โป๋ซู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นมือไปหยิบสมุดจดทะเบียนสมรสที่หัวเตียงมาส่งให้เธอดู"เราแต่งงานกันแล้ว คุณลืมแล้วเหรอ?"หยานซูกลืนน้ำลาย ภาพฉากต่าง ๆ ที่ไม่ปะติดปะต่อกันไหลทะลักเข้ามาในสมอง ก่อนที่เธอจะทิ้งหัวลงอย่างหดหู่ใจ"นึกเสียใจขึ้นมาเหรอ?" โป๋ซู่ถามยังไม่รอให้หยานซูส่ายหน้า โป๋ซู่ก็พูดขึ้นว่า "นึกเสียใจตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อวานคุณเป็นคนลากผมไปสำนักงานเขตเอง คุณต้องรับผิดชอบผมนะ ไม่ใช่ว่าสร่างเมาแล้วจะมากลับคำทีหลัง แล้วปล่อยให้ผมกลายเป็นผู้ชายที่มีประวัติหย่าร้างแบบนี้"หยานซูกล่าวอย่างหนักแน่น "ไม่ต้องห่วง ฉันจะรับผิดชอบคุณแน่"แต่ในใจเธอกลับกำลังด่าตัวเองอย่างเจ็บแสบ ทำไมตัวเองถึงไปหาผู้ชายจากไหนก็ไม่รู้มาแต่งงานด้วยซะได้เกิดเขาเป็นผู้ชายที่ชอบทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ไม่ก็เป็นปลิงดูดเลือด หรือคนเห็นแก่ตัวที่เห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองล่ะ?ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของหยานซูก็พลันดังขึ้น เธอเหลือบไปมอง ก่อนจะเห็นชื่อกู่หยูเฉิงที่กะพริบขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์หยานซูมองโป๋ซู่อย่างทำอะไรไม่ถูก "แฟน... แฟนเก่าฉันโทรมาน่ะ"โป๋ซู่ถามไปอย่างสุภาพบุรุษ "ต้องการให้
หยานซูกดตัดสายกู่หยูเฉิงในทันทีโป๋ซู่ขับรถเบนซ์ของตัวเองมา หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทั้งโป๋ซู่และหยานซูก็มาถึงบ้านพักพิงสำหรับการเยียวยาจากรัฐบาลหลังหนึ่งโป๋ซู่มองดูชุมชนสภาพทรุดโทรมแห่งนี้ กองขยะมากมายที่ผสมปนเปอยู่ในห้องขยะส่งกลิ่นเหม็นหืนออกมา พื้นหินมีคราบเกรอะกรังทับถมกันอยู่เป็นช่วง ๆ เล่นเอาโป๋ซู่ที่รักความสะอาดมาก ๆ ขึ้นกับรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันใดหยานซูหันกลับมามองโป๋ซู่ "คุณรอฉันในรถดีกว่าไหม?"โป๋ซู่พยักหน้า "อืม"ทันทีที่หยานซูเดินจากไป เขาก็รีบตรงดิ่งขึ้นรถปิดประตูหน้าต่าง กว่าจะทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้นั้นสงบลงไปได้ชุมชนเก่า ๆ แห่งนี้ไม่มีลิฟต์ หยานซูจึงต้องวิ่งขึ้นบันไดไป โป๋ซู่มองตามเธอตาไม่กะพริบ ในแววตาแฝงไปด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดูหยานซูวิ่งขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นเจ็ดที่อยู่บนสุด ก่อนจะเดินไปเคาะห้อง 701 เธอเคาะอยู่นานกว่าน้องสาวบ้านสกุลกู้จะวิ่งมาเปิดประตู พอเห็นหยานซู กู้เสวี่ยก็บ่นว่า "พี่หยานซู ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ?""ฉันมาเอาของที่ฝากไว้ที่บ้านเธอน่ะ" หยานซูรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจจุดประสงค์การมาที่นี่ของเธอผิด จึงอธิบายไปอย่างชัดเจนกู้เสวี่ยตะลึง "แต่
กู่เสวี่ยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วต่อสายหากู่หยูเฉิง หลังจากคุยได้สองสามคำ กู่หยูเฉิงก็บอกให้น้องสาวส่งโทรศัพท์ให้หยานซูเห็นว่าหยานซูไม่รับ กู่เสวี่ยกูยัดใส่กระเป๋าเสื้อของเธอ"หยานซู น้องสาวฉันยังเด็กเกินกว่าจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้เองได้ เธอช่วยตัดสินใจแทนฉันที ฉันมั่นใจว่าเธอจะช่วยให้แม่ของฉันรอดพ้นขีดอันตรายได้แน่นอน"หยานซูโมโหจนขำออกมา "กู่หยูเฉิง ชาติที่แล้วฉันไปเผาบ้านนายหรือยังไง? นั่นมันเรื่องของนาย ไม่ใช่ธุระโกงการอะไรของฉัน"กู่หยูเฉิงใช้ไม้อ่อนเข้าเกลี้ยกล่อม "หยานซู ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอ แต่เธอเป็นหมอ การปล่อยคนเจ็บให้ตายไปต่อหน้าต่อตามันคือการตระบัติคำปฏิญาณ แล้วเธอจะต้องถูกฟ้าลงโทษ"หยานซูกัดฟันด้วยความโกรธ "กู่หยูเฉิง ไอ้คนหน้าด้าน"หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงโป๋ซู่เห็นหยานซูกำลังแบกร่างของหญิงชราลงจากบันไดอยู่ไกล ๆ เขาก็รีบเด้งตัวลงจากรถชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แล้วอุ้มร่างของหญิงชรามาแบกแทน "ซูซู ผมแบกเอง"เมื่อกู่เสวี่ยเห็นโป๋ซู่ ออร่าความสง่างาม และใบหน้าอันหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มก็ทำเอาเธอตะลึงงัน ยิ่งพอหันไปเห็นรถเบนซ์ที่มีราคาเหยียบ
หยานซูขับรถเบนซ์กลับมายังหมู่บ้านฮวนฮวาเซียง เมื่อจอดรถที่ลานจอดเรียบร้อย เธอก็ขึ้นลิฟต์ไป เดิมทีตั้งใจจะแอบกลับมาเงียบ ๆ แต่ใครจะคิด ทันทีที่เปิดประตูออก แม่ของเธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว"ซูซู กลับมาแล้วหรอลูก?" แม่ลากเธอให้เข้าไปนั่งบนโซฟาด้วยความตื่นเต้น และเริ่มถามคำถามรัวเป็นชุด"คุยเรื่องแต่งงานกับหยูเฉิงไปถึงไหนแล้ว? เขาตกลงจะจัดงานแต่งตอนปีใหม่นี้เลยหรือเปล่า?"หยานซูมองหน้าที่เต็มไปด้วยความความคาดหวังของแม่ เธอก็ไม่รู้จะกัดฟันพูดออกไปยังไง"แม่ ไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้นค่ะ"แม่ของเธอร้องเสียงหลง "หมายความว่ายังไงที่บอกไม่มีงานแต่ง? ก่อนออกจากบ้านไปยังให้คำมั่นสัญญากับแม่อยู่หยก ๆ ไหนบอกว่ารอบนี้จะกล่อมให้กู่หยูเฉิงแต่งงานกับเราให้ได้ไง แม่โทรไปบอกข่าวดีกับพวกเพื่อน ๆ หมดแล้วว่าให้มาร่วมงานของลูกตอนวันปีใหม่ แล้วแบบนี้แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?"หยานซูก้มหน้าเงียบคนเป็นแม่โวยลั่น "ครอบครัวเราอุตส่าห์ยอมอ่อนให้ขนาดนี้แล้ว สินสอดก็ไม่เอา เรือนหอก็ไม่ได้เรียกร้อง นี่ก็แทบจะให้ลูกสาวไปฟรี ๆ อยู่แล้ว กู่หยูเฉิงยังไม่พอใจอะไรอีก? หยานซู โทรหากู่หยูเฉิงเดี๋ยวนี้ แม่จะถามเองว่าเขาจะม
ผู้เป็นพ่อพยายามประนีประนอม "แต่งงานวันปีใหม่เป็นมงคลกับชีวิตดี พ่อกับคุณหวังปรึกษากันแล้ว เราสองบ้านมาจัดงานร่วมกันเลย ต้องคึกคักมากแน่ ๆ""พ่อ แม่ หนูไม่อยากแต่งงานปีใหม่นี้" หยานซูคัดค้านเสียงหนักได้ยินแบบนั้น แม่ของเธอก็ถึงจุดระเบิด จึงแผดเสียงดังลั่น "ถ้าปีใหม่นี้ไม่มีงานแต่ง ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่"เพราะถูกกระตุ้นมากเกินไป แม่ของเธอที่มีโรคหัวใจก็อาการกำเริบ ริมฝีปากของแม่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงจนเห็นได้ชัด หยานซูตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีกหยานซูรีบพยักหน้าแต่โดยดี "แม่ ไม่ต้องโมโหแล้ว หนูรับปาก ปีใหม่นี้หนูจะแต่งงานค่ะ"คำพูดเดียวของเธอมีประสิทธิภาพยิ่กงว่ายาทั้งหมดที่กินมา จู่ ๆ อาการของแม่ก็ทรงตัวดีขึ้นในทันทีเมื่อแม่หลับไปแล้ว หยานซูถึงได้เดินเข้าห้องของตัวเองอย่างหนักใจ เธอทิ้งตัวนอนบนเตียงพลางครุ่นคิดเรื่องการแต่งงานในปีใหม่นี้ จนหัวสมองแทบระเบิดไม่รู้ว่าโป๋ซู่จะยอมจัดงานแต่งกับเธอด้วยหรือเปล่า?หยานซูย้อนคิดถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพูดคุยกับกู่หยูเฉิงเรื่องแต่งงานมานับครั้งไม่ถ้วน และเธอก็ถูกปฏิเสธอย่างเจ็บปวดมาทุกครั้ง และครั้งนี้ เธอก็ไม่เหลือซึ่งความมั่น
"งั้นหนูไปเตรียมอาหารก่อนนะ"หยานซูเดินไปได้ก้าวนึงก็ไม่วายต้องหันกลับมาดู ยิ่งเห็นพ่อกับแม่ใส่ใจโป๋ซู่มากเป็นพิเศษ เธอก็ยิ่งปาดเหงื่อมากขึ้นเมื่อเข้ามาในครัว หยานซูหยิบซี่โครงหมู ปากระพง และอาหารทะเลออกมาจากตู้เย็น...ดีที่เมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำหนักขึ้น หยานซูก็มักจะมีสติแจ่มชัดอยู่เสมอซี่โครงทอดกระเทียม ปลากระพงนึ่ง อาหารทะเลทอดกระเทียมพริกไทย ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นเมนูโปรดของกู่หยูเฉิงแต่ตอนนี้ เธอกำลังจะทำอาหารให้โป๋ซู่ สามีข้าวใหม่ปลามันของเธอนะหยานซูสลัดเมนูเหล่านั้นทิ้งไป และเลือกเมนูข้าวต้มรวมมิตร กับของกินเล่นอีกนิดหน่อยณ ห้องรับแขกพ่อและแม่ของหยานซูนั่งอยู่บนโซฟาด้วย ดวงตาทั้งสี่ข้างจับจ้องไปยังโป๋ซู่ราวกับตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้ายความคิดเดียวที่ทั้งคู่มีต่อเพื่อนต่างเพศของหยานซู นั่นก็คือ ไอ้หมอนี่มันคิดไม่ซื่อกับลูกสาวของพวกเขาแน่ ๆแต่ในเมื่อหยานซูมีเจ้าของอยู่แล้ว เพื่อปกป้องชื่อเสียงของหยานซู หากสามารถตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้ก็ต้องรีบทำ"โป๋ซู่ หยานซูน่ะกำลังจะแต่งงานกับกู่หยูเฉิงปีใหม่นี้แล้ว ตอนนั้นต้องมาแสดงความยินดีกับทั้งสองคนให้ได้ล่ะ"โป๋ซู่กระตุกมุมปาก ภรรยาขอ
หยานซูรีบอธิบายทันควัน "โป๋ซู่มีโรคกระเพาะที่ค่อนข้างรุนแรง เขากินของที่ย่อยยากไม่ได้ค่ะ"เสียงบ่นของแม่ถึงได้เงียบลงโป๋ซู่ทอดสายตามองข้าวต้มทรงเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะ อัตราส่วนผสมของวัตถุดิบทั้งหมดล้วนอิงตามสูตรบำรุงกระเพาะอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะผักตามฤดูกาลหลากหลายชนิดซึ่งที่ให้ทานคู่กัน อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อาหารทุกจานที่อยู่บนโต๊ะนี้ แม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับต้องใช้ความพิถีพิถันและความใส่ใจมากจู่ ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ เขาก็แค่พูดแบบแตะ ๆ ว่าตัวเองมีโรคกระเพาะตอนที่ไปหาหมอ ไม่คิดว่าหยานซูจะจำได้ขึ้นใจ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเอาใจใส่จริงด้วยสินะโป๋ซู่ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติเมื่อหยานซูเดินเข้ามา เธอก็นั่งข้างโป๋ซู่โดยอัตโนมัติผู้เป็นพ่อกับแม่หันไปสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่ส่งกระแสจิตกลางอากาศ"ซูซู ลูกรู้ได้ยังไงว่าโป๋ซู่เขามีโรคกระเพาะ?" แม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเกมด้วยการยิงลูกดอกไปที่หยานซูหยานซูเกือบสำลักข้าวต้มที่อยู่ในปาก "เขา...เป็นคนไข้ของหนูไง""แม่จำได้ว่าเราเป็นหมอจิตนะ หมอจิตก็รักษากระเพาะเป็นด้วยหรอ?" แม่ยังคงต้อนเธออย่างไม่รู้จักย่อ
โป๋ซู่กอดหญิงสาวแน่น แล้วย้ำอีกที "ถ้าตอนนี้คุณยังไม่อยากเปิดเผยสถานะของเรา ผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณ แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณควรเรียกผมว่าสามีหรือเปล่า?"หยานซูหน้าแดงก่ำ หัวใจของเธอเต้นรัว"ฉัน..." เธออึกอักอยู่นาน ไม่ยอมเอ่ยออกมาสักทีโป๋ซู่ก้มลงมองใบหน้าของหยานซูที่แดงฉ่ำยิ่งกว่าตูดลิง เขาก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่ได้บรรดาผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขามีหลากหลายประเภท ทั้งกร้านโลก รักสนุก ไม่ผูกมัด พวกเธอสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเข้าหาเขา เขาจึงรู้สึกว่าผู้หญิงที่ขี้อายอย่างหยานซู เป็นผู้หญิงที่ล้ำค่าและหาได้ยากโป๋ซู่คลายกอดออก เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ "คิดถึงผมด้วยนะ"หยานซูพยักหน้า "ค่ะ"โป๋ซู่สตาร์ทรถ สายตาของเขาจ้องไปที่หยานซูอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ขับออกไปสองมือของหยานซูกุมใบหน้าที่แสนร้อนผ่าว แล้วก็แอบโมโหตัวเอง อันที่จริง เรียกเขาว่าสามีแล้วมันแปลกตรงไหน? เขาก็เป็นสามีของเธอจริง ๆ นี่นาวันหยุดพักร้อนระยะสั้นสามวันของหยานซูก็สิ้นสุดลง วันต่อมาเธอจึงไปทำงานปกติหญิงสาวบังเอิญเจอเขากับหัวหน้าที่หน้าห้องตรวจแผนกจิตเวช หัวหน้ากำลังเดินเข้าห้องประชุ