Share

บทที่ 5

หยานซูกดตัดสายกู่หยูเฉิงในทันที

โป๋ซู่ขับรถเบนซ์ของตัวเองมา หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทั้งโป๋ซู่และหยานซูก็มาถึงบ้านพักพิงสำหรับการเยียวยาจากรัฐบาลหลังหนึ่ง

โป๋ซู่มองดูชุมชนสภาพทรุดโทรมแห่งนี้ กองขยะมากมายที่ผสมปนเปอยู่ในห้องขยะส่งกลิ่นเหม็นหืนออกมา พื้นหินมีคราบเกรอะกรังทับถมกันอยู่เป็นช่วง ๆ เล่นเอาโป๋ซู่ที่รักความสะอาดมาก ๆ ขึ้นกับรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันใด

หยานซูหันกลับมามองโป๋ซู่ "คุณรอฉันในรถดีกว่าไหม?"

โป๋ซู่พยักหน้า "อืม"

ทันทีที่หยานซูเดินจากไป เขาก็รีบตรงดิ่งขึ้นรถปิดประตูหน้าต่าง กว่าจะทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้นั้นสงบลงไปได้

ชุมชนเก่า ๆ แห่งนี้ไม่มีลิฟต์ หยานซูจึงต้องวิ่งขึ้นบันไดไป โป๋ซู่มองตามเธอตาไม่กะพริบ ในแววตาแฝงไปด้วยความรู้สึกรักและเอ็นดู

หยานซูวิ่งขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นเจ็ดที่อยู่บนสุด ก่อนจะเดินไปเคาะห้อง 701 เธอเคาะอยู่นานกว่าน้องสาวบ้านสกุลกู้จะวิ่งมาเปิดประตู พอเห็นหยานซู กู้เสวี่ยก็บ่นว่า "พี่หยานซู ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ?"

"ฉันมาเอาของที่ฝากไว้ที่บ้านเธอน่ะ" หยานซูรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจจุดประสงค์การมาที่นี่ของเธอผิด จึงอธิบายไปอย่างชัดเจน

กู้เสวี่ยตะลึง "แต่พี่ชายหนูบอกว่าพี่มาพาแม่ไปหาหมอไม่ใช่เหรอ?"

หยานซูเอ่ยอย่างเย็นชา "ฉันก็แค่จิตแพทย์ โรคของแม่เธอฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ"

กู้เสวี่ยชักสีหน้า "พอเลิกกับพี่ชายหนู พี่ก็ทำเป็นไม่รู้จักกันเลยนะ"

เธอยังพล่ามต่อไม่หยุด "พี่ชายหนูก็ไม่เคยอยู่บ้านเดียวกันกับพี่มาก่อน อีกอย่างเรื่องที่พี่ชายหนูชอบพี่สะไภ้ก็ไม่เคยปิดเป็นความลับจากพี่ด้วย แค่เห็นว่าพี่รักเขาหัวปักหัวปำ ก็เลยไม่อยากทำร้ายจิตใจพี่ ถึงได้ปล่อยมานานขนาดนี้โดยไม่ได้บอกพี่สักที พี่ถึงกับต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลยเหรอ?"

สีหน้าของหยานซูเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธในทันที ฟังจากที่กู้เสวี่ยเล่า หมายความว่าเธอรู้เรื่องพี่ชายตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แถมยังคอยรับความรักความเอ็นดูจากเธอไปอย่างไม่คิดอะไร

หยานซูเมินกู้เสวี่ย ก่อนจะเดินอ้อมอีกฝ่ายเข้าไปในห้องหนังสือ แล้วหยิบสมบัติรักของตัวเองออกมา

จู่ ๆ กู้เสวี่ยก็เข้ามารั้งหยานซูไว้ "พี่หยานซู ไหน ๆ พี่ก็มาแล้ว ช่วยพาแม่ไปส่งโรงพยาบาลด้วยเถอะ"

หยานซูไม่อยากเป็นคนรับใช้ที่แค่เรียกก็มาแค่โบกมือก็ไปของบ้านสกุลกู้อีกต่อไป เธอจึงสะบัดกู้เสวี่ยออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี "ฉันไม่ได้จะไปโรงพยาบาล"

"พี่เป็นหมอ หมอที่ไหนเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยกันล่ะ?"

หยานซูชะงัก จรรยาบรรณอาชีพทำให้เธอไม่สามารถเมินเฉยต่อคนไข้ใกล้ตัวได้ หน้าที่หลักของหมอก็คือการบรรเทาความเจ็บปวดของคนไข้ ต่อให้เขาจะเป็นนักโทษประหาร ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษาเหมือนกัน

หยานซูชักเท้าที่ก้าวออกไปแล้วกลับมา "แม่เธอล่ะ?"

กู้เสวี่ยผลักประตูห้องนอนใหญ่เข้าไป หยานซูมองผ่านช่องประตูเห็นแม่กู้กำลังนั่งอยู่บนเตียง เธอมีใบหน้าเหลืองซีด ท่าทางเหม่อลอย พื้นใต้ตัวเธอเปียกชุ่มเป็นกองใหญ่ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจควบคุมปัสสาวะของตัวเองได้ สภาพดูไม่ปกติเป็นอย่างมาก

จิตวิญญาณแพทย์พุ่งเข้าสิงในทันควัน หยานซูวิ่งเข้าไปในห้องโดยไม่สนเรื่องปัญหาความแค้นอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเริ่มตรวจร่างกายแม่กู้ต่าง ๆ นานา ทั้งตรวจรูม่านตา การเต้นของหัวใจ และชีพจร ก่อนจะหักไปด่าทอกู้เสวี่ยอย่างโมโหระคนรีบร้อน "แม่เธออาการหนักขนาดนี้ ทำไมถึงไม่รีบพาไปส่งโรงพยาบาลอีก?"

กู้เสวี่ยละล่ำละลัก "หนูไม่ใช่หมอ หนูจะรู้ได้ไงว่าแม่อาการหนักแล้วล่ะ? เมื่อวานแม่ยังดี ๆ อยู่เลย"

"พี่หยานซู พี่ว่าหนูต้องทำยังไงดี?" กู้เสวี่ยเป็นแค่เด็กที่เพิ่งขึ้นมหาวิทยาลัยเท่านั้น พอเจอแบบนี้เข้าไปก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก ศักดิ์ศรีที่เคยมีก่อนหน้านี้หายวับไปในพริบตา

หยานซูตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถามพี่ชายเธอดูสิ"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status