"ตัวเล็ก"
"คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง "พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ "อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมด อยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ "เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย "ยอม" ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน "อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้นขาทำฉันขนลุกซู่ ก่อนจะค่อยๆ ลากนิ้วเรียวยาวเข้าไปใกล้ขอบแพนตี้ไร้ขอบสีเนื้อและแทรกเข้าไปหยอกล้อกับสิ่งที่ฉันหวงแหนอย่างง่ายดาย สัมผัสที่เป็นจังหวะมันทั้งอ่อนโยนและคอยแกล้งกันพาให้สติของฉันลดลงจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง เขาพาให้ฉันล่องลอยไปไกล เขาแกล้งให้ฉันเผลอปล่อยความรู้สึกที่ซ่อนไว้ข้างในออกมาจนเปรอะเปื้อนนิ้วร้ายที่คอยแกล้งกันแบบที่เขาต้องการ "ไปต่อนะ" ประโยคนี้ของเขาไม่ได้บอกเพื่อร้องขอรอให้ฉันตอบตกลง เขาเพียงแค่แจ้งให้ทราบว่าหลังจากนี้ สิ่งที่ฉันต้องรับมือต่อจากนี้คือ ของจริง! "มะ อ๊ะ" ริมฝีปากร้ายไล่ขบเม้มไปตามซอกคอขาวจนเกิดรอยสีชมพูจางๆ จนทั่วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่เขากำลังพาเข้าไปในตัวเธอ สิ่งที่มันทั้งร้อนและมีขนาดใหญ่ โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวจนทำให้น้ำใสใสไหลออกจากตากลมโต ถ้าบอกว่าไม่เจ็บเลยคงจะโกหกเกินไป มันทั้งเจ็บ เจ็บเหมือนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งอึดอัดทั้งวาบหวามมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะตอกย้ำทุกความรู้สึกด้วยการขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบรอให้ฉันปรับตัว และค่อยๆ เน้นแรงรัวตามอารมณ์พลุ่งพล่านที่เขามีพาสติอันน้อยนิดเตลิดไปหมด "ยะ ยังไม่พอหรอ" "ไม่พอ" เสียงฉีกซองสีเงินชิ้นที่สามดังแว่วมาให้ได้ยินเรียกให้ฉันสนใจลืมตาหันไปมองอย่างสงสารตัวเอง พร้อมกับมือใหญ่เลื่อนมาประคองสะโพกมนให้ยกขึ้นตามองศาที่เขาต้องการ ส่งมืออีกข้างมานวดคลึงบีบเล่นกับก้อนกลมนุ่มนิ่มที่เวลานี้เต็มไปด้วยรอยคิสมาส์กที่ปากร้อนร้ายทิ้งเอาไว้เต็มไปหมด ก่อนจะพาอาวุธร้ายเข้ามารังแกฉันอีกครั้ง และอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจราวกับตอกย้ำคำพูดที่เขาบอกว่าอยากเปลี่ยนสถานะ ให้ฉันเชื่อว่าเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ทำให้ฉันรู้จักกับคำว่า 'หลับกลางอากาศ' เป็นแบบนี้นี่เอง... ฟอด "หิวมั้ย" "อืม" หลังจากพายุลูกใหญ่สงบลงในช่วงบ่าย ผมและเธอก็นอนกอดกันกลมอยู่บนที่นอน นอนพักให้เธอหายเหนื่อยหลังจากโดนผมเคี่ยวกรำมาหลายชั่วโมงพร้อมกับสถานะใหม่ที่ผมตั้งใจยัดเยียดให้ "เป็นอะไร หืม" ตัวเล็กทำหน้าง้ำงอไม่ยอมพูดยอมจาเอาแต่นอนมองผมตาขวาง "พรีมเหมือนไม่มีแรงเลย" แต่ต่างจากผมนะ เพราะผมรู้สึกสดชื่นมาก "หึ ขอโทษครับ" ฟอด "พี่เก็บกด" จริงๆ ก็อยากจะต่ออีกสักรอบสองรอบ แต่สงสารเมียตัวน้อย กลัวว่าจะหนักเกินไปสำหรับครั้งแรกของเธอ "ซี๊ด...ด" ไม่ทันไรก็รู้จักทำร้ายผัวซะแล้ว เพียงไม่กี่นาทีแผงอกของผมก็เต็มไปด้วยรอยหยิกฝีมือเธอที่พยายามเอาคืนหวังให้ผมเจ็บเต็มไปหมด จุ๊บ "พี่ทำอาหารไทยให้กินเอามั้ย" มีหน้าที่ง้อก็ต้องง้อ ผมเลือกง้อในสิ่งที่เธอชอบและคิดถึง อาหารไทยเมนูง่ายๆ ผมก็พอทำอร่อยอยู่บ้าง "เอาสิ" ตากลมโตเปลี่ยนมาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ถึงว่าป๊าชอบง้อมามี๊ด้วยการพาไปกินของอร่อยทุกครั้งที่มามี๊งอน เพราะแบบนี้นี่เอง "ให้พี่เอาพรีม?" "พี่เลนส์!" "ฮ่าๆ จุ๊บ นอนอีกหน่อย" ผมกดปากจูบลงบนริมฝีปากหวานหนักๆ หนึ่งทีพร้อมกับลูบผมหนาเบาเบาอย่างเอ็นดู "เดี๋ยวพี่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของกลับมาทำของอร่อยให้ตัวเล็กกิน" "ทำเสร็จแล้วพี่ปลุกนะ" "อืม ค่ะ" ใจจริงก็อยากให้เธอไปด้วยกัน ไปช่วยกันเลือกซื้อของให้เธอเป็นคนหยิบของที่อยากได้ส่วนผมก็คอยเข็นรถเข็นตามเธอเงียบๆ แต่ติดตรงที่ตอนนี้ตัวเล็กของผมคงยังเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะงั้นหน้าที่คอยเอาอกเอาใจเธอดีดีเป็นหน้าที่ของผัวมือใหม่อย่างผมอยู่แล้ว โชคดีที่เดี๋ยวนี้ซุปเปอร์มาร์เก็ตในต่างแดนพอจะมีวัตถุดิบสำเร็จรูปและเครื่องปรุงสำหรับทำเมนูอาหารไทยให้เลือกซื้อง่ายขึ้น ผมเลยเลือกเครื่องปรุงสำหรับทำต้มยำเห็ดและไข่ไก่กับกุ้งสดทำให้เธอกินวันนี้ เป็นเมนูที่ผมเคยทำให้เธอกินอยู่บ่อยครั้งตอนอยู่ที่ไทย เพราะเธอบอกว่าผมทำอร่อย แต่วันนี้ผมจะทำเพิ่มอีกหนึ่งเมนูที่ป๊าเคยสอนตอนเด็กๆ ให้เธอได้ลองชิมด้วยคือ เนื้อย่างกับน้ำจิ้มแจ่ว ผมคิดว่าเธอจะต้องชอบมากแน่ๆ "ตัวเล็ก" "..." "ตัวเล็กครับ" "หืม มาแล้วหรอคะ" "ครับ ข้าวก็เสร็จแล้ว" "กินเลยมั้ย" "พาพรีมไปล้างหน้าหน่อยได้มั้ยคะ" คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียทำผมอดสงสารไม่ได้ รับช้อนตัวเธอในท่าเจ้าสาวพาเธอเดินตรงไปห้องน้ำ ก่อนจะวางตัวเธอลงตรงอ่างล้างหน้าและใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดหน้าใสไร้เครื่องสำอางอย่างเบามือ ให้เธอนั่งแขว่งขาเล่นอย่างสบายใจ "อร่อยมั้ย" "อร่อยที่สุดเลยค่ะ" "พรีมคิดถึงไข่เจียวกุ้งของพี่เลนส์ที่สุด" "หึ ไม่คิดถึงพี่?" "คิดถึงนิดหน่อยค่ะ"คนบนหน้าตักเอนมาซบบ่าแกร่งอย่างออดอ้อน เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง ทำผมนึกมันเขี้ยวเผลองับลงไปเบาๆ หนึ่งที "ลองชิมอันนี้" ผมใช้ส้อมจิ้มเนื้อย่างพร้อมน้ำจิ้มแจ่วป้อนเข้าปากคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ใจก็คอยลุ้นว่าเธอจะชอบเมนูนี้เหมือนกับไข่เจียวกุ้งที่ผมทำหรือเปล่า "หืม อร่อยอะ" "ชอบมั้ย" "ชอบค่ะ" "ชอบเนื้อ?" ผมแอบคาดหวังคำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจ "ชอบน้ำจิ้มแจ่วค่ะ" "..." อย่างน้อยเธอก็ชอบอาหารฝีมือผม "คิกคิก" ฟอด "แต่ชอบคนทำมากกว่านะ" จมูกเชิดรั้นกดลงมาที่แก้มของผมฟอดใหญ่พร้อมกับความชื่นใจที่ผมอยากได้ยิน ถ้าปล่อยให้ไอ้ฟิล์มดูสองบริษัทไปคนเดียว ป๊ากับมามี๊จะว่าผมหรือเปล่านะหลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ