่านได้ยึดบัตรเครดิตเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน อาจารย์ในคณะก็มักจะโทรมาฟ้องพ่ออยู่บ่อยครั้งร่างสูงกระโดดลงจากเตียงวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมาด้วยชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมสำหรับไปเรียน ความโชคดีของคุณหนูประจำตระกูล ‘เชาวกรกุล’ คือไม่ต้องซักผ้า รีดผ้าเองแค่เปิดตู้เสื้อผ้าทุกอย่างก็ถูกจัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว“ทำไมยังไม่ไปเรียนอีก มันกี่โมงแล้ว” เสียงทุ้มกังวาลดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าลูกชายไม่เอาถ่านเดินย่องลงบันไดมา คิดหรือว่าเขาจะไม่เห็นเตย์มีสะดุ้งเล็กน้อยหันมายิ้มฟันขาวให้กับคนเป็นพ่อ “